เมื่อพวกเขาเข้ามาก็พบว่าเฉียวเนี่ยนตื่นขึ้นมาแล้วฮูหยินหลินขอบตาแดงก่ำ รีบพุ่งตัวเข้าไปข้างเตียง มองเฉียวเนี่ยนน้ำตาคลอเบ้า "ฟื้นแล้วหรือ? ฟื้นเสียที ฟื้นแล้วก็ดี..."ฮูหยินหลินเอ่ย น้ำตาร้อนผ่าวไหลอาบสองแก้มหลินยวนสองตาแดงก่ำเดินตามมาหยุดอยู่ข้างฮูหยินหลิน จ้องมองเฉียวเนี่ยน เอ่ยเสียงสะอื้น "ท่านพี่ฟื้นเสียที ท่านแม่สวดมนต์ทุกวันไม่สูญเปล่า หากท่านยังไม่ฟื้นอีก ข้ากลัวว่าท่านแม่จะร้องไห้จนตาบอด..."เมื่อได้ยินคำพูดของหลินยวน ฮูหยินหลินก็ยิ่งร้องไห้หนักเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่พูดอะไรในใจรู้สึกเพียงแค่สะอิดสะเอียนนางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนเราถึงได้เสแสร้งถึงปานนี้คนที่ส่งนางไปตายคือพวกนางคนที่ร้องไ้ห้สะอึกสะอื้นก็คือพวกนางอีก!หากไม่ใช่เพราะมีคนไม่รู้อีโหน่อีเหน่อยู่ด้วย นางคงร้องเพลงสรรเสริญสองแม่ลูกคู่นี้แล้ว?ขยะแขยงชะมัดเฉียวเนี่ยนเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อเห็นดังนั้นฮูหยินหลินก็ยิ่งสะอื่นหนัก นั่งลงข้างเตียงช้าๆ "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้าโกรธ แต่แม่อธิบายเรื่องนี้กับเจ้าได้ เจ้าอย่าเพกเฉิยแม่เลยได้หรือไม่?""นั่นสิเจ้าคะท่านพี่ ท่านแม่แค่..."เสียงของหลิ
"สาวใช้ข้ามิต้องให้เจ้าสั่งสอนหรอก ไปให้พ้น!" เฉียวเนี่ยนนอนคว่ำหน้าบนเตียงตวาดลั่น บาดแผลบนแผ่นหลังปริแตกยามเคลื่อนกายปาหมอนเมื่อครู่ เจ็บปวดรวดร้าวไปถึงทรวงน้ำเสียงของนางแหบพร่า เผยความเกรี้ยวโกรธที่มาออกมาจนสิ้นหลินยวนดวงตาแดงก่ำ "ท่านพี่ สาวใช้ของท่านสามหาวนัก ข้า...ข้าทำเพื่อท่านพี่นะเจ้าคะ""ออกไป!" เฉียวเนี่ยนตวาดอีกครั้ง เมื่อเห็นพวกนางยังไม่ขยับ สองตาของนางก็จ้องไปทางฮูหยินหลินที่อยู่ด้านหลังหลินยวน "ฮูหยินหลินคงไม่ได้คิดจะบีบคั้นให้ข้าตายไปข้างหรอกกระมัง?"ฮูหยินหลินน้ำตานองหน้า โบกมือปฏิเสธ "ไม่นะ ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าเป็นแม่เจ้า ข้าจะอยากให้เจ้าตายได้อย่างไร..."เฉียวเนี่ยนสีหน้าเอือมระอา แม้แต่ลมหายใจยังหอบกระชั้นตามไปด้วยหมอประจำจวนที่เห็นเหตุการณ์ก็รีบเข้ามาคำนับฮูหยินหลิน "ฮูหยินขอรับ คุณหนูบาดเจ็บสาหัสนัก ต้องพักฟื้นสงบจิตใจ หากท่านคิดอยากจะพูดสิ่งใดไว้หลังจากนี้ค่อยมาใหม่เถิดขอรับ! เชิญขอรับ..."เขาทำท่าเชิญฮูหยินหลิน แต่ท่าทีนั่นแข็งกร้าวเพราะฐานะพิเศษของหมอประจำจวน ทุกคนในจวนโหวต่างเคารพนับถือเขา ต่อให้ยามนี้ท่านโหวหลินอยู่ที่นี่ด้วย หากหมอประจำจวนเอ่ยคำนี้
