เมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนไม่ตอบ รอยยิ้มของหมิงอ๋องก็ดูกระด้างขึ้น "ข้าแค่ถามเล่นๆ เนี่ยนเนี่ยนไม่จำเป็นต้องใส่ใจ"แม้จะพูดเช่นนั้น แต่เขากลับถามต่อ "เนี่ยนเนี่ยนชอบแม่ทัพเซียวตรงไหนหรือ?"และครั้งนี้ เขาไม่รอคำตอบของเฉียวเนี่ยนเขาเริ่มพูดกับตัวเองแทน "ชอบที่เขาหล่อเหลา หรือชอบที่เขามีทักษะศิลปะการต่อสู้สูง กล้าหาญ และมีไหวพริบ? หรือจะชอบทุกอย่าง?""เซียวเหิงเป็นคนมีพรสวรรค์ที่หายากจริงๆ ไม่ใช่แค่เนี่ยนเนี่ยนหรอก แม้แต่ซูหยวนก็ชอบเขาเช่นกัน เพราะอย่างนั้นตอนที่เจ้าทำชามเคลือบแตก นางถึงได้จงใจทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่และส่งเจ้าไปกรมซักล้าง"ซูหยวนเป็นชื่ออันสูงส่งที่ห้ามเอ่ยถึงขององค์หญิงใหญ่ในปัจจุบันเฉียวเนี่ยนตกใจมาก นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีความเชื่อมโยงระหว่างสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้วเช่นนี้ไม่น่าแปลกใจเลยที่องค์หญิงซูหยวนสั่งลงโทษนางให้ไปกรมซักล้าง และยังสั่งให้นางบ่าวกลั่นแกล้งนางตลอดสามปี...แต่ตอนนี้ สิ่งที่นางกังวลไม่ใช่องค์หญิงซูหยวน แต่เป็นหมิงอ๋อง!นางสูดลมหายใจและเอ่ยปากถาม "ท่านอ๋องจงใจพูดเรื่องพวกนี้ขึ้นมาเพราะเหตุใจหรือเพคะ?"หมิงอ๋องไม่สนใจทั้งยังพ
"มีใครบ้างที่ไม่รู้ว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมา ฮูหยินเฒ่าแห่งตระกูลหลิน มักจะขอร้องฮองเฮาให้ปล่อยเฉียวเนี่ยนหากมีโอกาสที่เหมาะสม?สำหรับเฉียวเนี่ยน คนที่นางใส่ใจมากที่สุดก็คือฮูหยินเฒ่าตระกูลหลินรู้วิธีใช้ฮูหยินเฒ่าเพื่อควบคุมเฉียวเนี่ยน ส่วนเซียวเหิงรู้วิธีใช้ฮูหยินเฒ่าพื่อข่มขู่เฉียวเนี่ยนเช่นนั้นแล้ว หมิงอ๋องก็ต้องรู้ด้วยเหมือนกันเป็นดังที่คิดไว้ เฉียวเนี่ยนที่กำลังดิ้นรนอยู่ก่อนหน้านี้ พอได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องก็พลันหยุดนิ่งไปทันทีปากที่อ้ากว้างเพราะหายใจไม่ออกพลันปิดสนิทลงอย่างแรง มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ยังคงจ้องมองหมิงอ๋องอย่างแน่วแน่ไม่ละสายตาหมิงอ๋องไม่คาดคิดเลยว่า เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวจะทำให้เฉียวเนี่ยนยอมเลิกต่อต้านหลังจากความตกใจในชั่วขณะนั้น ความตื่นเต้นที่ไม่เคยมีมาก่อนก็พลันถาโถมเข้าสู่หัวใจจู่ๆ เขาก็ผละออกจากเฉียวเนี่ยน แล้วตะโกนออกไปนอกรถม้าอย่างร้อนรนด้วยเสียงกร้าวว่า "ถึงหรือยัง!""ท่านอ๋อง ใกล้ถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"คำตอบจากภายนอกรถม้าช่วยระงับความโกรธของหมิงอ๋องได้ชั่วคราวเขานั่งกลับไปที่ตำแหน่งของตัวเอง พิงศีรษะไปข้างหนึ่ง สายตาคมกริบจากบมองเฉียวเนี่ยนตั
ก็เพราะไม่สามารถเอาชีวิตของนางได้ เขาถึงได้ใช้ท่านย่าของนางมาข่มขู่ให้นางไม่แพร่งพรายอะไรออกไป!เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า "หากท่านอ๋องไม่ต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว"นางไม่ได้เห็นเครื่องมือทรมานใดๆ ในห้องนี้ สิ่งเดียวที่เหมือนเครื่องมือทรมานก็คือแส้ในมือหมิงอ๋องช่วงสามปีที่อยู่ในกรมซักล้าง นางถูกตีไม่รู้ตั้งกี่ครั้งสามปีที่ผ่านมานั้นนางรอดมาได้ วันนี้ นางก็เชื่อว่านางจะต้องทนผ่านมันไปได้เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวตายของนางเช่นนี้ ความตื่นเต้นในใจหมิงอ๋องแทบจะระเบิดออกจากดวงตาของเขาเขาค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปทางเฉียวเนี่ยน "ข้าเคยบอกแล้วว่าชอบท่าทางแบบนี้ของเจ้าที่สุด"เขาพูดพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเฉียวเนี่ยนที่ตกลงมาใกล้หู แล้วเกี่ยวมันไปข้างหลังเหมือนที่เคยทำในวังเพียงแต่ว่าครั้งนี้ เขากระชากต่างหูจากหูเฉียวเนี่ยนอย่างแรง และดึงมันออกมา“อ้าก!”เฉียวเนี่ยนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดทันที แล้วยกมือขึ้นกุมหูของตัวเอง มือของนางชุ่มไปด้วยความร้อนจากเลือดที่ไหลออกมาขณะที่หมิงอ๋องมองต่างหูในมือของเขา ซึ่งมีเลือดหยดออกมาในอกเขาก็เริ่มเต้น
ฟ้าเริ่มมืดแล้วเฉียวเนี่ยนที่ฟุบอยู่บนพื้นแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนสติ พลางมองไปยังเทียนที่ใกล้จะดับบนผนังโดยรอบ คิดว่าเวลาคงผ่านไปนานแล้วแต่ผ่านไปนานเท่าไหร่นางก็ไม่รู้รู้เพียงว่า แส้ของหมิงอ๋องฟาดลงบนหลังของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งหมิงอ๋องหมดเรี่ยวแรงไปเอง ถึงได้หยุดมือในที่สุดนางยังคงจำเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจของหมิงอ๋องในตอนที่จากไปได้อย่างชัดเจน...มันช่างเหมือนกับปีศาจร้ายแห่งนรก ที่หลังจากกระทำความโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดแล้วมักหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแผ่นหลังของนางปวดแสบปวดร้อนนางไม่กล้าขยับตัวเลือดสดที่ซึมออกมาผสมกับเสื้อผ้าจนติดกันแน่น เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดจากการดึงรั้งและเสียดสีก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกกระชากเจ็บเหลือเกิน...เจ็บจริงๆ!เจ็บยิ่งกว่าตอนที่ถูกมามาจากกรมซักล้างเฆี่ยนตีเสียอีก!แต่ฝีมือของเขากลับแม่นยำอย่างน่าประหลาด ทั้งมือและใบหน้าของนางไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เขาจะลงแส้ เขายังสั่งให้นางถอดเสื้อคลุมออกด้วยโชคดีที่ถอดออกไปไม่อย่างนั้น หากนางกลับจวนพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ ย่อมต้องถูก
กลิ่นสุราฉุนๆ ทำให้เฉียวเนี่ยนเกือบจะหมดสติ แต่โชคดีที่ความเจ็บปวดแสบๆ ร้าวๆ ที่หลังทำให้นางยังคงตั้งสติได้หลินยวนวิ่งตามมาจากด้านหลังของหลินเย่ว์ พูดเสียงนุ่มนวลเพื่อปลอบโยน "ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย พี่สาวกลับมาช้าเพราะไปเที่ยวกับหมิงอ๋อง หากจะไว้หน้าหมิงอ๋อง ก็ไม่ควรทำให้พี่สาวลำบากใจ""ไว้หน้าหมิงอ๋องงั้นหรือ?" หลินเย่ว์หัวเราะเยาะ "นั่นสิ ข้าควรให้เกียรติหมิงอ๋องหน่อย ดูสิ เขาทำดีกับเจ้าแค่ไหน พาเจ้าไปเที่ยวทะเลสาบ! ข้าคิดว่า คนอย่างเจ้าควรจะถูกพาไปที่เฉิงซีเลยดีกว่า!"ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนที่เดิมทีไร้ความรู้สึกกลับเต็มไปด้วยความตกใจทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเย่ว์"ท่าน...รู้จักเฉิงซีงั้นหรือ?" นางเปิดปากถามในที่สุด แต่เสียงแหบแห้งของนางทำให้หลินเย่ว์ชะงักไปเล็กน้อย แม้แต่ฤทธิ์ของสุราก็ยังค่อยๆ หายไปบ้างเขาจ้องมองเฉียวเนี่ยน สายตาของเขาฉายความสงสัย ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปที่ติ่งหูของเฉียวเนี่ยนรอยเลือดแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าติ่งหูของนางได้รับบาดเจ็บมิน่า เขาถึงได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาในตอนแรกแต่ว่าแค่บาดแผลเล็กน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงมีกลิ่นเลือดรุนแรงนัก?หลินเย่ว์ตก
ท่านโหวหลินถูกถามจนพูดไม่ออก คำตอบติดค้างอยู่ที่ลำคอ รู้สึกเหมือนพูดไม่ออกในทันทีทว่าฮูหยินหลินที่ได้ยินเข้าก็รีบเดินเข้ามา และช่วยประคองเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นพร้อมทั้งกระซิบปลอบโยน "เนี่ยนเนี่ยน อย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้าก็เป็นถึงท่านโหว อีกทั้งเต๋อกุ้ยเฟยกับแม่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เราต้องให้เกียรติกันอยู่แล้ว หมิงอ๋องไม่กล้าทำอะไรเจ้าแน่..."ยังพูดไม่ทันจบ ฮูหยินหลินก็รู้สึกร้อนๆ ที่ฝ่ามือเมื่อก้มดูก็เห็นว่ามือเต็มไปด้วยเลือดตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ มองมือของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวขณะที่ทุกคนรอบข้างก็อึ้งจนพูดไม่ออกมีเพียงเฉียวเนี่ยนที่จ้องมองพวกเขาทีละคน แล้วจดจำใบหน้าของทุกคนไว้ในใจ พร้อมกับยิ้มเย็นชาอย่างเหยียดหยาม "ที่แท้ ฮูหยินหลินก็รู้เหมือนกันสินะ...""ที่แท้ พวกท่านทั้งครอบครัวก็รู้กันอยู่แล้ว แต่กลับปิดบังข้า..."ที่แท้พวกเขาทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่า หมิงอ๋องเป็นคนที่ชอบทรมานผู้หญิงอย่างวิปริต แต่พวกเขาทุกคนกลับปิดบังนางเอาไว้ ถึงขั้นไม่รอช้าที่จะผลักนางไปให้หมิงอ๋องเอง!เมื่อพูดจบ หยดน้ำตาก็ไหลลงมาจากตาของเฉียวเนี่ยนเดิมทีนางก็อยากจะกลั้นเ
"หุบปาก!" จู่ๆ ท่านโหวหลินก็แผดเสียงขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว อกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรงด้วยโทสะ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจ้องมองเพียงพื้นดิน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเฉียวเนี่ยนสักนิดเดียวถึงแม้หลินเย่ว์จะเมามากเพียงใด แต่เขาก็ยังดูออกว่าท่านโหวหลินโกรธจริงๆ จึงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกเพียงแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเฉียวเนี่ยนด้วยความระแวดระวัง ราวกับว่าหากเฉียวเนี่ยนกล้าพูดจาไม่ดีกับหลินยวนเพียงคำเดียว เขาก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปฉีกปากของเฉียวเนี่ยนทันที!เฉียวเนี่ยนในตอนนี้ แม้แต่จะยืนยังทรงตัวก็ยังยากลำบาก ร่างกายเองเริ่มสั่นไหวจู่ๆ นางก็รู้สึกคิดถึงหนิงซวงเหลือเกิน!อย่างน้อย หากตอนนี้หนิงซวงอยู่ที่นี่ คงจะสามารถพุ่งไปปกป้องนางได้ใช่ไหม?อาการเวียนศีรษะจู่โจมเข้ามาเฉียบพลัน เฉียวเนี่ยนรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงและกำลังจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง!โชคดีที่มามาประจำตัวฮูหยินหลินมือไวปานสายฟ้า รีบพุ่งเข้ามาประคองนางเอาไว้ได้ทัน!แต่เมื่อมามาสัมผัสถึงความเปียกร้อนที่ส่งมาจากมือและแขนของนาง ดวงตาของมามาก็พลันแดงก่ำ เสียงสั่นเครือปนสะอื้น "นายท่าน ฮูหยิน คุณหนู…คุณหนูเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ!"
หลินเย่ว์ตรงเข้าพร้อมกับดาบในมือ พุ่งไปที่จวนหมิงอ๋องเมื่อเห็นเขามาอย่างดุดัน ทหารองครักษ์ของจวนหมิงอ๋องรีบล้อมเขาเอาไว้ทันที แต่ก็เพราะสถานะของเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไร จึงรีบพูดเสียงเบาว่า "ท่านโหวน้อย ทำไมถึงต้องรุนแรงเช่นนี้ หากมีเรื่องอันใด ก็พูดกันดีๆ ก่อนเถิด""อย่ามาพูดพร่ำเพรื่อ!" หลินเย่ว์ตวาดเสียงดัง มือควงดาบไปอย่างรวดเร็ว กลางความดุดันทำให้ทหารองครักษ์ต้องถอยไปสองก้าว"เรียกตัวฉู่ฉีออกมา!"ฉู่ฉีคือพระนามของหมิงอ๋อง!ทหารองครักษ์ต่างตกใจไปตามๆ กัน คิดในใจว่าท่านโหวน้อยคงไม่กลัวตายแล้วจริงๆ ถึงกล้าทำตัวหมิ่นเบื้องสูงเช่นนี้แต่แล้วจู่ ๆ หัวหน้าคนรับใช้ประจำจวนหมิงอ๋องก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังทหารองครักษ์ด้วยท่าทางสุภาพ เขาก้มศีรษะให้หลินเย่ว์แล้วพูดว่า"ท่านโหวน้อย ท่านอ๋องเชิญท่านเข้าพบขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารองครักษ์ต่างมองหน้ากัน แต่พวกเขาก็ขยับหลีกทางให้หลินเย่ว์ที่ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่หัวหน้าพ่อบ้านประจำจวนหมิงอ๋องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังที่พักของหมิงอ๋องหมิงอ๋องกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ในขณะนั้นเมื่อหมิงอ๋องเห็นหลินเย่ว์ ดวงตาที่เต็มไปด้วยฤ
เมื่อได้ยินดังว่า เฉียวเนี่ยนกลับแค่นหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ “ถ้านี่ถือเป็นความผิด เช่นนั้นสามปีก่อน พวกท่านแต่ละคนก็ทำผิดหมดมิใช่หรือ?”ได้ยินคำพูดนี้แล้ว ทุกคนในห้องโถงพลันชะงักค้างทันใดราวกับฮูหยินหลินโดนกระตุ้นบางอย่างเข้า ยืนขึ้นซวนเซ ถอยหลังไปสองก้าว “เจ้า เจ้า......”เฉียวเนี่ยนปราดตามองนาง เงียบงันไร้เสียงทว่าฮูหยินหลินปาดน้ำตาออก “ข้ารู้อยู่แล้ว เจ้ายังโทษพวกเราอยู่! แต่ว่านะเนี่ยนเนี่ยน นี่มันไม่เหมือนกัน! เรื่องนั้นกระทันหันมาก มันเป็นอุบัติเหตุ! ทว่าวันนี้ เจ้าจงใจวางแผนทำร้ายยวนเอ๋อร์! สองเรื่องนี้ จะมาพูดปนกันได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนหัวเราะเสียงต่ำ “จงใจ วางแผนทำร้าย......สองคำนี้ ใช้ได้ดีนี่!”"แล้วไม่ใช่หรือไร?" หลินเย่ว์เข้ามาถาม “เจ้ากล้าพูดไหม ว่าเจ้าไม่ได้ทำตามคำสั่งองค์หญิง จงใจยุยงให้ยวนเอ๋อร์เข้าวัง?”“ข้าทำตามคำสั่งองค์หญิง ให้พานางเข้าวังจริง” เฉียวเนี่ยนตอบรับอย่างสง่า เสียงดังก้อง ไร้ซึ่งท่าทีหวาดผวาสายตานางมองตรง ไม่มองใครในห้องโถงสักคน เพียงบอกสาธยายความจริงด้วยความสงบนิ่งเท่านั้น “แต่ ชุดที่หลินยวนสวมนั้น เซียวเหิงเอามาให้ข้าจริงๆ”ได้ยินดัง
เมื่อได้ยิน เซียวชิงหน่วนยกมือถูน้ำตาที่เกือบไหลเต็มที อดถามขึ้นอีกไม่ได้ “ตอนนั้นเฉียวเนี่ยนคิดใส่ร้ายหลินยวนจริงหรือ?”เซียวเหิงพยักหน้าตอนนั้นยามเขาเร่งไปถึง ถ้วยแก้วก็แตกไปแล้วเฉียวเนี่ยนกำลังคุกเข่าบนพื้น ชี้นิ้วใส่หลินยวนพูดทั้งน้ำตาว่าหลินยวนเป็นคนทำถ้วยแก้วแตกทว่าตอนนั้น สายตาเหง้าตระกูลหลินอยู่ตรงนั้นมากมาย ไหนเลยจะปล่อยให้นางถูกใส่ความได้!เพราะนางคิดทำร้ายผู้อื่นก่อน ได้รับโทษไปก็สมควรแล้วแต่เขาไม่คาดคิดว่า สามปีจะเนิ่นนานขนาดนี้......เซียวชิงหน่วนสูดจมูก “วันนี้นางก็เป็นคนทำร้ายหลินยวนก่อน” พูดไปเซียวชิงหน่วนก็อดกล่าวโทษเซียวเหิงไปทีเสียไม่ได้ “แต่ พี่ใหญ่ก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย ท่านเอาชุดมอบให้นางไป? อย่าลืมสิ ว่าตอนนี้ท่านเป็นคู่หมั้นของหลินยวน!”เซียวเหิงไม่เคยโดนเซียวชิงหน่วนสั่งสอนมาก่อน เลิกคิ้วทันควัน มองเซียวเหิงด้วยสายตาคุกคามทรงอำนาจ “ต้องให้เจ้าเตือนด้วยหรือ?”เซียวชิงหน่วนเผลลอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว แต่ปากยังเอ่ยต่อ “ข้ากลัวท่านสับสน ในเมื่อรู้ว่าเฉียวเนี่ยนเป็นคนแบบนั้น เช่นนั้นก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับนางมาก ใครจะรู้ว่าต่อไปนางจะทำร้ายใครอี
เซียวชิงหน่วนยืนอยู่ข้างๆ มองความขมขื่นบนหน้าเฉียวเนี่ยน หัวใจพลันเกิดความรู้สึกไม่สบายแต่เมื่อนึกได้ว่าทุกอย่างที่หลินยวนประสบในวันนี้ล้วนเป็นฝีมือเฉียวเนี่ยนแล้ว นางก็อดเอ่ยเสียงเข้มขึ้นอีกครั้งเสียไม่ได้ “แม้เจ้ากับข้าจะทะเลาะกันมาแต่เด็ก ขวางหูขวางตากันมาตลอด แต่ข้ารู้ว่านิสัยแท้จริงเจ้ามิใช่คนเลวร้าย ไม่ว่าอย่างไร เรื่องตอนนั้น หลินยวนมิได้ทำผิด เจ้าทำร้ายนางเช่นนี้ ระวังท้ายสุดจะย้อนมาทำร้ายตัวเจ้าเองล่ะ”พูดประโยคนี้จบ เซียวชิงหน่วนก็เดินไปด้านข้าง พูดคุยกับเหล่าคุณหนูที่คุ้นเคยหากแต่ สายตาของนางยังคงมองไปยังเฉียวเนี่ยนอยู่เสมอนางเห็นเฉียวเนี่ยนเดินไปยังมุมลับสายตาด้วยสีหน้าเหงาซึม เชยชมดอกไม้ที่ไม่สวยงามนักดอกหนึ่ง ทว่าสายตากลับหม่นหมองไร้แสงงานเลี้ยงบุปผาวสันตฤดูปีนี้ เป็นเพราะองค์หญิงไม่พึงใจทั้งยังจากไป งานจึงเลิกราเร็วยิ่งยามเซียวชิงหน่วนกลับถึงจวนเซียว ฟ้าก็มืดไม่เห็นแสงแล้วเซียวเหิงกลับมาถึงจวนนานแล้ว ตอนเซียวชิงหน่วนตามเขาเจอ เขาก็ฝึกดาบในลานเรือนของตนแล้วด้วยเหตุนี้ เซียวชิงหน่วนจึงยืนมองอยู่ข้างๆ มิได้เข้าไปรบกวน คอยกระทั่งเซียวเหิงเก็บพลังแล้ว นางถึงรับ
