อันที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้มาตลอดว่าความรู้สึกที่หลินเย่ว์มีต่อนางนั้นชัดเจนเพียงใดนางเจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วก็ต้องล้างแค้นให้สำเร็จด้วยสามปีก่อนที่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้นั้น นางจะคิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณจวนโหวที่เลี้ยงดูนางมาสิบห้าปี หลังจากกลับมานางจึงไม่เก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาใส่ใจ ตั้งใจว่าจะดูแลท่านย่าให้ดีก็พอทว่าสิบห้าปีนั้นนางคิดค้างจวนโหว มิได้ติดค้างเสี่ยวชุ่ยสาวใช้นางหนึ่ง กลั่นแกล้งใส่ร้ายนางไม่รู้กี่หนยังพอทน แต่ยามนี้กลับทำให้หนิงซวงต้องโดนลงโทษหากนางไม่เอาคืน อย่าเรียกนางว่าเฉียวเนี่ยน!บ่าวและสาวใช้ที่มุงดูข้างนอกเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนจากเรือนฟางเหอก็ตามมาไม่น้อยเมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดเช่นนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชน "ใช่ๆ! วันนั้นคุณหนูรองไม่ทันระวังจึงร่วงตกน้ำ เป็นคุณหนูใหญ่ที่ลงไปช่วยโดยไม่คิดชีวิต ใครจะรู้ว่าพอขึ้นฝั่งมากลับถูกเสี่ยวชุ่ยใส่ร้าย""คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวชุ่ยจะลอยนวลมาตลอด? ข้านึกว่าจะถูกตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนเสียอีก!""เหอะ ก็นางเป็นสาวใช้ของคุณหนูรอง มีคุณหนูรองคอยหนุยหลัง!""แต่คุณหนูใหญ่แทบสละชีวิตช่วยคุณหนูรอง คุณห
หนิงซวงถูกลงโทษแล้ว ยามนี้จะช่วยพูดแทนเสี่ยวชุ่ยได้อย่างไร?แต่คาดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก "น้อยนักที่นายบ่าวจะผูกพันเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต"เพราะตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนนั้นยังไม่สาสมแก่เสี่ยวชุ่ยขณะพูดนั้นนางก็เอื้อมมือออกไปพยุงหลินยวนขึ้นมาภาพนั้นทำเอาฮูหยินหลินที่อยู่อีกฟากดวงตาเป็นประกายนางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะประคองหลินยวนลุกขึ้นเองวินาทีนั้นนางรู้สึกว่าจากนี้ไปเฉียวเนี่ยนและหลินยวนจะต้องเป็นพี่น้องที่รักกันมากแน่นอน!หลินยวนสะอึกสะอื้น เดิมตั้งใจจะเอ่ยขอบคุณเฉียวเนี่ยน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่าย นางก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างประหลาดดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรต่อแต่เป็นเฉียวเนี่ยนที่เอ่ยถาม "สาวใช้ข้ากัดเจ้าทีเดียวแต่โดนโบยตั้งสามสิบที เจ้าคิดว่าจากแผลของข้า เสี่ยวชุ่ยควรถูกลงโทษเช่นไร?"เลือกสีสดบนผ้าพันแผลนั้นสุดแสนสะดุดตาในตอนนั้นหัวสมองของหลินยวนว่างเปล่านางไม่รู้ว่าควรจะลงโทษเสี่ยวชุ่ยถึงจะเหมาะสม คิดเพียงว่าแค่ขออย่าได้ไล่เสี่ยวชุ่ยออกจากจวน อยู่ข้างกายนางตลอดไปก็พอ!ด้วยเหตุนั้นนางจึงร้องไห้สะอึกสะอื่น เอ่ยต
