“ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะครับ ผู้อำนวยการเหยียนรังแกลูกน้อง…”ใบหน้าฉินหมิงเต็มไปด้วยความขมขื่นและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอีกรอบ แต่ในใจเขากังวลเพราะว่าเฉินถิงถิงเป็นพยานให้กับเหยียนซ่งไท่ คงยากที่เขาจะได้รับความไว้วางใจจากหลินหว่านชิง“ประธานหลิน มันใส่ร้ายผม!”“ตอนนั้นผมกับเลขาเฉินกำลังคุยเรื่องงานกันอยู่ เธอเป็นพยานให้ผมได้…”เหยียนซ่งไท่รีบพูด“เลขาเฉิน ที่ผู้อำนวยการเหยียนพูดเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”หลินหว่านชิงโบกมือและเรียกเฉินถิงถิงให้ไปยืนต่อหน้าเธอ“ใช่ค่ะ…”เฉินถิงถิงก้มหัวลงไม่กล้าสบตาของหลินหว่านชิงและยิ่งไม่กล้าสบสายตาของฉินหมิง“ฉินหมิง ตอนนี้นายมีอะไรจะพูดอีกรึเปล่า?”หลินหว่านชิงมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเรียบเฉย“ผม…ผมไม่มีอะไรจะพูดครับ”ฉินหมิงถอนหายใจ ภายในใจสูญสิ้นความหวังเห็นฉินหมิงก้มศีรษะราวกับว่าเขาเป็นไก่ชนที่ตีแพ้ หลินหว่านชิงก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเธอไม่เหมือนกับหานซี เธอรู้จักนิสัยของฉินหมิงดีกว่าฉินหมิงอาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์หรือความสามารถโดดเด่นแต่ฉินหมิงนิสัยดี เขาเป็นผู้ชายที่มีความกล้าหาญอย่างมากกล้าทำกล้ายอมรับ เขาไม่ใช่คนประเภทหน้าไว้หลังหลอกแน
“เหยียนซ่งไท่ นี่คุณทำเรื่องงามหน้ามากเลยนะ!”หลินหว่านชิงเกรี้ยวกราดจ้องเหยียนซ่งไท่เขม็งเหยียนซ่งไท่เองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องราวจะมาถึงจุด ๆ นี้ ใบหน้าเขาเขียวคล้ำแต่คนอย่างเขาผ่านอุปสรรคมาอย่างโชกโชน ไม่นานเขาก็มีทีท่าสงบนิ่ง“ประธานหลิน ทั้ง ๆ ที่เมื่อกี้เลขาเฉินเป็นพยานให้กับผม แต่ตอนนี้จู่ ๆ เธอกลับคำให้การ เธอพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิด!“ในฐานะที่คุณเป็นประธานบริษัทคุณก็ต้องทำอะไรให้ชัดเจนสิครับ คุณฟังเลขาเฉินไม่กี่ประโยคก็หมายหัวว่าผมผิดแล้วอย่างนั้นเหรอ?เหยียนซ่งไท่เถียง“ทำไมคะ คุณไม่ยอมรับเหรอ?”หลินหว่านชิงยกยิ้มขึ้นมาแต่รอยยิ้มนั้นเย็นเยียบ“ก็แน่น่ะสิ ผมไม่ยอมรับ!”“ผมเป็นคนเก่าแก่ของบริษัท ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมทำงานอย่างหนักให้กับบริษัท แม้ว่าผมจะไม่มีเครดิตก็ตาม แต่ฉินหมิงนี่เพิ่งที่มาเป็นเลขาใหม่ไม่มีความสำคัญอะไรด้วยซ้ำ!”“แล้วอีกอย่างเมื่อกี้มันก็ยอมรับเรื่องนี้แล้ว ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ทำไมคุณถึงเชื่อมันแต่กลับไม่เชื่อผม!”เหยียนซ่งไท่เถียงสู้คอเป็นเอ็น“ทำไมงั้นเหรอ? ฉันจะบอกคุณว่าทำไม!”“เพราะว่าเมื่อสองวันก่อนฉินหมิงเขาได้ช่วย
