“ก็ดี!”หลินหว่านชิงกรอกตาใส่ฉินหมิงด้วยท่าทางน่ามอง แต่พอเห็นแผลที่ฝ่ามือฉินหมิงเธอถามด้วยความเป็นห่วง “ว่าแต่แผลที่มือนายเป็นอย่างไรบ้าง?”“บริษัทของเรามีห้องพยาบาลเฉพาะนะ เดี๋ยวฉันพานายไปเอง”ฉินหมิงลังเลเล็กน้อย แผลที่มือเขาก็แค่บาดเจ็บที่ผิวหนังถาก ๆ ไม่ได้ร้ายแรงอะไรแต่ว่าไปที่ห้องพยาบาลทำความสะอาดและฆ่าเชื้อก็ช่วยหลีกเลี่ยงการติดเชื้อที่บาดแผลได้“หว่านชิงเมื่อวานเธอก็ไม่ได้มาที่บริษัทมีงานเป็นกองที่รอให้เธอจัดการเพียบเลย เดี๋ยวฉันพาฉินหมิงไปทำแผลที่ห้องพยาบาลเอง!”หานซีฉวยโอกาสชวนฉินหมิง“เธอน่ะเหรอ?”หลินหว่านชิงมองหานซีด้วยความแปลกใจ ถ้าจำไม่ผิดหานซีไม่ค่อยชอบหน้าฉินหมิงเพราะเรื่องเมื่อเช้าไม่ใช่เหรอ?อีกทั้งนิสัยของหานซีหยิ่งยโสมาก เธอมักจะเมินพวกผู้ชายเสมอตอนนี้ปรากฏว่าหานซีร้องขออยากจะพาฉินหมิงไปห้องพยาบาลเอง นี่เป็นเรื่องหายากจริง ๆ“ก็ฉันเข้าใจผิดหลงเชื่อคำโกหกของเหยียนซ่งไท่ เลยเข้าใจฉินหมิงผิดไปหน่อย”“เพราะฉะนั้นฉันเลยจะพาเขาไปห้องพยาบาลถือว่าเป็นการขอโทษเขาละกัน…”ใบหน้าสวยของหานซีแดงเล็กน้อย เพราะสายตาของหลินหว่านชิงทำให้หานซีรู้สึกกระอักกระอ่วน“อืม
ฉินถิงถิงน้ำตาไหลเป็นสายน้ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความสำนึกและความรู้สึกผิดฉินหมิงถึงกับอึ้ง เขาคิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวอันขมขื่นอยู่เบื้องหลังเฉินถิงถิงเช่นนี้เขาเองก็เป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เล็ก ๆ ชีวิตก็ไม่ได้ดีไปกว่าเฉินถิงถิง เขาจึงเข้าใจความรู้สึกของเฉินถิงถิงเป็นอย่างดีและยังเข้าใจถึงความสิ้นหวังและความไร้หนทางของเฉินถิงถิงเมื่อเผชิญกับความยากลำบาก...โลกนี้มันโหดร้าย!ตอนนี้ฉินหมิงรู้สึกโล่งใจอย่างมากและเขาก็เข้าใจพร้อมทั้งเห็นใจเฉินถิงถิงมากขึ้นอีกเล็กน้อยตอนนี้ก็เป็นเวลาเลิกงานพอดี เรื่องของฉินหมิงและเฉินถิงถิงจึงกลายเป็นจุดสนใจจากบรรดาเพื่อนร่วมงานที่อยู่โดยรอบ“นี่มาดูเร็ว!”“ผู้หญิงสวย ๆ ที่คุกเข่าลงบนพื้นอยู่ไม่ใช่เลขาเฉินที่เป็นเลขานุการของประธานหรอกเหรอ? ผู้ชายตรงข้ามเธอเป็นใครน่ะ?”“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”“น่าแปลกใจจริง ๆ พวกเขาสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่น่ะ?”...ผู้คนรอบข้างพูดคุยกันไม่หยุดและมองไปที่ฉินหมิงและเฉินถิงถิงด้วยสีหน้าแปลก ๆฉินหมิงตกใจ เขาไม่ต้องการเป็นจุดสนใจเลยรีบพูดขึ้นว่า “นี่คุณเลขาเฉิน ลุกขึ้นมาครับ!”“ไม่ค่ะ ถ้าคุณไม่ยอมให้อ
