โจวเจี้ยนราวกับไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น "เป็นไปไม่ได้หรอก!" "ในเมื่อคุณบอกล่วงหน้าว่าคุณปู่ของผมจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด คุณจะทำอะไรไม่ได้เลยได้ยังไงกันล่ะ!" "ตอนแรกที่ผมเสนอตัวรักษานายท่านผู้เฒ่า ผมย่อมมั่นใจว่ารักษาท่านได้แน่ ๆ" "แต่ตอนนี้มีตัวแปรเกิดขึ้นในสถานการณ์ตั้งมากมาย มิหนำซ้ำอาการของนายท่านผู้เฒ่าก็แย่ลง ผมไม่มีความมั่นใจมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว" ฉินหมิงถอนหายใจพลางกล่าวว่า ไม่ใช่ว่าเขาคิดจะปล่อยให้คนตายโดยไม่ช่วยเหลือ แต่เป็นเพราะเขาไม่มีความมั่นใจเลย โจวเจี้ยนรู้สึกตกตะลึงจนพูดไม่ออก เขาอยากจะตบหน้าตัวเองแรง ๆ สักสองทีและเขาก็รู้สึกสำนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เขารู้ว่ามีช่วงเวลาอันแสนล้ำค่าในการรักษาผู้ป่วยและช่วยคน เมื่อพลาดไปแล้วก็จะหมดโอกาสหายสนิทอีก! สิ่งนี้ล้วนเป็นเพราะตอนแรกเขาไม่เชื่อฝีมือการรักษาของฉินหมิงจนปล่อยให้หมอหลิวรักษาเขาแบบส่ง ๆ เป็นผลทำให้อาการของคุณปู่แย่ลง อีกทั้งเขายังพลาดโอกาสดีที่สุดในการรักษาไปอีกด้วย ถ้าหากคุณปู่ของเขามีปัญหาขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ ความรับผิดชอบใหญ่หลวงก็จะตกมาที่ตนเอง เพราะเขาเป็นคนฆ่าคุณปู่ด้วยมือตัวเอง! น่าเสีย
"นายท่าน ผมรู้ตัวว่าผิดไปแล้วจริง ๆ..." "คิดเสียว่าผมขอร้องคุณก็แล้วกัน ได้โปรดช่วยคุณปู่ของผมด้วย!" "ผมจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง ไม่ว่าคุณจะรักษาได้หรือเปล่า ผมก็จะไม่โทษคุณ..." โจวเจี้ยนกัดฟันคุกเข่าลงดังตุ้บต่อหน้าฉินหมิง "คุณทำอะไรน่ะครับ?" "รีบลุกขึ้นเถอะ" ฉินหมิงรู้สึกตื่นตกใจแล้วรีบยื่นมือไปประคองโจวเจี้ยนให้ลุกขึ้น "ถ้าคุณไม่ตอบตกลง ผมก็จะไม่ลุกครับ" โจวเจี้ยนยืนกราน "นี่มัน......" ฉินหมิงตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาอยากจะตอบตกลงแต่ก็ไม่มีความมั่นใจเลย อีกฝ่ายก็มีท่าทางจริงใจยิ่งและยากจะพบคนกตัญญูเช่นเขาได้ เขาทนปฏิเสธไม่ไหวจริง ๆ "เอาล่ะ เอาล่ะ ผมจะพยายามสุดความสามารถก็แล้วกัน..." ฉินหมิงถอนหายใจแล้วฝืนใจตอบตกลง "ขอบคุณ ขอบคุณ..." โจวเจี้ยนรู้สึกตื่นเต้นมากเสียจนขอบคุณเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าค่อยลุกขึ้น หลังจากนั้น ฉินหมิงก็ตามโจวเจี้ยนกลับไปที่สวนสาธารณะ ตอนนี้อาการของคุณโจวแย่ลงทุกที ๆ สีหน้าทึมเทา ลมหายใจขาดห้วงและสติสัมปชัญญะพร่าเลือน เขาตกอยู่ในอันตรายพร้อมที่จะตายได้ทุกเมื่อ เมื่อฉินหมิงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ก็ไม่กล้านิ่งนอนใจจึงหยิ
อีกด้านหนึ่ง ฉินหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่กับพื้นแล้วถ่ายเทพลังวิญญาณของตนเองเพื่อควบคุมเข็มเงินเอาไว้ พลังวิญญาณที่มองไม่เห็นหลั่งไหลผ่านเข็มเงินเข้าสู่ร่างกายของคุณโจวอยู่ไม่หยุดหย่อน เพราะอาการของคุณโจวสาหัสเกินไป ฉินหมิงจึงต้องเปลืองเรี่ยวแรงไปมาก ภายในไม่กี่นาที เขาก็หมดแรงและเหงื่อชุ่มโชก สีหน้ากลับซีดขาวและร่างกายอ่อนแอลงเรื่อย ๆ จนซวนเซแทบล้ม! เมื่อทุกคนเห็นเช่นนี้ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะวิตกกังวล ถึงแม้พวกเขาจะไม่ล่วงรู้ถึงสิ่งที่ฉินหมิงกระทำอยู่ แต่พวกเขาต่างก็รู้ว่าฉินหมิงทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว! "นายท่านโจวเจี้ยน อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ ไอ้หนุ่มคนนี้ใกล้จะตายอยู่แล้ว มันไม่สามารถช่วยนายท่านผู้เฒ่าได้!" "ขืนคุณยังชักช้าอยู่อีกล่ะก็ นายท่านผู้เฒ่าต้องตายแน่ ๆ!" "ผมขอแนะนำให้คุณส่งตัวนายท่านผู้เฒ่าไปที่โรงพยาบาลแต่โดยเร็วที่สุด ลำพังด้วยฝีมือการรักษาของผม ขอเพียงเป็นโรคที่ใช้เครื่องมือตรวจหาได้ ผมย่อมรักษานายท่านผู้เฒ่าได้แน่นอน..." หมอหลิวไม่ยอมแพ้แล้วลุกขึ้นอีกครั้ง "เรื่องนี้......" โจวเจี้ยนกลับหน้าตาเขียวคล้ำ เมื่อเห็นว่าฉินหมิงพยายามสุดความสามารถแล้ว แต่นายท่า
เสียงปรบมืออันแสนอบอุ่นดังขึ้นคำรบหนึ่ง จากนั้นทุกคนที่ชมดูเหตุการณ์ต่างปรบมือให้ฉินหมิงโดยอัตโนมัติ พวกเขาไม่เพียงแค่รู้สึกตื่นตกใจกับฝีมือการรักษาอันล้ำเลิศของฉินหมิงเท่านั้น แต่ยังเกิดความรู้สึกประทับใจล้ำลึกต่อจิตวิญญาณในการช่วยชีวิตคนอย่างสุดกำลังของฉินหมิง "คุณทำได้เยี่ยมไปเลย..." ฉินหมิงยิ้มเก้อเขิน เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับคำชื่นชมยกย่องจากทุกคนมากขนาดนั้น "น้องชายคนนี้หมดเรี่ยวหมดแรงแล้ว มีใครเอาน้ำมาบ้างไหม?" คุณโจวเอ่ยขอร้องทุกคน "ฉันเอามา..." หญิงสาวคนหนึ่งท่ามกลางบรรดาผู้ชมดูเหตุการณ์หยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งที่ยังไม่ได้เปิดฝาออกมายื่นให้ โจวเจี้ยนรู้ว่าฉินหมิงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือ ดังนั้นเขาจึงคลายเกลียวฝาขวดแล้วส่งให้ฉินหมิง "อึก...อึก..." ฉินหมิงดื่มน้ำจนหมดขวดในเฮือกเดียวพลางหลับตา จากนั้นปลุกระดมพลังจิตที่เหลืออยู่ในร่างกายแล้วเริ่มควบคุมลมหายใจอยู่เงียบ ๆ หลังจากปรับลมหายใจอยู่สักพัก สีหน้าซีดขาวของฉินหมิงก็ค่อย ๆ ดีขึ้นแล้วร่างกายก็ฟื้นคืนเรี่ยวแรงกลับมาได้มากมาย จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น "น้องชาย ผมคังไท่ ส่วนคนนี้คือโจวเจี้ยนหลานชายของผมเอง ไม่รู้ว่าคุณมีชื
"คุณโจว ขอบอกตามตรงนะครับ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบเมื่อห้าปีก่อนของคุณยังไม่หายขาด จนในที่สุดก็หลงเหลือโรคบางอย่างตามมา" "โรคที่ตามมาพวกนี้แฝงอยู่ในร่างกายของคุณก็เลยก่อให้เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน!" "ไม่ใช่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบครับ!" ฉินหมิงกล่าวขึ้น คุณโจวพลันเข้าใจขึ้นมาทันที "อย่างนี้เอง!" "งั้นคุณรักษาได้ไหมล่ะ?" "ได้สิครับ เมื่อสักครู่นี้ตอนที่ผมฝังเข็มให้คุณ ได้ขจัดโรคที่ตามมาพวกนั้นไปแล้วล่ะ" "ตอนนี้ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณ ถ้าคุณกินยาไปสักสัปดาห์หนึ่ง อาการของคุณก็จะหายขาดไปเองครับ!" คุณโจวโบกมือให้บอดี้การ์ดไปหากระดาษกับปากกา ฉินหมิงเขียนใบสั่งยาไม่กี่ทีก็ยื่นให้แก่คุณโจว "น้องฉิน ขอบคุณมากเลยนะ ผมไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณยังไงดี..." "เช็คเงินสดใบนี้เป็นน้ำใจเล็กน้อยของผม น่าจะพอเป็นค่ารักษาได้อยู่นะ ได้โปรดรับเอาไว้ด้วยเถอะ!" คุณโจวกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจยิ่ง เขาหยิบเช็คเงินสดออกมาจากกระเป๋าแล้วเขียนจำนวนเงินลงไป จากนั้นค่อยยื่นให้ฉินหมิง ฉินหมิงไม่เหลือบมองเสียด้วยซ้ำไป เขายื่นมือผลักเช็คเงินสดออกไป "คุณโจว ผมซาบซึ้งในน้ำใจของคุณนะครับ" "แต่ผมไม่ใช่ห
ไม่เว้นแม้กระทั่งหมอหลิวที่ก่อนหน้านี้เขายังไม่พอใจในตัวฉินหมิง ทว่าตอนนี้เขาชื่นชมทักษะและจริยธรรมทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของฉินหมิงเขาลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะไปยืนอยู่ตรงหน้าฉินหมิง โค้งคำนับต่ำให้อย่างนับถือ “คุณฉิน เมื่อกี้ผมได้สงสัยในวิชาการแพทย์ของคุณ ผมขอโทษสำหรับความหยาบคายของผมด้วย!”“เมื่อก่อนผมดูถูกแพทย์แผนจีนมาโดยตลอด คิดว่าแพทย์แผนจีนคงสู้แพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้ ครั้งนี้คุณได้มอบบทเรียนที่ดีมากให้กับผม ผมได้เรียนรู้จากคุณมามากมาย!”“ขอบคุณนะครับ!”“หมอหลิว คุณชมเกินไปแล้วครับ”“คุณเป็นผู้อาวุโสในด้านการแพทย์ เป็นหมอที่มีชื่อเสียง ผมยังห่างชั้นคุณอีกเยอะเลยครับ “ฉินหมิงรีบพูดปัด และก็ไม่ไม่เอาเรื่องเล็กน้อยนี้มาใส่ใจ“น้องชายฉินนี่นามบัตรผม ต่อไปนี้ถ้าคุณมีเรื่องต้องการให้ช่วยล่ะก็ สามารถโทรหาผมได้ตลอดเวลาเลยนะ”นายท่านโจวได้หยิบนามบัตรออกมาให้ฉินหมิง ในเวลาเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะขอช่องทางการติดต่อของฉินหมิงไว้ฉินหมิงดูนามบัตรในมือ บนนามบัตรเขียนไว้ว่าโจวเจี้ยนคังประธานบริษัทโจวกรุ๊ป ในใจอดไม่ได้ที่จะแอบคิดว่ามิน่าล่ะที่นายท่านโจวควักเงินก้อนโตให้เขาตั้งห้าหมื่น