คำพูดเอ่ยเพียงเท่านี้ เซียวเหิงก็เข้าใจแล้ว วันนี้องค์หญิงซูหยวนไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปง่ายๆแน่ยิ่งไปกว่านั้น ขันทีน้อยข้างๆยังคลานเบื้องหน้าองค์หญิง ร้องไห้รายงานเรื่องราว “องค์หญิง นางทับดอกถานฮวาของท่านเสียหายแล้วพะยะค่ะ!”องค์หญิงซูหยวนมองตามปลายนิ้วขันทีน้อย ก่อนตะโกนกร้าวด้วยความกริ้วโกรธทันใด “บังอาจ! ริอ่านทำลายดอกถามฮวาที่ข้ารักที่สุดลง! หลินยวน! เจ้าคงรู้สินะว่าดอกถานฮวาพวกนี้ล้ำค่าขนาดไหน!”หลินยวนโดนองค์หญิงซูหยวนตะคอกใส่ รีบหลับในอ้อมอกเซียวเหิงตัวสั่นรุนแรงทว่าไม่ทันให้นางได้เอ่ยปาก หลินเย่ว์กุมมือคารวะเอ่ย “ทูลฝ่าบาท เรื่องนี้เป็นอุบัติเหตุ ยวนเอ๋อร์มิได้ตั้งใจทำลายของรักขององค์หญิง ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ขอองค์หญิงโปรดมองให้กระจ่างแจ้ง”“บังอาจ!” นางกำนัลหลวงข้างกายองค์หญิงต่างทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป “ในเมื่อทำลายของรักขององค์หญิง ถือเป็นโทษทั้งสิ้น! ท่านโหวน้อยเอ่ยอ้างเช่นนี้ จะบอกว่าองค์หญิงไม่แยกแยะถูกผิดอย่างนั้นหรือ?”“กระหม่อมมมิบังอาจ!” หลินเย่ว์รีบคำนับ “หากแต่ยวนเอ๋อร์เกิดอุบัติเหตุล้มใส่จริงพะยะค่ะ เรื่องนี้ทุกคนล้วนเป็นพยานได้”เมื่อได้ยินดังนั้น องค์หญิงซูหย
คล้อยหลังเสียงกรีดร้อง ขันทีน้อยอายุราวสิบที่คอยเฝ้ามองรีบปรี่เข้ามาข้างกายหลินยวน ก่อนดึงให้หลินยวนลุกขึ้นทว่า สายเกินไปแล้วแปลงดอกไม้ถูกหลินยวนทับใส่ไม่เหลือชิ้นดี ดอกไม้น่าสงสารหลายต้นโดนทับจนจมดิน ไม่เหลือซึ่งความงดงามดังเดิมขันทีเห็นภาพตรงหน้า พลันทรุดตัวนั่งทันใด “แย่แล้ว จบสิ้นหมดแล้ว......”พูดไป ทันใดนั้นขันทีน้อยนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงคว้าหมับเข้าชายกระโปรงหลินยวน “เป็นเพราะเจ้า! นี่เป็นสิ่งที่องค์หญิงรับสั่งให้ไปรับจากชมพูทวีปมาด้วยราคาสูง! ข้ากับอาจารย์ทุ่มเทความพยายามยิ่งกว่าจะปลูกสองดอกนี้ได้ อีกไม่กี่เดือนก็ผลิดอกบานแล้ว แต่ตอนนี้ถูกเจ้าทับเละแล้ว! เจ้าต้องชดใช้!”ขันทีน้อยพูดไปพลางร้องไห้ดังลั่น ดึงดูดให้ฝูงชนล้อมวงเข้ามาชุดของหลินยวนเปรอะเปื้อนดินไม่น้อยเพราะล้มใส่แปลงดอก มองตัวเองกลายเป็นตัวตลกที่ฝูงชนหัวเราะเยาะอีกครั้ง จิตใจร้อนรนทนไม่ไหว จึงรีบดึงชุดตนเองกลับมา “เจ้า รีบปล่อยมือ!”“ข้าไม่ปล่อย! เจ้าต้องชดใช้ดอกถามฮวาให้ข้า!” ขันทีน้อยตัดสินใจแล้วว่าวันนี้ต้องทำให้หลินยวนพูดแถลงให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมปล่อยเมื่อเห็นเหตุการณ์ หลินเย่ว์รีบเข้ามาพูดโน้ม
นางเงยหน้ามองเซียวเหิงอย่างประหลาดใจ ริ้วแดงยังไม่จางหาย หากแต่ดวงตากลับแดงก่ำ "นี่ นี่ไม่ใช่ท่านพี่เหิงส่งมาให้หรอกหรือ?"เขาส่งให้?สีหน้าเซียวเหิงคร่ำเคร่งลง ก่อนหันมองเฉียวเนี่ยนทันใดสายตาเย็นเยียบคู่นั้นกวาดมองฝูงชน ก่อนหยุดสายตาตรงกวงหน้าเฉียวเนี่ยนอย่างแม่นยำเฉียวเนี่ยนตะลึงงัน จากนั้นรีบหลบสายตาไปนางไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขาแต่ไม่คาดคิดว่าพวกหัวไวบางคน จะเห็นถึงความผิดปกติได้ในแวบเดียว “เอ๋ คนข้างกายแม่นางเซียว คือคุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวใช่หรือไม่?”ครั้นคนผู้นั้นเอ่ย สายตาเหล่าธารกำนัลที่เหลือก็ปราดมองมายังเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนไม่ชอบความรู้สึกเป็นเป้าสายตาคนมากมายเช่นนี้ คิ้วขมวดมุ่นทันควันทว่ากลับมีเสียงคนเอ่ยเบาๆ “ที่แม่ทัพเซียวเอ่ยเมื่อครู่ คงมิใช่ว่าชุดนี้เป็นของคุณหนูผู้นั้นใช่ไหม?”“เมื่อครู่ข้าเองก็รู้สึกประหลาดใจ ชุดสวยๆเช่นนี้ ไฉนถึงได้ทำแขนเสื้อมายาวนัก อย่างกับชุดเล่นงิ้ว!”เฉียวเนี่ยนสูงกว่าหลินยวนอยู่บ้าง แขนย่อมยาวกว่า ประกอบกับตอนสั่งตัดเซียวเหิงกำชับเป็นพิเศษว่าแขนเสื้อต้องยาวอีกหน่อย เพื่อปกปิดรอยแผลเป็นบนข้อมือเฉียวเนี่ยนดังนั้น แขน
พริบตาเดียว ก็ถึงวันงานเลี้ยงบุปผาวสันตฤดูแล้วในอุทยานหลวง หลินยวนสวมชุดผ้าไหมท้องฟ้านั้น และใส่คู่กับเครื่องประดับที่หลินเย่ว์เพิ่งซื้อให้นางเมื่อวาน เมื่อปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาของทุกคนเหล่าคุณหนูที่รู้จักนางรีบเข้าไปต้อนรับทันที และชมการแต่งตัวของนางวันนี้อย่างไม่ขาดปากเมื่อเทียบกันแล้ว เฉียวเนี่ยนได้สวมชุดที่เรียบง่ายกว่ามากอีกทั้งคุณหนูคุณชายในนั้นล้วนรู้แค่ว่าเฉียวเนี่ยนคือลูกเลี้ยงจวนโหว แม้แต่หมิงอ๋องที่เป็นที่พึ่งเดียวของนางก็ยังตายเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นคนที่เข้ามาคุยกับนางย่อมไม่มีแม้แต่คนเดียวเฉียวเนี่ยนก็มีความสุขจนผ่อนคลายอิสระ และเดินไปอยู่ตรงมุมหนึ่งอย่างไม่สนใจใครแต่ไม่คิดเลยว่า ยังมีคนเข้ามาต้อนรับ"เฉียวเนี่ยน"คือเซียวชิงหน่วนเฉียวเนี่ยนไม่คิดเลยว่าเซียวชิงหน่วนจะมาทักทายตนเอง อย่างไรเสีย ต่อให้ครั้งก่อนช่วยเซียวชิงหน่วนเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของหลินยวน พวกนางก็ยังเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่เด็กจนโตดังนั้น นางเลิกคิ้วขึ้น ตอบด้วยท่าทางเรียบเฉย “มีเรื่องอะไร?”“ชุดนั้น”เซียวชิงหน่วนเหลือบมองหลินยวนที่อยู่ไกลๆ แล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “นั่นพี่ใหญ่ซื้อให้เจ้า เหต
“เรื่องอะไร?”เฉียวเนี่ยนถามกลับ “เรื่องที่ให้โจรภูเขาลักพาตัวข้า หรือวางยาปลุกกำหนัดข้า และพาข้าไปนอนบนเตียงผู้ชายคนอื่น?“เฉียวเนี่ยนคิดว่า แค่เรื่องคาดไม่ถึงสองเรื่องนี้ ก็เพียงพอให้หลินเย่ว์หุบปากแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า อกเขากระเพื่อมอย่างรุนแรง และยังแก้ตัวให้ตัวเองอีก “เรื่องยาปลุกกำหนัดเป็นอุบัติเหตุ ข้าคิดว่ามันเป็นแค่ยาสลบธรรมดา…”“มีอะไรแตกต่างหรือ?” เฉียวเนี่ยนจ้องหลินเย่ว์เขม็ง “ท่านโหวน้อยถึงขั้นทำร้ายคู่หมั้นข้าทางอ้อม ท่านทำเรื่องร้ายแรงขัดต่อฟ้าดินมากมาย บัดนี้กลับมาว่าข้ามีเจตนาร้ายแอบแฝง ท่านรู้สึกว่ามันน่าขันไหม?”เรื่องไม่ดีเหล่านั้น หลินเย่ว์ยอมรับดังนั้นตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจดโต้กลับอย่างไรดี หลังสูดหายใจลึกสองหน สุดท้ายก็เบาเสียงลง“ข้ารู้ว่าเจ้าเกลียดข้า แต่พวกนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับยวนเอ๋อร์ เจ้าอยากแก้แค้น ก็มาลงแค่ที่ข้า”เฉียวเนี่ยนพ่นเสียงเย็นออกมา “แต่ที่ข้าเดินมาถึงวันนี้ได้ ล้วนเป็นเพราะหลินยวนสร้างขึ้นมา”หลินเย่ว์กดเสียงต่ำ เหมือนจะโน้มน้าวด้วยความจริงจัง “นั่นเพราะสาวใช้ของนางไม่รู้ความ ยวนเอ๋อร์นางไม่เคยทำร้ายเจ้า”เฉียวเนี่ยนพยักหน้าอย่างเห็นด้
เมื่อได้รับการยืนยัน ในใจหลินยวนเบิกบานสุดขีด ก่อนหมุนตัวเดินไปอยู่ข้างๆ ท่านโหวหลินแล้วคุกเข่าลง แนบหัวกับเข่าทั้งสองข้างของท่านโหวหลิน พลางกล่าวออดอ้อน "ท่านพ่อ ท่านให้ข้าไปเถิดนะ! วันหน้ายวนเอ๋อร์จะต้องออกเรือนกับท่านพี่เหิง ช้าเร็วก็ต้องเข้าวัง หากถึงตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้ท่านพี่เหิงขายหน้าจะทำอย่างไร?"เมื่อได้ยินวาจานี้ ท่านโหวหลินกับฮูหยินหลินอดเหลือบมองกันไม่ได้นั่นสิ วันหน้าหลินยวนต้องกลายเป็นนายหญิงตระกูลเซียว ตอนนี้พวกเขาปกป้องนางอย่างดีเช่นนี้ ไม่แน่อาจจะกลับกลายเป็นทำร้ายนางฮูหยินหลินยังคงกังวล ทว่าน้ำเสียงอ่อนลงแล้ว "เช่นนั้นเจ้าเข้าวังไปแล้ว ห้ามเตร็ดเตร่ไปทั่วเด็ดขาด ต้องตามติดพี่เจ้าให้ดี รู้ไหม?"ได้ยินฮูหยินหลินเห็นด้วยเช่นนี้ หลินยวนดีใจแทบบ้า รีบกล่าว "ขอบคุณท่านแม่เจ้าคะ!"จากนั้น ก็เงยหน้าขึ้นมองท่านโหวหลิน ใบหน้าจิ้มลิ้มทำให้คนรู้สึกเอ็นดูเป็นพิเศษ "ท่านพ่อ...""เอาเถิดๆ ตามใจเจ้าเถิด!"ท่านโหวหลินก็จำใจเห็นด้วย ทว่าก็กล่าวเตือน "อย่าลืมพูดจาระวัง กระทำการรอบคอบ งานเลี้ยงบุปผาวสันตฤดูจบแล้วรีบกลับจวนทันที ห้ามอ้อยอิ่งอยู่ในวัง!""ยวนเอ๋อร์เข้