กลิ่นสุราฉุนๆ ทำให้เฉียวเนี่ยนเกือบจะหมดสติ แต่โชคดีที่ความเจ็บปวดแสบๆ ร้าวๆ ที่หลังทำให้นางยังคงตั้งสติได้หลินยวนวิ่งตามมาจากด้านหลังของหลินเย่ว์ พูดเสียงนุ่มนวลเพื่อปลอบโยน "ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย พี่สาวกลับมาช้าเพราะไปเที่ยวกับหมิงอ๋อง หากจะไว้หน้าหมิงอ๋อง ก็ไม่ควรทำให้พี่สาวลำบากใจ""ไว้หน้าหมิงอ๋องงั้นหรือ?" หลินเย่ว์หัวเราะเยาะ "นั่นสิ ข้าควรให้เกียรติหมิงอ๋องหน่อย ดูสิ เขาทำดีกับเจ้าแค่ไหน พาเจ้าไปเที่ยวทะเลสาบ! ข้าคิดว่า คนอย่างเจ้าควรจะถูกพาไปที่เฉิงซีเลยดีกว่า!"ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนที่เดิมทีไร้ความรู้สึกกลับเต็มไปด้วยความตกใจทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเย่ว์"ท่าน...รู้จักเฉิงซีงั้นหรือ?" นางเปิดปากถามในที่สุด แต่เสียงแหบแห้งของนางทำให้หลินเย่ว์ชะงักไปเล็กน้อย แม้แต่ฤทธิ์ของสุราก็ยังค่อยๆ หายไปบ้างเขาจ้องมองเฉียวเนี่ยน สายตาของเขาฉายความสงสัย ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปที่ติ่งหูของเฉียวเนี่ยนรอยเลือดแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าติ่งหูของนางได้รับบาดเจ็บมิน่า เขาถึงได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาในตอนแรกแต่ว่าแค่บาดแผลเล็กน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงมีกลิ่นเลือดรุนแรงนัก?หลินเย่ว์ตก
ท่านโหวหลินถูกถามจนพูดไม่ออก คำตอบติดค้างอยู่ที่ลำคอ รู้สึกเหมือนพูดไม่ออกในทันทีทว่าฮูหยินหลินที่ได้ยินเข้าก็รีบเดินเข้ามา และช่วยประคองเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นพร้อมทั้งกระซิบปลอบโยน "เนี่ยนเนี่ยน อย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้าก็เป็นถึงท่านโหว อีกทั้งเต๋อกุ้ยเฟยกับแม่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เราต้องให้เกียรติกันอยู่แล้ว หมิงอ๋องไม่กล้าทำอะไรเจ้าแน่..."ยังพูดไม่ทันจบ ฮูหยินหลินก็รู้สึกร้อนๆ ที่ฝ่ามือเมื่อก้มดูก็เห็นว่ามือเต็มไปด้วยเลือดตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ มองมือของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวขณะที่ทุกคนรอบข้างก็อึ้งจนพูดไม่ออกมีเพียงเฉียวเนี่ยนที่จ้องมองพวกเขาทีละคน แล้วจดจำใบหน้าของทุกคนไว้ในใจ พร้อมกับยิ้มเย็นชาอย่างเหยียดหยาม "ที่แท้ ฮูหยินหลินก็รู้เหมือนกันสินะ...""ที่แท้ พวกท่านทั้งครอบครัวก็รู้กันอยู่แล้ว แต่กลับปิดบังข้า..."ที่แท้พวกเขาทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่า หมิงอ๋องเป็นคนที่ชอบทรมานผู้หญิงอย่างวิปริต แต่พวกเขาทุกคนกลับปิดบังนางเอาไว้ ถึงขั้นไม่รอช้าที่จะผลักนางไปให้หมิงอ๋องเอง!เมื่อพูดจบ หยดน้ำตาก็ไหลลงมาจากตาของเฉียวเนี่ยนเดิมทีนางก็อยากจะกลั้นเ
"หุบปาก!" จู่ๆ ท่านโหวหลินก็แผดเสียงขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว อกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรงด้วยโทสะ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจ้องมองเพียงพื้นดิน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเฉียวเนี่ยนสักนิดเดียวถึงแม้หลินเย่ว์จะเมามากเพียงใด แต่เขาก็ยังดูออกว่าท่านโหวหลินโกรธจริงๆ จึงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกเพียงแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเฉียวเนี่ยนด้วยความระแวดระวัง ราวกับว่าหากเฉียวเนี่ยนกล้าพูดจาไม่ดีกับหลินยวนเพียงคำเดียว เขาก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปฉีกปากของเฉียวเนี่ยนทันที!เฉียวเนี่ยนในตอนนี้ แม้แต่จะยืนยังทรงตัวก็ยังยากลำบาก ร่างกายเองเริ่มสั่นไหวจู่ๆ นางก็รู้สึกคิดถึงหนิงซวงเหลือเกิน!อย่างน้อย หากตอนนี้หนิงซวงอยู่ที่นี่ คงจะสามารถพุ่งไปปกป้องนางได้ใช่ไหม?อาการเวียนศีรษะจู่โจมเข้ามาเฉียบพลัน เฉียวเนี่ยนรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงและกำลังจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง!โชคดีที่มามาประจำตัวฮูหยินหลินมือไวปานสายฟ้า รีบพุ่งเข้ามาประคองนางเอาไว้ได้ทัน!แต่เมื่อมามาสัมผัสถึงความเปียกร้อนที่ส่งมาจากมือและแขนของนาง ดวงตาของมามาก็พลันแดงก่ำ เสียงสั่นเครือปนสะอื้น "นายท่าน ฮูหยิน คุณหนู…คุณหนูเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ!"
หลินเย่ว์ตรงเข้าพร้อมกับดาบในมือ พุ่งไปที่จวนหมิงอ๋องเมื่อเห็นเขามาอย่างดุดัน ทหารองครักษ์ของจวนหมิงอ๋องรีบล้อมเขาเอาไว้ทันที แต่ก็เพราะสถานะของเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไร จึงรีบพูดเสียงเบาว่า "ท่านโหวน้อย ทำไมถึงต้องรุนแรงเช่นนี้ หากมีเรื่องอันใด ก็พูดกันดีๆ ก่อนเถิด""อย่ามาพูดพร่ำเพรื่อ!" หลินเย่ว์ตวาดเสียงดัง มือควงดาบไปอย่างรวดเร็ว กลางความดุดันทำให้ทหารองครักษ์ต้องถอยไปสองก้าว"เรียกตัวฉู่ฉีออกมา!"ฉู่ฉีคือพระนามของหมิงอ๋อง!ทหารองครักษ์ต่างตกใจไปตามๆ กัน คิดในใจว่าท่านโหวน้อยคงไม่กลัวตายแล้วจริงๆ ถึงกล้าทำตัวหมิ่นเบื้องสูงเช่นนี้แต่แล้วจู่ ๆ หัวหน้าคนรับใช้ประจำจวนหมิงอ๋องก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังทหารองครักษ์ด้วยท่าทางสุภาพ เขาก้มศีรษะให้หลินเย่ว์แล้วพูดว่า"ท่านโหวน้อย ท่านอ๋องเชิญท่านเข้าพบขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารองครักษ์ต่างมองหน้ากัน แต่พวกเขาก็ขยับหลีกทางให้หลินเย่ว์ที่ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่หัวหน้าพ่อบ้านประจำจวนหมิงอ๋องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังที่พักของหมิงอ๋องหมิงอ๋องกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ในขณะนั้นเมื่อหมิงอ๋องเห็นหลินเย่ว์ ดวงตาที่เต็มไปด้วยฤ
ทหารองครักษ์จึงยอมถอยออกไป และดาบในมือของหลินเย่ว์ก็ถูกเซียวเหิงแย่งไปแล้วหลินเย่ว์ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว "เจ้าหยุดข้าทำไม! เจ้ารู้ไหมว่าสัตว์นรกนี่ทำร้ายเนี่ยนเนี่ยนจนเป็นแบบไหน?!"เซียวเหิงไม่ได้ตอบอะไรเขายังไม่ได้เห็นบาดแผลของเฉียวเนี่ยน แต่เขาได้ยินจากหลินยวนว่าเฉียวเนี่ยนเพิ่งกลับมาจากเฉิงซีทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและจิตสังหาร เขามองตรงไปยังหมิงอ๋อง ความโกรธในตัวเขาแทบระเบิดออกมาหมิงอ๋องคิดในใจว่า ตอนนี้เซียวเหิงคงอยากจะเชือดเฉือนร่างเขาเป็นพันๆ ชิ้นแต่เซียวเหิงคงไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาควบคุมตัวเองได้ดีกว่าหลินเย่ว์มาก เขารู้ดีว่าแม้ตอนนี้เขาจะได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แต่ถ้าเขาฆ่าท่านอ๋องเข้าในตอนนี้ ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็คือการลงเอยที่หายนะโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ดังนั้นหมิงอ๋องจึงยิ้มออกมาหมิงอ๋องยิ้มอย่างพอใจแล้วเหลือบตามองเซียวเหิง เขาหมุนตัวกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แล้วรินเหล้าลงในจอกของตัวเอง "แม่ทัพเซียวคงยังไม่รู้หรอกนะ?"พูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าจนหมดจอกหลังจากนั้นหมิงอ๋องก็ทำท
ท่าทางและคำพูดของหมิงอ๋องทำให้หลินเย่ว์สะดุ้งตกใจคนประเภทเดียวกันหรือ?เขา กับหมิงอ๋องน่ะหรือ?เป็นไปไม่ได้!เขาเหวี่ยงหมัดไปอีกครั้ง "พูดบ้าอะไร! ข้าจะไปเป็นพวกเดียวกันกับหมาบ้าอย่างเจ้าได้ยังไง! มือของเจ้าเปื้อนเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือ!? ขอบอกเลยว่า วันนี้เจ้าต้องภาวนาให้เนี่ยนเนี่ยนไม่เป็นไร มิฉะนั้นข้าจะยอมเดิมพันทั้งชีวิตเพื่อฆ่าเจ้าให้ได้!"หมิงอ๋องหันหน้าไปอีกทาง แล้วเช็ดเลือดที่มุมปากออกในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เลือนหายไปสีหน้าของเขามืดมน เขาจ้องไปที่หลินเย่ว์ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "ท่านโหวน้อยนี่จริงๆ ก็เป็นคนตรงไปตรงมา นี่แหละพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก! งั้นท่านไม่ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยหรือ? พี่ชายที่ดีที่สุดในโลกอย่างท่านทำไมถึงส่งเฉียวเนี่ยนไปที่กรมซักล้างด้วยตัวเองเมื่อสามปีก่อน?"ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์เหมือนถูกสะกดจิตไม่ให้ขยับตัว เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมหมิงอ๋องพูดต่อไป "ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่ท่านโหวน้อยทำไปเมื่อสามปีก่อน เฉียวเนี่ยนก็คงจะไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงที่อดทนแบบนี้ และก็คงไม่ได้ดึงดูดใจข้า... "พูดจบ เขาหัวเราะเยาะออกม
"คุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ?"นางพูดทั้งที่ยังสะอึกสะอื้นหนิงซวงสูดน้ำมูกแล้วรีบลุกขึ้นยืน "ข้าจะไปหาหมอประจำจวนเดี๋ยวนี้เลย... โอ๊ะ ไม่สิ มียาอยู่ ข้าจะไปหยิบยามาให้คุณหนู! ไม่สิ... ยังไงก็ต้องไปเรียกหมอประจำจวนก่อน..."หนิงซวงเห็นสีหน้าคุณหนูของตนเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีเมื่อเห็นท่าทางที่ลนลานแบบนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกเจ็บปวดในใจมากขึ้นนางยื่นมือไปจับมือของหนิงซวงไว้โดยไม่สนใจความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง "เจ้าไม่ต้องทำอะไรหรอก มาอยู่ข้างๆ ข้าก่อน..."นางต้องการใครสักคนอยู่เคียงข้างนางจริงๆ...เสียงของนางแหบแห้งหนิงซวงไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้เลย น้ำตาของนางไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวนางรีบคุกเข่าลงข้างเตียงแล้วจับมือของเฉียวเนี่ยนแน่น "เจ้าค่ะคุณหนู ข้าจะอยู่กับคุณหนู ข้าจะอยู่เคียงข้างคุณหนูตลอดไป จะไม่มีวันปล่อยให้คุณหนูอยู่คนเดียวอีกแล้วเจ้าค่ะ!"หนิงซวงรู้สึกผิดอย่างยิ่งนางคิดว่าหากนางดึงดันที่จะตามคุณหนูเข้าวัง คุณหนูก็คงไม่ต้องถูกหมิงอ๋องทำร้ายจนเป็นเช่นนี้!เมื่อดูออกว่าหนิงซวงรู้สึกผิด เฉียวเนี่ยนจึงรีบปลอบด้วยเสียงเบาๆ "เด็กโง่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าเลย"น
เมื่อพวกเขาเข้ามาก็พบว่าเฉียวเนี่ยนตื่นขึ้นมาแล้วฮูหยินหลินขอบตาแดงก่ำ รีบพุ่งตัวเข้าไปข้างเตียง มองเฉียวเนี่ยนน้ำตาคลอเบ้า "ฟื้นแล้วหรือ? ฟื้นเสียที ฟื้นแล้วก็ดี..."ฮูหยินหลินเอ่ย น้ำตาร้อนผ่าวไหลอาบสองแก้มหลินยวนสองตาแดงก่ำเดินตามมาหยุดอยู่ข้างฮูหยินหลิน จ้องมองเฉียวเนี่ยน เอ่ยเสียงสะอื้น "ท่านพี่ฟื้นเสียที ท่านแม่สวดมนต์ทุกวันไม่สูญเปล่า หากท่านยังไม่ฟื้นอีก ข้ากลัวว่าท่านแม่จะร้องไห้จนตาบอด..."เมื่อได้ยินคำพูดของหลินยวน ฮูหยินหลินก็ยิ่งร้องไห้หนักเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรในใจรู้สึกเพียงแค่สะอิดสะเอียนนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนเราถึงได้เสแสร้งถึงปานนี้คนที่ส่งนางไปตายคือพวกนางคนที่ร้องไ้ห้สะอึกสะอื้นก็คือพวกนางอีก!หากไม่ใช่เพราะมีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่ด้วย นางคงร้องเพลงสรรเสริญสองแม่ลูกคู่นี้แล้ว?ขยะแขยงชะมัดเฉียวเนี่ยนเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อเห็นดังนั้นฮูหยินหลินก็ยิ่งสะอื่นหนัก นั่งลงข้างเตียงช้าๆ "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้าโกรธ แต่แม่อธิบายเรื่องนี้กับเจ้าได้ เจ้าอย่าเพกเฉิยแม่เลยได้หรือไม่?""นั่นสิเจ้าคะท่านพี่ ท่านแม่แค่..."เสียงของหลิ
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน