หลี่ฉินแม่ลูกเองก็รู้สึกสับสนเช่นกัน ลูกมองแม่และแม่มองลูก แต่พวกเธอก็ไม่เข้าใจว่าฉินหมิงมีความคิดหรือจุดประสงค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่ "เจ้าสุนัขจอมดูถูกคน!" "ก็แค่เงินหลายหมื่นหยวน แกไม่เห็นหรือไงว่าฉันเอาเงินออกมาไม่ได้น่ะ!" ฉินหมิงมองเถียนปั๋วด้วยสายตาเย็นชา บัตรเครดิตที่คุณหลินมอบให้เขามีเงินอยู่ในนั้นถึงสิบล้านหยวน เขาไม่คิดว่าคุณหลินจะโกหกเขาหรอก "ปากแข็งนักนะแก!" "เห็นกันอยู่ชัด ๆ ไม่ใช่หรือไงว่า แกหยิบบัตรสมาชิกร้านตัดผมออกมาวางเอาไว้ตรงนี้!" สีหน้าของเถียนปั๋วเต็มไปด้วยแววดูแคลน ขณะที่เขาหยิบบัตรเครดิตขึ้นมาและกำลังจะปาใส่หน้าของฉินหมิง "ช้าก่อน!" ผู้อำนวยการหูรีบขวางเถียนปั๋วเอาไว้ จากนั้นเขาก็หยิบบัตรเครดิตขึ้นมาดูให้ถี่ถ้วนแล้วก็ให้รู้สึกประหลาดใจ ด้วยความรอบรู้อันกว้างขวางของเขานั้น ก็ทำให้เขารู้ว่าได้ทันทีว่านี่คือบัตรเครดิตวงเงินขั้นสูงสุดของธนาคารเจียงตู! ธนาคารเจียงตูเป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเฉิน ได้ผนึกกำลังกับธนาคารของรัฐเพื่อร่วมกันจัดให้มีบริการพิเศษแก่กลุ่มลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูง ธนาคารของรัฐมีข้อจำกัดด้านการโอนเงินและธุรกรรมออนไล
"ผมเปล่า......" "ผู้อำนวยการหู ได้โปรดฟังผมอธิบายก่อนครับ ตัวยาที่ผมจัดให้คนไข้มีประโยชน์และไม่เป็นอันตรายแน่นอน..." เถียนปั๋วรู้สึกตื่นตระหนก เขาอยากจะอธิบาย แต่เมื่อมีสถานะอันสูงส่งของฉินหมิงค้ำคออยู่ เขาย่อมไม่มีทางกล่าวหาคนตัวเล็ก ๆ อย่างผิด ๆ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็รังแต่จะทำให้เขาดูโง่เง่า! "ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวของแกอีก!" "เถียนปั๋ว นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป แกถูกไล่ออกแล้ว เก็บข้าวของแล้วไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้เลย!" ผู้อำนวยการหูทุบโต๊ะแล้วตะโกนด้วยความโมโหจัด "ไม่นะ......" "ผู้อำนวยการหู ได้โปรดให้โอกาสผมอีกสักครั้ง..." เถียนปั๋วคร่ำครวญแล้วคลานเข้าไปแทบเท้าของผู้อำนวยการหู จากนั้นก็ขอร้องไม่หยุดหย่อน "ไสหัวไป!" "รปภ. โยนมันออกไปซะ!" ผู้อำนวยการหูถีบเถียนปั๋วออกไปแล้วโบกมือ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนก้มตัวลงกระชากตัวเถียนปั๋วแล้วลากเขาออกไปราวกับสุนัขตาย! "ดี!" "ดีมาก!" "ไอ้เศษสวะที่ไร้จรรยาบรรณแพทย์แบบนี้สมควรโดนแบบนี้แล้ว โล่งอกไปที!" ... ผู้ป่วยอีกสองคนในแผนกต่างปรบมือและส่งเสียงโห่ร้อง "คุณฉิน โปรดรอสักครู่นะครับ ผมจะช่วยดำเนินขั้นตอนจำหน่า
