เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินหว่านชิงก็หยุดชั่วคราวแล้วกล่าวเสริมว่า "ฉันรู้ที่คุณทำแบบนี้ก็เพราะต้องการจะช่วยเหลือพนักงานระดับล่างพวกนั้น"“เอาแบบนี้ดีไหม? เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับรองประธานเอ้าให้และจะขอให้เขาลดมาตรฐานกำลังการผลิตของโรงงานลง เพื่อไม่ให้กระทบต่อรายได้ของพนักงานระดับล่าง!”"ไม่จำเป็น!"“หว่านชิง ผมรู้ว่าปัญหาเรื่องวัตถุดิบคอยกวนใจคุณอยู่เสมอ ต่อให้เราจะลดปริมาณการผลิตลง มันก็เป็นเพียงแค่การแก้ที่ปลายเหตุชั่วคราว แต่ไม่ใช่ที่ต้นตอ!”“ผม...ผมแค่อยากช่วยคุณแก้ปัญหาก็เท่านั้น”ฉินหมิงรวบรวมความกล้า"คุณ......"หลินหว่านชิงตกตะลึง ความอบอุ่นที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดแล่นเข้าสู่หัวใจของเธอฉินหมิงเข้าใจถูกแล้ว ปัญหาเรื่องวัตถุดิบเป็นเรื่องที่เธอกังวลมาตลอดจริง ๆ!เนื่องจากบริษัทมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา วัตถุดิบที่เคยหาได้กลับไม่เพียงพอ บริษัทจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมให้เอ้าเฟิงตามหาคู่ค้าวัตถุดิบรายใหม่และเธอรู้ว่าวัตถุดิบจากคู่ค้ารายใหม่คุณภาพไม่ได้ตามเกณฑ์มาตรฐาน แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องก้มหน้ารับชะตากรรม!แน่นอนว่าหากฉินหมิงสามารถเพิ่มปร
หากเติมน้ำค้างยามเช้าที่มีกลิ่นอายเหล่านี้ลงในวัตถุดิบของเครื่องสำอาง จะไม่เพียงเป็นการช่วยให้วัตถุดิบพื้นฐานเข้ากันได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับปรุงสรรพคุณของเวชสำอางให้ดีขึ้นได้ด้วย!นี่คือความงามของธรรมชาติอย่างแท้จริง!หลังจากที่ฉินหมิงเก็บน้ำค้างยามเช้าใส่ภาชนะ เนื่องจากพลังวิญญาณที่สร้างขึ้นในตอนกลางคืนถูกน้ำค้างยามเช้าดูดซับไว้จนหมดแล้ว เขาจึงไม่เหลือพลังวิญญาณไว้สำหรับบ่มเพาะตัวเองอีก ดังนั้นเขาจึงต้องกลับลงมาจากภูเขาทันทีที่บริษัทตู้เซียวอยู่ในห้องทำงานของรองประธานาธิบดีเอ้าเฟิงด้วยเอ้าเฟิงเป็นผู้รับผิดชอบด้านการจัดหาวัตถุดิบ การผลิตและการแปรรูป และมีผู้อำนวยการหวงเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเมื่อวานฉินหมิงใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่โรงงานและวางแผนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดวัตถุดิบและพัฒนาเวชสำอาง ผู้อำนวยการหวงจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติและรายงานเรื่องนี้ให้เขาทราบโดยเร็วที่สุดและนั่นทำให้เขาโกรธมาก!ถึงกระนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าหลินหว่านชิงได้ส่งมอบโครงการลงทุนร่วมกับโจวชื่อกรุ๊ปให้ฉินหมิงเป็นผู้รับผิดชอบ และตอนนี้ฉินหมิงก็กำลังหาเรื่องเขาด้วยการมายุ่งย่ามกับการจัดซื
“ผมจะติดต่อผู้บริหารระดับสูงหลาย ๆ คน และพยายามร่วมมือกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาเพื่อกดดันฉินหมิง”“ถึงตอนนั้น พวกเราทั้งสองคนจะร่วมมือกัน และเราจะไม่มีวันปล่อยให้เด็กคนนั้นได้ในสิ่งที่เขาต้องการ!”"ตกลง ผมเอาด้วย"ตู้เซียวพยักหน้าและเดินออกจากสำนักงานไป…อีกด้านหนึ่ง ฉินหมิงและหานซีกำลังจะออกไปยังโรงงาน แต่เมื่อทราบว่าหลินหว่านชิงจะจัดการประชุมพนักงานระดับสูง พวกเขาจึงล้มเลิกความคิดเอาไว้ชั่วคราวแล้วเดินไปที่ห้องประชุมด้วยกันภายในห้องประชุมเมื่อฉินหมิงและหานซีมาถึงในห้องก็เต็มไปด้วยผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแล้วในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น หลินหว่านชิงเดินเข้ามาในห้องประชุม พร้อมกับเลขาของเธออย่างอู๋จิ้งห้องประชุมที่เสียงดังเซ็งแซ่และอึกทึกครึกโครมแต่เดิมกลับเงียบลงทันทีเมื่อมาถึง หลินหว่านชิงก็นั่งลง“วันนี้เป็นการประชุมสามัญของบริษัท แต่ละแผนกมีหน้าที่รายงานผลประกอบการและความคืบหน้าของเดือนที่แล้ว”“นอกจากนี้ หากคุณมีปัญหาใด ๆ คุณสามารถสอบถามพวกเขาได้เช่นกัน”หลินหว่านชิงเอ่ยปากด้วยท่าทางที่สงบและเยือกเย็นเช่นเคย“ประธานหลิน เรามาเริ่มกันที่ฝ่ายการเงินของเราก่อนนะคะ…
"ประธานหลิน ผมไม่ได้กังขาในความสามารถของผู้ช่วยหาน แต่..."เมื่อเห็นว่าทุกคนพูดไม่ออก เอ้าเฟิงจึงต้องลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค หลินหว่านชิก็ตัดบทเขา"ไม่มีแต่ค่ะ!""สิทธิ์การลงทุนร่วมกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป เดิมทีก็เป็นเพราะฉินหมิง ดังนั้นถึงไม่แปลกที่เขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในโครงการนี้ด้วย!""สรุปก็คือฉันตัดสินใจไปแล้ว และไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก!"หลินหว่านชิงตบโต๊ะและยื่นคำขาด"ก็ได้"เอ้าเฟิงทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนจะนั่งลงด้วยความอับอายเดิมทีเขาวางแผนที่จะก่อหวอดกับผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนเพื่อกดดันฉินหมิงและพยายามบีบให้ฉินหมิงออกจากอำนาจแต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินหว่านชิงให้ความสำคัญกับฉินหมิงมากกว่าที่เขาคิด หลินหว่านชิงยังพยายามคัดค้านความคิดเห็นของทุกคนเพื่อฉินหมิง ซึ่งนั่นทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ผลอย่างไรก็ตาม เขาไม่พยายามยอมแพ้ง่าย ๆ ทำได้แต่มองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาอย่างเงียบ ๆผู้อำนวยการเฉิงประจำฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบที่มีรูปร่างท้วม มองแวบแรกเขาดูเหมือนพวกชอบประจบสอพลอ“ท่านประธานหลิน ผมยังมีอีกเรื่
"แต่นี่ก็นานมากแล้ว ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของคุณยังไร้ความสำเร็จและไม่มีอะไรคืบหน้าเลย!"“คุณไม่ยอมให้คนอื่นมายุ่งกับงานที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเองก็ไม่มีปัญญาทำได้? นี่มันตรรกะอะไรของคุณ!”"คุณ......""ใครบอกว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราไม่มีผลงาน?!""ก่อนอื่น การวิจัยจากฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเรามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และเราก็จะสามารถพัฒนาเวชสำอางระดับไฮเอนด์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน!"ใบหน้าของผู้อำนวยการเฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ“และอนาคตอันใกล้นี่มันใกล้แค่ไหนล่ะ?”“หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี?!”หานซีเยาะเย้ยผู้อำนวยการเฉิงรู้สึกหงุดหงิด "ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก ผมรับประกันได้เลยว่าอย่างมากที่สุดก็ภายในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราจะสามารถเปิดตัวเวชสำอางสามชนิดที่มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้!"“หนึ่งสัปดาห์เหรอ? จริงเหรอ?!”ทุกคนประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาจะกลับมายืนหยัดได้ในวันนี้!"ดีมาก!"“การที่ผู้อำนวยการเฉิงออกปากเองแบบนี้ก็แปลว่ามีเขามูลนั่นแหละ!”“ใช่แล้ว บริษัทของเรากำลังเข้าสู
“นี่เลขาฉิน ในแผนค้นคว้าและทดสอบของเรามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก พวกเจาใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญบางอย่างได้!"“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ที่จะใช้เวลาสั้น ๆ พัฒนาเวชสำอางสิบชนิดได้ในหนึ่งสัปดาห์? ”“เพ้อเจ้อสิ้นดี! ”ผู้อำนวยการเฉิงหัวเราะเยาะถ้าคนนอกแผนกอย่างฉินหมิงพัฒนาเวชสำอางสิบชนิดได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ อย่างนั้นคนในแผนกพวกเขาจะมีประโยชน์อะไร! ”“ฉินหมิง ฉันรู้ว่านายหวังดีเพื่อประโยชน์ของบริษัท!”“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาอวดดีนะ เลิกวุ่นวายสักทีได้ไหม!”หลินหว่านชิงจ้องมองฉินหมิงอย่างไม่พอใจเธอจำได้ดีเมื่อวานฉินหมิงเป็นคนบอกเธอเอง ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จได้ในหนึ่งสัปดาห์เขานี่พูดไม่คิดชัด ๆ ถ้าเธอเชื่อเขา เธอนั่นแหละที่แปลก!“ประธานหลิน ผมไม่ได้พูดจาเลอะเทอะนะครับ ที่ผมพูดมาทั้งหมดผมพูดจริงนะครับ!”“ผมมั่นใจว่าผมทำได้!”ฉินหมิงพูดน้ำเสียงจริงจังเมื่อคืนเขาไม่ได้พูดเต็มที่ต่อหน้าหลินหว่านชิง เพียงเพราะว่าเขาอยากจะถ่อมตัวก็เท่านั้นแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อวาน ภายใต้แรงกดดันจากผู้อำนวยการเฉิงฝ่ายค้นคว้าและทดสอบ มันจึงทำให้เขาเดินถอยหลังไม่
“ได้ ผมตกลง! ”“พอถึงตอนนั้น คุณเตรียมไสหัวออกจากบริษัทไปได้เลย!”เอ้าเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา เขามองดูฉินหมิงด้วยความดูถูก ราวกับว่าเขาชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น“คำไหนคำนั้นครับ! ”“อย่างนั้นให้ประธานหลินและเพื่อนร่วมงานทุกท่านที่นี้เป็นพยานละกันนะครับ แล้วเรามารอดูกันว่าใครจะชนะ!“ฉินหมิงหัวเราะขึ้นมา“ทำอะไรไม่ดูตัวเองจริง ๆ !”ผู้บริหารทุกคนรู้สึกขบขันกับคำพูดของฉินหมิงพวกเขาไม่คิดว่าฉินหมิงจะเอาชนะเรื่องนี้ได้ ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าฉินหมิงเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากที่ไหน!“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้วค่ะ!”หลินหว่านชิงมองฉินหมิงอย่างไม่สบอารมณ์นักความคิดของเธอก็ไม่ต่างจากทุกคน เธอเองก็ไม่คิดว่าฉินหมิงจะชนะเหมือนกัน เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของฉินหมิง เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร…ไม่กี่วันต่อมาฉินหมิงเข้าไปในโรงงานและทำงานร่วมกับรองผู้อำนวยการกัวในการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นและพัฒนาเวชสำอางหลังจากทั้งสองที่ทำงานหนัก ไม่นานสิ่งต่าง ๆ ก็เห็นความก้าวหน้าในด้านประสิทธิภาพของการกลั่นวัตถุดิบ ฉินหมิงได้ทำตามแนวคิดของรองผู้อำนวยการกัว และหลังจากการทดลองซ้ำหลายครั้งในที่สุดทั้งสองคนก็ได
“แน่นอนสิครับ!”“ครั้งนี้ผมทำตามที่สัญญากับประธานหลินสำเร็จแล้วนะครับ! ”ผู้อำนวยการเฉินเชิดยิ้มอย่างภูมิใจ“จริงเหรอครับ?”“อย่างนั้นก็แสดงความยินดีด้วยนะครับ!”"เวชสำอางระดับไฮเอนด์มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาของบริษัทของเรา ถ้าประธานหลินรู้เรื่องนี้ เธอจะตอบแทนแผนกค้นคว้าและพัฒนาของคุณอย่างแน่นอนเชียวล่ะครับ!"…ผู้บริหารระดับสูงหลายคนแสดงความยินดีและชมเชยเขาอย่างไม่หยุด“ผู้อำนวยการเฉิน คุณนี่ทำได้ไม่เลวเลยนะครับ!”แม้กระทั่งเอ้าเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพอใจตอนนี้เขาและผู้อำนวยการเฉิงถือว่าได้ลงเรือลำเดียวกัน ตอนนี้แผนกค้นคว้าและพัฒนาพัฒนามันสำเร็จแล้ว สำหรับเขานี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เหมือนเขาและผู้อำนวยการเฉิงชนะเดิมพันไปแล้วครึ่งหนึ่ง!ผ่านไม่นานก็ได้มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น หลินหว่านชิงได้พาเลขาอู๋จิ้งเข้ามาในห้องประชุมพอมาถึงที่นั่ง หลินหว่านชิงเงยหน้าขึ้นและพบว่ามันแปลกไป “เอ๊ะ แล้วฉินหมิงล่ะคะ ทำไมถึงไม่เห็นพวกเขาสองคน?”“ไม่รู้ครับ ผมเองก็ไม่เห็นพวกเขาเหมือนกัน”ทุกคนต่างส่ายหน้าอย่างงงงวย“ไม่ใช่ว่าเลขาฉินทำไม่สำเร็จ เลยกังวลกลัวว่าจะถูกทุกคนไล่จี้เ