ขันทีตอบรับและเดินจากไปอย่างว่าง่ายเฉียวเนี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางคิดว่าที่เซียวเหิงมาขวางนางไว้อย่างอาจหาญเช่นนี้ เป็นเพราะเซียวชิงหน่วนหรือเปล่า?หลังจากที่เซียวชิงหน่วนกลับออกไปแล้ว เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?หรือว่าเป็นเพราะหลินยวน?เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่า อย่างหลังน่าจะมีความเป็นไปได้มากกว่าok'ลดสายตาลงและไม่พูดอะไร เพียงรอให้เซียวเหิงพูดจบแล้วจากไป อย่างไรก็ตาม จู่ๆ รองเท้าบูทคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสายตาของนางบรรยากาศที่คุ้นเคยนั้นห่อหุ้มนาง และเฉียวเนี่ยนสะดุ้งทันที นางเงยหน้าขึ้นมองและตระหนักว่าเซียวเหิงเดินเข้ามาใกล้นางแล้วใกล้มากๆ!ใกล้จนใครอื่นเห็นเข้าก็จะนินทา!นางต้องการรักษาระยะห่างกับเขาโดยสัญชาตญาน จึงรีบถอยหลังไปสองก้าวแต่จู่ๆ ก็มีความเจ็บเหมือนโดนดึงแล่นมาจากติ่งหูของนางเฉียวเนี่ยนนรีบกุมหูของนาง และต้องตกใจเมื่อพบว่ามีต่างหูอยู่ที่หูของนางวันนี้นางเข้ามาในพระราชวังโดยแต่งกายเรียบง่ายและไม่สวมเครื่องประดับใดๆ ที่หูเมื่อครู่นี้เซียวเหิงสวมต่างหูนี้ให้นางหรือ?ความคิดดังกล่าวเข้ามาในใจของนาง และเฉียวเนี่ยนก็ตกตะลึง นางมองไปที่เซียวเหิง และเห็นว่าเข
เซียวเหิงเดินจากไปหลังจากพูดแบบนั้น ราวกับว่าเขาไม่สนใจว่าเฉียวเนี่ยนจะสวมต่างหูหรือไม่แต่เมื่อเฉียวเนี่ยนเห็นขันทีที่นำทางนางก่อนหน้านี้มองนางเป็นครั้งคราวนางก็เข้าใจในทันที ว่าขันทีคนนั้นได้รับคำสั่งมาจากเซียวเหิงเมื่อคิดดีๆ แล้ว ขันทีคนหนึ่งจากตำหนักเต๋อกุ้ยเฟย เมื่อโดนเซียวเหิงขวางไว้กลับหลีกทางอย่างง่ายดาย ไม่มีสีหน้าลำบากใจแม้แต่น้อย!เฮอะ!ตอนนางอยู่ที่กรมซักล้างก็เคยได้ยินว่าแม่ทัพเซียวมีเส้นสายอยู่ทั่ว แต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่เรือนนอนของนางสนมในวังหลังก็จะมีคนคอยเป็นมือเป็นเท่าให้เขาด้วย!นางสูดลมหายใจเข้าลึก และสวมต่างหูตอนที่ขันทีกำลังจับตาดูนางอยู่เมื่อเห็นดังนั้น ขันทีคนนั้นจึงเดินเข้ามา หลังจากโค้งให้เฉียวเนี่ยนอย่างนอบน้อมแล้ว เขาก็นำทางไปเรือนนอนของเต๋อกุ้ยเฟยต่อดูเหมือนว่าเต๋อกุ้ยเฟยจะรอนางนานแล้วก่อนที่เฉียวเนี่ยนจะทำความเคารพ นางก็ทักทายเฉียวเนี่ยนอย่างกระตือรือร้น "ต่อจากนี้ไปเราก็คือครอบครัวเดียวกันแล้ว เจ้าไม่ต้องพิธีรีตองนักหรอก!"นางดึงเฉียวเนี่ยนให้ลุกขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความห่วงใยอันอ่อนโยน "ข้าได้ยินเจ๋อเอ๋อร์บอกว่าเมื่อวานเข้าช่วยคนตกน้ำ? เป็นอย
