ซูห่าวดุด้วยใบหน้าที่เย็นชา"ขอโทษเหรอ?"“คนอย่างเขามีอะไรให้ฉันต้องขอโทษ?”"ไม่มีทางเสียหรอก!"ซูซินเหยาไม่พอใจอย่างหนัก"นี่เธอ…"จมูกของซูห่าวมู่ทู่ เขากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉินหมิงก็ขัดจังหวะอย่างรวดเร็ว“ไม่จำเป็นต้องขอโทษหรอก เพราะผมคงช่วยอะไรไม่ได้!”“ผมแค่อยากจะกลับบ้านให้เร็วที่สุด หวังว่าตระกูลซูของพวกคุณจะไม่ใช้อำนาจของตัวเองสร้างความลำบากให้คนอื่นก็พอ!”ฉินหมิงตะคอกอย่างเย็นชา ก่อนหันหลังกลับและจากไป ไม่อยากสุงสิงกับอีกฝ่ายไปมากกว่านี้"คุณฉิน คุณจะกลับไปไม่ได้นะ!"ซูห่าวตกใจและรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดฉินหมิงเอาไว้“นายน้อยซูคุณคุณยังมีอะไรจะพูดอีก?”ฉินหมิงกล่าวอย่างใจเย็น“คุณฉิน ก่อนหน้านี้เราเข้าใจคุณผิดไปเราไม่ควรกังขาในทักษะทางการแพทย์ของคุณ และยิ่งไม่ควรขับไล่คุณไปแบบนี้…”“ทั้งหมดเป็นความผิดของเราเอง ผมขอโทษคุณแทนคุณปู่ของผมด้วย ผมหวังว่าครั้งนี้คุณจะยกโทษให้เราและตามผมกลับไปเพื่อรักษาคุณย่าที…”ซูห่าวโค้งคำนับอย่างจริงใจ และท่าทีของเขาก็ดูจริงใจมากกว่าของซูซินเหยาไม่น้อยเลย“นายน้อยซู ผมต้องขอโทษด้วย ผมเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเกี่ยวกับอาการป่วยไข้ข
ซูห่าวดุด้วยความโกรธเขารู้ดีว่าถ้าน้องสาวของเขาไม่ปะทะกับฉินหมิงเมื่อครู่ ฉินหมิงก็คงจะไม่ปฏิเสธอย่างหนักแน่นขนาดนี้เวลาแก้ปม คนเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ มีเพียงน้องสาวของเขาเท่านั้นที่จะสามารถร้องขอการให้อภัยจากฉินหมิง เรื่องนี้อาจจะมีโอกาสแก้ไขได้อยู่!“พี่อยากให้ฉันคุกเข่าให้เขาเนี่ยนะ?”"ไม่มีทางซะหรอก!"“พี่จะบ้าก็บ้าไปคนเดียว ฉันไม่บ้าไปกับพี่หรอก!”ซูซินเหยากัดฟันขาวของเธอแล้วพูด"เธอ…"“เธอรู้ไหมว่าสถานการณ์ปัจจุบันของคุณย่าวิกฤตมาก และชีวิตของคุณย่าก็สามารถตกอยู่ในอันตรายได้ตลอดเวลา ถ้าหากคุณฉินไม่รับปากจะรักษาให้ เธอก็น่าจะรู้ถึงผลที่ตามมานี่!”“เธออยากเป็นคนฆ่าคุณย่าใช่ไหม?”ซูห่าวจ้องมอง เกือบจะทนไม่ไหวกับความเอาแต่ใจของน้องสาวตัวเอง"ฉัน…"ซูซินเหยารู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่าลงกลางใจเธอมักจะหยิ่งผยองและเอาแต่ใจมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจอยู่เสมออีกด้วยแต่ตอนนี้หลังจากที่พี่ชายเตือนสติ สุดท้ายเธอก็ตระหนักได้ว่าชีวิตของคุณย่าอยู่ในน้ำมือของฉินหมิงหากคุณย่าต้องสูญเสียโอกาสเดียวในการได้รับการรักษาไปเพราะความเอาแต่ใจของเธอ วันข้างหน้าเธอจะกล้าสู้หน้ากั
ฉินหมิงลังเล ก่อนจะพูดขึ้น"ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่คุณพยายามสุดความสามารถ ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ตระกูลซูของเราจะจะไม่มีวันลืมความเมตตาของคุณแน่นอน!"นายซูพูดอย่างจริงจังแม้ว่าเขาจะกังวลเกี่ยวกับอาการของภรรยาของเขามาก แต่ฉินหมิงก็บอกเองกับปากว่าเขามั่นใจประมาณ หกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ในแง่ของการแพทย์ ความมั่นใจในระดับสูงเช่นนี้ไม่น่าจะทำให้เกิดปัญหาอะไร“จะอยู่หรือตายล้วนถูกสวรรค์กำหนดไว้แล้วไม่ว่าจะได้รับการรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาเถอะ”“ฉินหมิง เพียงแค่เริ่มรักษาได้ทุกทุกวิธีที่นายต้องการเถอะ ไม่จำเป็นต้องกดดันอะไรมากนัก”ถังเฟิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้มใจดีตอนนี้เธออายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว เธอใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานและประเมินความตายต่ำเกินไป แต่ต่อให้เธอจะรักษาไม่หาย ก็ถือว่าใช้ชีวิตมามากพอแล้ว“เอาล่ะ ไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้ดีที่สุด!”ฉินหมิงยิ้ม จากนั้นเขาก็โบกมือให้ถังเฟิ่งเพื่อยืดข้อมือออกและสัมผัสชีพจรของเธออย่างระมัดระวังการแพทย์แผนจีนให้ความสำคัญกับ "การดู การดมกลิ่น การฟัง และความรู้สึก" เขาสัมผัสได้ถึงอาการเจ็บป่วยของถังเฟิ่งโดยประมาณแล้ว
"อะไรกัน......"นายท่านซูรู้สึกราวกับว่าเขาถูกฟ้าผ่า ฝีเท้าของเขาโซเซ และอารมณ์ของเขาชาหนึบราวกับตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็ง"ไอ้สารเลว!"“แกมันนักต้มตุ๋น แกฆ่าคุณย่าฉัน ฉันจะฆ่าแกซะ…”ซูซินเหยารู้สึกโศกเศร้า หมายจะโจมตีฉินหมิงด้วยฝ่ามือที่บ้าคลั่ง“ซินเหยา หยุด!”“อย่าเสียมารยาท!”เสียงของนายท่านซูแหบแห้ง และเขาก็อ้าปากเพื่อหยุดซูซินเหยาได้ทันเวลา“คุณปู่ เขาเป็นคนฆ่าคุณย่า เราจะปล่อยเขาไว้ไม่ได้...”ซูซินเหยาร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าโศก“มันไม่ใช่ความผิดของเขา...”“คุณย่าบอกเองนี่ว่า ความเป็นความตายขึ้นอยู่กับสวรรค์ ทุกสิ่งล้วนเป็นโชคชะตา...”นายท่านซูน้ำตาไหลและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ซึ่งนั่นน่าสะเทือนใจมากทุกคนรู้อยู่เต็มอกว่าเขาคือคนที่เศร้าโศกยิ่งกว่าซูซินเหยาเสียอีก“พวกคุณ... เป็นบ้าอะไรกัน นายหญิงซู เธอ... ยังมีชีวิตอยู่ เธอ... เธอเกือบจะหายดีแล้วด้วยซ้ำ…”ฉินหมิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เสียงของเขาแหบแห้งอย่างหนัก และแทบจะไม่สามารถบังคับให้ตัวเองพูดออกมาเพียงสองสามคำได้เลยด้วยซ้ำคำพูดเหล่านี้ไม่ได้ดังอะไร แต่นั่นดังราวกับระเบิดสำหรับนายท่านซูและ
"ความจริงแล้วผมอยากจะบอกอะไรกับคุณให้ชัดเจนหน่อย แม้ว่าอาการของนายหญิงซูจะเกือบเป็นปกติแล้ว แต่เธอยังไม่หายขาดเสียทีเดียว"ฉินหมิงยิ้มอย่างเชื่องช้าเนื่องจากครั้งนี้เขามั่นใจเพียงหกสิบถึงเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ และไม่สามารถควบคุมอาการได้อย่างเต็มที่ จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างการรักษาขึ้น“ยังไม่หายขาด?”“หรือจะเป็นเพราะคราวนี้เป็นการรักษาตามอาการไม่ใช่ที่ต้นสายปลายเหตุ จึงมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดซ้ำอีกในอนาคต?”นายท่านซูสะดุ้ง และความสุขในใจก็ลดลงอย่างช่วยไม่ได้สองพี่น้อง ซูห่าวและซูซินเหยาเองก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยเช่นกัน"ไม่ใช่แบบนั้นเลย!"“ผมทำการรักษาอาการติดเชื้อในสมองของนายหญิงซูได้แล้ว ปกติแล้วมันไม่น่าจะมีความเป็นไปได้ที่อาการเช่นนี้จะหวนกลับมาได้อีก”“แต่ทว่าทักษะของผมยังคงตื้นเขิน ทำให้ผมไม่อาจช่วยนายหญิงซูซ่อมแซมเส้นประสาทที่เสียหายไปแล้วได้ ทำให้เธออาจจะต้องนั่งรถเข็นหรือใช้ไม้ค้ำยันไปตลอดชีวิต…”ฉินหมิงพูดด้วยความอับอายตามบันทึกในหนังสือทางการแพทย์ที่อยู่ในจิตของเขา หากการบ่มเพาะของเขาก้าวหน้าเพียงพอ เขาจะสามารถใช้พลังวิญญาณซ่อมแซมเส้นประสาทที่เสียหายของ
“เรื่องนี้อาจทำให้ตระกูลอื่น ๆ อับจนหนทาง แต่นั่นทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก!” “โอ้? จริงเหรอ เช่นนั้นก็เข้าใจแล้ว”ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจแล้วก็เข้าใจในที่สุด“ฉินหมิง บอกตามตรง ปัจจุบันตระกูลซูของเรามีโสมป่าอายุมากกว่าสามร้อยหกสิบปีอยู่ด้วย!”“สำหรับวัตถุดิบยาล้ำค่าอื่น ๆ ถ้านายอยากได้อะไรเพิ่มเติม บอกมาเลยฉันจะให้คนจัดเตรียมให้ทันที” นายท่านซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ตกลง ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาจดใบสั่งยาแล้วยื่นให้นายท่านซูนอกจากนี้เขายังขอให้นายท่านซูหาหม้อปรุงอาหารมาให้เขาใช้ต้มยา รวมถึงถ่านไฟและสิ่งอื่น ๆ อีกในเวลาไม่นานนักซูห่าวใช้ให้ยามหลายคนนำวัสดุยาและสิ่งของที่ฉินหมิงต้องการมาทั้งหมด รวมถึงโสมป่าที่มีอายุมากกว่าสามร้อยปีของเขาด้วยฉินหมิงวางหม้อปรุงอาหารลงบนถ่าน ส่งสัญญาณให้ซูห่าวจุดไฟ จากนั้นเขาก็เริ่มต้มยาให้ถังเฟิ่งเองตามความทรงจำของตำราการแพทย์ในความทรงจำของเขา ฉินหมิงโยนวัตถุดิบทางยาลงในหม้อปรุงอาหารอย่างเป็นขั้นตอนจากนั้น เขาก็ระดมพลังวิญญาณในร่างกาย พุ่งไปตามนิ้ว ก่อนที่จะเทพลังวิญญาณลงในหม้อปรุงอา
“นี่เป็นทักษะการเล่นแร่แปรธาตุโบราณนี่!”“วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาหลายอย่างเลยทีเดียว!”นายท่านซูหัวเราะและมองดูฉินหมิงด้วยความชื่นชมเช่นเดียวกับ ซูห่าวและซูซินเหยาวันนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาได้เห็นทักษะการเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ สามารถจินตนาการถึงความตื่นเต้นในใจของพวกเขาได้!“พวกคุณเอ่ยชมกันเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงหรอก…”ใบหน้าของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเขารู้สึกละอายใจเล็กน้อยหลังจากได้รับคำชมเป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดาเมื่อครู่เขาไม่ได้ต้มยา แต่กำลังกลั่นยาอายุวัฒนะต่างหากเมื่อเปรียบเทียบกับยาต้มทั่วไป ผลที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุนับว่าดีกว่าหลายเท่า และสามารถสกัดคุณสมบัติทางยาจากวัตถุดิบเหล่านั้นได้ดีกว่าอย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองเล่นแร่แปรธาตุจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์และยังไม่อาจควบคุมความร้อนได้ดีนัก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เตาระเบิดก่อนหน้านี้โชคดีที่ยาอายุวัฒนะเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วและวัสดุยาอันล้ำค่ามากมายก็ไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องอับอายมากแน่ ๆ!“นายหญิงซู เก
“ซินเหยา รีบสั่งให้คนเตรียมอาหารเย็นเร็ว!”“ฉินหมิง นี่ก็ฟ้ามืดแล้ว นายก็อยู่ทานข้าวกับฉันที่นี่ดีไหมล่ะ?”นายท่านซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เอ่อ ได้ครับ อย่างนั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”ฉินหมิงพยักหน้ายิ้มตอบ ยุ่งมาจะครึ่งวันแล้ว จริง ๆ เขาเองก็หิวแล้วเหมือนกัน“คุณฉี คุณก็อยู่ทานด้วยกันสักมื้อสิครับ”นายท่านซูพูดเชื้อเชิญคุณฉี“ไม่ล่ะครับ พอดีผมมีธุระ อย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ”“นายท่านซู คุณฉินหมิง แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ”คุณฉีโค้งคำนับและกล่าวคำอำลา จากนั้นก็พาผู้ช่วยเดินออกไปหลังจากเห็นร่างของคุณฉีลับตาไป ซูห่าวเหมือนคิดออกอะไรบางอย่าง “คุณปู่ครับ เกี่ยวกับเรื่องคุณฉิน ผมคิดวิธีอะไรบางอย่างได้แล้วครับ”“วิธีอะไรล่ะ?”นายท่านซูถามอย่างสงสัย“ตระกูลซูของพวกเราทำธรุกิจเกี่ยวกับยา ทักษะการแพทย์ของคุณฉินก็สูงขนาดนี้ หากเราสามารถร่วมมือในด้านการแพทย์ได้ มันจะเป็นโครงการที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอนเลยนะครับ”แววตาชาญฉลาดส่องประกายในดวงตาของซูห่าวนายท่านซูคิดอยู่สักพัก ไม่นานก็เข้าใจในสิ่งที่หลายชายตนพูด หลังจากนั้นก็มองไปที่ฉินหมิงแล้วกล่าวด้วยร้อยยิม“นี่ฉินหมิง ทักษะการแพท