เซียวชิงหน่วนดูเหมือนจะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ทันใดนั้นนางก็นึกบางสิ่งบางอย่างได้และตะโกนเรียกเฉียวเนี่ยน "แม่นางเฉียว มาดูสิ ช่างเป็นปลาตัวใหญ่จริงๆ!"เฉียวเนี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย นางไม่คิดว่าเซียวชิงหน่วนจะเรียกหานางแต่ในเมื่อเรียกแล้ว...เฉียวเนี่ยนลุกขึ้น เดินไปทางเซียวชิงหน่วน"ดูสิ ปลาตัวใหญ่ขนาดนี้เชียว!" เซียวชิงหน่วนตะโกนอย่างกระตือรือร้นเฉียวเนี่ยนยืนอยู่ข้างเซียวชิงหน่วน และชะโงกหน้ามองไปยังผืนน้ำ "ไหนปลาล่ะ?""อยู่นั่นไง!" เซียวชิงหน่วนชี้ไปบนผืนน้ำ แต่กลับก้าวไปด้านหลังเฉียวเนี่ยนจากนั้นนางจึงพูดขึ้นเบาๆ "ในเมื่อเจ้ากล้าโยนของที่พี่ชายข้ามอบให้ ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าหลาบจำเอง!" พูดจบ นางก็ยื่นมือไปผลักเฉียวเนี่ยนแต่ทว่า เฉียวเนี่ยนเอียงตัวเล็กน้อย และหลบได้อย่างง่ายดายแต่กลับเป็นเซียวชิงหน่วนที่ควบคุมแรงไม่ได้และตกลงไปในทะเลสาบก่อนตกน้ำ นางเห็นอย่างชัดเจนว่าเฉียวเนี่ยนกำลังยิ้ม!เมื่อเห็นเซียวชิงหน่วนกระเด็นลงไปในน้ำ เฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะอยากจะทำร้ายคนอื่นด้วยปัญญาอันน้อยนิดแค่นี้หรือ?เหอะ!เมื่อได้ยินเสียงตกน้ำ ผู้ชายในเรือก็รีบเดินออกมา
เมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดไม่ดีถึงหลินยวน เซียวชิงหน่วนก็ตอบโต้โดยไม่รู้ตัว "เจ้าพูดจาเหลวไหล! ยวนเอ๋อร์ไม่ใช่คนแบบนั้น!"เฉียวเนี่ยนเลิกคิ้วเล็กน้อย "อ๋อ งั้นหรือ? ดูเหมือนว่าแม่นางเซียวจะจำอะไรไม่ได้เลย"คำพูดนี้ทิ่มแทงเซียวชิงหน่วน นางเริ่มนึกถึงเรื่องราวหลังจากที่นางตกน้ำตอนนั้นนางดิ้นรนสุดชีวิต และยังจำได้ชัดเจนว่าพี่ชายกับท่านพี่พลินวิ่งออกมาแล้ว และกำลังทำท่าเหมือนจะกระโดดน้ำลงมาช่วยนางแต่ทำไมถึงหยุดไปล่ะ?เซียวชิงหน่วนใจเต้นรัวเมื่อนึกถึงภาพคนที่วิ่งโซซัดโซเซออกมาหลินยวนเป็นคนห้ามพวกเขาหรือ?เมื่อเห็นสีหน้าของเซียวชิงหน่วนที่เปลี่ยนไป เฉียวเนี่ยนก็ยกยิ้มบางๆ ขึ้นที่มุมปาก "แม่นางหลินเป็นห่วงชื่อเสียงของเจ้า ก็เลยห้ามเซียวเหิงกับท่านโหวน้อยเอาไว้ แต่ข้าคิดว่า ชีวิตคนทั้งคนสำคัญกว่าชื่อเสียงนัก"นางพูดขณะหยิบยาต้มอุ่นๆ ข้างเตียงขึ้นมาแล้วนำไปให้เซียวชิงหน่วน "ยิ่งกว่านั้น เซียวเหิงยังเป็นพี่ชายแท้ๆ ของเจ้า ใครจะพูดอะไรก็ได้ถ้าเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเจ้า? ส่วนท่านโหวน้อย... เขายังไม่ได้หมั้นหมายกับใคร ถ้าเกิดข่าวลือขึ้นมา เช่นนั้นก็สู่ขอเจ้าเสียก็สิ้นเรื่อง อย่างไรเสียก
