อันที่จริงเฉียวเนี่ยนรู้มาตลอดว่าความรู้สึกที่หลินเย่ว์มีต่อนางนั้นชัดเจนเพียงใดนางเจ้าคิดเจ้าแค้น แล้วก็ต้องล้างแค้นให้สำเร็จด้วยสามปีก่อนที่ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้นั้น นางจะคิดเสียว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณจวนโหวที่เลี้ยงดูนางมาสิบห้าปี หลังจากกลับมานางจึงไม่เก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาใส่ใจ ตั้งใจว่าจะดูแลท่านย่าให้ดีก็พอทว่าสิบห้าปีนั้นนางคิดค้างจวนโหว มิได้ติดค้างเสี่ยวชุ่ยสาวใช้นางหนึ่ง กลั่นแกล้งใส่ร้ายนางไม่รู้กี่หนยังพอทน แต่ยามนี้กลับทำให้หนิงซวงต้องโดนลงโทษหากนางไม่เอาคืน อย่าเรียกนางว่าเฉียวเนี่ยน!บ่าวและสาวใช้ที่มุงดูข้างนอกเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่คนจากเรือนฟางเหอก็ตามมาไม่น้อยเมื่อได้ยินเฉียวเนี่ยนพูดเช่นนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากฝูงชน "ใช่ๆ! วันนั้นคุณหนูรองไม่ทันระวังจึงร่วงตกน้ำ เป็นคุณหนูใหญ่ที่ลงไปช่วยโดยไม่คิดชีวิต ใครจะรู้ว่าพอขึ้นฝั่งมากลับถูกเสี่ยวชุ่ยใส่ร้าย""คิดไม่ถึงเลยว่าเสี่ยวชุ่ยจะลอยนวลมาตลอด? ข้านึกว่าจะถูกตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนเสียอีก!""เหอะ ก็นางเป็นสาวใช้ของคุณหนูรอง มีคุณหนูรองคอยหนุยหลัง!""แต่คุณหนูใหญ่แทบสละชีวิตช่วยคุณหนูรอง คุณห
หนิงซวงถูกลงโทษแล้ว ยามนี้จะช่วยพูดแทนเสี่ยวชุ่ยได้อย่างไร?แต่คาดไม่ถึงว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยปาก "น้อยนักที่นายบ่าวจะผูกพันเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต"เพราะตบจนปากฉีกแล้วไล่ออกจากจวนนั้นยังไม่สาสมแก่เสี่ยวชุ่ยขณะพูดนั้นนางก็เอื้อมมือออกไปพยุงหลินยวนขึ้นมาภาพนั้นทำเอาฮูหยินหลินที่อยู่อีกฟากดวงตาเป็นประกายนางคิดไม่ถึงเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะประคองหลินยวนลุกขึ้นเองวินาทีนั้นนางรู้สึกว่าจากนี้ไปเฉียวเนี่ยนและหลินยวนจะต้องเป็นพี่น้องที่รักกันมากแน่นอน!หลินยวนสะอึกสะอื้น เดิมตั้งใจจะเอ่ยขอบคุณเฉียวเนี่ยน แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าอีกฝ่าย นางก็รู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาอย่างประหลาดดังนั้นนางจึงไม่พูดอะไรต่อแต่เป็นเฉียวเนี่ยนที่เอ่ยถาม "สาวใช้ข้ากัดเจ้าทีเดียวแต่โดนโบยตั้งสามสิบที เจ้าคิดว่าจากแผลของข้า เสี่ยวชุ่ยควรถูกลงโทษเช่นไร?"เลือกสีสดบนผ้าพันแผลนั้นสุดแสนสะดุดตาในตอนนั้นหัวสมองของหลินยวนว่างเปล่านางไม่รู้ว่าควรจะลงโทษเสี่ยวชุ่ยถึงจะเหมาะสม คิดเพียงว่าแค่ขออย่าได้ไล่เสี่ยวชุ่ยออกจากจวน อยู่ข้างกายนางตลอดไปก็พอ!ด้วยเหตุนั้นนางจึงร้องไห้สะอึกสะอื่น เอ่ยต
เฉียวเนี่ยนประหลาดใจไม่น้อย หลินยวนเดินนำไปก่อนแล้ว เขายังไม่ตามหลินยวนไปอีก แต่กลับยืนอยู่หน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินรอนางงั้นหรือ?มีอะไรจะคุยกับนางงั้นรึ?แต่จะทำอย่างไรได้เล่า?นางไม่อยากพูดกับเขาแม้สักคำด้วยเหตุนั้นนางจึงไม่แม้แต่จะคำนับ เฉียวเนี่ยนเดินจากไปราวกับมองไม่เห็นเซียวเหิงทว่าวินาทีที่เดินผ่านเซียวเหิง เสียงเย็นชาของเขายังคงลอยเข้าหูเฉียวเนี่ยน"แม่นางเฉียวอยากเป็นชายาอ๋องเพียงนั้นเชียวหรือ"ในน้ำเสียงหนักแน่นนั้นมีแต่คำเสียดสีฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนชะงักลง แต่ไม่เหลียวกลับไปมองเขา เอ่ยถามเสียงเรียบเพียงประโยคหนึ่ง "แม่ทัพเซียวคิดว่า หากข้าได้เป็นชายาอ๋องแล้ว จะมีชีวิตลำบากยากเข็ญเช่นทุกวันนี้หรือไม่?"แค่ต่อกรกับสาวใช้ตัวเล็กเพียงเดียวนางยังต้องใช้กำลังมากมายปานนี้เซียวเหิงพูดไม่ออก เฉียวเนี่ยนเองก็ไม่รอคำตอบของเขาแล้วเดินจากไปเพราะคำตอบนั้นเขานั้นรู้ดีอยู่แก่ใจหากนางเป็นพระชายาหมิงอ๋องแล้ว อย่าว่าแต่ลงโทษเสี่ยวชุ่ยเลย ต่อให้คิดจะลงแส้ทั้งบ่าวทั้งนายในจวนโหว พวกเขาก็อาจไม่ขัดขืนแม้สักคำ!เฉียวเนี่ยนกลับมาถึงเรือนฟางเหอโดยมีเหล่าบ่าวคอยพยุง ยามนี้ใบหน้าข
ทว่าหมิงอ๋องกลับโบกมือปัด "ข้าไม่สน ข้าจะยอมให้นางไปเมืองกูเฉิงกับหมิงอ๋องไม่ได้!"หากไปถึงเมืองกูเฉิง หมิงอ๋องก็จะยิ่งวางอำนาจยิ่งกว่าเดิมมิใช่หรือ?เมื่อถึงยามนั้นหากหมิงอ๋องโบยนางจนตายแล้ว กว่าเขาจะรู้ข่าวคงสามเดือนห้าเดือนให้หลังนู่น!ยามคิดถึงภาพเฉียวเนี่ยนกลับมาพร้อมบาดแผลเต็มกาย หลินเย่ว์ก็ปวดใจเหลือทนแต่เมื่อนึกถึงเฉียวเนี่ยนที่เป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะแต่งงานกับหมิงอ๋องให้ได้ เขาก็เดือดดาลขึ้นมาอีกครั้งยามนี้ถึงได้กรอกเหล้าใส่ปากตัวเองเพื่อระงับความเกรี้ยวโกรธในใจเมื่อครู่แต่เซียวเหิงฟังแล้วกลับถามว่า "หากนางไม่แต่งกับหมิงอ๋อง แล้วจะให้แต่งกับใคร?"หลินเย่ว์ถลึงตามองเขา "เจ้าจะสนไปใยว่านางจะแต่งกับใคร? แต่งกับใครก็ดีกว่าแต่งกับหมิงอ๋องทั้งนั้น! ต่อให้ต้องเป็นอนุคนอื่น ก็ดีกว่าถูกโบยจนตาย!"มือของเซียวเหิงที่รินเหล้าชะงักไปเป็นอนุงั้นหรือ?"เจ้านิ่งไปใย?" หลินเย่ว์ไม่สบอารมณ์ แย่งเหยือกเหล้าจากมือเซียวเหิง "ตั้งแต่เล็กจนโตเจ้าฉลาดกว่าข้า รีบคิดหาวิธีเร็วเข้า!"ในตอนนั้นเซียวเหิงสูดหายใจลึก ยกยิ้มบางให้หลินเย่ว์ "ในเมื่อทำอะไรกับเนี่ยนเนี่ยนไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องเกล
แววตาของเซียวเหิงอ่อนลง มือที่ยกจอกเหล้าดื่มไม่ได้ชะงักไป แต่เสียงนั้นกลับชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก "ลอบสังหารนั้นโทษมหันต์ ท่านพี่หลินล้อข้าเล่นแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็มองเซียวเหิงด้วยความสงสัยเมื่อครู่เขาคาดเดาสุดโต่งเกินไป หากเซียวเหิงคิดจะฆ่าหมิงอ๋องจริง นั่นคือการเดิมพันชีวิตของคนทั้งตระกูลเชียวก็ว่าได้แต่จะคุ้มค่าหรือหากทำเช่นนั้นเพื่อเฉียวเนี่ยน?แน่นอนว่าหลินเย่ว์คิดว่าไม่คุ้มค่า เขาเองก็ไม่เชื่อว่าเซียวเหิงจะกล้าเสี่ยงปานนั้นเพียงแต่ท่าทียามเซียวเหิงบอกว่าเขาคาดเดาสุดโต่งเกินไปนั้น ชวนให้เขาคิดมากอย่างอดไม่ได้ทว่าเขาเองก็รู้ดี ต่อให้เซียวเหิงจะมีเจตนาใดแอบแฝง หากเซียวเหิงไม่บอกเขาตามตรง เขาย่อมไม่มีวันเดาออกในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่ซักไซ้เรื่องนี้อีกต่อไป ทำได้เพียงขมวดคิ้วเอ่ย "ล่อเสือออกจากถ้ำฟังดูไม่เลว แต่เจ้าอย่าลืมละ ระหว่างหมิงอ๋องกับเนี่ยนเนี่ยนนั้น ยังมีราชโองการอีกหนึ่งฉบับ"หากราชโองการฉบับนั้นยังอยู่ ต่อให้หมิงอ๋องไปจากเมืองหลวง จะมีใครกล้ารับโทษขัดราชโองการเพื่อมาสู่ขอเฉียวเนี่ยน?แต่เซียวเหิงมีตัวเลือกในใจแล้ว เขายกเหยือก
เซียวเหิงแววตาหม่นลง มองหลินเย่ว์อย่างเย็นชาบางอย่างแวบเข้ามาในหัวหลินเย่ว์ ทันในนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจริงได้หากคนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้นก็พอแล้ว!เขาแอบตกใจไม่น้อย เหลือบเซียวเหิง เรียวคิ้วขมวดมุ่น "ซ้อมรบออกศึกมานานหลายปี แต่กลับเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม"เซียวเหิงถือเสียว่าประโยคนั้นเป็นคำชม มุมปากยกยิ้มร้ายทว่าหลินเย่ว์กลับทอดถอนใจ "หากเป็นเช่นนั้นจริง ชาตินี้เนี่ยนเนี่ยนคงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ!"แม้แต่ตอนนี้นางยังไม่ยอมเรียกเขาว่าท่านพี่ด้วยซ้ำ หากถึงคราวต้องแต่งงานกับเซียวเหอเข้าจริง เกรงว่าเขาคงกลายเป็นศัตรูไปตลอดชาติเซียวเหิงหลุบตายิ้ม "นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหวังดีกับนาง"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์กลับฮึดฮีด "แม่นั่นน่ะใจไม้ไส้ระกำ จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร!"แต่ถึงจะไม่รู้แล้วอย่างไรเล่า?เขาเป็นพี่ชายของนาง ทั้งๆ ที่รู้ว่านางจะต้องถูกหมิงอ๋องทำร้ายปางตาย จะให้เขามองนางกระโดดเข้ากองไฟตาปริบๆ หรือ!ต่อให้นางโกรธเกลียดเขาไปตลอดชีวิต ก็คุ้มกับการที่นางมีชีวิตอยู่ต่อไป!เมื่อวางแผนแล้ว หลินเย่ว์ก็กระดกเหล้า แววตา
แต่เกรงว่าจะพาตัวมาไม่ได้น่ะสิหลินยวนปกป้องเสี่ยวชุ่ยขนาดนั้น ทั้งยังรู้ว่าการที่เสี่ยวชุ่ยถูกเรียกมายังเรือนฟางเหอนั้นหมายความอย่างไร แล้วนางจะยอมให้มาได้ง่ายๆ หรือ?แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินออกมาจากเรือนของฮูหยินเฒ่า ก็เห็นหนิงซวงยืนหน้าบึ้งตึง ใจในก็พอเดาออกแล้ว"คุณหนูเจ้าคะ..." หนิงซวงกำลังจะอ้าปากฟ้อง แต่ก็ถูกเฉียวเนี่ยนแทรกขึ้น "ไปกัน ไปเรือนลั่วเหมย"นางเอ่ยพลางเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนลั่วเหมยหนิงซวงรีบตามไปในทันที "คุณหนูจะไปที่เรือนลั่วเหมยจริงหรือเจ้าคะ? หากถูกนายท่านรู้เข้า...""ก็ให้พวกเขารู้ไปสิ" เฉียวเนี่ยนเชิดคางขึ้นเล็กน้อน มุมปากยกยิ้มบาง "ทางที่ดีให้หลินเย่ว์รู้ด้วย"เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงซวงก็เกิดสงสัย ไม่รู้ว่าคุณหนูหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ส่งสัญญาณบอกสาวใช้ที่เหลือ ให้พวกนางส่งข่าวเรื่องนี่คุณหนูกำลังจะไปที่เรือนลั่วเหมยยามนี้เป็นต้นวสันต์ ดอกเหมยในเรือนลั่วเหมยนั้นร่วงโรยหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ดอกที่ชูช่ออยู่บนกิ่งไม้บรรยากาศนั้นดูเงียบเหงากว่าเรือนฟางเหอนักเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนมาเยือน ท่าที่ของทั้งนายและบ่าวเรือนลั่วเหมยนั้นเหมือนดั่งพ
"ฮูหยินเจ้าคะ จู่ๆ คุณหนูก็จับไข้ เกรงว่าจะท่านจะติดไข้เอา ท่านอย่าเข้าใกล้นักเลยเจ้าค่ะ"ขืนอยู่ใกล้ก็ความแตกกันพอดีเมื่อได้ยินดังนั้นฮูหยินหลินจึงหยุดฝีเท้าลง มองอยู่ห่างๆ "ยังดีๆ อยู่เลยเหตุใดถึงป่วยได้?"เสี่ยวชุ่ยไม่ตอบ หลินยวนที่แสร้งหลับอยู่บนเตียงก็ไม่พูดมีเพียงเสียงอ่อนโยนของเฉียวเนี่ยนปลอบประโลม "ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหมอประจำจวนก็มาแล้ว"เมื่อได้ยินว่าหมอประจำจวนจะมา เสี่ยวชุ่ยก็พลันร้อนรนแต่ก็ยังก้มหน้าไม่พูดไม่จาส่วนหลินเย่ว์กลับจดจ่ออยู่ที่เฉียวเนี่ยน "ยวนเอ๋อร์ป่วย เหตุใดเจ้าถึงเป็นห่วงปานนี้?"ผิดปกตินักทว่าเฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะ "ข้าไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงคุณหนูหลินหรอกเจ้าค่ะ แต่วันนั้นคุณหนูหลินพูดเองต่อหน้าโถงบรรพบุรุษว่า วันหน้าหากข้าอยากลงโทษเสี่ยวชุ่ยเมื่อใดก็ให้พาตัวเสี่ยวชุ่ยไปได้ทุกเมื่อ ข้ามาเพราะเหตุนี้"เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็ยิ่งขมวดคิ้ว "ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้หวังดี!"คำด่าทอของหลินเย่ว์ เฉียวเนี่ยนชินชาเสียแล้วนางยกยิ้มมุมปาก "แต่ตอนนั้นตกลงกันต่อหน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินแล้วนี่เจ้าคะ ทำไมกัน คนตระกูลหลินจะคืนคำหรือ
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก
หนิงซวงก็เห็นรอยขีดข่วนบนลำต้นไม้เช่นกันนางรีบลุกขึ้นยืน คว้าชายแขนเสื้อของหวังเอ้อไว้แน่น "ต้นเหมยแดงต้นนี้รองแม่ทัพจิ่งเป็นคนปลูกเอาไว้ คุณหนูไม่มีทางทำร้ายมันเด็ดขาด! หวังเอ้อ ทำยังไงดี! คุณหนูต้องถูกใครจับตัวไปแน่ ๆ !"รอยขีดนี้ ต้องเป็นรอยที่คุณหนูทิ้งไว้ตอนดิ้นรนขัดขืนแน่ ๆ !หวังเอ้อเองก็ร้อนใจเช่นกัน แต่ก็ตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว "เจ้าจงไปแจ้งข่าวให้ตระกูลเซียว ข้าจะไปหาท่านโหวน้อยที่จวนโหว!"แม้ว่าคุณหนูจะตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเชื่อว่าท่านโหวน้อยต้องยื่นมือเข้าช่วยแน่ส่วนตระกูลเซียว แม้ว่าคุณหนูของนางจะหย่าขาดกับคุณชายใหญ่ไปแล้ว ทว่าเพิ่งจะกลับมาได้ไม่นาน คิดว่าตระกูลเซียวคงไม่เพิกเฉยแน่นอนไม่อย่างนั้นแล้ว ลำพังเขากับหนิงซวงแค่สองคน จะไปช่วยคุณหนูได้อย่างไรกัน?เมื่อได้ฟังเช่นนั้น หนิงซวงก็พยักหน้ารัว ๆ แล้วรีบปาดน้ำตา ก่อนจะวิ่งออกจากจวนไปอย่างเร่งรีบไม่นานนัก นางก็วิ่งไปถึงตระกูลเซียว พอเห็นพ่อเซียวกับแม่เซียว ก็ทรุดลงคุกเข่าในทันที "นายท่าน ฮูหยิน ได้โปรดช่วยคุณหนูของข้าด้วยเถิด! คุณหนูของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว!"เมื่อได้ยิ
เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะได้รับความไว้วางใจจากคุณหนูใหญ่ถึงเพียงนี้จึงพยักหน้าแรง ๆ หลายครั้ง "เช่นนั้นบ่าวจะไปเตรียมการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้ ภายในสามวันเรื่องนี้ต้องแล้วเสร็จแน่นอน จะไม่ขาดไปแม้แต่ตำลึงเดียวขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงยิ้มแย้มอย่างงดงาม "ดี"หวังเอ้อจึงคำนับแล้วถอยออกไปขณะเดียวกันใจของเฉียวเนี่ยนก็พลันจมดิ่งลงสู่หุบเหวคำพูดของแม่เซียวเมื่อครู่นั้นยังคงก้องอยู่ข้างหูโดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า 'ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไร้วิธีแก้ไข' ช่างราวกับมีดเล่มหนึ่งที่คอยเฉือนนางอย่างไม่หยุดยั้งผู้คนที่นางใกล้ชิดที่สุดต่างทยอยจากนางไปทีละคนแต่แม่เซียวกลับบอกนางว่า ทุกสิ่งล้วนเป็นเพราะตัวนางเองเจ็บปวดราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็นริ้ว ๆเฉียวเนี่ยนกำหมัดแน่น สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสวนดอกไม้ต้นเหมยแดงต้นนั้น บัดนี้หาได้เป็นเพียงต้นเปล่าโล้นเช่นก่อนออกเรือนไม่มันแตกหน่อใบเขียวออกมาแล้ว ที่ปลายกิ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวาอันเจิดจ้าจนถึงเวลานี้ ความเจ็บปวดที่แน่นอัดในอกของเฉียวเนี่ยนจึงคล้ายจะทุเลาลงบ้างนางเดินมาหยุดใต้ต้นไม้ ลูบไล้ลำต้นอย่างแผ่วเบา ภ
เฉียวเนี่ยนพูดจบก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ไม่คาดคิดว่าแม่เซียวกลับรีบคว้ามือของนางไว้ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึก"เนี่ยนเนี่ยน แม่ก็เห็นเจ้ามาตั้งแต่เล็กจนโต... แม่ผิดเอง กำไลนี้..." แม่เซียวพูดพลางยื่นกำไลข้อมือของตัวเองมาให้เฉียวเนี่ยนแต่ยังไม่ทันได้สวมให้เฉียวเนี่ยน ก็ถูกห้ามไว้เสียก่อนเฉียวเนี่ยนจับมือของแม่เซียวไว้ แล้วยิ้มบาง ๆ "ท่านป้าไม่ต้องทำเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ ข้าเองก็จะไปอยู่แล้ว ตอนนี้แค่เร็วกว่าที่คิดไว้เล็กน้อยเท่านั้นเอง สำหรับกำไลนี้ ข้ารับไว้ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ"ยิ่งไปกว่านั้น บนข้อมือของนางเองก็มีกำไลหยกอยู่แล้วแม้มันจะไม่ค่อยสวย แต่สำหรับนางแล้วมันมีค่ามากยิ่งนักนางไม่อาจถอดกำไลนั้นออกมาเพื่อใส่กำไลอีกอันหนึ่งได้เฉียวเนี่ยนค่อย ๆ ดึงมือของตัวเองออก แล้วหมุนตัวกลับไป โดยไม่หยุดแม้แต่นิดเดียวหนิงซวงเห็นเฉียวเนี่ยนเดินออกมา ก็รีบเร่งฝีเท้าตามไปอย่างรวดเร็วทว่าไม่คาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนกลับไม่พูดอะไรสักคำ เดินตรงไปข้างหน้าอย่างเงียบงันหนิงซวงจึงไม่ได้กล้าถามอะไรมาก เพียงเร่งฝีเท้าตามหลังอย่างกระชั้นชิดใครจะไปคิดว่า เดินตามไปเรื่อย ๆ สุดท้ายกลับมาหยุดอยู่ที่เร
แม่เซียวกลับค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน แล้วทำท่าจะคุกเข่าลงต่อหน้าเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองไว้ก่อนที่หัวเข่าของแม่เซียวจะแตะพื้น "ท่านแม่จะทำเช่นนี้ไปเพื่อสิ่งใดกันเจ้าคะ?!"แม่เซียวที่ลุกขึ้นยืนแล้ว น้ำตาไหลนองเต็มใบหน้า"เนี่ยนเนี่ยน เป็นตระกูลเซียวของเราที่ล่วงเกินเจ้า แต่ข้าก็จนปัญญาจริง ๆ บอกตามตรงนะ ตอนที่ข้าได้ยินข่าวลือจากข้างนอก ข้าก็นำวันเดือนปีเกิดของเจ้าไปให้มหาเถระฉือเอินที่วัดฝ่าหัวดู เดิมทีก็แค่อยากให้ท่านมหาเถระช่วยชี้แนะหาทางแก้ไข ทว่าในกระดาษพยากรณ์ที่ท่านส่งกลับมา มีเพียงว่า ดาวกาลกิณีไร้คู่ ไม่มีทางแก้ไข!"แม่เซียวทั้งร้องไห้ทั้งพูด เสียงสั่นสะอื้นฟังดูเวทนายิ่งนักส่วนเฉียวเนี่ยนนั้น ถึงกับยืนตะลึงนิ่งงันนางคือดาวกาลกิณีไร้คู่เช่นนั้นหรือ?ถึงได้ทำให้คนรอบตัวที่นางรักต้องจากไปทีละคนเช่นนี้งั้นหรือ?กลางอกปวดร้าวราวกับถูกมีดกรีดแทง ในชั่วขณะนั้น เฉียวเนี่ยนรู้สึกราวกับแม้แต่การหายใจก็เป็นเรื่องยากยิ่งแต่แม่เซียวก็ยังคงสะอื้น พลางปาดน้ำตาไปด้วย "เดิมทีข้าคิดว่า หากเหอเอ๋อร์ไม่เป็นอะไร กระดาษพยากรณ์นี้ก็คงไม่น่าเชื่อถือ แต่ตอนนี้…"เฉียวเนี่ยน