เฉินฮ่าวไม่ลังเลสักนิด เขาคุกเข่าดังตุ้บลงตรงหน้าฉินหมิงพลางยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองแรง ๆ สองที "เลขาฉิน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้เป็นความผิดของผมเอง คุณช่วยแม่ของผมด้วยเจตนาดี แต่ผมกลับทำกับคุณแบบนี้.......” "ผมมันไม่เอาไหน..." เฉินฮ่าวรู้สึกผิดเอามาก ๆ และเอาแต่โทษตัวเอง "ช่างมันเถอะ ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดเท่านั้นเอง วันหน้าผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรวู่วามแบบนั้นอีก..." ฉินหมิงรู้ว่าเฉินฮ่าวไม่ได้ตั้งใจเดินมาชนเขาและเขาก็ไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น ฉะนั้นเขาจึงยื่นมือออกไปช่วยประคองให้เฉินฮ่าวลุกขึ้น เถียนปั๋วไม่คาดคิดเลยว่าเรื่องราวจะกลับตาลปัตร เขาจึงมีสีหน้าเหยเกพลางแค่นเสียงเย็นชา "ถิงถิง เธอไม่ต้องขอบคุณหมอนี่หรอก!" "ช่วงนี้หลังจากรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลของพวกเรา อาการของป้าหลี่ก็เกือบจะหายดีแล้ว มันก็แค่บังเอิญเท่านั้นแหละ!" "พี่ใหญ่เถียน พี่พูดผิดถนัดเลยล่ะ!" "พวกเราต่างก็เห็นว่าก่อนหน้านี้อาการแม่ของฉันไม่ดีขึ้นเลย กระทั่งจะลุกขึ้นจากเตียงก็เป็นเรื่องยากแล้ว เลขาฉินฝังเข็มรักษาโรคให้ท่าน นี่จะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้ยังไงกัน!" เฉินถิงถิงเอ่ยขึ้นด้วยความทุกข์ใจอยู่บ้าง
"หน้าด้านจริง ๆ เลย!" "พวกเขาใช้ตัวยาขยะมาอุปโลกน์เป็นตัวยาล้ำค่าเพื่อหลอกคนไข้อย่างพวกเราจริง ๆ ด้วย ช่างไม่มีจรรยาบรรณเอาเสียเลย!" "จริงสิ! ไม่ใช่ว่าตัวยาที่พวกเราใช้ก็เป็นแบบนี้ด้วยหรอกนะ!" ... ผู้ป่วยอีกสองคนรู้สึกขยะแขยงเหลือเกิน พวกเขายิ่งมองเถียนปั๋วด้วยสายตาดูแคลน ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็แอบกังวลใจว่าตนจะถูกหมอที่ไร้จรรยาบรรณคนนี้หลอกลวงเอาหรือไม่! "ถิงถิง ช่างมันเถอะ ช่วงนี้เถียนปั๋วช่วยพวกเราเอาไว้ตั้งเยอะและเขาเองก็มีเจตนาดี ให้เรื่องมันจบลงตรงนี้เถอะ!" "อีกอย่างตอนนี้อาการป่วยของแม่ก็ดีขึ้นแล้ว คงไม่จำเป็นต้องอยู่ในโรงพยาบาลอีกต่อไปแล้ว ลูกกับเสี่ยวฮ่าวไปเก็บข้าวของเถอะ พวกเราจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วกลับบ้านกันเร็ว ๆ" หลี่ฉินพูดอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเห็นแก่เรื่องที่ทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนบ้านกันมานานหลายปี เธอจึงไม่อยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ "ออกจากโรงพยาบาลงั้นเหรอ? จะทำแบบนั้นได้ยังไงกัน!" "ป้าหลี่ ป้ายังค้างค่ารักษากับค่ายาอีกห้าหมื่นหยวน ป้ายังออกไปไม่ได้จนกว่าจะจ่ายค่ารักษาให้ครบ!" เถียนปั๋วรีบขวางหลี่ฉินแม่ลูกเอาไว้ "เถียนปั๋ว ตอนนี้พวกเราไม่มีเงินเย
"ถึงอย่างนั้นก็เถอะ!" "ฉันเคยเห็นคนหน้าด้านมาก่อนนะ แต่ก็ยังไม่เคยเห็นใครหน้าด้านขนาดนั้นเลย!" "คุณเฉินสวยออกขนาดนั้น แต่ดูเขาสิรูปร่างหน้าตาแทบไม่ต่างอะไรกับหมีตัวหนึ่งเลย เขาจะคู่ควรกับคุณเฉินได้ยังไงกันเล่า!" "ฉันไม่รู้จริง ๆ เลยว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากที่ไหนกัน!" ... ผู้ป่วยอีกสองคนในแผนกที่กำลังเฝ้ามองดูความหน้าด้านที่เถียนปั๋วแสดงออกมา พูดด้วยความขัดเคืองใจ พวกเขาต่างออกตัวปกป้องเฉินถิงถิง เถียนปั๋วโมโหเสียจนเอ่ยขึ้นมาว่า "ป้าหลี่ ผมบอกเงื่อนไขไปแล้ว ถ้าป้าไม่ตอบตกลง ป้าก็ต้องจ่ายเงินห้าหมื่นกว่าหยวนมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นผมจะไปแจ้งความ!" "ถ้าตำรวจจับป้าด้วยข้อหาฉ้อโกง ก็อย่ามาโทษผมแล้วกัน!" "นี่มัน......" หลี่ฉินแม่ลูกถึงกับพูดไม่ออก ตอนนี้แม้แต่เงินห้าพันหยวนพวกเธอยังไม่มีเลย นับประสาอะไรกับห้าหมื่นหยวนเล่า พวกเธอจะไปหาเงินตั้งมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหนกัน! พวกเธอสามคนแม่ลูกรู้สึกสิ้นหวังไปชั่วขณะและไม่ทราบว่าควรจะทำอย่างไรดี "ก็แค่ห้าหมื่นหยวนเอง ฉันจ่ายให้พวกเธอก็ได้!" ฉินหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ไอ้หนู แกอีกแล้ว!" เถียนปั๋วโมโหจนหน้าเขียว