เมื่อได้ยินที่เฉียวเนี่ยนพูด สิ่งที่เซียวชิงหน่วนสนใจก็ไม่ใช่เรื่องของหลินยวนอีกต่อไปนางขมวดคิ้วพลางมองเฉียวเนี่ยน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็า "เจ้าจะแต่งงานกับหมิงอ๋องจริงหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่คาดคิดว่าเซียวชิงหน่วนจะถามแบบนี้ นางจึงอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็นั่งตัวตรง "มีการออกพระราชกฤษฎีกาให้แต่งงานแล้ว ข้าก็ต้องทำตามนั้น""แต่พี่ชายข้าเคยเตือนเจ้าแล้วนี่" เซียวชิงหน่วนเม้มริมฝีปากแล้วพลิกตัวลงจากเตียง "พี่ชายข้าบอกว่าเจ้าอยากแต่งงานกับหมิงอ๋องใจจะขาด อย่าคิดว่าเจ้าได้ปีนขึ้นไปในที่สูงแล้วล่ะ หมิงอ๋องนั่นไม่ใช่คนดี! เขาปกป้องเจ้าต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น เจ้าคิดว่าคนอื่นจะอิจฉาหรือไง? ที่จริงทุกคนล้วนแอบหัวเราะและเวทนาเจ้าทั้งนั้น!"เซียวชิงหน่วนพูดพลางก้าวไปด้านนอก ตอนที่นางเดินผ่านเฉียวเนี่ยน นางก็ชะลอฝีเท้าลงเล็กน้อย "เจ้าไม่อยากให้ข้ากลายเป็นคนโง่ ข้าเองก็ไม่อยากให้เจ้าถูกขังอยู่ในความมืดมิดเช่นกัน เฉียวเนี่ยน หากวันใดขาวจะพาเจ้าไปเฉิงซี จำไว้ว่าห้ามไปเด็ดขาด"เฉิงซี?เฉียวเนี่ยนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เซียวชิงหน่วนไม่ได้พูดต่อ นางเปิดประตูและเดินออกไปทันทีทว่าหลินยวนและคนอื่นๆ บังเอิญมา
แน่นอนว่านางไม่ได้ฟังพลาดไปแต่เป็นเพราะตอนนั้นหลินยวนยังไม่ทันได้เอ่ยปาก เฉียวเนี่ยนก็กระโดดลงน้ำมาแล้วหลินยวนมีสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้น เฉียวเนี่ยนแอบหัวเราะในใจทำไมถึงเดาออกได้นะ?เดิมที นางไม่ได้อยากจะช่วยชีวิตเซียวชิงหน่วน เพราะอย่างไรเซียวชิงหน่วนก็เป็นคนทำร้ายนางก่อน ที่ตกน้ำก็เพราะนางทำตัวเองแต่ที่หลินยวนพูดต่อมา ทำให้เฉียวเนี่ยนรู้สึกแปลกๆผู้ชายที่อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนล้วนว่ายน้ำเป็น โดยเฉพาะคนเรือที่ว่ายน้ำเก่งมาก แต่หลินยวนกลับไม่ยอมให้พวกเขาลงน้ำไปช่วยคน เพียงเพราะอยากปกป้องชื่อเสียงของเซียวชิงหน่วนผู้หญิงสองคนที่เหลืออยู่คือนางกับหลินยวน เช่นนั้นคนที่ว่ายน้ำเป็นอย่างนางก็ต้องเป็นคนลงไปช่วยโดยปริยายหากในตอนนั้นหลินยวนทันได้พูดขอร้องออกมา คนที่ลำบากก็จะเป็นนาง คนที่ได้รับความดีความชอบก็จะเป็นหลินยวนดีที่ตอนนี้หลินยวนไม่มีอะไรที่สามารถโต้เถียงได้เลยมีเพียงน้ำตาใสๆ หยดลงมาอย่างน่าสงสารหลินเย่ว์ดึงหลินยวนไปปลอบใจเซียวเหิงขมวดคิ้วมองไปยังเซียวชิงหน่วน "ยวนเอ๋อร์อยากจะขอร้องเฉียวเนี่ยนให้ลงไปช่วยเจ้าจริงๆ เพียงแต่เฉียวเนี่ยนกระโดดลงไปช่วยเจ้าก่อนเท่านั้นเอง เรื่อง