วินาทีนั้น นางเองก็ไม่รู้ว่าเท้าที่ยกขึ้นควรจะก้าวเข้าไปดีหรือไม่แม้ไม่อยาก แต่ซูมามาก็พลันปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง "คุณหนูใหญ่?"น้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ"ท่านป่วยหายดีแล้วหรือ? มาหาฮูหยินเฒ่าหรือเจ้าคะ?" ซูมามาเอ่ยแล้วรับเฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปข้างใน "ดียิ่งนัก! ฮูหยินเฒ่าบ่นคิดถึงท่านทุกวัน!"ด้วยความจนใจ เฉียวเนี่ยนจึงจำใจตามติดเมื่อเดินเข้าประตู หางตาของเฉียวเนี่ยนก็เหลือบเห็นเงาคนมากมายมากับพร้อมหน้าจริงๆ ด้วยอัปมงคลแท้!นางบ่นอุบอิบอยู่ในใจ แต่ไม่แสดงสีหน้าอย่างชัดเจน ก่อนจะเดินก้าวไปข้างหน้าช้าๆ คำนับฮูหยินเฒ่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ "เนี่ยนเนี่ยนคำนับท่านย่าเจ้าคะ""เข้ามาเร็วๆ!" ฮูหยินเฒ่ารีบกวักมือเรียกเฉียวเนี่ยนเดินมาหยุดอยู่ข้างฮูหยินเฒ่า ฮูหยินเฒ่าดึงนางให้นั่งลงเมื่ออยู่ใกล้ ฮูหยินเฒ่าจึงสำรวจนางได้อย่างชัดเจน ไม่นานก็เอ่ยเสียงไม่สบอารมณ์ "เหตุใดถึงได้ผอมลงขนาดนี้? พวกเขาบอกว่าเจ้าป่วย ป่วยหนักมากรึ?"เฉียวเนี่ยนรีบส่ายหน้า "แค่ตากลมเจ้าค่ะ กินข้าวไม่ค่อยอร่อย กลัวว่าจะเอาไข้มาติดท่านย่าถึงไม่ได้มาเยี่ยมท่านย่าหลายวัน ท่านย่าอย่าถือโทษเนี่ยนเนี่ยนเลยนะเจ้าคะ!""ข้
เซียวเหิงแววตาหม่นลง สายตาหยุดอยู่บนใบหน้าชื้นเหงื่อของเฉียวเนี่ยน น้ำเสียงเคร่งขรึม "แค่อยากจะคุยกับเจ้าเรื่องงานแต่งงาน"งานแต่งงานของนางน่ะหรือ?เฉียวเนี่ยนประหลาดใจไม่น้อย หันไปมองเซียวเหิงอย่างอดไม่ได้ "การแต่งงานของข้า เกี่ยวอะไรกับแม่ทัพเซียวหรือ?"ได้ยินดังนั้นหลินยวนก็ไม่พอใจ "ท่านพี่ ท่านพี่เหิงแค่เป็นห่วงท่าน ท่าน...ท่านอย่าปฎิเสธความหวังดีของคนอื่นเช่นนี้จะได้ไหม?"เสียงของนางยังคงแหลมปรี๊ดเหมือนเคย ท่าทางราวกับอยากจะตำหนิเฉียวเนี่ยนแต่ก็ไม่กล้าเหมือนกับ... นางกลัวเฉียวเนี่ยน แต่อยากปกป้องเซียวเหิงมากกว่าน่าขันนักเฉียวเนี่ยนเหลือบตามองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะหันไปทางเซียวเหิง "เช่นนั้นก็ขอบคุณแม่ทัพเซียวนักที่เป็นห่วง แต่การแต่งงานของข้าไม่เกี่ยวกับแม่ทัพเซียว หากท่านว่างจนไม่รู้จะทำอะไร เช่นนั้นก็รีบจัดงานแต่งงานของตัวเองเถิด!"ประโยคนั้นทำเอาแววตาของเซียวเหิงยิ่งขุ่นเคืองแต่หลินเย่ว์ที่ข้างกันได้ยินแล้วกลับโพล่งขึ้นมาแทน "เจ้ายังคิดจะแต่งงานกับหมิงอ๋องอยู่อีกหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่มองเขา ทั้งยังไม่ตอบเขานางนิ่งเงียบ หลินเย่ว์ทึกทักไปเองว่ายอมรับทันใดนั้นเสียง
