"ประธานหลิน ผมไม่ได้กังขาในความสามารถของผู้ช่วยหาน แต่..."เมื่อเห็นว่าทุกคนพูดไม่ออก เอ้าเฟิงจึงต้องลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจนจบประโยค หลินหว่านชิก็ตัดบทเขา"ไม่มีแต่ค่ะ!""สิทธิ์การลงทุนร่วมกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ป เดิมทีก็เป็นเพราะฉินหมิง ดังนั้นถึงไม่แปลกที่เขาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในโครงการนี้ด้วย!""สรุปก็คือฉันตัดสินใจไปแล้ว และไม่มีอะไรจะต้องพูดกันอีก!"หลินหว่านชิงตบโต๊ะและยื่นคำขาด"ก็ได้"เอ้าเฟิงทำหน้าบอกบุญไม่รับ ก่อนจะนั่งลงด้วยความอับอายเดิมทีเขาวางแผนที่จะก่อหวอดกับผู้บริหารระดับสูงอีกหลายคนเพื่อกดดันฉินหมิงและพยายามบีบให้ฉินหมิงออกจากอำนาจแต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าหลินหว่านชิงให้ความสำคัญกับฉินหมิงมากกว่าที่เขาคิด หลินหว่านชิงยังพยายามคัดค้านความคิดเห็นของทุกคนเพื่อฉินหมิง ซึ่งนั่นทำให้ความพยายามทั้งหมดของเขาไร้ผลอย่างไรก็ตาม เขาไม่พยายามยอมแพ้ง่าย ๆ ทำได้แต่มองผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและพัฒนาอย่างเงียบ ๆผู้อำนวยการเฉิงประจำฝ่ายวิจัยและพัฒนา เป็นชายวัยกลางคนอายุห้าสิบที่มีรูปร่างท้วม มองแวบแรกเขาดูเหมือนพวกชอบประจบสอพลอ“ท่านประธานหลิน ผมยังมีอีกเรื่
"แต่นี่ก็นานมากแล้ว ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของคุณยังไร้ความสำเร็จและไม่มีอะไรคืบหน้าเลย!"“คุณไม่ยอมให้คนอื่นมายุ่งกับงานที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาเองก็ไม่มีปัญญาทำได้? นี่มันตรรกะอะไรของคุณ!”"คุณ......""ใครบอกว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราไม่มีผลงาน?!""ก่อนอื่น การวิจัยจากฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเรามีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก และเราก็จะสามารถพัฒนาเวชสำอางระดับไฮเอนด์ได้ในอนาคตอันใกล้นี้อย่างแน่นอน!"ใบหน้าของผู้อำนวยการเฉิงเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธ“และอนาคตอันใกล้นี่มันใกล้แค่ไหนล่ะ?”“หนึ่งเดือนหรือหนึ่งปี?!”หานซีเยาะเย้ยผู้อำนวยการเฉิงรู้สึกหงุดหงิด "ไม่ได้ใช้เวลานานขนาดนั้นหรอก ผมรับประกันได้เลยว่าอย่างมากที่สุดก็ภายในหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ฝ่ายวิจัยและพัฒนาของเราจะสามารถเปิดตัวเวชสำอางสามชนิดที่มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกันได้!"“หนึ่งสัปดาห์เหรอ? จริงเหรอ?!”ทุกคนประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดว่าฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาจะกลับมายืนหยัดได้ในวันนี้!"ดีมาก!"“การที่ผู้อำนวยการเฉิงออกปากเองแบบนี้ก็แปลว่ามีเขามูลนั่นแหละ!”“ใช่แล้ว บริษัทของเรากำลังเข้าสู
“นี่เลขาฉิน ในแผนค้นคว้าและทดสอบของเรามีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก พวกเจาใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะบรรลุผลลัพธ์ที่สำคัญบางอย่างได้!"“คุณคิดว่าคุณเป็นใครกัน ที่จะใช้เวลาสั้น ๆ พัฒนาเวชสำอางสิบชนิดได้ในหนึ่งสัปดาห์? ”“เพ้อเจ้อสิ้นดี! ”ผู้อำนวยการเฉิงหัวเราะเยาะถ้าคนนอกแผนกอย่างฉินหมิงพัฒนาเวชสำอางสิบชนิดได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ อย่างนั้นคนในแผนกพวกเขาจะมีประโยชน์อะไร! ”“ฉินหมิง ฉันรู้ว่านายหวังดีเพื่อประโยชน์ของบริษัท!”“แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่นายจะมาอวดดีนะ เลิกวุ่นวายสักทีได้ไหม!”หลินหว่านชิงจ้องมองฉินหมิงอย่างไม่พอใจเธอจำได้ดีเมื่อวานฉินหมิงเป็นคนบอกเธอเอง ว่าเรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จได้ในหนึ่งสัปดาห์เขานี่พูดไม่คิดชัด ๆ ถ้าเธอเชื่อเขา เธอนั่นแหละที่แปลก!“ประธานหลิน ผมไม่ได้พูดจาเลอะเทอะนะครับ ที่ผมพูดมาทั้งหมดผมพูดจริงนะครับ!”“ผมมั่นใจว่าผมทำได้!”ฉินหมิงพูดน้ำเสียงจริงจังเมื่อคืนเขาไม่ได้พูดเต็มที่ต่อหน้าหลินหว่านชิง เพียงเพราะว่าเขาอยากจะถ่อมตัวก็เท่านั้นแต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกับเมื่อวาน ภายใต้แรงกดดันจากผู้อำนวยการเฉิงฝ่ายค้นคว้าและทดสอบ มันจึงทำให้เขาเดินถอยหลังไม่
“ได้ ผมตกลง! ”“พอถึงตอนนั้น คุณเตรียมไสหัวออกจากบริษัทไปได้เลย!”เอ้าเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา เขามองดูฉินหมิงด้วยความดูถูก ราวกับว่าเขาชนะแล้วอย่างไรอย่างนั้น“คำไหนคำนั้นครับ! ”“อย่างนั้นให้ประธานหลินและเพื่อนร่วมงานทุกท่านที่นี้เป็นพยานละกันนะครับ แล้วเรามารอดูกันว่าใครจะชนะ!“ฉินหมิงหัวเราะขึ้นมา“ทำอะไรไม่ดูตัวเองจริง ๆ !”ผู้บริหารทุกคนรู้สึกขบขันกับคำพูดของฉินหมิงพวกเขาไม่คิดว่าฉินหมิงจะเอาชนะเรื่องนี้ได้ ทุกคนต่างไม่เข้าใจว่าฉินหมิงเอาความมั่นอกมั่นใจมาจากที่ไหน!“เอาล่ะ แยกย้ายกันได้แล้วค่ะ!”หลินหว่านชิงมองฉินหมิงอย่างไม่สบอารมณ์นักความคิดของเธอก็ไม่ต่างจากทุกคน เธอเองก็ไม่คิดว่าฉินหมิงจะชนะเหมือนกัน เมื่อเห็นท่าทางมั่นใจของฉินหมิง เธอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร…ไม่กี่วันต่อมาฉินหมิงเข้าไปในโรงงานและทำงานร่วมกับรองผู้อำนวยการกัวในการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นและพัฒนาเวชสำอางหลังจากทั้งสองที่ทำงานหนัก ไม่นานสิ่งต่าง ๆ ก็เห็นความก้าวหน้าในด้านประสิทธิภาพของการกลั่นวัตถุดิบ ฉินหมิงได้ทำตามแนวคิดของรองผู้อำนวยการกัว และหลังจากการทดลองซ้ำหลายครั้งในที่สุดทั้งสองคนก็ได
“แน่นอนสิครับ!”“ครั้งนี้ผมทำตามที่สัญญากับประธานหลินสำเร็จแล้วนะครับ! ”ผู้อำนวยการเฉินเชิดยิ้มอย่างภูมิใจ“จริงเหรอครับ?”“อย่างนั้นก็แสดงความยินดีด้วยนะครับ!”"เวชสำอางระดับไฮเอนด์มีความสำคัญมากต่อการพัฒนาของบริษัทของเรา ถ้าประธานหลินรู้เรื่องนี้ เธอจะตอบแทนแผนกค้นคว้าและพัฒนาของคุณอย่างแน่นอนเชียวล่ะครับ!"…ผู้บริหารระดับสูงหลายคนแสดงความยินดีและชมเชยเขาอย่างไม่หยุด“ผู้อำนวยการเฉิน คุณนี่ทำได้ไม่เลวเลยนะครับ!”แม้กระทั่งเอ้าเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าอย่างพอใจตอนนี้เขาและผู้อำนวยการเฉิงถือว่าได้ลงเรือลำเดียวกัน ตอนนี้แผนกค้นคว้าและพัฒนาพัฒนามันสำเร็จแล้ว สำหรับเขานี่ถือเป็นเรื่องที่ดี เหมือนเขาและผู้อำนวยการเฉิงชนะเดิมพันไปแล้วครึ่งหนึ่ง!ผ่านไม่นานก็ได้มีเสียงรองเท้าส้นสูงดังขึ้น หลินหว่านชิงได้พาเลขาอู๋จิ้งเข้ามาในห้องประชุมพอมาถึงที่นั่ง หลินหว่านชิงเงยหน้าขึ้นและพบว่ามันแปลกไป “เอ๊ะ แล้วฉินหมิงล่ะคะ ทำไมถึงไม่เห็นพวกเขาสองคน?”“ไม่รู้ครับ ผมเองก็ไม่เห็นพวกเขาเหมือนกัน”ทุกคนต่างส่ายหน้าอย่างงงงวย“ไม่ใช่ว่าเลขาฉินทำไม่สำเร็จ เลยกังวลกลัวว่าจะถูกทุกคนไล่จี้เ
“ผู้อำนวยการเฉิงปรบมือและส่งสัญญาณให้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจากแผนกค้นคว้าและพัฒนาที่อยู่ข้างหลังเขาให้เข็นรถเข็นไปจากนั้นเขาก็มอบเครื่องสำอางทั้งสามชนิดให้กับพวกเขา เพื่อทำการตรวจสอบตรงนั้นเลยผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้เทสารละลายทดสอบเวชสำอางลงในเครื่องพร้อมทั้งอธิบายข้อมูลและข้อกำหนดของมาตรฐานระดับสูงให้ทุกคนฟังขณะที่เครื่องส่งเสียง ผู้อำนวยการเฉิงได้ใช้แล็ปท็อปของเขาเชื่อมต่อกับจอมัลติมีเดียและนำผลการทดสอบฉายบนจอขนาดใหญ่ในห้องประชุมกลุ่มของข้อมูลมาตรฐานระดับสูงปรากฏอยู่บนจอ ทำให้ทุกคนทำการเปรียบเทียบได้ง่ายขึ้น“ประธานหลินครับ คุณดูข้อมูลส่วนผสมของเวชสำอางทั้งสามชนิดนี้สิครับนี่เป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงที่รัฐกำหนดทั้งหมดเลยนะครับ!”“อีกทั้งข้อมูลสามชนิด ได้เกินข้อกำหนดของมาตรฐานระดับสูงอีกด้วยนะครับ!"ผู้อำนวยการเฉิงพูดอย่างภูมิใจในครั้งนี้ได้ตรวจสอบส่วนผสมหลักทั้งหมดสิบสองรายการ โดยสามรายการในนั้นเกินมาตรฐานระดับสูง ซึ่งบ่งชี้ว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นดีมากจริงๆบริษัทสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนผสมทั้งสามนี้เพื่อเข้าสู่ตลาดระดับไฮเอนด์ได้อย่างแน่นอน!“เยี่ยมไปเลยค่ะ!”“ผู้อำนวยการเฉิงคะ
ฉินหมิงหยิบเครื่องสำอางออกจากถุงดำและวางลงบนโต๊ะประชุมทีละชิ้น รวมกันทั้งหมดได้สิบหกขวดพอดี“สิบหกชนิดอย่างนั้นเหรอ?”“จริงหรือโกหกกันนี่!”ทุกคนต่างมองกันไปมา พวกเขาต่างเห็นความประหลาดใจและความไม่แน่นอนในสายตาของกันและกันไม่มีใครเชื่อว่าที่ฉืนหมิงพูดมาจะเป็นความจริง!”“จะจริงหรือโกหก เดี๋ยวทดสอบตรงนี้ก็รู้แล้วล่ะครับ!”ฉินหมิงดูสงบและส่งมอบเวชสำอางทั้งสิบหกชนิดให้กับผู้เชี่ยวชาญหลายคนในแผนกค้นคว้าและพัฒนาด้วยความสงสัย ผู้เชี่ยวชาญจากแผนกค้นคว้าและพัฒนาจึงเทน้ำยาทดสอบลงในเครื่องทีละตัว และเริ่มการทดสอบผ่านไปไม่นาน ผลการทดสอบก็ออกมาหลายคนในแผนกค้นคว้าและพัฒนาดูข้อมูลการทดสอบที่แสดงบนคอมพิวเตอร์และขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ“เกาหยวน ผลการทดสอบเป็นอย่างไรบ้าง? พวกเขาเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงหรือเปล่า?”ผู้อำนวยการเฉิงอดไม่ได้ที่จะถาม ในใจเขาเต้นราวกับกลองที่ถูกตี ผู้บริหารที่เหลือมองไปที่ผู้เชี่ยวชาญที่แผนกค้นคว้าและพัฒนาด้วยสีหน้ากังวล แม้ว่าพวกเขาจะไม่เชื่อว่า ฉินหมิงจะสามารถพัฒนาเวชสำอางได้ แต่หลังจากเห็นปฏิกิริยาที่ผิดปกติของผู้เชี่ยวชาญแผนกค้นคว้าและพัฒนา พวกเขาก็อดไม่ได้
ผู้อำนวยการเฉิงถึงกับตกตะลึงหลินหว่านชิงเองก็ตกตะลึงแม้กระทั่งเอ้าเฟิงและผู้บริหารระดับสูงทั้งหมดก็อึ้งกันเป็นแทบ ๆ!พวกเขาไม่เพียงคิดไม่ถึงว่าฉินหมิงจะทำตามคำสัญญาได้ อีกทั้งผลลัพธ์ที่ออกมายังดีไร้ที่ติอีกตั้งหาก!ผลลัพธ์ของเวชสำอางเหล่านี้ เกรงว่าจะดีกว่าเครื่องสำอางแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำบางยี่ห้อซะอีก!“เยี่ยม!”“เยี่ยมไปเลยค่ะ!”ไม่นานหลินหว่านชิงกระแทกโต๊ะและลุกขึ้นยืน ผู้บริหารทุกคนก็ยืนขึ้นด้วยความประหลาดใจเช่นกันทุกคนลุกขึ้นยืนกันหมด!“ฉินหมิง นาย…นายเก่งมากจริง ๆ !”“นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!”หลินหว่านชิงดีใจมาก จนเธอเผลอกอดฉินหมิงต่อหน้าทุกคนในห้องประชุม รอยยิ้มบนใบหน้างามของเธอมีเสน่ห์ราวกับดอกไม้นับร้อยบานแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าฉินหมิงทำสำเร็จได้อย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้เป็นอย่างดีในอนาคตบริษัทจะมีเวชสำอางที่มีผลดีเยี่ยมมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ต้องพูดถึงการเข้าสู่ตลาดระดับไฮเอนด์ ในอนาคตถ้าอยากจะพัฒนาเป็นแบรนด์ระดับสากลชั้นนำก็ไม่ใช่เรื่องยาก!เพราะฉะนั้นนี่เป็นเหตุผลที่เธอดีใจขนาดนี้“หว่านชิง นี่คุณ…”ฉินหมิงตกตะลึงนี่เป็นครั้งแรกที่หลินหว่านชิงกอดเขาก่