“ครับ!”รปภ.ที่ก่อนหน้านี้โดนฉินหมิงอัดไปในใจก็ยังคงมีโทสะ ตอนนี้เมื่อรู้แล้วว่าที่จริงเหยียนซ่งไท่เป็นผู้ร้าย พวกเขาก็ระบายความโกรธใส่เหยียนซ่งไท่ทันทีหลังจากนั้นพวกเขาก็จับเหยียนซ่งไท่และเหยียนเก๋อเมิ่งทีละคนอย่างไม่ปราณี แล้วลากทั้งสองคนออกไปเหมือนลากสุนัขตาย!เมื่อเห็นฉากนี้ หัวใจของเฉินถิงถิงเต้นไม่เป็นส่ำและเธอก็ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้อยู่นานเธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่าฉินหมิงจะเป็นคนช่วยชีวิตหลินหว่านชิงไว้ และหลินหว่านชิงไม่ลังเลที่จะไล่ผู้บริหารบริษัทระดับอย่างเหยียนซ่งไท่ออกเพื่อมอบความยุติธรรมแก่ฉินหมิง!หากเธอรู้ว่าฉินหมิงมีความสามารถมากและมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ เธอก็คงไม่กลัวจนไปร่วมมือกับเหยียนซ่งไท่ใส่ความเขาแน่เสียดายที่เมื่อเธอเข้าใจมันก็สายเกินไปแล้ว!“เลขาฉิน ฉันขอโทษนะคะ คุณช่วยฉันไว้แต่ฉันกลับเนรคุณ…”“ฉันผิดไปแล้ว ฉันต้องขอโทษคุณจริง ๆ …”ฉินถิงถิงทั้งรู้สึกผิดทั้งรู้สึกเสียใจ เธอคำนับก้มหัวต่ำให้ฉินหมิงเพื่อขอโทษเขาด้วยใจจริงฉินหมิงแค่นเสียงเย็นชา เขาหันหน้าหนีและไม่สนใจเธอเฉินถิงถิงรู้ดีว่าครั้งนี้เธอทำร้ายฉินหมิงหนัก เธอไม่กล้าหวังว่าฉินหมิงจ
“ก็ดี!”หลินหว่านชิงกรอกตาใส่ฉินหมิงด้วยท่าทางน่ามอง แต่พอเห็นแผลที่ฝ่ามือฉินหมิงเธอถามด้วยความเป็นห่วง “ว่าแต่แผลที่มือนายเป็นอย่างไรบ้าง?”“บริษัทของเรามีห้องพยาบาลเฉพาะนะ เดี๋ยวฉันพานายไปเอง”ฉินหมิงลังเลเล็กน้อย แผลที่มือเขาก็แค่บาดเจ็บที่ผิวหนังถาก ๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่ว่าไปที่ห้องพยาบาลทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก็ช่วยหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่บาดแผลได้“หว่านชิงเมื่อวานเธอก็ไม่ได้มาที่บริษัทมีงานเป็นกองที่รอให้เธอจัดการเพียบเลย เดี๋ยวฉันพาฉินหมิงไปทำแผลที่ห้องพยาบาลเอง!”หานซีฉวยโอกาสชวนฉินหมิง“เธอน่ะเหรอ?”หลินหว่านชิงมองหานซีด้วยความแปลกใจ ถ้าจำไม่ผิดหานซีไม่ค่อยชอบหน้าฉินหมิงเพราะเรื่องเมื่อเช้าไม่ใช่เหรอ?อีกทั้งนิสัยของหานซีหยิ่งยโสมาก เธอมักจะเมินพวกผู้ชายเสมอตอนนี้ปรากฏว่าหานซีร้องขออยากจะพาฉินหมิงไปห้องพยาบาลเอง นี่เป็นเรื่องหายากจริง ๆ“ก็ฉันเข้าใจผิดหลงเชื่อคำโกหกของเหยียนซ่งไท่ เลยเข้าใจฉินหมิงผิดไปหน่อย”“เพราะฉะนั้นฉันเลยจะพาเขาไปห้องพยาบาลถือว่าเป็นการขอโทษเขาละกัน…”ใบหน้าสวยของหานซีแดงเล็กน้อย เพราะสายตาของหลินหว่านชิงทำให้หานซีรู้สึกกระอักกระอ่วน“อืม