เซียวชิงหน่วนหันหลังและวิ่งออกไปหลังจากพูดจบเมื่อเห็นดังนั้น หลินยวนก็เรียกอย่างร้อนรน "หน่วนหน่วน หน่วนหน่วน!"แต่เซียวชิงหน่วนสนนางที่ไหนกัน?จากนั้น หลินยวนจึงรีบไปดึงแขนเซียวเหิง "ท่านพี่เหิง ท่านตามไปสิ!""ไม่ต้องสนนาง! ปากแบบนาง ต้องทำให้นางรู้สำนึกเสียบ้าง!" เซียวเหิงรู้สึกว่าหากวันนี้เขาไม่อบรบสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดี ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องเดือดร้อนเพราะปากของตนเป็นแน่หลินยวนกลับรีบร้อนมากกว่าเดิม "แต่ว่าหน่วนหน่วนจมน้ำและเพิ่งจะฟื้น หากให้นางวิ่งหนีไปเช่นนี้ ข้าก็ไม่สบายใจ! ท่านพี่เหิง ข้าขอร้องล่ะ ท่านลืมไปตามนางเถอะนะ!หลินยวนพูดพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา ทำให้เซียวเหิงใจอ่อนเขาขมวดคิ้วและเหลือบมองมองเฉียวเนี่ยน จากนั้นก็วิ่งออกไปเมื่อเซียวเหิงจากไป หลินยวนก็ยังคงสะอึกสะอื้นอยู่ที่เดิมหลินเย่ว์ชี้นิ้วไปที่เฉียวเนี่ยน "ดูเรื่องงามหน้าที่เจ้าก่อไว้สิ!"เฉียวเนี่ยนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและมองหลินเย่ว์ "ข้าทำอะไร?""ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายุแยง แม่นางเซียวจะคิดโทษยวนเอ๋อร์ได้หรือ?" หลินเย่ว์ยกมือชี้หน้าเฉียวเนี่ยน อีกครั้ง "เจ้าอยู่อย่างสงบเสงี่ยม ให้คนอื่นสบายใจหน่อ
แม้ว่าเฉียวเนี่ยนจะแกล้งหมดสติแต่คนอื่นเห็นเหมือนกันว่า นางกับเซียวชิงหน่วนถูกอุ้มมาที่จวนโหว และถูกส่งเข้าไปยังเรือนฟางเหอพร้อมกันนางก็ได้รับการรักษาจากท่านหมอเหมือนกับเซียวชิงหน่วน!แต่ทำไม หลินเย่ว์ถึงได้เอาแต่ห่วงใยหลินยวน กระทั่งเป็นห่วงเซียวชิงหน่วนที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเขา ทำไมถึงลืมไปแล้วว่านางก็เคยเป็นน้องสาวของเขา?เขาเคยเอ็นดูนางที่สุดไม่ใช่หรือ?ไม่ใช่ว่าเคยตามหาของที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้เพื่อนางหรือ?ไม่ใช่ว่าเคยต่อยตีกับคนอื่นเพื่อนางตยหัวร้างข้างแตกหรอกหรือ?ทำไมตอนนี้เขาถึงได้เป็นห่วงทุกคน ยกเว้นนางเสียล่ะ?หัวใจของหลินเย่ว์สั่นไหวเล็กน้อยเพราะคำถามของเฉียวเนี่ยนจนเขาไม่กล้าสบตาของเฉียวเนี่ยน ที่ดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง และไม่รู้ว่าควรตอบคำถามอย่างไรดีแต่หลินยวนที่อยู่ข้างๆ กลับร้องไห้อย่างหนัก หนักจนร่างกายของนางต้องพิงเขาไว้แล้วสะอึกสะอื้นหลินเย่ว์รู้ว่าวันนี้หลินยวนโดนเข้าใจผิดอย่างหนักเมื่อนึกถึงเมื่อครู่ที่หลินยวนโดนเพื่อนที่รักที่สุดด่าว่าเช่นนั้น ล้วนเป็นเพราะเฉียวเนี่ยน ความรู้สึกผิดต่อเฉียวเนี่ยนของหลินเย่ว์ก็หายไปจนหมดเขา
ขันทีตอบรับและเดินจากไปอย่างว่าง่ายเฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางคิดว่าที่เซียวเหิงมาขวางนางไว้อย่างอาจหาญเช่นนี้ เป็นเพราะเซียวชิงหน่วนหรือเปล่า?หลังจากที่เซียวชิงหน่วนกลับออกไปแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?หรือว่าเป็นเพราะหลินยวน?เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่า อย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าok'ลดสายตาลงและไม่พูดอะไร เพียงรอให้เซียวเหิงพูดจบแล้วจากไป อย่างไรก็ตาม จู่ๆ รองเท้าบูทคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของนางบรรยากาศที่คุ้นเคยนั้นห่อหุ้มนาง และเฉียวเนี่ยนสะดุ้งทันที นางเงยหน้าขึ้นมองและตระหนักว่าเซียวเหิงเดินเข้ามาใกล้นางแล้วใกล้มากๆ!ใกล้จนใครอื่นเห็นเข้าก็จะนินทา!นางต้องการรักษาระยะห่างกับเขาโดยสัญชาตญาน จึงรีบถอยหลังไปสองก้าวแต่จู่ๆ ก็มีความเจ็บเหมือนโดนดึงแล่นมาจากติ่งหูของนางเฉียวเนี่ยนนรีบกุมหูของนาง และต้องตกใจเมื่อพบว่ามีต่างหูอยู่ที่หูของนางวันนี้นางเข้ามาในพระราชวังโดยแต่งกายเรียบง่ายและไม่สวมเครื่องประดับใดๆ ที่หูเมื่อครู่นี้เซียวเหิงสวมต่างหูนี้ให้นางหรือ?ความคิดดังกล่าวเข้ามาในใจของนาง และเฉียวเนี่ยนก็ตกตะลึง นางมองไปที่เซียวเหิง และเห็นว่าเข
เซียวเหิงเดินจากไปหลังจากพูดแบบนั้น ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าเฉียวเนี่ยนจะสวมต่างหูหรือไม่แต่เมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นขันทีที่นำทางนางก่อนหน้านี้มองนางเป็นครั้งคราวนางก็เข้าใจในทันที ว่าขันทีคนนั้นได้รับคำสั่งมาจากเซียวเหิงเมื่อคิดดีๆ แล้ว ขันทีคนหนึ่งจากตำหนักเต๋อกุ้ยเฟย เมื่อโดนเซียวเหิงขวางไว้กลับหลีกทางอย่างง่ายดาย ไม่มีสีหน้าลำบากใจแม้แต่น้อย!เฮอะ!ตอนนางอยู่ที่กรมซักล้างก็เคยได้ยินว่าแม่ทัพเซียวมีเส้นสายอยู่ทั่ว แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เรือนนอนของนางสนมในวังหลังก็จะมีคนคอยเป็นมือเป็นเท่าให้เขาด้วย!นางสูดลมหายใจเข้าลึก และสวมต่างหูตอนที่ขันทีกำลังจับตาดูนางอยู่เมื่อเห็นดังนั้น ขันทีคนนั้นจึงเดินเข้ามา หลังจากโค้งให้เฉียวเนี่ยนอย่างนอบน้อมแล้ว เขาก็นำทางไปเรือนนอนของเต๋อกุ้ยเฟยต่อดูเหมือนว่าเต๋อกุ้ยเฟยจะรอนางนานแล้วก่อนที่เฉียวเนี่ยนจะทำความเคารพ นางก็ทักทายเฉียวเนี่ยนอย่างกระตือรือร้น "ต่อจากนี้ไปเราก็คือครอบครัวเดียวกันแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอก!"นางดึงเฉียวเนี่ยนให้ลุกขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยอันอ่อนโยน "ข้าได้ยินเจ๋อเอ๋อร์บอกว่าเมื่อวานเข้าช่วยคนตกน้ำ? เป็นอย
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน