เงินเดือนส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอานิสทรีจะมีโบนัสตามผลงานด้วย แต่เนื่องจากกำลังการผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ได้ โบนัสที่อิงตามผลงานก็ลดลงตามลงไปครึ่งหนึ่งค่าจ้างรายเดือนของพนักงานระดับล่างก็ถูกลดไปมากกว่าห้าพันบาทโดยไม่มีเหตุ นั่นทำให้พนักงานบ่นกันระงมกัวลี่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้หานซีฟัง ประการแรกเพราะเขารู้สึกว่าวัตถุดิบไม่ได้คุณภาพเหมือนแต่ก่อน ส่วนอีกด้านก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพนักงาน“วัตถุดิบมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”“ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายผลิตของบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของรองประธานเอ้าเฟิง คุณสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อผู้อำนวยการหวง หรือจะย้ายงานไปยังรองประธานเอ้าโดยตรงก็ยังได้”“ผมเกรงว่าน่าจะไม่มีประโยชน์อะไร”หานซีขมวดคิ้วกัวลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้ช่วยหาน บอกตามตรงผมเคยรายงานเรื่องนี้กับผู้อำนวยการหวงมาแล้ว แต่ผู้อำนวยการหวงไม่เคยให้คำตอบกับผมตรง ๆ เลย”“ในส่วนของรองประธานเอ้านั้น เขาเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัทและไม่ค่อยได้มาที่นี่ ผู้อำนวยการโรงงานเล็ก ๆ อย่างผมจะเข้าหาเขาได้ง่าย ๆ หรือ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กัวลี่ก็ชะงักไปและพูดด้วย
หานซีกล่าวอย่างใจเย็น แม้ว่าเธอไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเอ้าเฟิง แต่ฉินหมิงในฐานะผู้รับผิดชอบในโครงการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปก็มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการผลิตสินค้าทั้งหมดที่จัดหาให้กับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้ ไม่ถือว่าข้ามหน้าข้ามตาใคร"ว่าไงนะ?""นี่......"กัวลี่ตะลึงเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลขาตัวเล็ก ๆ อย่างฉินหมิงจะมีอำนาจมหาศาลขนาดนี้ ขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างหานซีซึ่งเป็นผู้ช่วยท่านประธานยังต้องทำงานให้กับฉินหมิง!นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยเหรอ?นี่เป็นครั้งแรกที่เขาที่ได้ยินว่ามีเลขาที่เก่งขนาดนี้!“ผู้อำนวยการกัว ไม่ต้องกังวล ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ประธานหลินทราบตามความเป็นจริงในภายหลัง”“จากนั้นเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ที่พวกเขาสมควรได้รับครับ”ฉินหมิงรับปากอย่างมั่นใจ“เลขาฉิน ขอบคุณ ขอบคุณ…”กัวลี่ดีใจมากและคว้ามือฉินหมิงไว้อย่างตื่นเต้น เขาโค้งคำนับและจับมืออีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง“ผู้อำนวยการกัว คุณเกรงใจเกินไป นี่เป็นเรื่องที่สมควรต้องทำอยู่แล้ว…”ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มทุกสิ
"ไม่ต้องกังวล ผมมั่นใจในเรื่องนี้มาก!"“ก่อนหน้านี้คุณก็บอกผมเองไม่ใช่หรือว่าประธานหลินให้อำนาจผมมามากมาย ตราบใดที่มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่ต้องส่งให้กับโจวชื่อกรุ๊ป ผมมีสิทธิ์ขาดในการตัดสินใจ!”"ในเมื่อประธานหลินเชื่อใจผมมากขนาดนั้น แน่นอนว่าผมไม่มีทางจะทำให้เธอต้องผิดหวังในตัวผมแน่!"ฉินหมิงยิ้มอย่างตื่นเต้นแม้ว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของบริษัทจะเป็นมืออาชีพ แต่พวกเขานั่งอยู่ในสำนักงานทุกวันและไม่รู้สึกเป็นเดือนเป็นร้อน และเดาว่าพวกเขาคงไม่รู้ว่าพวกเขาทำให้บริษัทเสียเวลาไปมากน้อยแค่ไหน!เพราะฉะนั้นเขาควรหวังพึ่งในประสบการณ์ของผู้อำนวยการกัวจะดีกว่า!ที่สำคัญฉินหมิงมั่นใจในทักษะทางการแพทย์มาก สิ่งเดียวที่ขาดอยู่คือความเข้าใจในองค์รวมของผลิตภัณฑ์ ความสามารถของผู้อำนวยการกัวสามารถชดเชยข้อบกพร่องของเขาได้!"คุณ…"“มีอำนาจเข้าหน่อยแล้วทำเหิมเกริม”"ฉันล่ะประทับใจในตัวคุณจริง ๆ!"หานซีกัดฟันด้วยความโกรธเธอไม่มีทางเชื่อว่าคนธรรมดาอย่างฉินหมิงที่เพิ่งเข้ามาร่วมงานกับบริษัทจะสามารถช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการสกัดผลผลิตให้กับบริษัทหรือจะสามารถผลิตเวชสำอางได้ด้วย!นี่ไม่มีทางเป็นเรื่องจริง!