เฉียวเนี่ยนประหลาดใจไม่น้อย หลินยวนเดินนำไปก่อนแล้ว เขายังไม่ตามหลินยวนไปอีก แต่กลับยืนอยู่หน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินรอนางงั้นหรือ?มีอะไรจะคุยกับนางงั้นรึ?แต่จะทำอย่างไรได้เล่า?นางไม่อยากพูดกับเขาแม้สักคำด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่แม้แต่จะคำนับ เฉียวเนี่ยนเดินจากไปราวกับมองไม่เห็นเซียวเหิงทว่าวินาทีที่เดินผ่านเซียวเหิง เสียงเย็นชาของเขายังคงลอยเข้าหูเฉียวเนี่ยน"แม่นางเฉียวอยากเป็นชายาอ๋องเพียงนั้นเชียวหรือ"ในน้ำเสียงหนักแน่นนั้นมีแต่คำเสียดสีฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนชะงักลง แต่ไม่เหลียวกลับไปมองเขา เอ่ยถามเสียงเรียบเพียงประโยคหนึ่ง "แม่ทัพเซียวคิดว่า หากข้าได้เป็นชายาอ๋องแล้ว จะมีชีวิตลำบากยากเข็ญเช่นทุกวันนี้หรือไม่?"แค่ต่อกรกับสาวใช้ตัวเล็กเพียงเดียวนางยังต้องใช้กำลังมากมายปานนี้เซียวเหิงพูดไม่ออก เฉียวเนี่ยนเองก็ไม่รอคำตอบของเขาแล้วเดินจากไปเพราะคำตอบนั้นเขานั้นรู้ดีอยู่แก่ใจหากนางเป็นพระชายาหมิงอ๋องแล้ว อย่าว่าแต่ลงโทษเสี่ยวชุ่ยเลย ต่อให้คิดจะลงแส้ทั้งบ่าวทั้งนายในจวนโหว พวกเขาก็อาจไม่ขัดขืนแม้สักคำ!เฉียวเนี่ยนกลับมาถึงเรือนฟางเหอโดยมีเหล่าบ่าวคอยพยุง ยามนี้ใบหน้าข
ทว่าหมิงอ๋องกลับโบกมือปัด "ข้าไม่สน ข้าจะยอมให้นางไปเมืองกูเฉิงกับหมิงอ๋องไม่ได้!"หากไปถึงเมืองกูเฉิง หมิงอ๋องก็จะยิ่งวางอำนาจยิ่งกว่าเดิมมิใช่หรือ?เมื่อถึงยามนั้นหากหมิงอ๋องโบยนางจนตายแล้ว กว่าเขาจะรู้ข่าวคงสามเดือนห้าเดือนให้หลังนู่น!ยามคิดถึงภาพเฉียวเนี่ยนกลับมาพร้อมบาดแผลเต็มกาย หลินเย่ว์ก็ปวดใจเหลือทนแต่เมื่อนึกถึงเฉียวเนี่ยนที่เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะแต่งงานกับหมิงอ๋องให้ได้ เขาก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งยามนี้ถึงได้กรอกเหล้าใส่ปากตัวเองเพื่อระงับความเกรี้ยวโกรธในใจเมื่อครู่แต่เซียวเหิงฟังแล้วกลับถามว่า "หากนางไม่แต่งกับหมิงอ๋อง แล้วจะให้แต่งกับใคร?"หลินเย่ว์ถลึงตามองเขา "เจ้าจะสนไปใยว่านางจะแต่งกับใคร? แต่งกับใครก็ดีกว่าแต่งกับหมิงอ๋องทั้งนั้น! ต่อให้ต้องเป็นอนุคนอื่น ก็ดีกว่าถูกโบยจนตาย!"มือของเซียวเหิงที่รินเหล้าชะงักไปเป็นอนุงั้นหรือ?"เจ้านิ่งไปใย?" หลินเย่ว์ไม่สบอารมณ์ แย่งเหยือกเหล้าจากมือเซียวเหิง "ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าฉลาดกว่าข้า รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!"ในตอนนั้นเซียวเหิงสูดหายใจลึก ยกยิ้มบางให้หลินเย่ว์ "ในเมื่อทำอะไรกับเนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเกล
แววตาของเซียวเหิงอ่อนลง มือที่ยกจอกเหล้าดื่มไม่ได้ชะงักไป แต่เสียงนั้นกลับชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก "ลอบสังหารนั้นโทษมหันต์ ท่านพี่หลินล้อข้าเล่นแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็มองเซียวเหิงด้วยความสงสัยเมื่อครู่เขาคาดเดาสุดโต่งเกินไป หากเซียวเหิงคิดจะฆ่าหมิงอ๋องจริง นั่นคือการเดิมพันชีวิตของคนทั้งตระกูลเชียวก็ว่าได้แต่จะคุ้มค่าหรือหากทำเช่นนั้นเพื่อเฉียวเนี่ยน?แน่นอนว่าหลินเย่ว์คิดว่าไม่คุ้มค่า เขาเองก็ไม่เชื่อว่าเซียวเหิงจะกล้าเสี่ยงปานนั้นเพียงแต่ท่าทียามเซียวเหิงบอกว่าเขาคาดเดาสุดโต่งเกินไปนั้น ชวนให้เขาคิดมากอย่างอดไม่ได้ทว่าเขาเองก็รู้ดี ต่อให้เซียวเหิงจะมีเจตนาใดแอบแฝง หากเซียวเหิงไม่บอกเขาตามตรง เขาย่อมไม่มีวันเดาออกในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่ซักไซ้เรื่องนี้อีกต่อไป ทำได้เพียงขมวดคิ้วเอ่ย "ล่อเสือออกจากถ้ำฟังดูไม่เลว แต่เจ้าอย่าลืมละ ระหว่างหมิงอ๋องกับเนี่ยนเนี่ยนนั้น ยังมีราชโองการอีกหนึ่งฉบับ"หากราชโองการฉบับนั้นยังอยู่ ต่อให้หมิงอ๋องไปจากเมืองหลวง จะมีใครกล้ารับโทษขัดราชโองการเพื่อมาสู่ขอเฉียวเนี่ยน?แต่เซียวเหิงมีตัวเลือกในใจแล้ว เขายกเหยือก