ณ หูหลงวิลล่า เมื่อฉินหมิงกลับถึงบ้าน แม่บ้านหลิวกำลังทำอาหารมื้อค่ำอยู่ในห้องครัว "ป้าหลิว หว่านชิงอยู่ที่ไหนเหรอครับ ทำไมผมไม่เห็นเธอเลยล่ะ?" ฉินหมิงถามด้วยความแปลกใจ "อ้อ คุณผู้หญิงทำงานล่วงเวลาที่บริษัท ยังไม่กลับมาเลยค่ะ" "แต่อีกไม่นานก็น่าจะกลับแล้วล่ะ" ป้าหลิวเอ่ยพลางยิ้มให้ เพราะบางครั้งหลินหว่านชิงก็จะทำงานล่วงเวลาและเธอก็ชินกับเรื่องนั้นเสียแล้ว "ตอนนี้สามทุ่มแล้ว เธอทำงานหนักจริง ๆ!" ฉินหมิงถึงกับพูดไม่ออกและรู้สึกชื่นชมที่หลินหว่านชิงทำงานหนัก! หลังจากหลินหว่านชิงเข้ามารับช่วงกลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ป ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผลประกอบการจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงสองปี นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ! หลังจากนั้นไม่นาน ประตูเปิดออกแล้วหลินหว่านชิงก็กลับมา ฉินหมิงเดินมาที่ห้องรับแขกแล้วรินน้ำอุ่นให้หลินหว่านชิงถ้วยหนึ่ง "หว่านชิง ทำไมคุณถึงได้ทำงานล่วงเวลาเสียจนดึกขนาดนั้นล่ะ? คุณไม่เหนื่อยเหรอ?" "ช่างเถอะน่า!" "เมื่อไม่นานมานี้บริษัทมีความร่วมมือครั้งสำคัญมาก ๆ ที่จำเป็นต้องคอยติดตามผลซึ่งเกี่ยวพันถึงช่องทางการพัฒนาของบริษัทในภายภาคหน้า ฉันไม่อยากให้เกิดเรื
ฉินหมิงสูดหายใจลึก ๆ ที่นี่อุดมไปด้วยพลังวิญญาณมากกว่าในคฤหาสน์หลายเท่าและเหมาะสำหรับการฝึกฝนเพิ่มพลังอย่างที่คิดเอาไว้เมื่อเช้าเลย หลังจากนั้นเขาก็เจอพื้นที่เปิดโล่งสะอาดสะอ้านจึงเริ่มนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเริ่มการฝึกฝน พลังวิญญาณในคฤหาสน์ช่างแสนเบาบาง เขาต้องใช้เวลาเกือบทั้งคืนเพื่อฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์ พลังวิญญาณอันมหาศาลของที่นี่ทำให้ผลการฝึกฝนเพิ่มพลังเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม เขาฝึกฝนเพิ่มพลังของทั้งสัปดาห์เสร็จสิ้นในเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น เมื่อเห็นว่ายังหัวค่ำอยู่ ฉินหมิงจึงจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนเพิ่มพลังจนกระทั่งห้าหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้น ยามที่ท้องฟ้าสว่างแล้ว เขาถึงได้หยุดมือแล้วลุกขึ้น "หลังจากการฝึกฝนเมื่อคืนนี้ พลังของฉันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งขึ้นและพลังฝึกฝนของฉันก็อยู่ไม่ห่างจากระดับหลอมรวมปราณขั้นกลางแล้ว" ฉินหมิงกำหมัดแน่นแล้วสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณในร่างกาย จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาบ้าง เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ก็เห็นหินก้อนใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เขาเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วใช้พลังวิญญาณในร่างชกหินก้อนใหญ่ ตู้ม! เกิดเสียงดังสนั่
