หลินหว่านชิงส่ายหน้าแล้วกล่าว“ก็ได้ ผมต้องขอตัวก่อนแล้ว”ฉินหมิงดูยังสบาย ๆ หลังจากพูดออกไปเช่นนั้นก็หันหลังเดินจากไป หลังจากออกจากวิลล่าแล้วฉินหมิงไปจนถึงยอดเขาด้านหลังนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ค่ายกลรวมวิญญาณ ส่งผลให้เขาต้องบ่มเพาะตนให้ได้อย่างน้อยสองหรือสามชั่วโมงต่อวันในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ปกติแล้วเขาจะนอนในตอนกลางคืนและไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อบ่มเพาะตนตอนประมาณสิบหรือสิบเอ็ดโมงเช้า เขาสามารถนอนและบ่มเพาะตนไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย!เมื่อมาถึงศูนย์กลางของค่ายกล ฉินหมิงนั่งขัดสมาธิแล้วหยิบแผ่นหยกออกมาและเปิดใช้งานค่ายกลเขาใช้เวลาบ่มเพาะตนไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ เริ่มค่อย ๆ ขยับขึ้นทันที มันไหลรวมกันเป็นวังวนแห่งสายลม พุ่งเข้าใส่ฉินหมิงอย่างบ้าคลั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งฉินหมิงร่างกายสั่นเทาและดวงตาพยัคฆ์ก็ลืมขึ้นและประกายแสงในแววตามอดดับลง"ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว!"ฉินหมิงดูตื่นเต้นและหัวเราะอย่างมีความสุขหลังจากการบ่มเพาะตนอย่างหนักในช่วงนี้ ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะลุผ่านช่วงคอขวดของระดับการบ่มเพาะพลังลมปราณขั้นกลางไปได้ และมา
“เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!”เอ้าเฟิงพูดอย่างใจเย็น“ความจริงก็ปรากฏให้เห็นกับตาแล้วนี่ ทุกคนรู้หมดแล้วว่างานเลี้ยงเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น จะยังมีอะไรผิดพลาดอีก”ตู้เซียวก็สับสน“สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป!”“ผมได้แต่สงสัยว่านี้เป็นแผนลวงของหานซีหรือเปล่า!”เอ้าเฟิงหรี่ตาแล้วพูด“เกี่ยวอะไรกับหานซีด้วย?”ตู้เซียวมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ“แน่นอนว่าต้องเกี่ยวแน่!”“ลองคิดดูดี ๆ สิ หานซีคือคนรักของฉินหมิง การที่เธอจะปกป้องฉินหมิงก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ!”“คำพูดของเธอมันเชื่อถือไม่ได้!”เอ้าเฟิงพูดเสียงดัง“คุณกำลังหมายความว่าสร้อยหยกจักรพรรดินั่นเป็นของปลอมเหรอ?”“นั่นเป็นเรื่องที่หานซีกุขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ตู้เซียวคิดแล้วก็เข้าใจความหมายอันคลุมเครือของเอ้าเฟิง“สร้อยคอเส้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของปลอมก็ได้!”"ด้วยชื่อเสียงของอาจารย์หาน หานซีไม่น่าจะเอาชื่อเสียงของปู่ตัวเองมาล้อเล่น ผมว่าสร้อยคอเส้นนั้นน่าจะเป็นฝีมือเจียระไนของอาจารย์หานจริง ๆ!""แต่ก็ยากที่จะตรวจสอบได้ว่านั่นเป็นหยกจักรพรรดิอันล้ำค่าและหายากหรือไม่ มันอาจจะเป็นเพียงเม็ดหยกราคาถูก ไม่ใช่
ดวงตาของเอ้าเฟิงมีแววตาเฉียบคมหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองเมื่อคืนนี้ เขาก็ได้เห็นกับตาว่าหลินหว่านชิงจงใจสนับสนุนฉินหมิงยิ่งไปกว่านั้นฉินหมิงยังได้รับความชอบจากหลินหว่านชิงในงานเลี้ยงอีกด้วย โอกาสการพัฒนาในอนาคตนั้นย่อมไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!และหากฉินหมิงมีอำนาจในมือมากขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะคุกคามสถานะของเขาหรือแม้กระทั่งเข้ามาแทนที่เขาก็เป็นได้!เขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!เขาต้องตัดไฟฉินหมิงเสียตั้งแต่ต้นลม!ขจัดอันตรายทั้งหมดที่พร้อมจะมากล้ำกลาย!“รองประธานเอ้า ผมอยากไล่หมอนี่ออกจากบริษัทมานานแล้ว แต่เขาได้รับการสนับสนุนจากหานซี จึงไม่ง่ายเลยที่จะทำแบบนั้น”“ผมก็เลยอยากรู้ว่าคุณพอมีความคิดดี ๆ อะไรบ้างไหม??”เพราะการเดิมพันครั้งก่อน ตู้เซียวเกือบตกที่นั่งลำบาก เขาจึงกลัวฉินหมิงมากและได้แต่ฝากความหวังไว้กับเอ้าเฟิงเท่านั้น"ความคิดดีๆ มันก็พอมีอยู่บ้าง!"“ครั้งนี้ฉินหมิงได้ช่วยให้บริษัทสามารถร่วมกันลงทุนกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้สำเร็จ ประธานหลินจึงยกย่องเขาเป็นอย่างมาก และตั้งใจที่จะส่งต่อความรับผิดชอบทั้งหมดในเรื่องนี้ให้เขา ในอนาคตผลิต
เวลาผ่านไประยะหนึ่งฉินหมิงอ่านข้อมูลเสร็จก็วางเอกสารในมือลง“หานซี ผมอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว เราสองคนไปดูที่โรงงานกันเถอะครับ”"ตกลง"หานซีพยักหน้า แล้วทั้งสองก็ออกจากออฟฟิศไปด้วยกันเมื่อเดินออกจากอาคารสำนักงานทั้งสองมาถึงจุดจอดรถหานซีเปิดประตูรถบีเอ็มดับเบิลยูและกำลังจะเข้าไป แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นฉินหมิงนิ่งงันราวกับท่อนไม้ คล้ายกับเขาไม่มีเจตนาจะขึ้นรถ“ฉินหมิง คุณมัวยืนทำอะไรอยู่ รีบขึ้นรถเร็วเข้า?”หานซีเร่งเร้าในทันที“ช่างรถนี่เถอะ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับผมดีกว่า!”ฉินหมิงชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้าง ๆ“ตอนนี้ยังไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับการเดินทาง ใช้รถยนต์ก็นับว่าสะดวกมาก แล้วจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำไม”หานซีสับสน"นี่คุณคิดอะไรอยู่?"“ผมแค่ไม่อยากถูกคุณโยนทิ้งไว้กลางทางอีกก็เท่านั้น!”ฉินหมิงจ้องหานซีด้วยความโกรธ"คุณ......"พวงแก้มบนใบหน้าสวยของหานซีปรากฏสีแดงระเรื่อ พาลนึกถึงตอนที่เธอเตะฉินหมิงลงจากรถกลางทางเมื่อครั้งก่อน“สิ่งที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วเป็นเพียงอุบัติเหตุ...”“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันสัญญาว่าครั้งนี้จะไม่เตะคุณลงจากรถอีก”หานซีพูดด้วยใบห
ในสำนักงานของโรงงาน ฉินหมิงและหานซีได้พบกับผู้อำนวยการโรงงานอย่างหวงหย่งหลิน เขาเป็นชายวัยกลางคนซึ่งสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง รูปร่างอวบเล็กน้อยหวงหย่งหลินเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงงาน มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการผลิต การขนส่ง และการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฯลฯ โดยเป็นของฝ่ายผู้บริหารของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส อย่างไรก็ตาม ฉินหมิงและหานซีต่างก็เป็นหัวหน้าจากสำนักงานใหญ่ที่ลงมาตรวจสอบคุณภาพการผลิตและยังเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการร่วมลงทุนครั้งนี้โดยเฉพาะหานซี นับว่าเธอเป็นบุคคลสำคัญระดับสูงในสำนักงานใหญ่อีกด้วยต่อหน้าเธอและฉินหมิง หวงหย่งหลินไม่กล้าเอะอะ“ผู้ช่วยหาน เลขาฉิน ให้ผมพาคุณสองคนไปดูในโรงงานก็แล้วกัน”หวงหย่งหลินกล่าวด้วยความเคารพ"ไม่เป็นไรหรอก""ผู้อำนวยการหวง เลขาฉินและฉันตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สักหน่อย"“งานของคุณคงยุ่งน่าดู เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพาเราไปที่โรงงานด้วยตนเองหรอกค่ะ คุณแค่ขอให้ใครสักคนพาเราไปที่นั่นก็ได้”หานซียิ้มเล็กน้อย"อืม...ก็ดีนะครับ"หวงหย่งหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกผู้อำนวยการที่รับผิดชอบในฝ่ายการผลิตเ
เงินเดือนส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอานิสทรีจะมีโบนัสตามผลงานด้วย แต่เนื่องจากกำลังการผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ได้ โบนัสที่อิงตามผลงานก็ลดลงตามลงไปครึ่งหนึ่งค่าจ้างรายเดือนของพนักงานระดับล่างก็ถูกลดไปมากกว่าห้าพันบาทโดยไม่มีเหตุ นั่นทำให้พนักงานบ่นกันระงมกัวลี่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้หานซีฟัง ประการแรกเพราะเขารู้สึกว่าวัตถุดิบไม่ได้คุณภาพเหมือนแต่ก่อน ส่วนอีกด้านก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพนักงาน“วัตถุดิบมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”“ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายผลิตของบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของรองประธานเอ้าเฟิง คุณสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อผู้อำนวยการหวง หรือจะย้ายงานไปยังรองประธานเอ้าโดยตรงก็ยังได้”“ผมเกรงว่าน่าจะไม่มีประโยชน์อะไร”หานซีขมวดคิ้วกัวลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้ช่วยหาน บอกตามตรงผมเคยรายงานเรื่องนี้กับผู้อำนวยการหวงมาแล้ว แต่ผู้อำนวยการหวงไม่เคยให้คำตอบกับผมตรง ๆ เลย”“ในส่วนของรองประธานเอ้านั้น เขาเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัทและไม่ค่อยได้มาที่นี่ ผู้อำนวยการโรงงานเล็ก ๆ อย่างผมจะเข้าหาเขาได้ง่าย ๆ หรือ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กัวลี่ก็ชะงักไปและพูดด้วย
หานซีกล่าวอย่างใจเย็น แม้ว่าเธอไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเอ้าเฟิง แต่ฉินหมิงในฐานะผู้รับผิดชอบในโครงการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปก็มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการผลิตสินค้าทั้งหมดที่จัดหาให้กับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้ ไม่ถือว่าข้ามหน้าข้ามตาใคร"ว่าไงนะ?""นี่......"กัวลี่ตะลึงเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลขาตัวเล็ก ๆ อย่างฉินหมิงจะมีอำนาจมหาศาลขนาดนี้ ขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างหานซีซึ่งเป็นผู้ช่วยท่านประธานยังต้องทำงานให้กับฉินหมิง!นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยเหรอ?นี่เป็นครั้งแรกที่เขาที่ได้ยินว่ามีเลขาที่เก่งขนาดนี้!“ผู้อำนวยการกัว ไม่ต้องกังวล ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ประธานหลินทราบตามความเป็นจริงในภายหลัง”“จากนั้นเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ที่พวกเขาสมควรได้รับครับ”ฉินหมิงรับปากอย่างมั่นใจ“เลขาฉิน ขอบคุณ ขอบคุณ…”กัวลี่ดีใจมากและคว้ามือฉินหมิงไว้อย่างตื่นเต้น เขาโค้งคำนับและจับมืออีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง“ผู้อำนวยการกัว คุณเกรงใจเกินไป นี่เป็นเรื่องที่สมควรต้องทำอยู่แล้ว…”ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มทุกสิ
"ไม่ต้องกังวล ผมมั่นใจในเรื่องนี้มาก!"“ก่อนหน้านี้คุณก็บอกผมเองไม่ใช่หรือว่าประธานหลินให้อำนาจผมมามากมาย ตราบใดที่มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องส่งให้กับโจวชื่อกรุ๊ป ผมมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ!”"ในเมื่อประธานหลินเชื่อใจผมมากขนาดนั้น แน่นอนว่าผมไม่มีทางจะทำให้เธอต้องผิดหวังในตัวผมแน่!"ฉินหมิงยิ้มอย่างตื่นเต้นแม้ว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทจะเป็นมืออาชีพ แต่พวกเขานั่งอยู่ในสำนักงานทุกวันและไม่รู้สึกเป็นเดือนเป็นร้อน และเดาว่าพวกเขาคงไม่รู้ว่าพวกเขาทำให้บริษัทเสียเวลาไปมากน้อยแค่ไหน!เพราะฉะนั้นเขาควรหวังพึ่งในประสบการณ์ของผู้อำนวยการกัวจะดีกว่า!ที่สำคัญฉินหมิงมั่นใจในทักษะทางการแพทย์มาก สิ่งเดียวที่ขาดอยู่คือความเข้าใจในองค์รวมของผลิตภัณฑ์ ความสามารถของผู้อำนวยการกัวสามารถชดเชยข้อบกพร่องของเขาได้!"คุณ…"“มีอำนาจเข้าหน่อยแล้วทำเหิมเกริม”"ฉันล่ะประทับใจในตัวคุณจริง ๆ!"หานซีกัดฟันด้วยความโกรธเธอไม่มีทางเชื่อว่าคนธรรมดาอย่างฉินหมิงที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับบริษัทจะสามารถช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการสกัดผลผลิตให้กับบริษัทหรือจะสามารถผลิตเวชสำอางได้ด้วย!นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง!
บรรพบุรุษตระกูลฉินทิ้งความรู้ไว้ให้เขาอย่างกว้างขวางมาก แถมยังรวมถึงสูตรลับบางอย่างในการกระตุ้นศักยภาพของร่างกายมนุษย์ด้วย สูตรลับเหล่านี้เกี่ยวข้องกับทักษะทางการแพทย์และได้รับการบันทึกอย่างละเอียดสำหรับยาปราณแท้ ปัจจุบันเขามีสำรองอยู่อีกหลายเม็ดตอนนี้ทั้งสองอย่างล้วนพร้อมแล้ว เขาต้องการช่วยเฝิงเจิ้นฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธไปให้ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย!“ลุงเฝิง ผมบอกความจริงกับคุณก็แล้วกัน แม้ว่าผมจะไม่แน่ใจว่าสามารถช่วยคุณทะลวงไปสู่ระดับราชาแห่งสงครามได้หรือไม่ แต่ผมจะพยายามลองอย่างเต็มที่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จน่าจะสูงมาก ... "ฉินหมิงพูดอย่างจริงใจ“ลองดู?”“การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ เรื่องแบบนี้จะลองสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร หากมีสิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้น ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!”เฝิงเจิ้นตกใจยิ่งกว่าเดิมในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่า ฉินหมิงกำลังพูดเรื่องไร้สาระและต้องการใช้เขาเป็นหนูทดลองหากเป็นเรื่องอื่นก็เอาเถอะ เขาคงสามารถให้ความร่วมมือกับฉินหมิงได้ แต่การฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ระวังอาจกลายเป็นบ้าได้ง่าย ๆ หรือแม้แต่สูญเสียทักษ
เดิมทีระดับการบ่มเพาะของลี่ตั๋วไห่นั้นทัดเทียมกับเขา ทั้งสองอยู่ในระดับของครึ่งก้าวราชาสงคราม ต่างคนต่างไม่สามารถทำอะไรกับอีกฝ่ายได้แต่ตอนนี้ความแข็งแกร่งของลี่ตั๋วไห่แซงหน้าเขาไปแล้ว ต่อไปนี้มันยากมากสำหรับเขาที่จะสู้กับลี่ตั๋วไห่ได้!ชั่วขณะหนึ่ง เขารู้สึกถึงวิกฤตที่รุนแรงมาก แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้“บางทีลี่ตั๋วไห่อาจโชคดีมากกว่า...”ฉินหมิงฉุกคิดได้ และดูเหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างอย่างคลุมเครือเขาเคยสงสัยมาก่อนตอนที่อยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ว่าลี่ตั๋วไห่สามารถฝ่าฟันปัญหาคอขวดของวรยุทธ์ได้อย่างง่ายดาย นี่อาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับการปล้นเจิ้งอวี่ มิฉะนั้นลี่ตั๋วไห่จะไม่สร้างศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเจิ้งเพียงเพื่อยาปราณแท้แค่สามเม็ดแน่ตอนนี้เขาคิดเชื่อมโยงกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าลี่ตั๋วไห่อาจจะสามารถทะลวงเข้าไปในระดับของราชาสงครามได้โดยใช้ยาปราณแท้สามเม็ดนี้!นี่ไม่ใช่ประเด็น ประเด็นก็คือในฐานะคนหลอมยาปราณแท้ เขาเข้าใจคุณสมบัติของยาปราณแท้มากกว่าใคร ๆ ในเมื่อแม้แต่ลี่ตั๋วไห่ก็มีสิทธิ์พึ่งพายาปราณแท้เพื่อกลายเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งในระดับราชาสงคราม ถ้าอย่
ตอนนี้เขาสะบักสะบอมมาก มันเจ็บไปทั้งหัวใจ และเขาคิดอยากลบความรู้สึกที่มีต่อหลินหว่านชิงออกไปให้หมดสิ้น แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง!เขาจะกลับไปคบหลินหว่านชิงอีกครั้งได้อย่างไร!“ฉินหมิง คุณใจร้ายกับฉันได้ขนาดนี้เลยเหรอ?”หลินหว่านชิงกัดริมฝีปากแล้วมองฉินหมิงด้วยใบหน้าเศร้า เธอพยายามกลั้นน้ำตาไว้ไม่ให้ไหลลงมา“ไม่ได้ใจร้าย เพียงแต่ว่าโชคชะตาระหว่างเราสองคนจบลงแล้ว!”“ถ้าคุณเต็มใจ เราก็ยังเป็นเพื่อนกันต่อไปได้ แต่เรื่องความรู้สึกให้มันจบลงเพียงเท่านี้เถอะ!”ฉินหมิงพูดอย่างใจเย็น“ได้ คุณพูดแบบนี้เอง คุณอย่าเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”หลินหว่านชิงรู้สึกเหมือนคนอกหัก เมื่อต้องเผชิญกับความไร้เยื่อใยและความเมินเฉยของฉินหมิง เธอไม่มีความกล้าพอที่จะอยู่ตรงนี้อีกต่อไป เธอจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปทันทีที่เธอหันหลังมา หยดน้ำตาก็ไหลลงอาบแก้มของเธออย่างเงียบ ๆ “ฉินหมิง ไอ้สารเลว!”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยโกรธมาก เธอจ้องมองไปที่ฉินหมิงด้วยสายตาเกลียดชัง จากนั้นก็วิ่งตามไปยังทิศทางของหลินหว่านชิง“ฉินหมิง คุณดูแลตัวเองให้ดี ๆ เถอะ!”หานซีเหลือบมองฉินหมิงด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นเธอและไล่ตามเซี
ฉินหมิงตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ“แน่นอนว่านายไม่รู้!”“ครั้งที่แล้ว พี่ไปที่หมิงเหยากรุ๊ปเพื่อไปง้อนาย แต่เธอถูกซูซินเหยาหลอกให้คิดว่านายกับซูซินเหยาคบกันแล้ว…”“ผู้กระทำผิดทั้งหมดนี้ก็คือซูซินเหยา ถ้าเธอไม่เข้ามาขวางทาง พี่คงไม่ได้รับข้อมูลผิด ๆ จากเธอและไม่ทำร้ายนายครั้งแล้วครั้งเล่า…”เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความโกรธ และเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างคร่าว ๆหลังจากฟังแล้ว ฉินหมิงมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ จากนั้นเขาก็มองซูซินเหยาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟและถามว่า "ซินเหยา สิ่งที่เสี่ยวเตี๋ยพูดเป็นความจริงหรือเปล่า?"“ฉัน...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธออ้าปากพูด แต่ก็พูดไม่ออกท้ายที่สุดแล้ว เรื่องนี้เป็นความผิดของเธอจริง ๆ เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยไม่ได้กล่าวหาเธอ และเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร“ทำไมต้องโกหกผม?”สีหน้าของฉินหมิงมืดลงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเดาจากปฏิกิริยาของซูซินเหยาว่า สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวเตี๋ยพูดนั้นเป็นเรื่องจริง!“ฉินหมิง ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะโกหกคุณ…”“ฉันก็แค่ชอบคุณมาก และไม่อยากเสียคุณไป ฉันจึงตัดสินใจทำมันลงไป...”ดวงตาขอ
ในขณะนี้ เขายังสงบสติอารมณ์ไม่ได้ และความตั้งใจอันแน่วแน่ดั้งเดิมของเขาก็อดไม่ได้ที่จะสั่นคลอนเล็กน้อย“ฉินหมิง คุณอย่าตอบตกลงเธอนะ...”ใบหน้าที่สวยงามของซูซินเหยาซีดลง เธอมองไปที่ฉินหมิงด้วยความกังวลเธอรับรู้ความรู้สึกของฉินหมิงที่มีต่อหลินหว่านชิง และเธอก็เห็นว่าฉินหมิงหวั่นไหว หากไม่ผิดคาด ฉินหมิงน่าจะทิ้งเธอไปแล้วกลับไปหาหลินหว่านชิงเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอรู้สึกเศร้ามาก และใจของเธอก็ค่อย ๆ จมลงสู่ก้นบึ้งเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าสร้อยของซูซินเหยา ฉินหมิงก็ตื่นขึ้นมาทันทีราวกับว่าถูกสาดหน้าด้วยน้ำเย็นหากเป็นเมื่อก่อน เขาอาจจะตกลงที่จะกลับไปคืนดีกับหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ เขาได้ตกลงที่จะหมั้นกับซูซินเหยาแล้ว และเมื่อสักครู่นี้ยังให้สัญญากับซูซินเหยาอีกด้วย!หากเขายกเลิกงานหมั้นในเวลานี้ ไม่ต้องคิดเลยว่าจะทำให้ซูซินเหยาเสียใจมากแค่ไหน!ไม่ชอบสิ่งใด ก็อย่าได้ทำสิ่งนั้นกับคนอื่นตอนที่เขากับหลินหว่านชิงเลิกกัน เขาได้สัมผัสรสชาติความเจ็บปวดด้วยตัวเอง มันเป็นความเจ็บปวดที่จดจำไว้ในใจไม่ลืมเลือน เจ็บจนเจียนตายในเมื่อแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ชอบความเจ็บปวดแบบนี้ เขาจะใจร้ายทำร้ายซูซินเห
“ผมไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บนิดหน่อย...”ฉินหมิงยิ้มเบา ๆแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลินหว่านชิงจะทะเลาะกันจนค่อนข้างไม่มีความสุข แต่หานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยทั้งสองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขามาก เขาถือว่าหานซีและเซี่ยเสี่ยวเตี๋ยเป็นเพื่อนที่ดีมาโดยตลอดเขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองแสดงความเป็นห่วงเขา“ฉินหมิง ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่ทำร้ายคุณ”หลินหว่านชิงพูดด้วยท่าทางรู้สึกผิด“ไม่เป็นไร ทั้งหมดเป็นความสมัครใจของผมเอง...”ฉินหมิงแสร้งทำเป็นฝืนยิ้มความรักคือการให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เขาเสียสละมากมายเพื่อหลินหว่านชิงอย่างเต็มใจ ไม่สามารถโทษผู้อื่นได้“คุณหนูใหญ่หลิน คุณมาหาผมมีธุระอะไรเหรอ?”ฉินหมิงถามตรงประเด็น แม้แต่ชื่อน่ารัก ๆ ที่เขาใช้เรียกหลินหว่านชิงก็ได้เปลี่ยนไปแล้วในเมื่อตอนนี้เขาตัดใจจากหลินหว่านชิงแล้ว และกำลังจะหมั้นกับซูซินเหยา เขาควรขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนกับหลินหว่านชิงและพยายามรักษาระยะห่าง นี่เป็นหน้าที่อย่างหนึ่งที่สมควรทำเมื่อได้ยินชื่อเรียกที่ไม่คุ้นเคยออกมาจากปากฉินหมิง หลินหว่านชิงก็รู้สึกเจ็บแปลบในใจแต่เธอรู้ว่าทั้งหมดน
ฉินหมิงเป็นคู่แข่งทางความรักที่ใหญ่ที่สุดของเขา ขอแค่ฉินหมิงและหลินหว่านชิงคืนดีกันไม่สำเร็จในครั้งนี้ เขาก็สามารถใช้โอกาสจากเรื่องนี้เข้าไปอยู่ในหัวใจของหลินหว่านชิงได้ง่ายขึ้น!แค่ได้คิดก็มีความสุขมาก!......คฤหาสน์ตระกูลซูแขนข้างหนึ่งของฉินหมิงถูกพันด้วยผ้าพันแผล เขานอนอยู่บนเตียงเพื่อพักฟื้นอยู่ในห้องเพราะเขากินยามังกรซ่อนไปหนึ่งเม็ดตอนอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน ตอนนี้เขาจึงอยู่ในระยะอ่อนแอ ร่างกายไร้เรี่ยวแรงข้างเตียงซูซินเหยาดูแลฉินหมิงอย่างดี ในมือถือชามยาบำรุงพลังร่างกาย เธอป้อนยาให้ฉินหมิงด้วยรอยยิ้มที่มีความสุขบนใบหน้าอันงดงามของเธอคนเราจะมีความสุขเมื่อได้อยู่กับคนที่เรารัก เธอรอคอยฉินหมิงมาเป็นเวลานาน ในที่สุดวันที่ยากลำบากผ่านพ้นไป วันที่หวานชื่นก็มาถึง ได้กลับมาอยู่ด้วยกันกับฉินหมิงสมใจปรารถนาใครก็ยากที่จะจินตนาการถึงความสุขในใจของเธอได้!หลังจากกลับมาจากคฤหาสน์ตระกูลหลิน ใบหน้าที่สวยงามของเธอก็ไม่เคยหยุดยิ้มได้เลย…ในขณะนี้ มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซูนายหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว“คุณหนูใหญ่ ข้างนอกมีผู้หญิงคนหนึ่
“สรุปก็คือหนูจะไปหาเขาตอนนี้และอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจน บางทีนี่อาจจะเอาชนะใจเขากลับมาได้!”หลินหว่านชิงพูดอย่างหนักแน่นพูดจบเธอก็หันหลังแล้วเดินออกไป“ไม่ได้ ลูกจะไปไม่ได้!”“เรื่องของฉินหมิงเป็นเรื่องอดีตไปแล้ว ลูกควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้หลานเค่ออั๋งคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของลูก!”หลินเถิงฮุ่ยหมุนรถเข็นของเขาและรีบไปหยุดหลินหว่านชิงไว้ในความเป็นจริง เหตุผลที่เขาห้ามหลินหว่านชิงก็เพราะว่าฉินหมิงกำลังจะหมั้นหมายกับซูซินเหยา และเนื่องจากเค่ออั๋งชอบหลินหว่านชิงมากแม้ว่าฉินหมิงจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยม แต่ฉินหมิงก็เป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ไร้อำนาจบารมี หากฉินหมิงจะเต็มใจที่จะกลับมาคืนดีกับหลินหว่านชิงจริง ๆ มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาในการกลับไปสู่วงศ์ตระกูลแต่เค่ออั๋งนั้นแตกต่างออกไป หากหลินหว่านชิงยอมรับเค่ออั๋งด้วยพลังยุทธและรากฐานของตระกูลเค่อ การช่วยให้เขายึดอำนาจของตระกูลกลับคืนมาคงไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน!“พ่อ ก่อนหน้านี้พ่อทำเพื่อประโยชน์ของตระกูล จึงเข้ามาก้าวก่ายเรื่องระหว่างหนูกับฉินหมิง อย่างไม่ลังเล และท้ายที่สุดหนูก็ทำร้ายฉินหมิงครั้งแล้วครั้งเล่า...”“ตอนนี้พ่
การให้ความช่วยเหลือในเวลาที่ต้องการเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ตอนนี้หลินหว่านชิงและพ่อของเธอกำลังประสบปัญหา จุดประสงค์ของการมาที่นี่คือการถือโอกาสแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหลินหว่านชิงในตอนที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือมากที่สุด และหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากเธอ!ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเขามาทันเวลา เมื่อสักครู่นี้เขาเป็นพระเอกขี่ม้าขาวและช่วยหลินหว่านชิงให้รอดพ้นจากอันตราย ความประทับใจที่ไม่ดีต่อเขาในอดีตก็เปลี่ยนไปมากเช่นกัน“คุณอยากช่วยเราเหรอ?”หลินเถิงฮุ่ยรู้สึกประหลาดใจและตื่นเต้นตระกูลเค่อเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงเฉิง ที่มีพลังยุทธและรากฐานที่ทรงพลังมาก หากเขาได้รับความช่วยเหลือจากเค่ออั๋งและตระกูลเค่อได้ มันจะเป็นเรื่องง่ายขึ้นมากสำหรับเขาและหลินหว่านชิงที่จะกลับคืนสู่ตระกูลหรือยึดอำนาจของตระกูลคืนมา!“ใช่แล้ว!”“ลุงหลิน ตราบเท่าที่คุณต้องการความช่วยเหลือจากผม ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดและทำอย่างเต็มที่!”เค่ออั๋งพูดเสียงดังฉะฉาน“ดี เยี่ยมมาก!”“หลานเค่ออั๋ง หากคุณสามารถช่วยฉันกับหว่านชิงกลับคืนสู่ตระกูลหลินได้ เราสองพ่อลูกจะขอบคุณอย่างยิ่ง!”หลินเถิงฮ