เซียวเหิงแววตาหม่นลง มองหลินเย่ว์อย่างเย็นชาบางอย่างแวบเข้ามาในหัวหลินเย่ว์ ทันในนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจริงได้หากคนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้นก็พอแล้ว!เขาแอบตกใจไม่น้อย เหลือบเซียวเหิง เรียวคิ้วขมวดมุ่น "ซ้อมรบออกศึกมานานหลายปี แต่กลับเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม"เซียวเหิงถือเสียว่าประโยคนั้นเป็นคำชม มุมปากยกยิ้มร้ายทว่าหลินเย่ว์กลับทอดถอนใจ "หากเป็นเช่นนั้นจริง ชาตินี้เนี่ยนเนี่ยนคงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ!"แม้แต่ตอนนี้นางยังไม่ยอมเรียกเขาว่าท่านพี่ด้วยซ้ำ หากถึงคราวต้องแต่งงานกับเซียวเหอเข้าจริง เกรงว่าเขาคงกลายเป็นศัตรูไปตลอดชาติเซียวเหิงหลุบตายิ้ม "นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหวังดีกับนาง"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์กลับฮึดฮีด "แม่นั่นน่ะใจไม้ไส้ระกำ จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร!"แต่ถึงจะไม่รู้แล้วอย่างไรเล่า?เขาเป็นพี่ชายของนาง ทั้งๆ ที่รู้ว่านางจะต้องถูกหมิงอ๋องทำร้ายปางตาย จะให้เขามองนางกระโดดเข้ากองไฟตาปริบๆ หรือ!ต่อให้นางโกรธเกลียดเขาไปตลอดชีวิต ก็คุ้มกับการที่นางมีชีวิตอยู่ต่อไป!เมื่อวางแผนแล้ว หลินเย่ว์ก็กระดกเหล้า แววตา
แต่เกรงว่าจะพาตัวมาไม่ได้น่ะสิหลินยวนปกป้องเสี่ยวชุ่ยขนาดนั้น ทั้งยังรู้ว่าการที่เสี่ยวชุ่ยถูกเรียกมายังเรือนฟางเหอนั้นหมายความอย่างไร แล้วนางจะยอมให้มาได้ง่ายๆ หรือ?แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินออกมาจากเรือนของฮูหยินเฒ่า ก็เห็นหนิงซวงยืนหน้าบึ้งตึง ใจในก็พอเดาออกแล้ว"คุณหนูเจ้าคะ..." หนิงซวงกำลังจะอ้าปากฟ้อง แต่ก็ถูกเฉียวเนี่ยนแทรกขึ้น "ไปกัน ไปเรือนลั่วเหมย"นางเอ่ยพลางเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนลั่วเหมยหนิงซวงรีบตามไปในทันที "คุณหนูจะไปที่เรือนลั่วเหมยจริงหรือเจ้าคะ? หากถูกนายท่านรู้เข้า...""ก็ให้พวกเขารู้ไปสิ" เฉียวเนี่ยนเชิดคางขึ้นเล็กน้อน มุมปากยกยิ้มบาง "ทางที่ดีให้หลินเย่ว์รู้ด้วย"เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงซวงก็เกิดสงสัย ไม่รู้ว่าคุณหนูหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ส่งสัญญาณบอกสาวใช้ที่เหลือ ให้พวกนางส่งข่าวเรื่องนี่คุณหนูกำลังจะไปที่เรือนลั่วเหมยยามนี้เป็นต้นวสันต์ ดอกเหมยในเรือนลั่วเหมยนั้นร่วงโรยหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ดอกที่ชูช่ออยู่บนกิ่งไม้บรรยากาศนั้นดูเงียบเหงากว่าเรือนฟางเหอนักเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนมาเยือน ท่าที่ของทั้งนายและบ่าวเรือนลั่วเหมยนั้นเหมือนดั่งพ
"ฮูหยินเจ้าคะ จู่ๆ คุณหนูก็จับไข้ เกรงว่าจะท่านจะติดไข้เอา ท่านอย่าเข้าใกล้นักเลยเจ้าค่ะ"ขืนอยู่ใกล้ก็ความแตกกันพอดีเมื่อได้ยินดังนั้นฮูหยินหลินจึงหยุดฝีเท้าลง มองอยู่ห่างๆ "ยังดีๆ อยู่เลยเหตุใดถึงป่วยได้?"เสี่ยวชุ่ยไม่ตอบ หลินยวนที่แสร้งหลับอยู่บนเตียงก็ไม่พูดมีเพียงเสียงอ่อนโยนของเฉียวเนี่ยนปลอบประโลม "ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหมอประจำจวนก็มาแล้ว"เมื่อได้ยินว่าหมอประจำจวนจะมา เสี่ยวชุ่ยก็พลันร้อนรนแต่ก็ยังก้มหน้าไม่พูดไม่จาส่วนหลินเย่ว์กลับจดจ่ออยู่ที่เฉียวเนี่ยน "ยวนเอ๋อร์ป่วย เหตุใดเจ้าถึงเป็นห่วงปานนี้?"ผิดปกตินักทว่าเฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะ "ข้าไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงคุณหนูหลินหรอกเจ้าค่ะ แต่วันนั้นคุณหนูหลินพูดเองต่อหน้าโถงบรรพบุรุษว่า วันหน้าหากข้าอยากลงโทษเสี่ยวชุ่ยเมื่อใดก็ให้พาตัวเสี่ยวชุ่ยไปได้ทุกเมื่อ ข้ามาเพราะเหตุนี้"เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็ยิ่งขมวดคิ้ว "ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้หวังดี!"คำด่าทอของหลินเย่ว์ เฉียวเนี่ยนชินชาเสียแล้วนางยกยิ้มมุมปาก "แต่ตอนนั้นตกลงกันต่อหน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินแล้วนี่เจ้าคะ ทำไมกัน คนตระกูลหลินจะคืนคำหรือ
คำพูดของจิ่งเหยียนทำเอาหลินเย่ว์ชะงักไป ก่อนจะเดือดดาลในทันใด"น้ำหน้าอย่างเจ้า ยังกล้าดีปฎิเสธเนี่ยนเนี่ยนอีกหรือ? คิดว่าเป็นรองแม่ทัพหนุ่มแล้วเก่งนักรึ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ อย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เนี่ยนเนี่ยนด้วยซ้ำ!"เดิมคิดว่าหลินเย่ว์ถ้อยคำดูถูกดูแคลนเช่นนี้ต้องทำให้จิ่งเหยียนทั้งแค้นเคืองทั้งอับอายเป็นแน่แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จิ่งเหยียนกลับตอบเสียงแผ่วเบา "ข้ารู้"ดูแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงนิ่งเรียบของเขาสิ แค้นเคืองหรืออับอายเสียที่ไหน?หลินเย่ว์และเซียวเหิงต่างตกตะลึงกลับกันจิ่งเหยียนเริ่มพร่ำพรรณนา สายตาหยุดอยู่ที่พื้น ราวกลับกำลังนึกย้อนอดีตกาล"แต่ก่อน แม่นางเฉียวคือจันทร์แจ่มบนฟากฟ้า พวกเจ้าทนุถนอมนาง ป้องกันนาง ข้ารู้ว่าฐานะของตัวเองแตกต่างจากนางเพียงใด ได้แต่เฝ้าชะเง้อมองนางจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกินเลย แต่หลังจากนั้น โชคชะตาพลิกผัน นางตกจากสวรรค์สู่โคลนดิน พวกเจ้าทุกคนทอดทิ้งนาง!"หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ส่งเสียงฮึดฮัด เอ่ยเย้ยหยัน "เช่นนั้นตอนนี้เจ้าจึงกล้าคิดเกินเลยกับนางอย่างนั้นรึ?"คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเหยียนจะส่ายหน้า "เขาแค่เห็นใจแม่นางเฉียว"
จิ่งเหยียนหลุบตาลง ลูบมือขวาที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่ของตน เอ่ยเสียงเรียบว่า "เช่นนั้นแม่นางเฉียวอาจแค่ชอบท่านแม่ทัพป้อนอาหารนางเท่านั้น ถ้าชอบขนมอบนั่นจริงๆ จะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?"ตอนนั้น เขาก็เคยกินขนมที่เฉียวเนี่ยนแบ่งให้ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็พูดอะไรไม่ออกอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเฉียวเนี่ยนชอบแบ่งขนมให้คนอื่นกินจริงๆเขาคิดว่านางแค่ชอบแบ่งปันแต่อย่างที่จิ่งเหยียนกล่าวไว้ ถ้าชอบกินจริงๆ แล้วจะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?ชั่วขณะหนึ่ง เซียวเหิงรู้สึกไม่รู้จะทําอย่างไรดี แม้แต่แรงที่กดจิ่งเหยียนไว้ก็ผ่อนคลายลงเขาคิดเสมอว่านางชอบกินขนมอบของหลี่จี้เมื่อก่อน ตอนที่เขาส่งขนมหวานให้นาง นางมักจะทําท่าทางประหลาดใจมาก สีหน้าดีใจเล็กๆ นั้น ราวกับว่าได้ของล้ําค่าที่สุดในโลกนี้แล้วแต่ต่อมา ขนมที่เขาตั้งใจวางไว้ในรถม้านางก็ไม่ได้แตะต้อง เป็นขนมที่มอบให้นางเองกับมือ นางก็หันมามอบให้หลินยวนเขาแค่คิดว่านางยังคงเกลียดเขา ดังนั้นแม้แต่ของที่เขาให้มาก็ไม่กินแต่ไม่เคยคิดว่านางไม่ชอบกินเลยเขากับนางเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก เพราะแก่กว่านางสองปี เขาจึงปกป้องนางทุกหนทุกแห่ง อดทนกับนางเ
ตอนที่หลินเย่ว์มาถึงกองทัพ จิ่งเหยียนกําลังรายงานกิจการทหารกับเซียวเหิงอยู่ในห้องหนังสือประตูห้องถูกคนถีบเปิดออก จากนั้นหลินเย่ว์ก็พุ่งเข้ามา ไม่พูดพร่ำทําเพลง ชกหมัดใส่หน้าจิ่งเหยียนอย่างแรงโชคดีที่ปฏิกิริยาของจิ่งเหยียนไม่ช้า เขาเอนตัวไปข้างหลังและหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่หลินเย่ว์ไม่ยอมแพ้และเตะออกไทันทีจิ่งเหยียนยังคงหลบอยู่ แต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะโจมตีต่อเมื่อเห็นดังนั้น เซียวเหิงก็ขมวดคิ้ว พลิกตัวจากหลังโต๊ะมาบังกําปั้นของหลินเย่ว์ที่กําลังจะฟาดลงบนใบหน้าของจิ่งเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธที่สังเกตได้ยาก "บ้าไปแล้วหรือ?"หลินเย่ว์สะบัดมือของเซียวเหิงออก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความโกรธ จ้องจิ่งเหยียนเขม็ง "เจ้าถามเขาสิ ว่าทําเรื่องอะไรมา!"เซียวเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองจิ่งเหยียนกลับเห็นจิ่งเหยียนทําท่าทางสง่าผ่าเผย "ข้าน้อยฟังความหมายของท่านโหวน้อยไม่ออก"ก็แค่ส่งอาหารจานหนึ่งให้เฉียวเนี่ยน ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของจิ่งเหยียน หลินเย่ว์ก็แทบอยากจะต่อยเขาอีกครั้ง "เช้านี้เจ้าปีนกําแพงออกมาจากเรือนเนี่ยนเนี่ยน องครักษ์ของจวนข้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธในใจของหลินเย่ว์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น "ไม่ว่ายังไง เจ้าเป็นผู้หญิง ก็ควรให้ความสําคัญกับชื่อเสียงของตัวเอง เจ้าและยวนเอ๋อร์ต่างก็รอที่จะแต่งงานอยู่ หากมีข่าวซุบซิบใดๆ ออกมา มันจะไม่ดีต่อเจ้าและยวนเอ๋อร์เลย"ถ้ามีคนรู้ว่าเฉียวเนี่ยนพบผู้ชายตอนกลางคืนในห้องนอนของตัวเอง คนนอกจะคิดอย่างไรกับนาง จะคิดอย่างไรกับหญิงสาวของจวนโหว?เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ชื่อเสียงของยวนเอ๋อร์ก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!และฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจนางอดยิ้มเย็นไม่ได้ "ข้าก็ว่าแล้ว ท่านโหวน้อยก็จ้างคนมามัดข้า แถมยังวางยาข้าอีก ทําไมจู่ๆ ถึงสนใจชื่อเสียงของข้าขึ้นมา ที่แท้ ก็เพื่อหลินยวนนี่เอง"หลินเย่ว์นิ่งไป ในที่สุดก็จําเรื่องไร้สาระที่เขาเคยทํามาก่อนได้จึงพูดว่า "วันนี้ข้าไม่ได้มาทะเลาะกับเจ้า สรุปแล้ว ท่านย่าลงโทษเจ้าให้ทบทวนความผิดตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าแอบนัดพบชายอื่นในจวน เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี"คําพูดนี้เท่ากับตัดสินโทษของเฉียวเนี่ยนหลินเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกแต่ไม่คิดเลยว่า จานใบหนึ่งจะโจมตีจากด้านหลัง กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยําเกิดอาการ
เฉียวเนี่ยนตกใจจิ่งเหยียนถูกพบแล้ว!หนิงซวงรีบยัดกล่องอาหารที่ยังวางไม่ทันใส่มือของเฉียวเนี่ยน "คุณหนูอย่าใจร้อน บ่าวจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะ"พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่ใหญ่ หนิงซวงจึงกลับมา "คุณหนู คนที่องค์รักษ์ค้นพบก็คือรองแม่ทัพจิ่ง! แต่ท่านไม่ต้องกังวล รองแม่ทัพจิ่งวิ่งเร็ว ไม่ได้ถูกจับเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าจิ่งเหยียนเสียชื่อเสียงเพราะนาง แบบนี้นางมิต้องมีบาปติดตัวอย่างหนักเหรอแต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูใหญ่ของเรือนฟางเหอก็ถูกคนเคาะเปิดแล้วเป็นหลินเย่ว์นั่นเองตอนที่เขามา เฉียวเนี่ยนเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จเมื่อเห็นเขา สีหน้าของเฉียวเนี่ยนย่อมไม่ค่อยดีนัก จึงพูดทันทีว่า "ในเมื่อท่านย่าลงโทษให้ข้าอยู่ในเรือนฟางเหอเพื่อคิดทบทวนตนเอง ก็ย่อมไม่อยากให้ผู้อื่นมารบกวน และไม่รู้ว่าท่านโหวน้อยมาหาข้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ มีธุระสําคัญอะไรหรือเจ้าคะ?"คําพูดนางเต็มไปด้วยความไม่ต้อนรับหลินเย่ว์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร กลับมองไปที่หนิงซวงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า "องครักษ์บอกว่า เช้านี้พบชายคนหนึ่งปีนกําแพงออกมา
ทําสองครั้งแรก มันก็กินยากจริงๆ นั่นแหละดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเรียนซะเลย แต่ไม่คิดว่าไส้ใหญ่หมูแบบนี้นี้ดูเหมือนง่าย แต่การทํามให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคืนหลังจากเรียนเสร็จ เขาก็รีบไปซื้อไส้ใหญ่หมูกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทําชามนี้ออกมาได้เขาคิดว่าของแบบนี้เย็นแล้วไม่อร่อย จึงถือโอกาสเอาไปให้เฉียวเนี่ยนตอนร้อนแต่จนกระทั่งเขาเคาะหน้าต่างของเฉียวเนี่ยน เขาถึงได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหันฟ้าเพิ่งสว่าง เขาก็มาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วซ้ำยังปีนกําแพงเข้ามาเพื่อเอาไส้ใหญ่หมูไปให้เฉียวเนี่ยนแค่ไส้ใหญ่หมูจานเดียวเอง!คิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็แดงก่ำจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ เขาจากไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่เชิงใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก ตอนนี้เต็มไปด้วยความลําบากใจเฉียวเนี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่าจิ่งเหยียนจะมาส่งไส้ใหญ่หมูเห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วนางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งมาแล้วเมื่อเห็นใบหน้าดําคล้ําของจิ่งเหยียนเกือบจะแดงจนยืนไม่อยู่ เฉียวเนี่ยนก็อดยิ้มไม่
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนได้ฝันในความฝัน นางย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนที่หลินยวนทําถ้วยแก้วแตกเมื่อเผชิญหน้ากับการตําหนิขององค์หญิง เซียวเหิงและหลินเย่ว์ในความฝันก็เข้าไปขวางหน้าองค์หญิงพร้อมกันในขณะที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้ กลับพบว่าคนที่ถูกพวกเขาปกป้องอยู่ข้างหลังคือหลินยวน ไม่ใช่นางสุดท้าย นางที่อยู่ในความฝันก็ถูกพาไปที่กรมซักล้าง ถูกพวกนางบ่าวร่วมมือกันรังแก ถูกมามาเฆี่ยนตี...ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นบางๆ ปกคลุมอยู่ หัวใจเต้นรัวเร็วแน่นอนว่าสําหรับนาง กรมซักล้างนั้นเปรียบได้ดั่งนรกคงเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หนิงซวงจึงเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเฉียวเนี่ยนกําลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ "คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "เป็นแค่ฝันร้ายเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"นางคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลางวันทําให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงฝันแบบนั้นแต่ว่า แม้แต่ในความฝัน เซียวเหิงและหลินเย่ว์ก็ไม่ได้ปกป้องนางนางยิ้มอย่างขมขื่นและส
ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
สิ้นเสียงของเฉียวเนี่ยน ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบนอกจากเสียงสะอึกสะอื้นของหลินยวนที่ดังมาเป็นระยะแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีฮูหยินเฒ่าจ้องมองศีรษะของเฉียวเนี่ยนอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลานที่น่าสงสารของข้า... แต่เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ว่าองค์หญิงต้องการทําร้ายยวนเอ๋อร์และยังยุยงให้นางไปงานเลี้ยง นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่?”ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปาก ท่านโหวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก นางไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ ท่านอย่าโกรธนางเด็ดขาด”เขากังวลว่าฮูหยินเฒ่าจะโกรธเฉียวเนี่ยนจนป่วยแต่เฉียวเนี่ยนจะยอมปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าโกรธได้อย่างไรนางพยักหน้าทันที "ข้ายอมรับ"ได้ยินดังนั้น ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึงเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางหนูยังทําท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ทําไมตอนนี้...กลับได้ยินเสียงชราของฮูหยินเฒ่าค่อยๆ เอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ย่าก็จะลงโทษเจ้าให้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อสำนึกผิด เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”เมื่อได้ยิน'การลงโทษ'แบบนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ท