หลี่ฉินแม่ลูกเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน ลูกมองแม่และแม่มองลูก แต่พวกเธอก็ไม่เข้าใจว่าฉินหมิงมีความคิดหรือจุดประสงค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่ "เจ้าสุนัขจอมดูถูกคน!" "ก็แค่เงินหลายหมื่นหยวน แกไม่เห็นหรือไงว่าฉันเอาเงินออกมาไม่ได้น่ะ!" ฉินหมิงมองเถียนปั๋วด้วยสายตาเย็นชา บัตรเครดิตที่คุณหลินมอบให้เขามีเงินอยู่ในนั้นถึงสิบล้านหยวน เขาไม่คิดว่าคุณหลินจะโกหกเขาหรอก "ปากแข็งนักนะแก!" "เห็นกันอยู่ชัด ๆ ไม่ใช่หรือไงว่า แกหยิบบัตรสมาชิกร้านตัดผมออกมาวางเอาไว้ตรงนี้!" สีหน้าของเถียนปั๋วเต็มไปด้วยแววดูแคลน ขณะที่เขาหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาและกำลังจะปาใส่หน้าของฉินหมิง "ช้าก่อน!" ผู้อำนวยการหูรีบขวางเถียนปั๋วเอาไว้ จากนั้นเขาก็หยิบบัตรเครดิตขึ้นมาดูให้ถี่ถ้วนแล้วก็ให้รู้สึกประหลาดใจ ด้วยความรอบรู้อันกว้างขวางของเขานั้น ก็ทำให้เขารู้ว่าได้ทันทีว่านี่คือบัตรเครดิตวงเงินขั้นสูงสุดของธนาคารเจียงตู! ธนาคารเจียงตูเป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเฉิน ได้ผนึกกำลังกับธนาคารของรัฐเพื่อร่วมกันจัดให้มีบริการพิเศษแก่กลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง ธนาคารของรัฐมีข้อจำกัดด้านการโอนเงินและธุรกรรมออนไล
"ผมเปล่า......" "ผู้อำนวยการหู ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อนครับ ตัวยาที่ผมจัดให้คนไข้มีประโยชน์และไม่เป็นอันตรายแน่นอน..." เถียนปั๋วรู้สึกตื่นตระหนก เขาอยากจะอธิบาย แต่เมื่อมีสถานะอันสูงส่งของฉินหมิงค้ำคออยู่ เขาย่อมไม่มีทางกล่าวหาคนตัวเล็ก ๆ อย่างผิด ๆ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็รังแต่จะทำให้เขาดูโง่เง่า! "ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของแกอีก!" "เถียนปั๋ว นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป แกถูกไล่ออกแล้ว เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย!" ผู้อำนวยการหูทุบโต๊ะแล้วตะโกนด้วยความโมโหจัด "ไม่นะ......" "ผู้อำนวยการหู ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง..." เถียนปั๋วคร่ำครวญแล้วคลานเข้าไปแทบเท้าของผู้อำนวยการหู จากนั้นก็ขอร้องไม่หยุดหย่อน "ไสหัวไป!" "รปภ. โยนมันออกไปซะ!" ผู้อำนวยการหูถีบเถียนปั๋วออกไปแล้วโบกมือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก้มตัวลงกระชากตัวเถียนปั๋วแล้วลากเขาออกไปราวกับสุนัขตาย! "ดี!" "ดีมาก!" "ไอ้เศษสวะที่ไร้จรรยาบรรณแพทย์แบบนี้สมควรโดนแบบนี้แล้ว โล่งอกไปที!" ... ผู้ป่วยอีกสองคนในแผนกต่างปรบมือและส่งเสียงโห่ร้อง "คุณฉิน โปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะช่วยดำเนินขั้นตอนจำหน่า
ณ หูหลงวิลล่า เมื่อฉินหมิงกลับถึงบ้าน แม่บ้านหลิวกำลังทำอาหารมื้อค่ำอยู่ในห้องครัว "ป้าหลิว หว่านชิงอยู่ที่ไหนเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นเธอเลยล่ะ?" ฉินหมิงถามด้วยความแปลกใจ "อ้อ คุณผู้หญิงทำงานล่วงเวลาที่บริษัท ยังไม่กลับมาเลยค่ะ" "แต่อีกไม่นานก็น่าจะกลับแล้วล่ะ" ป้าหลิวเอ่ยพลางยิ้มให้ เพราะบางครั้งหลินหว่านชิงก็จะทำงานล่วงเวลาและเธอก็ชินกับเรื่องนั้นเสียแล้ว "ตอนนี้สามทุ่มแล้ว เธอทำงานหนักจริง ๆ!" ฉินหมิงถึงกับพูดไม่ออกและรู้สึกชื่นชมที่หลินหว่านชิงทำงานหนัก! หลังจากหลินหว่านชิงเข้ามารับช่วงกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ป ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงสองปี นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! หลังจากนั้นไม่นาน ประตูเปิดออกแล้วหลินหว่านชิงก็กลับมา ฉินหมิงเดินมาที่ห้องรับแขกแล้วรินน้ำอุ่นให้หลินหว่านชิงถ้วยหนึ่ง "หว่านชิง ทำไมคุณถึงได้ทำงานล่วงเวลาเสียจนดึกขนาดนั้นล่ะ? คุณไม่เหนื่อยเหรอ?" "ช่างเถอะน่า!" "เมื่อไม่นานมานี้บริษัทมีความร่วมมือครั้งสำคัญมาก ๆ ที่จำเป็นต้องคอยติดตามผลซึ่งเกี่ยวพันถึงช่องทางการพัฒนาของบริษัทในภายภาคหน้า ฉันไม่อยากให้เกิดเรื
ฉินหมิงสูดหายใจลึก ๆ ที่นี่อุดมไปด้วยพลังวิญญาณมากกว่าในคฤหาสน์หลายเท่าและเหมาะสำหรับการฝึกฝนเพิ่มพลังอย่างที่คิดเอาไว้เมื่อเช้าเลย หลังจากนั้นเขาก็เจอพื้นที่เปิดโล่งสะอาดสะอ้านจึงเริ่มนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเริ่มการฝึกฝน พลังวิญญาณในคฤหาสน์ช่างแสนเบาบาง เขาต้องใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์ พลังวิญญาณอันมหาศาลของที่นี่ทำให้ผลการฝึกฝนเพิ่มพลังเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เขาฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์เสร็จสิ้นในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเห็นว่ายังหัวค่ำอยู่ ฉินหมิงจึงจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเพิ่มพลังจนกระทั่งห้าหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ยามที่ท้องฟ้าสว่างแล้ว เขาถึงได้หยุดมือแล้วลุกขึ้น "หลังจากการฝึกฝนเมื่อคืนนี้ พลังของฉันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นและพลังฝึกฝนของฉันก็อยู่ไม่ห่างจากระดับหลอมรวมปราณขั้นกลางแล้ว" ฉินหมิงกำหมัดแน่นแล้วสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกาย จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาบ้าง เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นหินก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วใช้พลังวิญญาณในร่างชกหินก้อนใหญ่ ตู้ม! เกิดเสียงดังสนั่
"คุณเป็นแพทย์แผนจีนเหรอครับ?" เมื่อชายหนุ่มเห็นฉินหมิงหยิบเข็มเงินหลายเล่มออกมา เขาก็รู้สึกแปลกใจ ในสังคมทุกวันนี้ การแพทย์แผนจีนไม่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สะดวกรวดเร็วเท่ากับการแพทย์แผนตะวันตกในหลาย ๆ ด้าน นอกเหนือไปจากนั้น ทฤษฎีของการแพทย์แผนจีนยังมีขอบเขตลึกล้ำกว้างไกล ทั้งยังจำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์มาเนิ่นนาน แพทย์แผนจีนผู้มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นผู้สูงอายุ แต่ดูเหมือนว่าฉินหมิงจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปีเสียด้วยซ้ำไป มิหนำซ้ำเขายังรู้วิชาแพทย์แผนจีนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำอยู่ในใจ ฝีมือการรักษาของฉินหมิงคงจะไม่มีอะไรผิดปกติหรอกใช่ไหม? ฉินหมิงส่ายหน้าแล้วพูดตามความจริงว่า "ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์แผนจีนหรือหมอ..." "อะไรนะ?" "แกไม่ใช่หมอแล้วแกมาก่อกวนทำไม?" "เสียเวลาชะมัดเลย!" ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้ารุนแรง กระทั่งจมูกก็แทบจะงองุ้มอยู่แล้ว "ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่หมอ แต่ผมก็เรียนรู้ทักษะวิชาแพทย์แผนจีนมาบ้างและผมมั่นใจว่าสามารถรักษาคนไข้ได้..." ฉินหมิงเอ่ยขึ้นจากใจจริง "ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ!" "ถ้าหากปู่ของฉันอาการแย่ลงเพ