“ทั้งสองคนนี้เป็นภรรยาเก่าของฉันและเป็นชายชู้ของเธอ!”ฉินหมิงเอ่ยเสียงเรียบ โดยปราศจากความโกรธหรือความผันผวนทางอารมณ์ใด ๆ“อ๋อพวกเขานั่นเอง!”หลี่เจียฮุ่ยตระหนักได้ทันทีเธอรู้ว่าฉินหมิงถูกหม่าลู่ไล่ออกจากบ้าน และนั่นช่างเป็นวิธีที่โหดร้ายเกินไป!แม้ว่าเธอจะมีนิสัยที่เรียบร้อย แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจแทนฉินหมิง เธอจึงมองไปที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรอย่างมาก“ฉินหมิง ฉันไม่คิดว่าหลังจากที่เราหย่ากันได้ไม่นาน คุณจะไปหาผู้หญิงคนอื่นได้เร็วขนาดนี้!”“คุณนี่ลื่นเป็นปลาไหลเชียวนะ!”ใบหน้าของหม่าลู่ดูบอกบุญไม่รับเดิมทีเธอหมายหัวไปแล้วว่าฉินหมิงเป็นคนไร้ค่า แล้วหลังจากที่เธอทิ้งเขาไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอย่างน่าสมเพชอย่างแน่นอน เขาคงไม่มีปัญญาหาผู้หญิงคนไหนได้ไปตลอดชีวิต!แต่เธอไม่คิดเลยว่าในวันหย่าร้าง ฉินหมิงจะพูดคุยกับหลินหว่านชิง สาวงามอันดับหนึ่งจากสี่ของเจียงเฉิง!และตอนนี้เขาก็ได้พบกับสาวงามที่น่าทึ่งอีกคนหนึ่งแล้วเมื่อได้เห็นคนสวยกว่ามายืนเช่นนี้ ไม่ว่าใครก็คงจินตนาการได้ว่าเธอรู้สึกเช่นไร!“ลู่ลู่ คุณคิดมากเกินไปแล้ว!”“ผู้หญิงคนนี้งดงามมาก เธอจะไ
ฉินหมิงกอดเอวอันคอดกิ่วและนุ่มนวลของหลี่เจียฮุ่ยแล้ววางแผนที่จะจากไปเพราะอย่างไรเขาก็ได้ก้าวผ่านเรื่องของหม่าลู่มาได้แล้วและหลี่เจียฮุ่ยก็ช่วยรักษาหน้าเขาเอาไว้ได้มากทีเดียวตราบใดที่ซุนกวนชงและหม่าลู่ไม่คิดจะหาเรื่องเขาอีก เขาก็ไม่คิดจะทำตัวร้าย ๆ ใส่อีกฝ่ายอย่างที่พวกเขาทำ"เดี๋ยว"“เรายังไม่ได้ซื้อเครื่องสำอางเลยนี่นา”หลี่เจียฮุ่ยจับมือของฉินหมิง เสียงกระซิบอันนุ่มนวลของเธอทำให้คนอื่นชาไปทั้งร่าง“เครื่องสำอางที่นี่แพงเกินไป ถ้างั้นก็อย่าซื้อเลย!”"ถ้าเธอต้องการเครื่องสำอางแบรนด์อานิสทรีจริง ๆ ฉันจะจัดหาชุดที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากับเธอสองชุดทีหลังเอง"ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเขารับผิดชอบในการผลิตเวชสำอางของอานิสทรี กรุ๊ป ตราบใดที่เติมน้ำค้างวิญญาณลงในเวชสำอางให้มากขึ้นผลที่ได้ก็จะดีขึ้นตามไปด้วยในเวลานั้น เขาสามารถสร้างเวชสำอางให้กับหลี่เจียฮุ่ยเป็นพิเศษได้หลายชุดทีเดียว"ไม่ ฉันต้องการชุดนี้!"“เพียงหนึ่งหมื่นสองพันเท่านั้นนี่นา!”“พนักงานห่อให้ฉันหน่อย ฉันอยากได้ชุดนี้!”หลี่เจียฮุ่ยกล่าวอย่างใจเย็นและอารมณ์ดี แม้รู้ว่าแพ้แต่สู้ไม่ถอย ถึงจะแพ้ก็ไม่เสียหน้าเธอยอ
ฉินหมิงหัวเราะอย่างเย็นชา“ในห้างสรรพสินค้าอื่น ๆ เครื่องสำอางของอาร์ทิสทรีกรุ๊ปขายในราคาหกหมื่นหกพันบ้าง แต่ร้านเครื่องสำอางในเครือซุนเอนเตอร์ไพรส์ขึ้นราคาเกือบสองเท่าโดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งนี้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อผลประโยชน์ของผู้บริโภค จะเป็นอะไรไปได้อีกถ้าไม่ใช่การโก่งราคา!“ทำไม นายคิดจะรายงานฉันหรือไง?”“ก็ไปรายงานเลยสิ!”“แต่ฉันจะบอกนายให้นะ ซุนเอนเตอร์ไพรส์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมาก แม้ว่านายจะไปรายงานฉันก็ไม่เสียเงินสักแดงเดียว!”ซุนกวนชงพูดเยาะเย้ยร้านค้าในเครือของพวกเขาขึ้นราคากว่าเครื่องสำอางแบรนด์กลุ่มธุรกิจอาร์ทิสทรีกรุ๊ปเป็นการส่วนตัวซึ่งเป็นเพียงผลข้างเคียงแม้ว่าคนในแผนกที่เกี่ยวข้องจะรู้เรื่องนี้พวกเขาก็จะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้อยู่ดีอีกทั้งซุนเอนเตอร์ไพรส์ของพวกเขาได้ดำเนินกิจการในเมืองเจียงเฉิงมาหลายปีแล้ว และมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ซับซ้อนมากยกเว้นเสียแต่ว่าฉินหมิงจะมีอำนาจคับฟ้า ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีปัญญาซะหรอก!“งั้นเหรอ งั้นมารอดูกันได้เลย!”“ครั้งนี้ ฉันต้องการให้ร้านในเครือเครื่องสำอางทั้งหมดซุนเอนเตอร์ไพรส์ที่นายเป็นเจ
“ฮัลโหลครับคุณโจว ไม่ทราบว่าที่คุณโทรมาหาผม มีคำสั่งอะไรหรือเปล่าครับ?”ซุนกวนชงแสร้งพูดยิ้มทำเป็นพูดประจบสอพลอเขากับโจวเจี้ยนสองคนก็เป็นถึงนายน้อยของตระกูลใหญ่เหมือนกัน เพียงแต่ว่าตระกูลโจวนั้นทรงพลังและเป็นตระกูลชั้นหนึ่งซุนเอนเตอร์ไพรส์เป็นตระกูลรองที่ดีที่สุด และความแข็งแกร่งในทุกด้านยังด้อยกว่าตระกูลโจวมากเพราะฉะนั้นตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าโจวเจี้ยน เขาจึงไม่กล้าเบ่งอำนาจมากนักอีกอย่าง อุปทานของร้านเครือเครื่องสำอางมากกว่าหนึ่งโหลที่เขาควบคุมทั้งหมดได้รับการควบคุมโดยโจวกรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ของเขาเขาไม่จำเป็นต้องญาติดีกับลูกคนรวย แต่คนเดียวที่เขาทำให้ขุ่นเคืองไม่ได้คือโจวเจี้ยน!“ซุนกวนชง นายนี่ทำเรื่องงามหน้านักนะ!”“นับจากวันนี้เป็นต้นไป โจวกรุ๊ปของฉันจะตัดความร่วมมือทั้งหมดกับร้านค้าในเครือเครื่องสำอางของนายและจะไม่จัดหาผลิตภัณฑ์อะไรให้กับนายอีกต่อไป…”โจวเจี้ยนตะโกนด้วยความโกรธ“อะไรนะครับ?”ซุนกวนฉงเหมือนฟ้าผ่าลงถึงตะลึงงันอยู่ตรงนั้นแม้ไม่รู้ว่าทำไมโจวเจี้ยนถึงได้ตัดความร่วมมือจากทางซุนเอนเตอร์ไพรส์ แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วอย่างหนึ่งเมื่อร้านเครือเครื่อ
เขาจะอธิบายให้พ่อและคณะกรรมการบริษัทตอนนั้นฟังได้อย่างไร!“ที่รัก เป็นเพราะฉินหมิง!”“เป็นเขาที่รายงานให้กับโจวกรุ๊ป!”“เขามันเป็นตัวต้นเหตุ!”หม่าลู่ใช้นิ้วชี้ไปที่ฉินหมิง เสียงคมบาดใจ“นี่แก กล้านักนะ!”ซุนกวนชงที่ได้สติกลับมาก็มองฉินหมิงด้วยความโกรธทันที ราวกับว่าจะจับฉินหมิงฉีกออกเป็นชิ้น ๆ เมื่อกี้เขาและหม่าลู่คิดมาตลอดว่าฉินหมิงเป็นตัวตลกที่กำลังเล่นกลกับคนอื่นอยู่แต่ตอนนี้เขาทั้งสองคนเพิ่งจะเข้าใจว่า พวกเขานั่นแหละที่เป็นตัวตลก!“ใช่ ฉันเป็นคนทำเองแหละ!”“พวกนายสองคนบอกไม่ใช่เหรอว่าฉันทำอะไรพวกนายไม่ได้ ฉันคิดว่าตระกูลซุนของนายจะมีอำนาจใหญ่โตซะอีก!“ที่แท้นก็ไม่ใช่!”ฉินหมิงหัวเราะเยาะ“นี่แก…”ซุนกวนชงโกรธมาก เลือดของเขาพลุ่งพล่านไปที่อกแทบจะกระอักเลือดออกมาเต็มปากถ้าเขาไม่เคยเห็นพลังกังฟูขั้นสุดยอดของฉินหมิงมาก่อน รู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อกลอนฉินหมิง ตอนนี้เขาคงอัดเจ้าฉินหมิงน่วมไปนานแล้ว! “ ฉินหมิง นายมันรนหาที่ตาย!”“ในเมื่อนายรนหาที่ตาย ฉันก็จะสนองให้!”ซุนกวนชงหัวเราะด้วยความโกรธนับตั้งแต่เขาได้รับบาดเจ็บจากฉินหมิงครั้งที่แล้ว เขาแอบสาบานว่าจะแก้แค้น
“ไม่ต้องกังวล ก็แค่พวกปลาเล็กปลาน้อยก็เท่านั้นเอง”“ไม่ครณามือฉันหรอก!”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆ และความมั่นใจอันแข็งแกร่งก็พุ่งออกมาจากร่างกายของเขาตอนนี้พละกำลังของเขาอยู่ในระดับต้นของพลังพรสวรรค์ และเมื่อไม่นานมานี้เขาก็ได้ต่อสู้กับระดับแนวหน้ามาแล้วสำหรับปรมาจารย์กังฟูภายนอกไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา ไม่มีพลังงานที่แท้จริงรั่วไหลออกมาจากร่างกายของพวกเขา เพราะฉะนั้นพวกเขาอาจมีพลังมากกว่าบอดี้การ์ดธรรมดาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ใช่แม้แต่นักสู้ด้วยซ้ำเขาจะสนใจพวกนั้นทำไม!“นี่แก แกพูดว่าใครเป็นปลาเล็กปลาน้อยฮะ!”“อยากตายนักหรือไง!”ปรมาจารย์กังฟูทั้งสี่คนโกรธหนักมากฉินหมิงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ดวงตากันกลับไปมองซุนกวนชง และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “นี่ซุนกวนชง ฉันว่าฉันเคยเตือนนายไปแล้วนะ ว่าอย่ามาระรานฉันอีก!”“ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง นายหยุดตอนนี้ยังทัน แล้วฉันจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”“ไม่อย่างนั้น อย่ามาเสียใจทีหลัง!”พรึ่บ!คำพูดของฉินหมิงนั้นเทียบเท่ากับระเบิด และฝูงชนก็กรูมาให้ความสนใจทันที“เด็กนี่คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน อวดดีจริง ๆ !”“นั่นน่ะสิ หนึ่งต
นี่มันไม่น่าเชื่อเลยสักนิด!แน่นอนว่าทุกคนไม่รู้ ว่าครั้งที่แล้วพละกำลังของฉินหมิงอยู่ในช่วงปลายที่ได้รับมาเท่านั้น แต่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้ การฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก และความแข็งแกร่งของเขาก็เกินพลังระดับต้นของพลังพรสวรรค์ไปแล้ว เขาสามารถจัดการกับปรมาจารย์ภายนอกหลายคนที่ไม่ใช่นักรบได้อย่างง่ายดาย!“ดี เก่งดีนี่ เก่งจริง ๆ!”“สามารถล้มปรมาจารย์ที่เก่งกาจทั้งสี่ท่านนี้ได้ ฉันเพิ่งเห็นเป็นครั้งแรกนะเนี่ย!”เนี่ยอู๋ปรบมือชม แววชื่นชมฉายอยู่ในดวงตาของเขาเมื่อกี้ตอนที่ฉินหมิงกำลังต่อสู้อยู่ ไม่มีความผันผวนของพลังงานที่แท้จริงในร่างกายของเขา ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า ฉินหมิงไม่ใช่นักสู้อย่างแน่นอน แต่ส่วนใหญ่แล้วน่าจะเป็นเพียงปรมาจารย์กังฟูที่แข็งแกร่งกว่า!จากที่เขารู้จักมา กังฟูภายนอกแค่เรียนศิลปะการต่อสู้มาผิวเผินเท่านั้น ฉินหมิงมีพรสวรรค์อย่างแท้จริงในการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้จากกังฟูภายนอกได้มากขนาดนี้!“นาย… นายเป็นนักสู้อย่างนั้นเหรอ?”ฉินหมิงหรี่ตาลง เขารู้สึกถึงความผันผวนของพลังงานที่แท้จริงจากอีกฝ่ายอย่างคลุมเครือแต่เนื่องจากอีกฝ่ายไม่ได้ลงมือ เขาจึงไม่รู้ว่
เนี่ยอู๋พอใจกับปฏิกิริยาของทุกคนมาก จากนั้นเขาก็หันไปมองฉินหมิงยิ้มอย่างดูถูกและพูดว่า "นี่เจ้าเด็กน้อย เห็นแล้วหรือยัง? นี่คือความแข็งแกร่งของปรมาจารย์ภายใน!"“ตอนนี้ฉันจะให้โอกาสนายเป็นครั้งสุดท้าย คุกเข่าขอร้องซะ หรือว่าจะให้ฉันนายจนคุกเข่าลงไป!”“เลือกทางไหนดี นายก็คิดดูเอาเองแล้วกัน!”“อยากทำก็ทำ พร่ามอะไรอยู่ได้!”ฉินหมิงพูดเหลืออดออกมาเดิมทีเขากลัวฝีมือของเนี่ยอู๋เล็กน้อย แต่เมื่อกี้เนี่ยอู๋ได้ทำการเปิดเผยความแข็งแกร่งของเขา ด้วยความผันผวนของพลังงานที่แท้จริงของตนแล้ว เขารู้สึกได้ว่าการฝึกฝนของเนี่ยอู๋ควรอยู่ในระดับที่ได้มา จุดสูงสุดถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเนี่ยอู่แน่นอนแต่ตอนนี้พละกำลังของเขามีมากกว่านั้นแล้ว ต่อให้เนี่ยอู๋จะมีพลังเท่าไร ก็ยังไม่พอที่จะคุกคามเขาหรอก!“นี่เจ้าเด็กน้อย แกรนหาที่ตายเองนะ!”“ในเมื่อแกรนหาที่ตาย ฉันก็สงเคราะห์ให้!”เนี่ยอู๋โกรธแค้นและต่อยออกไป แบกแรงพลังของสายฟ้า เข้าโจมตีฉินหมิงอย่างว่องไวฉินหมิงกังวลว่าหมัดของเนี่ยอู๋จะทำร้ายหลี่เจียฮุ่ยที่อยู่ข้างหลังเขา ดังนั้นเขาจึงไม่หลบ พลันใช้เท้าเตะออกไปที่หน้าอกเนี่ยอู๋ทันใด