"คุณเป็นแพทย์แผนจีนเหรอครับ?" เมื่อชายหนุ่มเห็นฉินหมิงหยิบเข็มเงินหลายเล่มออกมา เขาก็รู้สึกแปลกใจ ในสังคมทุกวันนี้ การแพทย์แผนจีนไม่เป็นที่ยอมรับมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่สะดวกรวดเร็วเท่ากับการแพทย์แผนตะวันตกในหลาย ๆ ด้าน นอกเหนือไปจากนั้น ทฤษฎีของการแพทย์แผนจีนยังมีขอบเขตลึกล้ำกว้างไกล ทั้งยังจำเป็นต้องสั่งสมประสบการณ์มาเนิ่นนาน แพทย์แผนจีนผู้มีชื่อเสียงส่วนใหญ่จึงมักจะเป็นผู้สูงอายุ แต่ดูเหมือนว่าฉินหมิงจะมีอายุไม่ถึงยี่สิบห้าปีเสียด้วยซ้ำไป มิหนำซ้ำเขายังรู้วิชาแพทย์แผนจีนแค่เพียงผิวเผินเท่านั้น ชายหนุ่มจึงอดไม่ได้ที่จะพึมพำอยู่ในใจ ฝีมือการรักษาของฉินหมิงคงจะไม่มีอะไรผิดปกติหรอกใช่ไหม? ฉินหมิงส่ายหน้าแล้วพูดตามความจริงว่า "ผมไม่ใช่ทั้งแพทย์แผนจีนหรือหมอ..." "อะไรนะ?" "แกไม่ใช่หมอแล้วแกมาก่อกวนทำไม?" "เสียเวลาชะมัดเลย!" ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้ารุนแรง กระทั่งจมูกก็แทบจะงองุ้มอยู่แล้ว "ถึงแม้ว่าผมจะไม่ใช่หมอ แต่ผมก็เรียนรู้ทักษะวิชาแพทย์แผนจีนมาบ้างและผมมั่นใจว่าสามารถรักษาคนไข้ได้..." ฉินหมิงเอ่ยขึ้นจากใจจริง "ให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ!" "ถ้าหากปู่ของฉันอาการแย่ลงเพ
"แค่ก..." หลังจากนั้นสักพัก คุณโจวก็ไออยู่สองสามครั้งพลางค่อย ๆ ลืมตาแล้วฟื้นจากอาการโคม่า "เยี่ยมไปเลย!" "ปู่ครับ ในที่สุดปู่ก็ฟื้น ตอนนี้ปู่รู้สึกเป็นยังไงบ้าง? ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอยู่หรือเปล่าครับ?" โจวเจี้ยนรู้สึกลิงโลดจึงรีบถามไปอีกหลายคำถามด้วยความเป็นห่วง "ปู่ไม่เป็นไรแล้วล่ะ" "เสี่ยวเจี้ยน เมื่อสักครู่นี้ปู่เป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้นกับปู่งั้นเหรอ?" คุณโจวเอ่ยถามด้วยสีหน้าสับสน "เมื่อสักครู่นี้จู่ ๆ ปู่ก็หมดสติไป ต้องขอบคุณหมอหลิวที่มาช่วยชีวิตปู่ได้ทัน" โจวเจี้ยนพูดตามตรง "ปู่รู้แล้วล่ะ!" "หมอหลิว ขอบคุณมากครับ!" คุณโจวกล่าวขอบคุณหมอหลิวด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ "คุณโจว คุณเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมควรจะทำอยู่แล้วครับ" หมอหลิวเอ่ยพร้อมยิ้มให้ ตอนนี้มีผู้คนอยู่แถวนี้กันตั้งมากมาย และทุกคนต่างก็เพิ่งจะเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "หมอหลิวเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเสียงจริง ฝีมือการรักษาของเขาสุดยอดจริง ๆ เขาช่วยชีวิตคนไข้ได้เร็วมาก ๆ เลย!" "ใช่แล้ว! ไอ้เด็กที่เรียนการแพทย์แผนจีนเอาแต่บอกว่านายท่านผู้เฒ่าจะอาเจียนเป็นเลือด ไม่เห็นมีอะไรเกิดขึ