ฉินหมิงพาเฉินถิงถิงซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ทุกคนต่างเลิกงาน เพราะฉะนั้นรถที่อยู่บนท้องถนนและผู้คนจึงเยอะมากพอมาถึงสี่แยกไฟจราจรเนื่องจากฉินหมิงกำลังหลีกเลี่ยงคนเดินถนน เขาจึงเหยียบเบรกมอเตอร์ไซค์และหยุดอย่างกะทันหัน มีลูกบอลนุ่มสองลูกกระทบที่หลังของเขาและเกิดสัมผัสที่นุ่มนวลและน่ามหัศจรรย์มากเฉินหมิงตะลึงและตระหนักว่าเฉินถิงถิงและแผ่นหลังของเขาเกิดการ 'สัมผัสใกล้ชิด' โดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งยังผ่านเสื้อผ้าบาง ๆ เขาสัมผัสได้ถึงขนาดของก้อนที่อ่อนนุ่มทั้งคู่นั้นได้อย่างชัดเจน!ใบหน้าสวยของเฉินถิงถิงแดงระเรื่อ เธอพยายามถอยกลับไปให้มากที่สุดให้ห่างจากฉินหมิงแต่ยิ่งเธอขยับห่างไปมากเท่าไร ความเฉื่อยของแรงเบรกก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น และลูกบอลนุ่มทั้งสองก็กระแทกหลังของฉินหมิงอย่างแรงหลายครั้งเริ่มแรกฉินหมิงยังไม่ได้คิดมากอะไรนัก แต่เขาก็เป็นผู้ชายเลือดสูบฉีดคนหนึ่งเมื่อจำนวนการเบรกและการชนเพิ่มขึ้น ไม่ว่าเขาจะมีสมาธิดีแค่ไหนก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มฟุ้งซ่าน!คิดไม่ถึงว่ามีสาวซ้อนรถมอเตอร์ไซค์มันจะดีขนาดนี้!ถ้าครั้งต่อไปหลินหว่านชิงมาซ้อนล่ะก็ จะไม่ดีไปยิ่งกว่านี้
“เลขาฉินเขามีทักษะการแพทย์นิดหน่อยน่ะ ที่เขามากับพี่ครั้งนี้มาเพื่อตรวจสุขภาพแม่ของเราเลยนะ เผื่อว่าพอจะช่วยอะไรแม่ของเราได้บ้าง”เฉินถิงถิงอธิบายด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ“อะไรนะพี่ เขาเป็นหมอเหรอ?”เฉินฮ่าวประหลาดใจและงงมาก ในเมื่อเขาเป็นเลขานุการแล้วทำไมถึงเป็นหมอไปได้ล่ะ?“ผมไม่ได้เป็นหมอหรอกครับ”“แต่ว่า ผมเคยเรียนทักษะทางการแพทย์ของบรรพบุรุษมาน่ะครับ”ฉินหมิงยิ้ม เขาวางตะกร้าผลไม้ไว้บนตู้ข้างเตียงโรงพยาบาล“ที่แท้ก็มือสมัครเล่น!”เฉินฮ่าวขมวดคิ้วและพูดโผงผางออกมา “นี่พี่ ในโรงพยาบาลมีหมอเฉพาะทางเยอะขนาดนี้ยังรักษาแม่เราไม่หาย นี่พี่พามือสมัครเล่นมาจะมีประโยชน์หรือไง?”“เฉินฮ่าว นายอย่าพูดจาเหลวไหล!”“เลขาฉินเขามีเจตนาดี ทำไมถึงทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้ใส่เขา!”เลขาเฉินตำหนิอย่างไม่พอใจ หลังจากนั้นเธอก็หันไปยิ้มให้ฉินหมิงอย่างขอโทษขอโพย “เลขาฉินคะ น้องชายฉันไม่ค่อยรู้ความปากไม่มีหูรูด คุณอย่าไปสนใจคำของเขาเลยนะคะ”“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเข้าใจอารมณ์ของเขา”ฉินหมิงพูดพลางยิ้มตอบเฉินฮ่าวอยากอ้าปากพูด แต่ก็เพราะมารยาทเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ว่าในใจเขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก และเ
“เลขาฉินคะ แม่ฉันเป็นอย่างไรบ้างคะ?”เฉินถิงถิงถามด้วยสีหน้ากังวล“อาการค่อนข้างซับซ้อนน่ะครับ ยากที่จะอธิบายให้ฟังสั้น ๆ ได้ในประโยคเดียวน่ะครับ”“แต่โชคดีที่เป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ น้อยๆ เช่นการอักเสบน่ะครับ ตอนนี้ยังไม่มีอาการร้ายแรงอะไรขอแค่เพียงให้ผมฝังเข็มให้สักครั้งแล้วกินยาจีนสักสองสามวัน อาการก็คงจะหายขาดได้ครับ "ฉินหมิงยิ้มและพูดปลอบใจหลี่ฉินจะได้รับการรักษามาพักหนึ่งแล้ว อาการไขสันหลังที่เสียหายก็ได้ฟื้นตัวขึ้น แต่ภาวะแทรกซ้อนบางอย่างยังคงอยู่ หากตอนนี้รีบรักษาให้ทันอาการภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้ายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจร้ายแรงมาก เบาหน่อยก็เป็นอัมพาตถ้าอาการหนักก็อันตรายถึงชีวิต“คุณสามารถรักษาให้หายได้เหรอคะ?”“จริงเหรอคะ? ดีมาก ๆ เลยค่ะ!”เฉินถิงถิงดีใจมากตอนแรกเธอก็แค่อยากจะลองดู ไม่ได้คาดหวังในทักษะการแพทย์ของฉินหมิงเลยแต่ที่คาดไม่ถึงว่าฉินหมิงบอกว่าอาการป่วยนี้สามารถรักษาได้เธอจึงดีใจและก็ตื่นเต้นมาก“ปัญหาเล็กน้อยอย่างนั้นเหรอ?”“หมอเฉพาะทางที่โรงพยาบาลก็ยังรักษาแม่พวกเราไม่หาย นี่คุณยังจะมาบอกว่านี่เป็น
ห้องผู้ป่วยนี้เป็นห้องผู้ป่วยธรรมดา ด้านในมีเตียงสามเตียง นอกจากหลี่ฉินแล้วก็ยังมีผู้ป่วยอีกสองเตียงที่นอนพักอยู่บนเตียง“นี่เจ้าหนุ่ม ข้าวน่ะจะกินอะไรก็ได้แต่คำพูดจะพูดจาส่งเดชไม่ได้นะ!”“หลี่ฉินก็อยู่โรงพยาบาลมาตั้งนาน แม้แต่หมอในโรงพยาบาลหลายคนก็หมดปัญญาจะรักษาแล้ว!”“เธอยังเด็กขนาดนี้แถมก็ไม่ใช่หมอเฉพาะทาง จะมีความสามารถรักษาให้หายได้อย่างไร!”“นั่นน่ะสิ! อย่าคิดแค่ว่าตัวเองเรียนทักษะการแพทย์มานิด ๆ หน่อย ๆ ก็ถือว่าเป็นหมอแล้ว ถ้ารักษาคนอื่นแล้วเป็นอะไรไป ใครจะรับผิดชอบไม่ทราบ!”...ผู้ป่วยทั้งสองคนต่างส่ายหน้า ใคร ๆ ก็ดูถูกทักษะการแพทย์ของฉินหมิงเฉินฮ่าวสงสัยอยู่แล้วว่าแรงจูงใจของฉินหมิงนั้นไม่บริสุทธิ์ พอยิ่งได้ฟังผู้ป่วยสองคนพูดขนาดนี้แล้ว เขายิ่งไม่เชื่อในทักษะการแพทย์ของฉินหมิงขึ้นไปอีก!“นี่พี่ ที่ลุงสองคนพูดมาก็ถูกนะ พวกเราไม่สามารถเอาชีวิตแม่มาล้อเล่นได้นะ!”“นี่…”เมื่อกี้เฉินถิงถิงได้เชื่อในตัวฉินหมิงไปแล้ว แต่ตอนนี้เมื่อมีชีวิตของแม่เธอเป็นเดิมพัน เธอจึงอดลังเลใจขึ้นมาไม่ได้“ในเมื่อคุณไม่เชื่อผมก็ช่างเถอะ”“แต่ว่าผมจะขอเตือนคุณอีกสักประโยคหนึ่งนะครับ อาการ
หกเข็มพลิกชะตาต้องควบคุมเข็มด้วยพลังชี่ ครั้งที่แล้วตอนที่เขารักษานายท่านหลิน เนื่องจากร่างกายไม่มีพลังจิตวิญญาณจึงเหนื่อยมากจนแทบจะเป็นลมคราวนี้การฝึกฝนของเขาได้มาถึงระดับแรกของการฝึกพลังชี่แล้ว และสภาพร่างกายเขาก็ดีขึ้นมากจึงสามารถใช้วิชาหกเข็มพลิกชะตาได้ง่ายขึ้นแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นหลังจากที่เขาใช้เทคนิคการฝังเข็มเสร็จแล้ว เม็ดเหงื่อเล็ก ๆ ก็ยังผุดเรียงเป็นแถวปรากฏบนหน้าผากของเขา เนื่องจากระดับพลังของเขาต่ำเกินไปทำให้รู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าตอนนั้นเองได้มีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นมาคนผู้นั้นสวมชุดกาวน์สีขาว เป็นหมอหนุ่มอายุประมาณยี่สิบเจ็ดปี ด้านหลังเขามีพยาบาลสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาจากข้างนอกเพื่อตรวจคนไข้ในประจำวันพอเขาเห็นหลี่ฉินโดนฝังเข็มไปทั้งตัว หมอหนุ่มคนนั้นตกใจมากและรีบเดินเข้ามาอย่างไว“ถิงถิง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? พวกเธอทำอะไรกัน!”“พี่เถียนคือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ค่ะ เลขาฉินคนนี้เป็นเพื่อนร่วมงานของฉันเอง เขามีทักษะการแพทย์นิดหน่อยน่ะค่ะ”“เขากำลังรักษาแม่ฉันด้วยวิธีการฝังเข็ม…”เฉินถิงถิงอธิบายอย่างง่าย ๆ หมอหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าชื่อว่าเถียนปั๋ว เขาเป็นหมอประจำตัว
“แก้มของป้าหลี่แดงก่ำน่าจะเป็นเพราะวิธีการรักษา ชีวิตเธอตอนนี้กำลังตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าพระพรหมหน้าไหนก็เกรงว่าจะช่วยเธอไม่ได้!”เถียนปั๋วส่ายหน้า สายตาที่เขามองที่ฉินหมิงก็เยาะหยัน“อะไรนะ?”สองพี่น้องเหมือนถูกฟ้าผ่าหลังจากนั้นเฉินฮ่าวก็ลุกขึ้นยืนทันที ดวงตาของเขาลุกโชน“คุณฉินเป็นเพราะคุณ คุณทำร้ายแม่ผม ผมจะสู้ตายกับคุณ!”เฉินฮ่าวตะโกนด้วยความโกรธราวคลุ้มคลั่ง กำลังจะเตรียมชกหน้าฉินหมิงฉินหมิงที่ยังไม่ได้ตั้งหลัก จึงโดนต่อยเข้าเบ้าตาไปเต็ม ๆ “พยาบาลเฝิง คุณรีบไปแจ้งผู้อำนวยการโดยเร็ว ให้เขาเตรียมพร้อมสำหรับการช่วยชีวิตครั้งสุดท้ายของผู้ป่วย!”“แล้วก็เรียกรปภ.หรือใครก็ได้มาที่นี่ แล้วจับคนนี้ ๆ ที่รักษาคนป่วยส่งเดชส่งให้ตำรวจจัดการ!”เถียนปั๋วหันกลับมาและออกคำสั่งกับพยาบาลหญิงที่อยู่ข้างหลังเขานางพยาบาลเฝิงพยักหน้าและออกไปอย่างรวดเร็ว“ทำไม…”“ทำไมถึงเป็นแบบนี้…”เฉินถิงถิงทรุดลงข้างเตียง น้ำตาไหลเป็นสายน้ำ เธอร้องไห้จนไม่มีเสียงร้องออกมาฉินหมิงยกมือปิดตาด้วยความเจ็บปวด ในที่สุดก็เขาโต้ตอบด้วยโทสะ “เฉินฮ่าวใจเย็น ๆ ก่อน ที่คุณป้าเป็นอย่างนี้เป็นเรื่องปกติ…” จาก