“เรื่องนี้อาจทำให้ตระกูลอื่น ๆ อับจนหนทาง แต่นั่นทำอะไรพวกเขาไม่ได้หรอก!” “โอ้? จริงเหรอ เช่นนั้นก็เข้าใจแล้ว”ฉินหมิงรู้สึกประหลาดใจแล้วก็เข้าใจในที่สุด“ฉินหมิง บอกตามตรง ปัจจุบันตระกูลซูของเรามีโสมป่าอายุมากกว่าสามร้อยหกสิบปีอยู่ด้วย!”“สำหรับวัตถุดิบยาล้ำค่าอื่น ๆ ถ้านายอยากได้อะไรเพิ่มเติม บอกมาเลยฉันจะให้คนจัดเตรียมให้ทันที” นายท่านซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ตกลง ผมจะเขียนใบสั่งยาให้คุณเดี๋ยวนี้เลย”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็หยิบกระดาษและปากกาขึ้นมาจดใบสั่งยาแล้วยื่นให้นายท่านซูนอกจากนี้เขายังขอให้นายท่านซูหาหม้อปรุงอาหารมาให้เขาใช้ต้มยา รวมถึงถ่านไฟและสิ่งอื่น ๆ อีกในเวลาไม่นานนักซูห่าวใช้ให้ยามหลายคนนำวัสดุยาและสิ่งของที่ฉินหมิงต้องการมาทั้งหมด รวมถึงโสมป่าที่มีอายุมากกว่าสามร้อยปีของเขาด้วยฉินหมิงวางหม้อปรุงอาหารลงบนถ่าน ส่งสัญญาณให้ซูห่าวจุดไฟ จากนั้นเขาก็เริ่มต้มยาให้ถังเฟิ่งเองตามความทรงจำของตำราการแพทย์ในความทรงจำของเขา ฉินหมิงโยนวัตถุดิบทางยาลงในหม้อปรุงอาหารอย่างเป็นขั้นตอนจากนั้น เขาก็ระดมพลังวิญญาณในร่างกาย พุ่งไปตามนิ้ว ก่อนที่จะเทพลังวิญญาณลงในหม้อปรุงอา
“นี่เป็นทักษะการเล่นแร่แปรธาตุโบราณนี่!”“วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาหลายอย่างเลยทีเดียว!”นายท่านซูหัวเราะและมองดูฉินหมิงด้วยความชื่นชมเช่นเดียวกับ ซูห่าวและซูซินเหยาวันนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พวกเขาได้เห็นทักษะการเล่นแร่แปรธาตุลึกลับ สามารถจินตนาการถึงความตื่นเต้นในใจของพวกเขาได้!“พวกคุณเอ่ยชมกันเกินไปแล้ว มันเป็นเพียงทักษะเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงหรอก…”ใบหน้าของฉินหมิงเปลี่ยนเป็นสีแดงและเขารู้สึกละอายใจเล็กน้อยหลังจากได้รับคำชมเป็นอย่างที่ทุกคนคาดเดาเมื่อครู่เขาไม่ได้ต้มยา แต่กำลังกลั่นยาอายุวัฒนะต่างหากเมื่อเปรียบเทียบกับยาต้มทั่วไป ผลที่ได้จากการเล่นแร่แปรธาตุนับว่าดีกว่าหลายเท่า และสามารถสกัดคุณสมบัติทางยาจากวัตถุดิบเหล่านั้นได้ดีกว่าอย่างไรก็ตามนี่เป็นครั้งแรกที่เขาลองเล่นแร่แปรธาตุจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงไม่มีประสบการณ์และยังไม่อาจควบคุมความร้อนได้ดีนัก จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุที่เตาระเบิดก่อนหน้านี้โชคดีที่ยาอายุวัฒนะเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นแล้วและวัสดุยาอันล้ำค่ามากมายก็ไม่ได้ถูกใช้ไปอย่างสูญเปล่า ไม่เช่นนั้นเขาคงต้องอับอายมากแน่ ๆ!“นายหญิงซู เก
“ซินเหยา รีบสั่งให้คนเตรียมอาหารเย็นเร็ว!”“ฉินหมิง นี่ก็ฟ้ามืดแล้ว นายก็อยู่ทานข้าวกับฉันที่นี่ดีไหมล่ะ?”นายท่านซูกล่าวด้วยรอยยิ้ม“เอ่อ ได้ครับ อย่างนั้นผมรบกวนด้วยนะครับ”ฉินหมิงพยักหน้ายิ้มตอบ ยุ่งมาจะครึ่งวันแล้ว จริง ๆ เขาเองก็หิวแล้วเหมือนกัน“คุณฉี คุณก็อยู่ทานด้วยกันสักมื้อสิครับ”นายท่านซูพูดเชื้อเชิญคุณฉี“ไม่ล่ะครับ พอดีผมมีธุระ อย่างนั้นผมไปก่อนนะครับ”“นายท่านซู คุณฉินหมิง แล้วเจอกันครั้งหน้านะครับ”คุณฉีโค้งคำนับและกล่าวคำอำลา จากนั้นก็พาผู้ช่วยเดินออกไปหลังจากเห็นร่างของคุณฉีลับตาไป ซูห่าวเหมือนคิดออกอะไรบางอย่าง “คุณปู่ครับ เกี่ยวกับเรื่องคุณฉิน ผมคิดวิธีอะไรบางอย่างได้แล้วครับ”“วิธีอะไรล่ะ?”นายท่านซูถามอย่างสงสัย“ตระกูลซูของพวกเราทำธรุกิจเกี่ยวกับยา ทักษะการแพทย์ของคุณฉินก็สูงขนาดนี้ หากเราสามารถร่วมมือในด้านการแพทย์ได้ มันจะเป็นโครงการที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอนเลยนะครับ”แววตาชาญฉลาดส่องประกายในดวงตาของซูห่าวนายท่านซูคิดอยู่สักพัก ไม่นานก็เข้าใจในสิ่งที่หลายชายตนพูด หลังจากนั้นก็มองไปที่ฉินหมิงแล้วกล่าวด้วยร้อยยิม“นี่ฉินหมิง ทักษะการแพท
อีกทั้งเขาไม่ใช่คนรักของหลินหว่านชิง หากส่งของขวัญที่มีค่ามากขนาดนี้ให้กับเธอ เขากังวลว่าลุกล้ำเธอมากเกินไป!เขาเข้าใจเธอดี หลินหว่านชิงคงไม่รับของขวัญนี้ง่าย ๆ แน่ถ้าเขาเอาสร้อยเส้นนี้มอบให้เธอแล้วหลินหว่านชิงเข้าใจผิดว่าเขามีเจตนาไม่ดี พอถึงตอนนั้นพวกเขาสองคนอาจจะไม่หลงเหลือความเป็นเพื่อนเลยก็ได้ สิ่งนี้เขาจะไม่ยอมเกิดขึ้นเด็ดขาด“ฉินหมิง ทำไมนายถึงจ้องมองพื้นเหม่อยังงั้นล่ะ?”“จริงสิ นายทานข้าวเย็นมาแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่ทาน ฉันจะได้ให้ป้าหลิวทำกับข้าวใหม่ให้นาย”เมื่อได้ยินเสียงใส ๆ ของหลินหว่านชิง จิตใจฉินหมิงก็ล่องลอยหลุดไป“ไม่ ไม่ต้องหรอกครับ ผมทานจากข้างนอกมาแล้ว”“หว่านชิง นี่มันก็ดึกแล้ว งั้นผมกลับไปอาบน้ำพักผ่อนก่อนนะครับ”ฉินหมิงหัวเราะแห้ง ๆ ในที่สุดเขาก็เก็บสร้อยไว้อย่างเงียบ ๆ แล้วกลับเข้าไปในห้อง“ฉินหมิงวันนี้นายเป็นอะไรหรือเปล่า ดูแปลก ๆ ไปนะ…”เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของฉินหมิง หลินหว่านชิงรู้สึกงุนงงมากสัญชาตญาณของผู้หญิงบอกเธอว่าอาการของฉินหมิงนั้นผิดปกติ แต่สาเหตุคืออะไรเธอเองก็บอกไม่ได้เหมือนกัน จากนั้นเธอก็ส่ายหัวและละทิ้งความสงสัยแล้วกลับขึ้นไปชั้นบนเ
ใบหน้าหานซีแดงเล็กน้อย เธอกล่าวขอบคุณฉินหมิงด้วยอย่างจริงใจเมื่อวานหลังเธอถึงบ้านก็ได้กินยาตามใบสั่งยาที่ฉินหมิงออกให้ อาการที่เคยเจ็บปวดก็หายเป็นปลิดทิ้ง ร่างกายก็รู้สึกสบายขึ้นยิ่งทำให้เธอเลื่อมใสทักษะการแพทย์ของฉินหมิงมากขึ้น“มิน่าล่ะครับวันนี้อารมณ์ของคุณถึงได้ดีขนาดนี้ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง!”พอฉินหมิงเข้าใจสถานการณ์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ…ในห้องสำนักงานรองประธานเอ้าเฟิงได้โทรหาตู้เซียวให้เข้ามาหา“ผู้อำนวยการตู้ครับ เรื่องเมื่อวานที่คุณวานให้ผมไปสืบพื้นเพของฉินหมิง ตอนนี้ได้ข้อมูลแล้วนะครับ!”เอ้าเฟิงทำหน้าแปลก ๆแต่สีหน้าตู้เซียวกลับดีใจ “รองประธานเอ้าครับ ผมไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใครหรือพื้นเพเขาเป็นยังไง… ”“พื้นเพเหรอครับ?”“พื้นเพเขาห่วยแตกมากครับ!”ในที่สุดเอ้าเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะขำ“ทำไมล่ะครับ เขาธรรมดามากและไม่มีคนหนุ่นหลังอะไรเลยเหรอ?”ตู้เซียวถึงกับแปลกใจเขาจำได้แม่นว่าเมื่อไม่กี่วันฉินหมิงได้รับสิทธิ์ในการร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปทำเอาทุกคนอึ้งกันเป็นแถบ ๆ เนื่องจากฉินหมิงสามารถสร้างความสัมพันธ์กับตระกูลโจวได้ เขาน่าจะมีความสามารถหรือคนหนุน
“ถ้าหานซีรู้ว่าเขาเป็นอย่างนี้ล่ะก็ เธอต้องออกห่างจากเขาแน่นอน! ”ตู้เซียวให้กำลังใจตัวเอง ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาและความเศร้าโศกในใจของเขาก็ปลิวหายไปหลังจากเลิกงานหลินหว่านชิงแจ้งผู้บริหารระดับสูงและบุคลากรแผนกที่เกี่ยวข้องในบริษัทเพื่อเตรียมเข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลองการที่ครั้งนี้กลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปได้ร่วมมือกับบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปไปอย่างราบรื่น ฉินหมิงสมควรได้รับเครดิตเป็นคนแรกตามมาด้วยหานซีนอกจากพวกเขาสองคนแล้ว ไม่กี่วันก่อนคนในแผนกวางแผนก็ทำโอทีเพื่อออกแบบแผนงานซึ่งเป็นส่วนสำคัญเช่นกันตอนนี้กลุ่มธุรกิจอานิสทรี กรุ๊ปและบริษัทธุรกิจโจวชื่อกรุ๊ปได้ร่วมมือกันมาถูกทางแล้วเพราะฉะนั้นครั้งนี้หลินหว่านชิงเลยจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองเพื่อให้รางวัลแก่ฉินหมิง หานซีและกลุ่มคนจากแผนกวางแผน…ที่อี้เฉวียนวิลล่าที่นี่เป็นสโมสรระดับสูงที่มีชื่อเสียงมากในเจียงเฉิงสถานที่นี้ผสมผสานการท่องเที่ยว การพักผ่อน โรงแรมที่พัก และบริการจัดเลี้ยง มีสภาพแวดล้อมโดยรอบรื่นตาและทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อนและความบันเทิงสำหรับคนรวยและคนดังอี้เฉวี
“คุณผ่านชีวิตมาอย่างยากลำบากโดยไม่มีใครคอยหนุนหลัง แต่คุณสามารถทำให้บริษัทโจวชื่อกรุ๊ปร่วมมือกับเราได้ ดูเหมือนว่าคุณจะมีพรสวรรค์และมีความสามารถพิเศษซะด้วยสิครับ! "เอ้าเฟิงกล่าวด้วยความชื่นชม“เปล่าหรอกครับ ผมแค่โชคดีน่ะครับ… ”ฉินหมิงยิ้มอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ในใจรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย เขาไม่เข้าใจว่าเอ้าเฟิงรู้ได้อย่างไรว่าเขานั้นเป็นเด็กกำพร้าอีกทั้งคำพูดยังแปลกพิลึก พอฟังแล้วดูเหมือนไม่ค่อยปกติ แต่ว่าก็บอกไม่ได้ว่าผิดปกติตรงไหน“ที่แท้ฉินหมิงก็เป็นเด็กกำพร้าเหรอนี่!”“คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมีชีวิตที่น่าเศร้าอย่างนี้! ”“นั่นน่ะสิ ผ่านชีวิตมายากลำบากขนาดนี้ ช่างน่าเห็นใจจริง ๆ”…ผู้บริหารหลายคนที่อยู่รอบตัวเขาต่างฮือฮาและสายตาที่พวกเขามองไปที่ฉินหมิงก็เปลี่ยนไป บางคนมองเขาด้วยความสงสาร ในขณะที่คนอื่น ๆ มองเขาด้วยการเลือกปฏิบัติและดูถูก“เรื่องมันก็ผ่านไปแล้วน่ะครับ ไม่มีอะไรที่ลำบากอีกแล้วล่ะครับ ”ฉินหมิงตอบด้วยเสียงเรียบในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาคุ้นเคยกับสายตาและท่าทีแปลก ๆ ของคนอื่นมานานแล้วและตอนนี้หัวใจของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก เขาไม่ถูกกระทบกระเทือนด้วยเรื่องเล็
“เอ้าเฟิง ตู้เซียว พวกคุณสองคนวุ่นวายกันจบแล้วหรือยัง!”หลินหว่านชิงตบโต๊ะ เธอจ้องมองไปที่เอ้าเฟิงและตู้เซียวด้วยความโกรธเรื่องของฉินหมิงเธอเองนั้นรู้ดี เธอไม่คิดไม่ฝันว่าเอ้าเฟิงกับตู้เซียวจะเอาเรื่องนี้มาป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ ทำให้ฉินหมิงเกิดความอับอาย นี่มันมากเกินไปแล้ว!“ประธานหลินครับ คุณอย่าโกรธเลยนะครับ ผมกับรองประธานเอ้าก็แค่หยอกล้อกับเลขาฉินเท่านั่นเอง ไม่ได้มีความหมายแอบแฝงอะไรสักหน่อยครับ…”ตู้เซียวรีบขอโทษด้วยรอยยิ้ม แต่เขาภูมิใจมากที่ในที่สุดเขาก็พูดเรื่องพวกนี้ออกมาได้!“นั่นน่ะสิครับประธานหลิน ผมกับผู้อำนวยการตู้ไม่ได้คิดร้ายอะไรกันสักหน่อย”“อีกทั้งเลขาฉินก็เอ่ยปากพูดเองว่าเรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว”“เขาใจกว้างออกครับ ผมกับผู้อำนวยการตู้แค่หยอกเล่นกับเขาก็เท่านั้น ผมคิดว่าเขาคงไม่ถือสาหรอก”“ใช่ไหมล่ะครับ เลขาฉิน!”เอ้าเฟิงถามฉินหมิงด้วยรอยยิ้ม“นี่มันไม่ตลกเอาซะเลยนะครับ…”ฉินหมิงฝืนยิ้มแต่ใจของเขาแอบสั่นสะท้านและเขาก็เริ่มระวังเอ้าเฟิงเอ้าเฟิงแค่พูดประโยคง่าย ๆ ไม่กี่คำ แต่กลับทำให้เขาร้อนเป็นไฟได้!นี่มันตัวอันตรายชัด ๆ นี่เป็นรอยยิ้มของเสือที่จะตะคร