เมื่อเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ โจวเจี้ยนก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก หมอหลิวเองก็ก็รู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออกเช่นกัน ผู้ชมดูเหตุการณ์ทุกคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออกไปด้วย พวกเขาไม่นึกฝันเลยว่าคุณโจวที่เมื่อสักครู่นี้ยังปลอดภัยดีจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดมากมายเสียขนาดนั้นในชั่วพริบตาเดียว จนถึงขั้นที่พลังชีวิตและจิตวิญญาณดิ่งวูบ ต่อให้ไม่ใช่หมอก็รู้ว่าคุณโจวอาการสาหัสมากเสียจนชีวิตของเขาแทบจะตกอยู่ในอันตราย! "หมอหลิว เกิดอะไรขึ้นกับคุณปู่ของผมกันแน่..." โจวเจี้ยนคว้าแขนของหมอหลิว ดวงตาแดงก่ำด้วยความร้อนรนกังวลใจ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เมื่อสักครู่นี้คุณโจวยังดีอยู่เลยชัด ๆ..." หมอหลิวรู้สึกตื่นตกใจและมีท่าทางพูดไม่ออกบอกไม่ถูก "คุณเป็นหมอที่มีชื่อเสียง จะไม่รู้ได้ยังไง..." "รีบคิดหาวิธีเร็วเข้าสิ!" โจวเจี้ยนแผดเสียงด้วยความโกรธแค้นเดือดดาลและสับสน "ที่นี่ไม่มีเครื่องมือแพทย์เลย ฉะนั้นผมก็เลยตรวจสภาพร่างกายของคุณโจวไม่ได้" "ผมคิดว่าโทรเรียก 120 หรือไม่ก็ส่งเขาไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดจะดีกว่านะครับ..." หมอหลิวเอ่ยด้วยท่าทีสงบนิ่งให้ได้มากที่สุด สถานการณ์ของคุณโจวในยามนี
โจวเจี้ยนราวกับไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น "เป็นไปไม่ได้หรอก!" "ในเมื่อคุณบอกล่วงหน้าว่าคุณปู่ของผมจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด คุณจะทำอะไรไม่ได้เลยได้ยังไงกันล่ะ!" "ตอนแรกที่ผมเสนอตัวรักษานายท่านผู้เฒ่า ผมย่อมมั่นใจว่ารักษาท่านได้แน่ ๆ" "แต่ตอนนี้มีตัวแปรเกิดขึ้นในสถานการณ์ตั้งมากมาย มิหนำซ้ำอาการของนายท่านผู้เฒ่าก็แย่ลง ผมไม่มีความมั่นใจมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว" ฉินหมิงถอนหายใจพลางกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะปล่อยให้คนตายโดยไม่ช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีความมั่นใจเลย โจวเจี้ยนรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักสองทีและเขาก็รู้สึกสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขารู้ว่ามีช่วงเวลาอันแสนล้ำค่าในการรักษาผู้ป่วยและช่วยคน เมื่อพลาดไปแล้วก็จะหมดโอกาสหายสนิทอีก! สิ่งนี้ล้วนเป็นเพราะตอนแรกเขาไม่เชื่อฝีมือการรักษาของฉินหมิงจนปล่อยให้หมอหลิวรักษาเขาแบบส่ง ๆ เป็นผลทำให้อาการของคุณปู่แย่ลง อีกทั้งเขายังพลาดโอกาสดีที่สุดในการรักษาไปอีกด้วย ถ้าหากคุณปู่ของเขามีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ ความรับผิดชอบใหญ่หลวงก็จะตกมาที่ตนเอง เพราะเขาเป็นคนฆ่าคุณปู่ด้วยมือตัวเอง! น่าเสีย