ราวกับว่า เมื่อครู่นี้เรื่องต่างหูเป็นเพียงเรื่องที่เต๋อกุ้ยเฟยพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจเท่านั้นเฉียวเนี่ยนรู้สึกสงสัย แต่ไม่ได้พูดอะไรหมิงอ๋องจูงมือนางเดินไปหาเต๋อกุ้ยเฟยอย่างเป็นธรรมชาติ เขามองดูผ้าบนโต๊ะและพลิกมันไปมา "นี่เป็นผ้าที่ดีที่สุดของกรมภูษาอาภรณ์แล้วหรือ?""ไม่ได้ดีที่สุดหรอก แต่ก็กล่าวได้ว่าเป็นผ้าชั้นดี!" เต๋อกุ้ยเฟยพูดจบก็ถอนหายใจ "ลูกคนนี้ ไม่รู้สถานการณ์ในตอนนี้หรืออย่างไร ถึงได้กล้าขอของดีที่สุด?"กำลังจะถูกส่งไปที่ดินในปกครองเป็นท่านอ๋องแค่ในนามแล้ว ยังได้รับของเหล่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว!หมิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็ไม่ตอบโต้แต่มือที่จูงมือเฉียวเนี่ยนกลับออกแรงโดยไม่รู้ตัวเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้ว เขากุมมือที่หลังมือของนางยังบวมช้ำไม่หายดีจนนางเจ็บแต่นางยังคงไม่พูดอะไรดูเหมือนเต๋อกุ้ยเฟยจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติของหมิงอ๋อง จึงเลือกดูผ้าต่อ ทั้งนำมาทาบบนตัวเฉียวเนี่ยน สักพักก็ทาบบนตัวหมิงอ๋อง "ข้าว่าสองผืนนี้ไม่เลวเลย พวกเจ้าคิดว่าอย่างไร?"หมิงอ๋องตอบเบาๆ "ท่านแม่ตัดสินใจเถิด"เฉียวเนี่ยนเองก็พูดตอบ "พระสนมตัดสินใจเถิดเพคะ""พวกเจ้าเนี่ย!" เต๋อกุ้ยเฟยมองทั้งสองคน
แม้จะยิ้ม แต่เฉียวเนี่ยนได้ยินถึงความไม่พอใจที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างชัดเจนแต่ก็ธรรมดาที่หมิงอ๋องจะโกรธต่างหูคู่นี้มีเรื่องราวระหว่างนางกับเซียวเหิงมากเกินไปเมื่อวานนางโยนมันทิ้งต่อหน้าทุกคน แต่วันนี้มันกลับมาปรากฏที่หูของนางอีกครั้ง ในฐานะคู่หมั้นของนาง เป็นเรื่องปกติที่หมิงอ๋องจะโกรธนางจึงอธิบายตามความจริง "อาจเพราะเมื่อวานหม่อนฉันทิ้งมันต่อหน้าผู้คน ทำให้แม่ทัพเซียวเสียหหน้า เมื่อครู่แม่ทัพเซียวจึงสั่งให้หม่อมฉันสวมมันไว้ หากหม่อมฉันไม่สวม ก็เกรงว่าจะไปพูดอะไรกับท่านย่า,,,"หมิงอ๋องรู้ว่าสุขภาพของท่านย่านางไม่สู้ดีนัก"อย่างนี้นี่เอง" หมิงอ๋องแสดงท่าทีเข้าใจในทันที "ข้าก็นึกว่าเนี่ยนเนี่ยนชอบต่างหูนี้มาก ก็เลยเก็บมาเสียอีก ที่แท้แม่ทัพเซียวก็เก็บมาให้นี่เอง"ในตอนท้ายของคำพูด ความมืดมนในดวงตาของหมิงอ๋องก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย "ฝ่าบาทวางใจเถิด กลับไปหม่อมฉันจะพูดกับแม่ทัพเซียวให้ชัดเจน ว่าหม่อนฉันจะไม่สวมต่างหูคู่นี้อีก""เช่นนั่นหรือ?" เขาพูดเบาๆ น้ำเสียงเสียดสีเล็กน้อย "หากเขาเอาท่านย่าของเขามาข่มขู่อีกล่ะ?"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป นางไม่ไ
เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนไม่ตอบ รอยยิ้มของหมิงอ๋องก็ดูกระด้างขึ้น "ข้าแค่ถามเล่นๆ เนี่ยนเนี่ยนไม่จำเป็นต้องใส่ใจ"แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขากลับถามต่อ "เนี่ยนเนี่ยนชอบแม่ทัพเซียวตรงไหนหรือ?"และครั้งนี้ เขาไม่รอคำตอบของเฉียวเนี่ยนเขาเริ่มพูดกับตัวเองแทน "ชอบที่เขาหล่อเหลา หรือชอบที่เขามีทักษะศิลปะการต่อสู้สูง กล้าหาญ และมีไหวพริบ? หรือจะชอบทุกอย่าง?""เซียวเหิงเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หายากจริงๆ ไม่ใช่แค่เนี่ยนเนี่ยนหรอก แม้แต่ซูหยวนก็ชอบเขาเช่นกัน เพราะอย่างนั้นตอนที่เจ้าทำชามเคลือบแตก นางถึงได้จงใจทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และส่งเจ้าไปกรมซักล้าง"ซูหยวนเป็นชื่ออันสูงส่งที่ห้ามเอ่ยถึงขององค์หญิงใหญ่ในปัจจุบันเฉียวเนี่ยนตกใจมาก นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วเช่นนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์หญิงซูหยวนสั่งลงโทษนางให้ไปกรมซักล้าง และยังสั่งให้นางบ่าวกลั่นแกล้งนางตลอดสามปี...แต่ตอนนี้ สิ่งที่นางกังวลไม่ใช่องค์หญิงซูหยวน แต่เป็นหมิงอ๋อง!นางสูดลมหายใจและเอ่ยปากถาม "ท่านอ๋องจงใจพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเพราะเหตุใจหรือเพคะ?"หมิงอ๋องไม่สนใจทั้งยังพ
"มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลหลิน มักจะขอร้องฮองเฮาให้ปล่อยเฉียวเนี่ยนหากมีโอกาสที่เหมาะสม?สำหรับเฉียวเนี่ยน คนที่นางใส่ใจมากที่สุดก็คือฮูหยินเฒ่าตระกูลหลินรู้วิธีใช้ฮูหยินเฒ่าเพื่อควบคุมเฉียวเนี่ยน ส่วนเซียวเหิงรู้วิธีใช้ฮูหยินเฒ่าพื่อข่มขู่เฉียวเนี่ยนเช่นนั้นแล้ว หมิงอ๋องก็ต้องรู้ด้วยเหมือนกันเป็นดังที่คิดไว้ เฉียวเนี่ยนที่กำลังดิ้นรนอยู่ก่อนหน้านี้ พอได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องก็พลันหยุดนิ่งไปทันทีปากที่อ้ากว้างเพราะหายใจไม่ออกพลันปิดสนิทลงอย่างแรง มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ยังคงจ้องมองหมิงอ๋องอย่างแน่วแน่ไม่ละสายตาหมิงอ๋องไม่คาดคิดเลยว่า เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวจะทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเลิกต่อต้านหลังจากความตกใจในชั่วขณะนั้น ความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พลันถาโถมเข้าสู่หัวใจจู่ๆ เขาก็ผละออกจากเฉียวเนี่ยน แล้วตะโกนออกไปนอกรถม้าอย่างร้อนรนด้วยเสียงกร้าวว่า "ถึงหรือยัง!""ท่านอ๋อง ใกล้ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"คำตอบจากภายนอกรถม้าช่วยระงับความโกรธของหมิงอ๋องได้ชั่วคราวเขานั่งกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง พิงศีรษะไปข้างหนึ่ง สายตาคมกริบจากบมองเฉียวเนี่ยนตั
ก็เพราะไม่สามารถเอาชีวิตของนางได้ เขาถึงได้ใช้ท่านย่าของนางมาข่มขู่ให้นางไม่แพร่งพรายอะไรออกไป!เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า "หากท่านอ๋องไม่ต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว"นางไม่ได้เห็นเครื่องมือทรมานใดๆ ในห้องนี้ สิ่งเดียวที่เหมือนเครื่องมือทรมานก็คือแส้ในมือหมิงอ๋องช่วงสามปีที่อยู่ในกรมซักล้าง นางถูกตีไม่รู้ตั้งกี่ครั้งสามปีที่ผ่านมานั้นนางรอดมาได้ วันนี้ นางก็เชื่อว่านางจะต้องทนผ่านมันไปได้เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวตายของนางเช่นนี้ ความตื่นเต้นในใจหมิงอ๋องแทบจะระเบิดออกจากดวงตาของเขาเขาค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปทางเฉียวเนี่ยน "ข้าเคยบอกแล้วว่าชอบท่าทางแบบนี้ของเจ้าที่สุด"เขาพูดพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเฉียวเนี่ยนที่ตกลงมาใกล้หู แล้วเกี่ยวมันไปข้างหลังเหมือนที่เคยทำในวังเพียงแต่ว่าครั้งนี้ เขากระชากต่างหูจากหูเฉียวเนี่ยนอย่างแรง และดึงมันออกมา“อ้าก!”เฉียวเนี่ยนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดทันที แล้วยกมือขึ้นกุมหูของตัวเอง มือของนางชุ่มไปด้วยความร้อนจากเลือดที่ไหลออกมาขณะที่หมิงอ๋องมองต่างหูในมือของเขา ซึ่งมีเลือดหยดออกมาในอกเขาก็เริ่มเต้น
ฟ้าเริ่มมืดแล้วเฉียวเนี่ยนที่ฟุบอยู่บนพื้นแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนสติ พลางมองไปยังเทียนที่ใกล้จะดับบนผนังโดยรอบ คิดว่าเวลาคงผ่านไปนานแล้วแต่ผ่านไปนานเท่าไหร่นางก็ไม่รู้รู้เพียงว่า แส้ของหมิงอ๋องฟาดลงบนหลังของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งหมิงอ๋องหมดเรี่ยวแรงไปเอง ถึงได้หยุดมือในที่สุดนางยังคงจำเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจของหมิงอ๋องในตอนที่จากไปได้อย่างชัดเจน...มันช่างเหมือนกับปีศาจร้ายแห่งนรก ที่หลังจากกระทำความโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดแล้วมักหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแผ่นหลังของนางปวดแสบปวดร้อนนางไม่กล้าขยับตัวเลือดสดที่ซึมออกมาผสมกับเสื้อผ้าจนติดกันแน่น เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดจากการดึงรั้งและเสียดสีก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกกระชากเจ็บเหลือเกิน...เจ็บจริงๆ!เจ็บยิ่งกว่าตอนที่ถูกมามาจากกรมซักล้างเฆี่ยนตีเสียอีก!แต่ฝีมือของเขากลับแม่นยำอย่างน่าประหลาด ทั้งมือและใบหน้าของนางไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เขาจะลงแส้ เขายังสั่งให้นางถอดเสื้อคลุมออกด้วยโชคดีที่ถอดออกไปไม่อย่างนั้น หากนางกลับจวนพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ ย่อมต้องถูก
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
เฉียวเนี่ยนชะงักไป หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้ยินโจรภูเขานั่นพูดว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวเหิงส่งคนมาติดตามนาง พวกเขาก็คงนึกไม่ถึงว่าข้างในโลงศพจะเป็นจิ่งเหยียนเมื่อคืน คงไม่เกิดฉากนองเลือดนั่นขึ้นไม่แน่เวลานี้ นางคงออกจากหยงเป่ยไปแล้วโทษเขาเหรอ?สติบอกนางว่า ไม่ควรโทษเขาความตั้งใจเดิมของเซียวเหิงคือปกป้องนางให้ปลอดภัย ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อคืนจะมีโจรภูเขาปรากฏตัวออกมาอีกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะโจรภูเขาโหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้คนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่เด็กทารกที่อยู่ในผ้าห่อก็ยังไม่เว้นหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทคงไม่ส่งทหารมาในคืนนั้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแต่ว่า...