หากประสิทธิภาพการสกัดวัตถุดิบจากแหล่งใหม่ได้รับการปรับปรุงให้มีคุณภาพเทียบเท่ากับวัตถุดิบในแหล่งก่อนหน้าได้ เงินเดือนของทุกคนก็จะกลับมาเท่าเดิมนอกจากนี้ หากพัฒนาเวชสำอางที่ให้ประสิทธิภาพดีกว่าได้สำเร็จ กลุ่มธุรกิจอานิสทรีกรุ๊ปก็จะก้าวพ้นจากธุรกิจขนาดกลางไปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ จนกลายเป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ชั้นหนึ่ง!เมื่อรายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้น เงินเดือนพนักงานก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!"นั่นก็จริง แต่การเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดวัตถุดิบและพัฒนาเวชสำอางไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ!""ไม่หรอก จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้ยากเลย อย่างไรก็ต้องสำเร็จแน่!"“เว้นแต่จะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น!”หานซีพูดอย่างไม่พอใจรู้สึกเหมือนกำลังสีซอให้ควายฟังอย่างไรอย่างนั้น“ก็ถ้าคุณไม่ลองดูสักตั้ง จะรู้ได้ยังไงว่าจะไม่มีปฏิหาริย์เกิดขึ้น!”“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า เรื่องนี้ผมมั่นใจมาก และรับประกันเลยว่าจะไม่มีปัญหาอะไร!”ฉินหมิงตบหน้าอกแล้วพูดอย่างมั่นใจเนื่องจากแบรนด์อื่น ๆ ยังสามารถพัฒนาเวชสำอางได้ แล้วด้วยทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของเขา จะมีเหตุผลอะไรที่ทำให้เขาไม่อาจพัฒนาเวชสำอางของ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหว่านชิงก็หยุดชั่วคราวแล้วกล่าวเสริมว่า "ฉันรู้ที่คุณทำแบบนี้ก็เพราะต้องการจะช่วยเหลือพนักงานระดับล่างพวกนั้น"“เอาแบบนี้ดีไหม? เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับรองประธานเอ้าให้และจะขอให้เขาลดมาตรฐานกำลังการผลิตของโรงงานลง เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ของพนักงานระดับล่าง!”"ไม่จำเป็น!"“หว่านชิง ผมรู้ว่าปัญหาเรื่องวัตถุดิบคอยกวนใจคุณอยู่เสมอ ต่อให้เราจะลดปริมาณการผลิตลง มันก็เป็นเพียงแค่การแก้ที่ปลายเหตุชั่วคราว แต่ไม่ใช่ที่ต้นตอ!”“ผม...ผมแค่อยากช่วยคุณแก้ปัญหาก็เท่านั้น”ฉินหมิงรวบรวมความกล้า"คุณ......"หลินหว่านชิงตกตะลึง ความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแล่นเข้าสู่หัวใจของเธอฉินหมิงเข้าใจถูกแล้ว ปัญหาเรื่องวัตถุดิบเป็นเรื่องที่เธอกังวลมาตลอดจริง ๆ!เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา วัตถุดิบที่เคยหาได้กลับไม่เพียงพอ บริษัทจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมให้เอ้าเฟิงตามหาคู่ค้าวัตถุดิบรายใหม่และเธอรู้ว่าวัตถุดิบจากคู่ค้ารายใหม่คุณภาพไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มหน้ารับชะตากรรม!แน่นอนว่าหากฉินหมิงสามารถเพิ่มปร
หากเติมน้ำค้างยามเช้าที่มีกลิ่นอายเหล่านี้ลงในวัตถุดิบของเครื่องสำอาง จะไม่เพียงเป็นการช่วยให้วัตถุดิบพื้นฐานเข้ากันได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงสรรพคุณของเวชสำอางให้ดีขึ้นได้ด้วย!นี่คือความงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง!หลังจากที่ฉินหมิงเก็บน้ำค้างยามเช้าใส่ภาชนะ เนื่องจากพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นในตอนกลางคืนถูกน้ำค้างยามเช้าดูดซับไว้จนหมดแล้ว เขาจึงไม่เหลือพลังวิญญาณไว้สำหรับบ่มเพาะตัวเองอีก ดังนั้นเขาจึงต้องกลับลงมาจากภูเขาทันทีที่บริษัทตู้เซียวอยู่ในห้องทำงานของรองประธานาธิบดีเอ้าเฟิงด้วยเอ้าเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและการแปรรูป และมีผู้อำนวยการหวงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อวานฉินหมิงใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่โรงงานและวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดวัตถุดิบและพัฒนาเวชสำอาง ผู้อำนวยการหวงจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติและรายงานเรื่องนี้ให้เขาทราบโดยเร็วที่สุดและนั่นทำให้เขาโกรธมาก!ถึงกระนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหลินหว่านชิงได้ส่งมอบโครงการลงทุนร่วมกับโจวชื่อกรุ๊ปให้ฉินหมิงเป็นผู้รับผิดชอบ และตอนนี้ฉินหมิงก็กำลังหาเรื่องเขาด้วยการมายุ่งย่ามกับการจัดซื
“ผมจะติดต่อผู้บริหารระดับสูงหลาย ๆ คน และพยายามร่วมมือกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อกดดันฉินหมิง”“ถึงตอนนั้น พวกเราทั้งสองคนจะร่วมมือกัน และเราจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กคนนั้นได้ในสิ่งที่เขาต้องการ!”"ตกลง ผมเอาด้วย"ตู้เซียวพยักหน้าและเดินออกจากสำนักงานไป…อีกด้านหนึ่ง ฉินหมิงและหานซีกำลังจะออกไปยังโรงงาน แต่เมื่อทราบว่าหลินหว่านชิงจะจัดการประชุมพนักงานระดับสูง พวกเขาจึงล้มเลิกความคิดเอาไว้ชั่วคราวแล้วเดินไปที่ห้องประชุมด้วยกันภายในห้องประชุมเมื่อฉินหมิงและหานซีมาถึงในห้องก็เต็มไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแล้วในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลินหว่านชิงเดินเข้ามาในห้องประชุม พร้อมกับเลขาของเธออย่างอู๋จิ้งห้องประชุมที่เสียงดังเซ็งแซ่และอึกทึกครึกโครมแต่เดิมกลับเงียบลงทันทีเมื่อมาถึง หลินหว่านชิงก็นั่งลง“วันนี้เป็นการประชุมสามัญของบริษัท แต่ละแผนกมีหน้าที่รายงานผลประกอบการและความคืบหน้าของเดือนที่แล้ว”“นอกจากนี้ หากคุณมีปัญหาใด ๆ คุณสามารถสอบถามพวกเขาได้เช่นกัน”หลินหว่านชิงเอ่ยปากด้วยท่าทางที่สงบและเยือกเย็นเช่นเคย“ประธานหลิน เรามาเริ่มกันที่ฝ่ายการเงินของเราก่อนนะคะ…
"ประธานหลิน ผมไม่ได้กังขาในความสามารถของผู้ช่วยหาน แต่..."เมื่อเห็นว่าทุกคนพูดไม่ออก เอ้าเฟิงจึงต้องลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค หลินหว่านชิก็ตัดบทเขา"ไม่มีแต่ค่ะ!""สิทธิ์การลงทุนร่วมกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป เดิมทีก็เป็นเพราะฉินหมิง ดังนั้นถึงไม่แปลกที่เขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในโครงการนี้ด้วย!""สรุปก็คือฉันตัดสินใจไปแล้ว และไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก!"หลินหว่านชิงตบโต๊ะและยื่นคำขาด"ก็ได้"เอ้าเฟิงทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนจะนั่งลงด้วยความอับอายเดิมทีเขาวางแผนที่จะก่อหวอดกับผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนเพื่อกดดันฉินหมิงและพยายามบีบให้ฉินหมิงออกจากอำนาจแต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินหว่านชิงให้ความสำคัญกับฉินหมิงมากกว่าที่เขาคิด หลินหว่านชิงยังพยายามคัดค้านความคิดเห็นของทุกคนเพื่อฉินหมิง ซึ่งนั่นทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ผลอย่างไรก็ตาม เขาไม่พยายามยอมแพ้ง่าย ๆ ทำได้แต่มองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาอย่างเงียบ ๆผู้อำนวยการเฉิงประจำฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบที่มีรูปร่างท้วม มองแวบแรกเขาดูเหมือนพวกชอบประจบสอพลอ“ท่านประธานหลิน ผมยังมีอีกเรื่