หลังจากเลิกงานฉินหมิงขี่รถมอเตอร์ไซค์ขับรถตรงไปยังตลาดของเก่าที่ใหญ่ที่สุดในเจียงเฉิงตามบันทึกที่ได้รับสืบทอดมา ในนั้นมีรูปแบบที่เรียกว่ารูปแบบการรวบรวมวิญญาณ สามารถเร่งการรวบรวมและฝึกฝนพลังวิญญาณได้ ให้ผลของการฝึกฝนเพิ่มเป็นสองเท่าโดยแค่ใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว!ภูเขาด้านหลังบ้านนั้นเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ฉินหมิงวางแผนที่จะวางรูปแบบการรวบรวมวิญญาณบนภูเขาด้านหลัง เพื่อลองดูว่าตนจะสามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้หรือไม่ทว่าการรวบรวมวิญญาณนั้นต้องการหยกและต้องเป็นหยกธรรมชาติที่มีพลังทางจิตวิญญาณ ยิ่งพลังของหยกแข็งแกร่งเท่าใด ผลของรวบรวมวิญญาณก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้นตอนนี้ฉินหมิงจึงมุ่งไปยังตลาดของเก่า คิดจะจัดเตรียมซื้อหยก...ด้านนอกตลาดของเก่าซวนเหวินฉินหมิงที่เพิ่งจะจอดรถเสร็จ ก็เห็นประตูรถปอร์เช่ที่เปิดอยู่ไม่ไกลนัก มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงอีกหนึ่งคนเดินออกมาสองคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นอดีตภรรยาของฉินหมิงที่มีชื่อว่าหม่าลู่ และยังมีชู้รักที่ชื่อซุนกวนจงพอหันหลังกลับไป หม่าลู่และซุนกวนฉงก็มองเห็นฉินหมิงพอดีเมื่อต่างคนต่างพบศัตรู บรรยากาศก็คุกรุ่นขึ้นมาทัน
ฉินหมิงมองเขาด้วยดวงตาที่เย็นชา การเคลื่อนไหวของเขาหยุดชั่วคราว แม้แต่หมัดของเขาก็ไม่ได้ปล่อยออกไป“นี่ฉินหมิง ฉันขอเตือนนายไว้ ต่อไปนี้อยู่ห่างจากลู่ลู่ของฉันด้วย ถ้านายยังมาพัวพันกับเธออีกล่ะก็ ฉันเอานายถึงตายแน่!”ซุนกวนฉงพูดด้วยสีหน้าดุร้ายฉินหมิงกำหมัดแน่นจากนั้นก็คลายมือลงตระกูลซุนมีพลังอำนาจมากไม่ใช่เล่น แต่ก่อนที่ตัวเขาจะแข็งแกร่งอย่างแท้จริง เขายังไม่ต้องการที่จะมีความขัดแย้งกับซุนกวนฉงในตอนนี้“ไสหัวไปให้พ้นหน้าฉัน!”ซุนกวนฉงตะคอกอย่างเย็นชา เขาปล่อยมือจากคอเสื้อของฉินหมิงฉินหมิงไม่ได้พูดอะไร และเดินไปทางตลาดของเก่าอย่างเงียบ ๆ “ที่รัก คนไร้ค่าอย่างฉินหมิงไม่ใช่แฟนของหลินหว่านชิง แถมหลินหว่านชิงก็ทิ้งเขาไปแล้ว!”“แล้วทำไมคุณถึงไม่สั่งสอนเขาล่ะคะ ปล่อยเขาไปทำไม!”หม่าลู่พูดอย่างไม่มีความสุขครั้งที่แล้วที่อำเภอหลินหว่านชิงตบเธอสองไปสองฉาด เธอรู้ว่าตนไม่มีความสามารถที่จะแก้แค้นหลินหว่านชิงได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงระบายความไม่พอใจใส่ฉินหมิงเท่านั้นแต่ตอนนี้เธอกำลังมองฉินหมิงเดินจากไป แน่นอนว่าเธอใจไม่ยินยอม“นี่เธอโง่หรือเปล่า?”“ครั้งนี้พวกเรามากันเอง ไม่ไ