มันเกิดขึ้นไปแล้วจิ่งเหยียนตายแล้ว คนมากมาย ก็ตายสิ้นไปแล้วนางมิอาจกล่าว 'ไม่โทษ' สองคำนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งได้ใจของนาง ตำหนิคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนอย่างคลุมเครือแต่ที่มากไปกว่านั้น นางโทษตัวนางเองมากกว่า...นางไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า นั่งอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเสงี่ยมเนื่องจากกังวลว่าจะมีโจรภูเขามาก่อความวุ่นวายอีก ทั้งสองจึงรอกำลังเสริมที่หลัวซ่างส่งมาถึงก
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต
เซียวเหิงใช้เวลาไปแค่วันกว่าก็จัดการเรื่องในเหอโจวเจิ้นเสร็จ เพราะโจรภูเขาที่ถูกจับเป็นเมื่ออยู่ในมือเซียวเหิงทนได้ไม่กี่ชั่วยาม ก็สารภาพเรื่องทั้งหมดออกมาแล้วต่อหน้าหยูว่านอันที่เป็นนายอำเภอเหอโจวเจิ้น เขาก็แสดงฝีมือการทรมานบีบให้สารภาพอีกรอบ จนหยูว่านอันนั่นตกใจฉี่รดกางเกง ไม่กล้าปิดบังแม้แต่ประโยคเดียวมันพัวพันกันอย่างกว้างขวางจริงๆแต่เรื่องสืบให้ละเอียด เซียวเหิงกลับมอบให้หลัวซ่างไปทำทั้งหมดหลัวซ่างไม่มีแขนซ้ายแล้ว ต่อไปมิอาจสู้รบได้อีก หากเรื่องนี้ทำสำเร็จเรียบร้อย วันหน้าอาจสามารถเป็นขุนนางตำแหน่งไหนตำแหน่งหนึ่งในราชสำนักได้ต่อให้อยู่เป็นนายอำเภอที่เหอโจวนี้ ก็ยังดีกว่าหอบร่างกายที่พิการกลับบ้านไปปลูกนาส่วนเซียวเหิงแม้แต่น้ำก็ไม่ดื่มสักอึกก็รีบตะบึงม้าออกไปใจของเขา หวาดหวั่นเป็นอย่างมากแผ่นหลังตอนเฉียวเนี่ยนจากไปยังคงปรากฏอยู่ในหัวเขาไม่หาย ทำให้ใจดวงนี้ของเขาหวาดหวั่นจนแม้แต่ชั่วครู่หนึ่งก็มิอาจรอได้เขาแทบจะตะบึงม้าตามไปอย่างไม่หยุดพัก ทว่าตอนเขาไล่ตามมาถึงกลับพบว่า คนที่เขาส่งมาปกป้องนางตายไปหมดแล้วนอกป่าเต็มไปด้วยซากศพ เขามองปราดเดียวก็รู้ได้ทันที บางคนในนั
พละกำลังมหาศาล ราวกับจะบิดหักแขนที่เปื้อนเลือดของนางอย่างไรอย่างนั้น!เฉียวเนี่ยนฝืนทนความเจ็บ ใช้กำลังทั้งหมดหมุนขยับมือของตัวเองดาบยาว เริ่มขยับอยู่ในกายโจรภูเขาโจรภูเขาเจ็บเหลือนแสน ร้องออกมาเสียงดัง "อ๊าก!"แรงใต้ฝ่ามือเขายิ่งรุ่นแรงขึ้นเฉียวเนี่ยนเองก็ร้องออกมาเพราะเจ็บเช่นกันทว่าเสียงร้องนั้น หาใช่เพียงเพราะเจ็บในที่สุด นางใช้กำลังทั้งหมด ทำให้ดาบยาวเล่มนั้นหมุนอยู่ในร่างกายโจรภูเขาไปหนึ่งรอบบางทีอาจเป็นเพราะลำไส้ถูกบิดขาด โจรภูเขาคนนั้นถึงได้กระอักเลือดออกมาอย่างหนัก สุดท้ายไร้เรี่ยวแรง ล้มหงายหลังลงไปกับพื้นส่วนดาบยาวเล่มนั้น กลับยังอยู่ในมือเฉียวเนี่ยนแน่นนางเองก็ถูกเลือดสาดกระเซ็นเต็มหน้า มากจนทำให้นางแทบลืมตาขึ้นมาไม่ได้ทว่าข้างหู กลับมีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาอีกหน"เจ้าห้า! เจ้าหก!"เป็นโจรภูเขาอีกแล้ว!ใจที่ตื่นตระหนกของเฉียวเนี่ยนเหมือนกับจะหยุดเต้นสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่บอกนางว่า ไม่ควรอยู่ตรงนี้แล้วทว่าเสียงร้องตะโกนเมื่อครู่เหมือนกับจะผลาญกำลังทั้งหมดของนางไปจนสิ้นแล้ว แขนก็ถูกจับจนเจ็บ แม้แต่ยกขึ้นมาเช็บคาบเลือดบนใบหน้าก็ยังทำไม่ได้เฉียวเนี่
เฉียวเนี่ยนมองโจรภูเขาที่ใบหน้าเปื้อนเลือดของเหล่าทหารคนนั้นด้วยคววามตกใจอย่างมาก จึงก้าวถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว แต่กลับไม่คิดเลยว่าจะสะดุดกิ่งไม้แห้ง ล้มลงไปกับพื้นเมื่อเห็นเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งยิ้มอย่างป่าเถื่อนมากขึ้นภายใต้ราตรีอันมืดมิด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้คนรู้สึกเวียนหัว...เฉียวเนี่ยนเหมือนสะดุ้งตกใจก็ไม่ปาน น้ำเสียงคลอไปด้วยเสียงร่ำไห้ "ข้า ข้าไปกับเจ้า เจ้า จะไม่ฆ่าข้าใช่หรือไม่?"เห็นสตรีตรงหน้าหวาดกลัวเช่นนี้ โจรภูเขาก็ยิ่งได้ใจ "แน่นอน ขอเพียงเจ้าเชื่อฟัง"เฉียวเนี่ยนรีบพยักหน้า "ข้าจะเชื่อฟัง แต่ว่า...เหมือนข้าจะข้อเท้าพลิก"ได้ยินเช่นนี้ โจรภูเขาจึงเหลือบมองข้อเท้าเฉียวเนี่ยนครู่หนึ่ง หวนนึกเมื่อครู่ที่นางสะดุดล้ม จึงไม่ได้สงสัยอะไรเขามองเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง เห็นนางเปี่ยมไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว ก็อดคิดในใจไม่ได้ว่า ก็แค่สตรีอ่อนแอคนหนึ่ง ในมือไม่มีแม้แต่อาวุธ จะสร้างปัญหาได้แค่ไหนกันเชียว?จึงเลิกคิ้วขึ้นพร้อมเดินไปทางเฉียวเนี่ยน ก่อนยื่นมืออกไป หมายจะพยุงนางขึนมาเฉียวเนี่ยนเองก็ยื่นมือออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เช่นกัน แต่ไม่คาดคิดเลยว่า ทันทีที่เฉียวเนี่ยนจ
เขาตกใจจนถอยหลังไปสองก้าวทหารอีกคนหนึ่งก้าวเข้ามาดูฉากนี้ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว เอ่ยว่า "ตอนนี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว งู แมลง หนูและมดเหล่านี้ก็จะออกมาหาอาหารแล้ว ไม่ใช่เรื่องสําคัญอะไร"เมื่อได้ยินคํานี้ ทุกคนจึงพยักหน้าหงึกๆ แล้วเก็บดาบกลับไปเฉียวเนี่ยนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกสายตามองไปยังหัวงูนั้นภายใต้แสงจันทร์ หัวงูเล็กๆ นั้นหักอยู่ข้างถนนและยังคงดิ้นรนและบิดอยู่นางรู้สึกอย่างบอกไม่ถูกว่า นี่เหมือนกําลังบ่งบอกอะไรบางอย่าง ในใจอดรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาไม่ได้ดีที่ว่าอีกสองวันต่อมา ทุกอย่างล้วนราบรื่นดีเหล่าทหารเคยชินกับการเดินทัพและเร่งเดินทาง ทุกวันจะนอนเพียงสองชั่วยามเท่านั้น ตลอดทางก็ดูแลเฉียวเนี่ยนเป็นอย่างดีแต่ความไม่สบายใจในคืนนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเฉียวเนี่ยน เหมือนกับหัวงูที่ถูกตัดออก บางครั้งก็ดิ้นไปมาราวกับเป็นการยืนยันความไม่สบายใจของนาง ในคืนที่สอง ถนนก็ถูกขวางไว้แล้วเฉียวเนี่ยนมองก้อนหินใหญ่หลายก้อนที่อยู่บนถนนข้างหน้า ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวได้ยินแต่คนข้างๆ ถามว่า"หินใหญ่ขนาดนี้ ทําไมถึงอยู่กลางถนนได้?"ทหารบางคนมองไปที่ยอดเขาที่ริมถนน"บางทีหินอาจลื