ฉินถิงถิงน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความสำนึกและความรู้สึกผิดฉินหมิงถึงกับอึ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวอันขมขื่นอยู่เบื้องหลังเฉินถิงถิงเช่นนี้เขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ๆ ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปกว่าเฉินถิงถิง เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเฉินถิงถิงเป็นอย่างดีและยังเข้าใจถึงความสิ้นหวังและความไร้หนทางของเฉินถิงถิงเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก...โลกนี้มันโหดร้าย!ตอนนี้ฉินหมิงรู้สึกโล่งใจอย่างมากและเขาก็เข้าใจพร้อมทั้งเห็นใจเฉินถิงถิงมากขึ้นอีกเล็กน้อยตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี เรื่องของฉินหมิงและเฉินถิงถิงจึงกลายเป็นจุดสนใจจากบรรดาเพื่อนร่วมงานที่อยู่โดยรอบ“นี่มาดูเร็ว!”“ผู้หญิงสวย ๆ ที่คุกเข่าลงบนพื้นอยู่ไม่ใช่เลขาเฉินที่เป็นเลขานุการของประธานหรอกเหรอ? ผู้ชายตรงข้ามเธอเป็นใครน่ะ?”“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“น่าแปลกใจจริง ๆ พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?”...ผู้คนรอบข้างพูดคุยกันไม่หยุดและมองไปที่ฉินหมิงและเฉินถิงถิงด้วยสีหน้าแปลก ๆฉินหมิงตกใจ เขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจเลยรีบพูดขึ้นว่า “นี่คุณเลขาเฉิน ลุกขึ้นมาครับ!”“ไม่ค่ะ ถ้าคุณไม่ยอมให้อ
ฉินหมิงพาเฉินถิงถิงซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ทุกคนต่างเลิกงาน เพราะฉะนั้นรถที่อยู่บนท้องถนนและผู้คนจึงเยอะมากพอมาถึงสี่แยกไฟจราจรเนื่องจากฉินหมิงกำลังหลีกเลี่ยงคนเดินถนน เขาจึงเหยียบเบรกมอเตอร์ไซค์และหยุดอย่างกะทันหัน มีลูกบอลนุ่มสองลูกกระทบที่หลังของเขาและเกิดสัมผัสที่นุ่มนวลและน่ามหัศจรรย์มากเฉินหมิงตะลึงและตระหนักว่าเฉินถิงถิงและแผ่นหลังของเขาเกิดการ 'สัมผัสใกล้ชิด' โดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งยังผ่านเสื้อผ้าบาง ๆ เขาสัมผัสได้ถึงขนาดของก้อนที่อ่อนนุ่มทั้งคู่นั้นได้อย่างชัดเจน!ใบหน้าสวยของเฉินถิงถิงแดงระเรื่อ เธอพยายามถอยกลับไปให้มากที่สุดให้ห่างจากฉินหมิงแต่ยิ่งเธอขยับห่างไปมากเท่าไร ความเฉื่อยของแรงเบรกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และลูกบอลนุ่มทั้งสองก็กระแทกหลังของฉินหมิงอย่างแรงหลายครั้งเริ่มแรกฉินหมิงยังไม่ได้คิดมากอะไรนัก แต่เขาก็เป็นผู้ชายเลือดสูบฉีดคนหนึ่งเมื่อจำนวนการเบรกและการชนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาจะมีสมาธิดีแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มฟุ้งซ่าน!คิดไม่ถึงว่ามีสาวซ้อนรถมอเตอร์ไซค์มันจะดีขนาดนี้!ถ้าครั้งต่อไปหลินหว่านชิงมาซ้อนล่ะก็ จะไม่ดีไปยิ่งกว่านี้
“เลขาฉินเขามีทักษะการแพทย์นิดหน่อยน่ะ ที่เขามากับพี่ครั้งนี้มาเพื่อตรวจสุขภาพแม่ของเราเลยนะ เผื่อว่าพอจะช่วยอะไรแม่ของเราได้บ้าง”เฉินถิงถิงอธิบายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ“อะไรนะพี่ เขาเป็นหมอเหรอ?”เฉินฮ่าวประหลาดใจและงงมาก ในเมื่อเขาเป็นเลขานุการแล้วทำไมถึงเป็นหมอไปได้ล่ะ?“ผมไม่ได้เป็นหมอหรอกครับ”“แต่ว่า ผมเคยเรียนทักษะทางการแพทย์ของบรรพบุรุษมาน่ะครับ”ฉินหมิงยิ้ม เขาวางตะกร้าผลไม้ไว้บนตู้ข้างเตียงโรงพยาบาล“ที่แท้ก็มือสมัครเล่น!”เฉินฮ่าวขมวดคิ้วและพูดโผงผางออกมา “นี่พี่ ในโรงพยาบาลมีหมอเฉพาะทางเยอะขนาดนี้ยังรักษาแม่เราไม่หาย นี่พี่พามือสมัครเล่นมาจะมีประโยชน์หรือไง?”“เฉินฮ่าว นายอย่าพูดจาเหลวไหล!”“เลขาฉินเขามีเจตนาดี ทำไมถึงทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้ใส่เขา!”เลขาเฉินตำหนิอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นเธอก็หันไปยิ้มให้ฉินหมิงอย่างขอโทษขอโพย “เลขาฉินคะ น้องชายฉันไม่ค่อยรู้ความปากไม่มีหูรูด คุณอย่าไปสนใจคำของเขาเลยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจอารมณ์ของเขา”ฉินหมิงพูดพลางยิ้มตอบเฉินฮ่าวอยากอ้าปากพูด แต่ก็เพราะมารยาทเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ว่าในใจเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก และเ
“เลขาฉินคะ แม่ฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ?”เฉินถิงถิงถามด้วยสีหน้ากังวล“อาการค่อนข้างซับซ้อนน่ะครับ ยากที่จะอธิบายให้ฟังสั้น ๆ ได้ในประโยคเดียวน่ะครับ”“แต่โชคดีที่เป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ น้อยๆ เช่นการอักเสบน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอาการร้ายแรงอะไรขอแค่เพียงให้ผมฝังเข็มให้สักครั้งแล้วกินยาจีนสักสองสามวัน อาการก็คงจะหายขาดได้ครับ "ฉินหมิงยิ้มและพูดปลอบใจหลี่ฉินจะได้รับการรักษามาพักหนึ่งแล้ว อาการไขสันหลังที่เสียหายก็ได้ฟื้นตัวขึ้น แต่ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างยังคงอยู่ หากตอนนี้รีบรักษาให้ทันอาการภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก เบาหน่อยก็เป็นอัมพาตถ้าอาการหนักก็อันตรายถึงชีวิต“คุณสามารถรักษาให้หายได้เหรอคะ?”“จริงเหรอคะ? ดีมาก ๆ เลยค่ะ!”เฉินถิงถิงดีใจมากตอนแรกเธอก็แค่อยากจะลองดู ไม่ได้คาดหวังในทักษะการแพทย์ของฉินหมิงเลยแต่ที่คาดไม่ถึงว่าฉินหมิงบอกว่าอาการป่วยนี้สามารถรักษาได้เธอจึงดีใจและก็ตื่นเต้นมาก“ปัญหาเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ?”“หมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลก็ยังรักษาแม่พวกเราไม่หาย นี่คุณยังจะมาบอกว่านี่เป็น