ทุกอย่างเกินขึ้นอย่างรวดเร็วไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหนิงซวงจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ไม่รอให้หลินเย่ว์ได้ตั้งสติ หลินยวนก็ร้องโหยหวน "โอ๊ย!"สองมือที่กำแขนของเฉียวเนี่ยนไว้แน่นก็คลายออกเพราะความเจ็บปวดในที่สุดเสี่ยวชุ่ยสาวใช้ของหลินยวนพุ่งตัวเข้ามา เลิกแขนเสื้อของหลินยวนขึ้น สิ่งที่เห็นคือท่อนแขนขาวเนียนของหลินยวนมีรอยเคี้ยวเล็กๆ อย่างเห็นได้ชัดขนาดมีเสื้อผ้าหลายชั้นขวางกั้น แต่ยังทิ้งรอยฟันไว้ลึกขนาดนั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่นั้นหนิงซวงบ้าคลั่งเพียงใดหากไม่ใช่เพราะอากาศเย็น ไม่แน่ว่าเนื้อคงหลุดออกมาแล้วหนิงซวงหันไปทางหนิงซวงพลันร้องตะโกนด้วยความตกใจ "เจ้ากล้าทำร้ายคุณหนูของข้ารึ ข้าเอาเจ้าตายแน่!"เฉียวเนี่ยนมองเสี่ยวชุ่ยถลาตัวเข้าหาหนิงซวงอย่างนิ่งเฉย ภาพที่เห็นหลังจากนั้นคือหนิงซวงกระชากหัวเสี่ยวชุ่ยแล้วลากออกไปตบแม้จะเห็นหนิงซวงคร่อมร่างเสี่ยวชุ่ย เฉียวเนี่ยนก็ไม่เอ่ยคำใดส่วนหลินยวนที่เห็นสาวใช้ตัวเองถูกรังแก มีหรือจะทนได้?ทันใดนั้นเสียงร้องสะอื้นก็ดังขึ้น "หยุดได้แล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ท่านพี่! ท่านพี่เหิง พวกท่านรีบช่วยเสี่ยวชุ่ยสิเจ้าคะ! นางโดนตบเจียนตายแล้ว! ฮือ..."
นางจ้องหน้าหลินเย่ว์ "ดี ในเมื่อท่านโหวน้อยยืนยันเช่นนั้น วันนี้ตระกูลหลินของท่านต้องให้คำอธิบายกับข้า!"เมื่อเอ่ยจบ นางก็ไม่สนใจหลินเย่ว์อีกต่อไป หันหลังเดินมุ่งยังโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินงเมื่อเรื่องบานปลายไปถึงบรรพุบุรุษแล้ว อย่าว่าแต่หลินเย่ว์เลย แม้แต่เหล่าบ่าวและสาวใช้ก็รู้แล้วว่าเรื่องวันนี้คงไม่จบลงง่ายๆเมื่อเห็นว่าเฉียวเนี่ยนจงใจอาละวาด หลินเย่ว์ก็รีบตามไป "หลินเย่ว์ วันนี้ข้ามาเพื่อช่วยเจ้าจากใจจริง เจ้าตั้งแง่ได้หรือไม่!"เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเขา สาวเท้าเดินจากไปด้วยสีหน้าเย็นชาทว่าเพราะร่างกายยังคงบาดเจ็บ ฝีเท้าจึงไม่มั่นคงนักหลินเย่ว์มองออกในทันใด จึงกดเสียงต่ำลง "ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี ให้เข้าพยุงเจ้ากลับไปพักผ่อนเถิด"ว่าจบก็เรียกบ่าวสองสามคนมาเพียงแต่บ่าวสองสามคนนั้นยังไม่ทันได้แตะเนื้อต้องตัวเฉียวเนี่ยนก็ถูกนางตวาดไล่ "ข้าคือว่าที่พระชายาหมิงอ๋อง! ผู้ใดกล้าแตะต้องข้า!"พระชายาหมิงอ๋อง แม้จะไม่ใช่คนที่มีอำนาจมากมายนัก แต่หากจะเอาชีวิตบ่าวรับใช้สักคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากด้วยเหตุนั้นเหล่าบ่าวจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดนั้นของเฉียวเนี่ยนจะทำให
ก่อนมาถึงโถงบรรพบุรุษ เฉียวเนี่ยนรู้อยู่แล้วว่าตนนั้นต้องพบเจอกับสิ่งใดดังนั้นเมื่อพบเจอกับคำตำหนิและสายตาเดือดดาลของท่านโหวหลิน เฉียวเนี่ยนจึงเลือกที่จะเพิกเฉยนางเยื้องย่างเข้าไปในโถงบรรพบุรุษ สองตากวาดมองเหล่าบ่าวและสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านนอก ท้ายที่สุดหยุดลงที่เซียวเหิงเมื่อสบเข้ากับแววตาล้ำลึกของเขา หัวใจของเฉียวเนี่ยนก็รู้สึกหน่วงขึ้นมาอย่างไม่อยู่ ความเจ็บปวดรวดร้าวเหมือนหัวใจถูกฉีกเป็นชิ้นๆ นั้นค่อยๆ จางหายไปนางคิดในใจ หากเป็นไปได้นางหวังว่าจะมีใครสักคนหนึ่งก้าวออกมาปกป้องนาง เรียกร้องความยุติธรรมจากตระกูลหลินแทนนางแต่ชัดเจนแล้วว่าเซียวเหิงไม่มีทางเป็นคนนั้นความเจ็บปวดเผยขึ้นในแววตาของเฉียวเนี่ยนที่จ้องมองเซียวเหิงอันที่จริงเขากำลังรอ รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปากร้องขอเขา เมื่อถึงยามนั้นเขาจะช่วยพูดแทนนาง ท่านโหวหลินย่อมไว้หน้าเขาแน่นอนทว่านางกลับสูดหายใจลึก จากนั้นก็เบือนสายตาไปทางอื่น หันไปมองบรรดาบ่าวไพร่ "วันนี้ผู้ใดเห็นหนิงซวงกัดคนบ้าง ก้าวออกมา"ได้ยินดังนั้นสาวใช้และบ่าวหนุ่มหลายคนก็ก้าวออกมาเมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าจองหลินยวนก็ยิ่งน่าสงสารกว่าเดิมส่วนหลินเย่ว์
เสี่ยวชุ่ยยังคงพูดอย่างมั่นอกมั่นใจทว่าเฉียวเนี่ยนกลับแค่นหัวเราะ หันไปทางฮูหยินหลิน "อ๋อ? คุณหนูหลินไม่รู้ว่าข้าบาดเจ็บงั้นรึ? ฮูหยินหลินว่าอย่างไร?"หนิงซวงเล่าให้นางฟังว่าระหว่างหลายวันที่นางนอนหมดสติอยู่บนเตียงนั้น หลินยวนและฮูหยินหลินมาเยี่ยมนางทุกวัน ถึงขั้นทำแผลให้นางใหม่ด้วยซ้ำบาดแผลฉกรรจ์บนร่างนาง หลินยวนจะไม่รู้ได้อย่างไร!ฮูหยินหลินนิ่งอึ้งไป รีบเอ่ยในทันที "แผลของเจ้า ต้องให้หมอประจำจวนตรวจอีกครั้ง! เร็วเข้า รีบพยุงคุณหนูใหญ่กลับไป แล้วเรียกหมอประจำจวนมา"วินาทีนั้นเฉียวเนี่ยนรู้สึกสิ้นหวังยิ่งนักมุมปากของนางยกยิ้ม จ้องหน้าฮูหยินหลินอย่างเย็นชา "ต่อหน้าบรรพบุรุษตระกูลหลิน พวกท่านตระกูลหลินยังกล้ารังแกคนอื่นเช่นนี้อีกหรือ?""เฉียวเนี่ยน!" ท่านโหวหลินคำรามลั่น "หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!"เขาจะไม่ยอมให้เฉียวเนี่ยนลบหลู่บรรพบุรุษตระกูลหลินเป็นอันขาด!ทว่าเฉียวเนี่ยนกลับเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา ก่อนจะหยุดสายตาที่หลินเย่ว์ "ท่านโหวน้อย ข้าขอถามท่านอีกครั้ง ทำคนเจ็บย่อมต้องลงโทษ หรือเพราะเป็นสาวใช้ทำเจ้านายเจ็บถึงต้องลงโทษ!"วินาทีนั้นหลินเย่ว์กลับไม่กล้าพูดว่าทำคนเจ็บย่อมต
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน