ฉินหมิงตบตัวเองแรง ๆแม้ว่าเขาต้องการที่จะกล้าหาญและปฏิเสธที่จะยอมแพ้ต่อโชคชะตาง่าย ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็ควรตามจีบหลินหว่านชิงอย่างเปิดเผยและมุ่งมั่นที่จะได้รับความโปรดปรานจากหลินหว่านชิงแต่ตอนนี้ขณะที่หลินหว่านชิงกำลังเมา ถ้าเขาทำอะไรเกินเลยลงไป มันจะเป็นการไม่ให้เกียรติหลินหว่านชิง และเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามหลินหว่านชิงด้วย!เมื่อหลินหว่านชิงตื่นขึ้นมาหลังจากนั้น เขาอาจจะสูญเสียหลินหว่านชิงไปตลอดกาล!นี่เป็นสิ่งที่เขาทนไม่ได้อย่างแน่นอน!“หว่านชิง ผมขอโทษ...”ฉินหมิงรู้สึกละอายใจจึงอยากจะชักแขนกลับแต่หลินหว่านชิงกลับคว้าแขนทั้งสองข้างของเขาเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย“ฉินหมิง อย่าไปนะ...”“วันนี้ฉันมีความสุขมาก อยู่กับฉันต่ออีกหน่อยได้ไหม…?”หลินหว่านชิงมองฉินหมิงด้วยดวงตางดงามที่พร่ามัวอาจเป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอเหงาเกินไป หรืออาจจะเป็นเพราะวันนี้เธอมีความสุขเป็นพิเศษเธอยังคงเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศงานเลี้ยงฉลองและไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกลับมาถึงบ้านแล้ว "ก็ได้"ฉินหมิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่อาจปฏิเสธหลินหว่านชิงได้ จึงต้องดึงเก้าอี้มานั่งลงข้างเตียงหลินหว่านชิงยิ้มหวา
หลินหว่านชิงส่ายหน้าแล้วกล่าว“ก็ได้ ผมต้องขอตัวก่อนแล้ว”ฉินหมิงดูยังสบาย ๆ หลังจากพูดออกไปเช่นนั้นก็หันหลังเดินจากไป หลังจากออกจากวิลล่าแล้วฉินหมิงไปจนถึงยอดเขาด้านหลังนับตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ค่ายกลรวมวิญญาณ ส่งผลให้เขาต้องบ่มเพาะตนให้ได้อย่างน้อยสองหรือสามชั่วโมงต่อวันในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ ปกติแล้วเขาจะนอนในตอนกลางคืนและไปที่ภูเขาด้านหลังเพื่อบ่มเพาะตนตอนประมาณสิบหรือสิบเอ็ดโมงเช้า เขาสามารถนอนและบ่มเพาะตนไปพร้อม ๆ กันได้ด้วย!เมื่อมาถึงศูนย์กลางของค่ายกล ฉินหมิงนั่งขัดสมาธิแล้วหยิบแผ่นหยกออกมาและเปิดใช้งานค่ายกลเขาใช้เวลาบ่มเพาะตนไปประมาณชั่วโมงกว่า ๆพลังวิญญาณที่อยู่รอบ ๆ เริ่มค่อย ๆ ขยับขึ้นทันที มันไหลรวมกันเป็นวังวนแห่งสายลม พุ่งเข้าใส่ฉินหมิงอย่างบ้าคลั่งเวลาผ่านไปสักพักหนึ่งฉินหมิงร่างกายสั่นเทาและดวงตาพยัคฆ์ก็ลืมขึ้นและประกายแสงในแววตามอดดับลง"ในที่สุดก็ก้าวหน้าไปอีกขั้นแล้ว!"ฉินหมิงดูตื่นเต้นและหัวเราะอย่างมีความสุขหลังจากการบ่มเพาะตนอย่างหนักในช่วงนี้ ในที่สุดระดับการบ่มเพาะของเขาก็ทะลุผ่านช่วงคอขวดของระดับการบ่มเพาะพลังลมปราณขั้นกลางไปได้ และมา
“เรื่องนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!”เอ้าเฟิงพูดอย่างใจเย็น“ความจริงก็ปรากฏให้เห็นกับตาแล้วนี่ ทุกคนรู้หมดแล้วว่างานเลี้ยงเมื่อคืนนี้มันเกิดอะไรขึ้น จะยังมีอะไรผิดพลาดอีก”ตู้เซียวก็สับสน“สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป!”“ผมได้แต่สงสัยว่านี้เป็นแผนลวงของหานซีหรือเปล่า!”เอ้าเฟิงหรี่ตาแล้วพูด“เกี่ยวอะไรกับหานซีด้วย?”ตู้เซียวมีสีหน้าประหลาดใจและไม่แน่ใจ“แน่นอนว่าต้องเกี่ยวแน่!”“ลองคิดดูดี ๆ สิ หานซีคือคนรักของฉินหมิง การที่เธอจะปกป้องฉินหมิงก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ!”“คำพูดของเธอมันเชื่อถือไม่ได้!”เอ้าเฟิงพูดเสียงดัง“คุณกำลังหมายความว่าสร้อยหยกจักรพรรดินั่นเป็นของปลอมเหรอ?”“นั่นเป็นเรื่องที่หานซีกุขึ้นอย่างนั้นหรือ?”ตู้เซียวคิดแล้วก็เข้าใจความหมายอันคลุมเครือของเอ้าเฟิง“สร้อยคอเส้นนั้นอาจจะไม่ใช่ของปลอมก็ได้!”"ด้วยชื่อเสียงของอาจารย์หาน หานซีไม่น่าจะเอาชื่อเสียงของปู่ตัวเองมาล้อเล่น ผมว่าสร้อยคอเส้นนั้นน่าจะเป็นฝีมือเจียระไนของอาจารย์หานจริง ๆ!""แต่ก็ยากที่จะตรวจสอบได้ว่านั่นเป็นหยกจักรพรรดิอันล้ำค่าและหายากหรือไม่ มันอาจจะเป็นเพียงเม็ดหยกราคาถูก ไม่ใช่
ดวงตาของเอ้าเฟิงมีแววตาเฉียบคมหลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงฉลองเมื่อคืนนี้ เขาก็ได้เห็นกับตาว่าหลินหว่านชิงจงใจสนับสนุนฉินหมิงยิ่งไปกว่านั้นฉินหมิงยังได้รับความชอบจากหลินหว่านชิงในงานเลี้ยงอีกด้วย โอกาสการพัฒนาในอนาคตนั้นย่อมไร้ขีดจำกัดอย่างแน่นอน!และหากฉินหมิงมีอำนาจในมือมากขึ้นก็มีแนวโน้มที่จะคุกคามสถานะของเขาหรือแม้กระทั่งเข้ามาแทนที่เขาก็เป็นได้!เขาจะปล่อยให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!เขาต้องตัดไฟฉินหมิงเสียตั้งแต่ต้นลม!ขจัดอันตรายทั้งหมดที่พร้อมจะมากล้ำกลาย!“รองประธานเอ้า ผมอยากไล่หมอนี่ออกจากบริษัทมานานแล้ว แต่เขาได้รับการสนับสนุนจากหานซี จึงไม่ง่ายเลยที่จะทำแบบนั้น”“ผมก็เลยอยากรู้ว่าคุณพอมีความคิดดี ๆ อะไรบ้างไหม??”เพราะการเดิมพันครั้งก่อน ตู้เซียวเกือบตกที่นั่งลำบาก เขาจึงกลัวฉินหมิงมากและได้แต่ฝากความหวังไว้กับเอ้าเฟิงเท่านั้น"ความคิดดีๆ มันก็พอมีอยู่บ้าง!"“ครั้งนี้ฉินหมิงได้ช่วยให้บริษัทสามารถร่วมกันลงทุนกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้สำเร็จ ประธานหลินจึงยกย่องเขาเป็นอย่างมาก และตั้งใจที่จะส่งต่อความรับผิดชอบทั้งหมดในเรื่องนี้ให้เขา ในอนาคตผลิต
เวลาผ่านไประยะหนึ่งฉินหมิงอ่านข้อมูลเสร็จก็วางเอกสารในมือลง“หานซี ผมอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว เราสองคนไปดูที่โรงงานกันเถอะครับ”"ตกลง"หานซีพยักหน้า แล้วทั้งสองก็ออกจากออฟฟิศไปด้วยกันเมื่อเดินออกจากอาคารสำนักงานทั้งสองมาถึงจุดจอดรถหานซีเปิดประตูรถบีเอ็มดับเบิลยูและกำลังจะเข้าไป แต่เมื่อมองย้อนกลับไป ก็เห็นฉินหมิงนิ่งงันราวกับท่อนไม้ คล้ายกับเขาไม่มีเจตนาจะขึ้นรถ“ฉินหมิง คุณมัวยืนทำอะไรอยู่ รีบขึ้นรถเร็วเข้า?”หานซีเร่งเร้าในทันที“ช่างรถนี่เถอะ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปกับผมดีกว่า!”ฉินหมิงชี้ไปที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ข้าง ๆ“ตอนนี้ยังไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับการเดินทาง ใช้รถยนต์ก็นับว่าสะดวกมาก แล้วจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำไม”หานซีสับสน"นี่คุณคิดอะไรอยู่?"“ผมแค่ไม่อยากถูกคุณโยนทิ้งไว้กลางทางอีกก็เท่านั้น!”ฉินหมิงจ้องหานซีด้วยความโกรธ"คุณ......"พวงแก้มบนใบหน้าสวยของหานซีปรากฏสีแดงระเรื่อ พาลนึกถึงตอนที่เธอเตะฉินหมิงลงจากรถกลางทางเมื่อครั้งก่อน“สิ่งที่เกิดขึ้นคราวที่แล้วเป็นเพียงอุบัติเหตุ...”“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันสัญญาว่าครั้งนี้จะไม่เตะคุณลงจากรถอีก”หานซีพูดด้วยใบห
ในสำนักงานของโรงงาน ฉินหมิงและหานซีได้พบกับผู้อำนวยการโรงงานอย่างหวงหย่งหลิน เขาเป็นชายวัยกลางคนซึ่งสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง รูปร่างอวบเล็กน้อยหวงหย่งหลินเป็นผู้บริหารระดับสูงของโรงงาน มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการผลิต การขนส่ง และการตรวจสอบคุณภาพสินค้า ฯลฯ โดยเป็นของฝ่ายผู้บริหารของบริษัท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโส อย่างไรก็ตาม ฉินหมิงและหานซีต่างก็เป็นหัวหน้าจากสำนักงานใหญ่ที่ลงมาตรวจสอบคุณภาพการผลิตและยังเป็นผู้รับผิดชอบในโครงการร่วมลงทุนครั้งนี้โดยเฉพาะหานซี นับว่าเธอเป็นบุคคลสำคัญระดับสูงในสำนักงานใหญ่อีกด้วยต่อหน้าเธอและฉินหมิง หวงหย่งหลินไม่กล้าเอะอะ“ผู้ช่วยหาน เลขาฉิน ให้ผมพาคุณสองคนไปดูในโรงงานก็แล้วกัน”หวงหย่งหลินกล่าวด้วยความเคารพ"ไม่เป็นไรหรอก""ผู้อำนวยการหวง เลขาฉินและฉันตั้งใจจะมาที่นี่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์สักหน่อย"“งานของคุณคงยุ่งน่าดู เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องพาเราไปที่โรงงานด้วยตนเองหรอกค่ะ คุณแค่ขอให้ใครสักคนพาเราไปที่นั่นก็ได้”หานซียิ้มเล็กน้อย"อืม...ก็ดีนะครับ"หวงหย่งหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเรียกผู้อำนวยการที่รับผิดชอบในฝ่ายการผลิตเ
เงินเดือนส่วนหนึ่งของกลุ่มธุรกิจอานิสทรีจะมีโบนัสตามผลงานด้วย แต่เนื่องจากกำลังการผลิตไม่สามารถตอบสนองความต้องการที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ได้ โบนัสที่อิงตามผลงานก็ลดลงตามลงไปครึ่งหนึ่งค่าจ้างรายเดือนของพนักงานระดับล่างก็ถูกลดไปมากกว่าห้าพันบาทโดยไม่มีเหตุ นั่นทำให้พนักงานบ่นกันระงมกัวลี่รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้หานซีฟัง ประการแรกเพราะเขารู้สึกว่าวัตถุดิบไม่ได้คุณภาพเหมือนแต่ก่อน ส่วนอีกด้านก็เพราะเห็นแก่ประโยชน์ของพนักงาน“วัตถุดิบมีปัญหาอย่างนั้นเหรอ?”“ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายผลิตของบริษัทอยู่ในความรับผิดชอบของรองประธานเอ้าเฟิง คุณสามารถรายงานเรื่องนี้ต่อผู้อำนวยการหวง หรือจะย้ายงานไปยังรองประธานเอ้าโดยตรงก็ยังได้”“ผมเกรงว่าน่าจะไม่มีประโยชน์อะไร”หานซีขมวดคิ้วกัวลี่ยิ้มอย่างขมขื่น “ผู้ช่วยหาน บอกตามตรงผมเคยรายงานเรื่องนี้กับผู้อำนวยการหวงมาแล้ว แต่ผู้อำนวยการหวงไม่เคยให้คำตอบกับผมตรง ๆ เลย”“ในส่วนของรองประธานเอ้านั้น เขาเป็นผู้บริหารระดับอาวุโสของบริษัทและไม่ค่อยได้มาที่นี่ ผู้อำนวยการโรงงานเล็ก ๆ อย่างผมจะเข้าหาเขาได้ง่าย ๆ หรือ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กัวลี่ก็ชะงักไปและพูดด้วย
หานซีกล่าวอย่างใจเย็น แม้ว่าเธอไม่มีอำนาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเอ้าเฟิง แต่ฉินหมิงในฐานะผู้รับผิดชอบในโครงการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปก็มีอำนาจเข้าไปแทรกแซงการผลิตสินค้าทั้งหมดที่จัดหาให้กับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้ ไม่ถือว่าข้ามหน้าข้ามตาใคร"ว่าไงนะ?""นี่......"กัวลี่ตะลึงเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเลขาตัวเล็ก ๆ อย่างฉินหมิงจะมีอำนาจมหาศาลขนาดนี้ ขนาดเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างหานซีซึ่งเป็นผู้ช่วยท่านประธานยังต้องทำงานให้กับฉินหมิง!นี่มันไม่น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อยเหรอ?นี่เป็นครั้งแรกที่เขาที่ได้ยินว่ามีเลขาที่เก่งขนาดนี้!“ผู้อำนวยการกัว ไม่ต้องกังวล ผมจะรายงานเรื่องนี้ให้ประธานหลินทราบตามความเป็นจริงในภายหลัง”“จากนั้นเราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์ที่พวกเขาสมควรได้รับครับ”ฉินหมิงรับปากอย่างมั่นใจ“เลขาฉิน ขอบคุณ ขอบคุณ…”กัวลี่ดีใจมากและคว้ามือฉินหมิงไว้อย่างตื่นเต้น เขาโค้งคำนับและจับมืออีกฝ่ายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง“ผู้อำนวยการกัว คุณเกรงใจเกินไป นี่เป็นเรื่องที่สมควรต้องทำอยู่แล้ว…”ฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มทุกสิ