แววตาของเซียวเหิงอ่อนลง มือที่ยกจอกเหล้าดื่มไม่ได้ชะงักไป แต่เสียงนั้นกลับชวนให้รู้สึกเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก "ลอบสังหารนั้นโทษมหันต์ ท่านพี่หลินล้อข้าเล่นแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์ก็มองเซียวเหิงด้วยความสงสัยเมื่อครู่เขาคาดเดาสุดโต่งเกินไป หากเซียวเหิงคิดจะฆ่าหมิงอ๋องจริง นั่นคือการเดิมพันชีวิตของคนทั้งตระกูลเชียวก็ว่าได้แต่จะคุ้มค่าหรือหากทำเช่นนั้นเพื่อเฉียวเนี่ยน?แน่นอนว่าหลินเย่ว์คิดว่าไม่คุ้มค่า เขาเองก็ไม่เชื่อว่าเซียวเหิงจะกล้าเสี่ยงปานนั้นเพียงแต่ท่าทียามเซียวเหิงบอกว่าเขาคาดเดาสุดโต่งเกินไปนั้น ชวนให้เขาคิดมากอย่างอดไม่ได้ทว่าเขาเองก็รู้ดี ต่อให้เซียวเหิงจะมีเจตนาใดแอบแฝง หากเซียวเหิงไม่บอกเขาตามตรง เขาย่อมไม่มีวันเดาออกในเมื่อเป็นเช่นนั้น เขาจึงไม่ซักไซ้เรื่องนี้อีกต่อไป ทำได้เพียงขมวดคิ้วเอ่ย "ล่อเสือออกจากถ้ำฟังดูไม่เลว แต่เจ้าอย่าลืมละ ระหว่างหมิงอ๋องกับเนี่ยนเนี่ยนนั้น ยังมีราชโองการอีกหนึ่งฉบับ"หากราชโองการฉบับนั้นยังอยู่ ต่อให้หมิงอ๋องไปจากเมืองหลวง จะมีใครกล้ารับโทษขัดราชโองการเพื่อมาสู่ขอเฉียวเนี่ยน?แต่เซียวเหิงมีตัวเลือกในใจแล้ว เขายกเหยือก
เซียวเหิงแววตาหม่นลง มองหลินเย่ว์อย่างเย็นชาบางอย่างแวบเข้ามาในหัวหลินเย่ว์ ทันในนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นก็เป็นเรื่องจริงได้หากคนอื่นคิดว่าเป็นเรื่องจริงเท่านั้นก็พอแล้ว!เขาแอบตกใจไม่น้อย เหลือบเซียวเหิง เรียวคิ้วขมวดมุ่น "ซ้อมรบออกศึกมานานหลายปี แต่กลับเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าเดิม"เซียวเหิงถือเสียว่าประโยคนั้นเป็นคำชม มุมปากยกยิ้มร้ายทว่าหลินเย่ว์กลับทอดถอนใจ "หากเป็นเช่นนั้นจริง ชาตินี้เนี่ยนเนี่ยนคงเกลียดข้าเข้ากระดูกดำ!"แม้แต่ตอนนี้นางยังไม่ยอมเรียกเขาว่าท่านพี่ด้วยซ้ำ หากถึงคราวต้องแต่งงานกับเซียวเหอเข้าจริง เกรงว่าเขาคงกลายเป็นศัตรูไปตลอดชาติเซียวเหิงหลุบตายิ้ม "นางรู้อยู่แล้วว่าเจ้าหวังดีกับนาง"เมื่อได้ยินดังนั้นหลินเย่ว์กลับฮึดฮีด "แม่นั่นน่ะใจไม้ไส้ระกำ จะไปรู้เรื่องรู้ราวอะไร!"แต่ถึงจะไม่รู้แล้วอย่างไรเล่า?เขาเป็นพี่ชายของนาง ทั้งๆ ที่รู้ว่านางจะต้องถูกหมิงอ๋องทำร้ายปางตาย จะให้เขามองนางกระโดดเข้ากองไฟตาปริบๆ หรือ!ต่อให้นางโกรธเกลียดเขาไปตลอดชีวิต ก็คุ้มกับการที่นางมีชีวิตอยู่ต่อไป!เมื่อวางแผนแล้ว หลินเย่ว์ก็กระดกเหล้า แววตา
แต่เกรงว่าจะพาตัวมาไม่ได้น่ะสิหลินยวนปกป้องเสี่ยวชุ่ยขนาดนั้น ทั้งยังรู้ว่าการที่เสี่ยวชุ่ยถูกเรียกมายังเรือนฟางเหอนั้นหมายความอย่างไร แล้วนางจะยอมให้มาได้ง่ายๆ หรือ?แล้วก็เป็นเช่นนั้น เมื่อเฉียวเนี่ยนเดินออกมาจากเรือนของฮูหยินเฒ่า ก็เห็นหนิงซวงยืนหน้าบึ้งตึง ใจในก็พอเดาออกแล้ว"คุณหนูเจ้าคะ..." หนิงซวงกำลังจะอ้าปากฟ้อง แต่ก็ถูกเฉียวเนี่ยนแทรกขึ้น "ไปกัน ไปเรือนลั่วเหมย"นางเอ่ยพลางเดินมุ่งหน้าไปยังเรือนลั่วเหมยหนิงซวงรีบตามไปในทันที "คุณหนูจะไปที่เรือนลั่วเหมยจริงหรือเจ้าคะ? หากถูกนายท่านรู้เข้า...""ก็ให้พวกเขารู้ไปสิ" เฉียวเนี่ยนเชิดคางขึ้นเล็กน้อน มุมปากยกยิ้มบาง "ทางที่ดีให้หลินเย่ว์รู้ด้วย"เมื่อได้ยินดังนั้นหนิงซวงก็เกิดสงสัย ไม่รู้ว่าคุณหนูหมายความว่าอย่างไร แต่ก็ส่งสัญญาณบอกสาวใช้ที่เหลือ ให้พวกนางส่งข่าวเรื่องนี่คุณหนูกำลังจะไปที่เรือนลั่วเหมยยามนี้เป็นต้นวสันต์ ดอกเหมยในเรือนลั่วเหมยนั้นร่วงโรยหมดแล้ว เหลือเพียงไม่กี่ดอกที่ชูช่ออยู่บนกิ่งไม้บรรยากาศนั้นดูเงียบเหงากว่าเรือนฟางเหอนักเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนมาเยือน ท่าที่ของทั้งนายและบ่าวเรือนลั่วเหมยนั้นเหมือนดั่งพ
"ฮูหยินเจ้าคะ จู่ๆ คุณหนูก็จับไข้ เกรงว่าจะท่านจะติดไข้เอา ท่านอย่าเข้าใกล้นักเลยเจ้าค่ะ"ขืนอยู่ใกล้ก็ความแตกกันพอดีเมื่อได้ยินดังนั้นฮูหยินหลินจึงหยุดฝีเท้าลง มองอยู่ห่างๆ "ยังดีๆ อยู่เลยเหตุใดถึงป่วยได้?"เสี่ยวชุ่ยไม่ตอบ หลินยวนที่แสร้งหลับอยู่บนเตียงก็ไม่พูดมีเพียงเสียงอ่อนโยนของเฉียวเนี่ยนปลอบประโลม "ฮูหยินวางใจเถิดเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวหมอประจำจวนก็มาแล้ว"เมื่อได้ยินว่าหมอประจำจวนจะมา เสี่ยวชุ่ยก็พลันร้อนรนแต่ก็ยังก้มหน้าไม่พูดไม่จาส่วนหลินเย่ว์กลับจดจ่ออยู่ที่เฉียวเนี่ยน "ยวนเอ๋อร์ป่วย เหตุใดเจ้าถึงเป็นห่วงปานนี้?"ผิดปกตินักทว่าเฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะ "ข้าไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงคุณหนูหลินหรอกเจ้าค่ะ แต่วันนั้นคุณหนูหลินพูดเองต่อหน้าโถงบรรพบุรุษว่า วันหน้าหากข้าอยากลงโทษเสี่ยวชุ่ยเมื่อใดก็ให้พาตัวเสี่ยวชุ่ยไปได้ทุกเมื่อ ข้ามาเพราะเหตุนี้"เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็ยิ่งขมวดคิ้ว "ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าไม่ได้หวังดี!"คำด่าทอของหลินเย่ว์ เฉียวเนี่ยนชินชาเสียแล้วนางยกยิ้มมุมปาก "แต่ตอนนั้นตกลงกันต่อหน้าโถงบรรพบุรุษตระกูลหลินแล้วนี่เจ้าคะ ทำไมกัน คนตระกูลหลินจะคืนคำหรือ
ประโยคนั้นทำเอาหลินยวนชะงักไปนางมองเฉียวเนี่ยนด้วยความประหลาดใจ ในแววตาแฝงไปด้วยความตื่นตระหนก สลับสน ทั้งยัง...หวาดกลัว?เฉียวเนี่ยนไม่เข้าใจ นางแค่ถามสาวใช้ข้างกาย เหตุใดหลินยวนถึงได้ตื่นกลัวปานนั้นถึงขนาดลืมร้องไห้ นิ่งอึ้งไปเสียอย่างนั้น ไม่กล้าพูดแม้แต่คำเดียวทว่าหลินเย่ว์กลับทนเห็นต่อไปไม่ไหวเขาเดินเข้ามา เบียดเฉียวเนี่ยนไปอีกทาง ก้มตัวลงพยุงหลินยวนให้ลุกขึ้น "เสี่ยวชุ่ยกับยวนเอ๋อร์โตมาด้วยกัร พวกนางเข้าใจกันประหนึ่งพี่สาวน้องสาว เจ้าคิดว่าคนอื่นจะเลือดเย็นไร้หัวใจเหมือนเจ้าทั้งนั้นหรือ"แม้แต่ฮูหยินหลินยังต้องเอ่ยปากพูด "เนี่ยนเนี่ยน แม่รู้ว่าเจ้าคงกังวลว่าจะมีคนคิดร้ายแฝงกายอยู่ใกล้ตัวน้องสาวเจ้า แต่เจ้าวางใจเถิด เดิมทีตอนยวนเอ๋อร์กลับมาอยู่ที่จวน พวกเราส่งคนไปสืบมาแล้ว เสี่ยวชุ่ยเป็น...เป็นลูกสาวของเพื่อนบ้านของพ่อแม่แท้ๆ ของเจ้า ดังนั้นจึงสนิทกับยวนเอ๋อร์นัก"ฮูหยินหลินจงใจเอ่ยถึงพ่อแม่ที่แท้จริงของเฉียวเนี่ยนในวินาทีนั้น ไม่รู้เพราะฟอกขาวตัวตนของเสี่ยวชุ่ย หรือว่าเพราะข่มเหงเฉียวเนี่ยนทว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนไปเฉียวเนี่ยนนั้นไม่สนใจลมปากของคนในจวนโหวมาตั้งนานแล้
เพิ่งจะข้ามสะพานหิน หนิงซวงก็พลันเตะข้อพับหัวเข่าของเสี่ยวชุ่ย ตวาดลั่น "คุกเข่า!"สาวใช้นางหนึ่งช่างหัวไวนัก เห็นดังนั้นก็รีบยกเก้าอี้มาให้เฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ หนิงซวงยื่นแก้วชาร้อนให้ เฉียวเนี่ยนรับไปแล้วเผยอเปิดฝาถ้วยเพื่อกรองใบชาที่ลอยอยู่ด้านบนออกทำอยู่อย่างนั้นครั้งแล้วครั้งเล่าเสียงฝาถ้วยกระทบกับถ้วยชาดังกังวาน แต่กลับแหลมคมปานใบมีด ปาดลึกถึงหัวใจของเสี่ยวชุ่ยทั้งแล้วทั้งเล่าเสี่ยวชุ่ยคุกเข่าลง ร่างทั้งร่างสั่นสะท้านไร้ซึ่งท่าทีกำเริบเสิบสาน พูดจาชัดถ้อยชัดคำเหมือนยามที่ป้ายสีนางเมื่อสามปีก่อนเฉียวเนี่ยนเพิ่งยกชาขึ้นจิบ ก่อนจะยิ้มบาง "คิดหรือไม่ว่าวันหนึ่งจะตกอยู่ใต้เงื้อมือข้า?"คำพูดนั้นเหมือนจี้จุดบางอย่างบนตัวของเสี่ยวชุ่ย นางคลานเข่าเข้ามาหา จับข้อเท้าของเฉียวเนี่ยนแล้วร้องขออ้อนวอน "คุณหนูใหญ่ไว้ชีวิตข้าเถิดเจ้าค่ะ ข้าผิดไปแล้ว! ยามนั้นข้าหน้ามืดตามัว ข้าไม่นึกเลยว่าคุณหนูใหญ่จะถูกจับส่งไปเป็นบ่าวที่กรมซักล้างถึงสามปี! สามปีมานี้ ข้ารู้สึกมาตลอด ข้าผิดเอง ข้าขอกราบเท้าท่าน!"ว่าจบก็ก้มหัวโขกพื้นกราบเฉียวเนี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงดังก้อ
วันต่อมา เฉียวเนี่ยนเข้าวังพร้อมกับฮูหยินหลินเต๋อกุ้ยเฟยรออยู่ก่อนหน้าแล้วเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยน เต๋อกุ้ยเฟยก็รีบเข้ามารับ น้ำตาร้อนผ่าวคลอเบ้า "เนี่ยนเนี่ยนเจ้ามาแล้วหรือ! ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาพบข้าอีกแล้วเสียอีก!""เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรเพคะ" เฉียวเนี่ยนตอบกลับ ราวกับคนสุขสบายดีเต๋อกุ้ยเฟยดีใจยิ่ง เหลือบตามองฮูหยินหลินอย่างอดไม่ได้จากนั้นก็ได้ยินเสียงฮูหยินหลินเอ่ย "ข้าบอกท่านแล้ว เนี่ยนเนี่ยนไม่ได้เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจ ท่านดันไม่เชื่อ"เมื่อได้ยินดังนั้น เต๋อกุ้ยเฟยก็พยักหน้ารัว "นั่นสิ ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆ... โธ่ เข้ามาข้างในก่อนเถิด!"เต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางจูงเฉียวเนี่ยนเดินเข้าไปทว่าครั้นก้าวเข้าประตูมา ฝีเท้าของเฉียวเนี่ยนก็พลันหยุดลงนั่นเป็นเพราะว่าภายในห้องนั้นมีคนคุกเข่าอยู่เห็๋นเพียงแค่แผ่นหลังก็รู้ว่านั่นคือหมิงอ๋องสีหน้าของเฉียวเนี่ยนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เต๋อกุ้ยเฟยรีบเอ่ยแก้ต่าง "เจ้าเด็กคนนี้สารเลว วันนี้ข้าจะสั่งสอนเขาต่อหน้าเนี่ยนเนี่ยนเอง ดูซิว่าวันหน้าเขาจะกล้ารังแกเจ้าอีกหรือไม่!"เต๋อกุ้ยเฟยว่าพลางรับไม้เรียวจากนางบ่าว ก่อนจะฟาดลงบนหลังของหมิงอ๋องอย่างแรง
แววตาเมื่อครู่ของหมิงอ๋อง แทบจะอยากเฆี่ยนตีนางให้เป็นแผลจนไม่เหลือชิ้นดีเสียตรงนั้น เอาให้ครึ่งเป็นครึ่งตายถึงจะสาแก่ใจด้วยซ้ำด้วยซ้ำเมื่อเห็นเฉียวเนี่ยนไม่พูด ในหัวเต๋อกุ้ยเฟยก็พลันว่างเปล่านางครุ่นคิดก่อนจะส่งสายให้กับหัวหน้านางบ่าวของตนหัวหน้านางบ่าวพยักหน้าในทันใด เดินนำนางบ่าวและขันทีออกไปนอกห้องภายในห้องเหลือเพียงเต๋อกุ้ยเฟย ฮูหยินหลิน และเฉียวเนี่ยนฮูหยินหลินประหลาดใจ เอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ "กุ้ยเฟยจะ..."ทว่ากลับเห็นภาพเต๋อกุ้ยเฟยกุมมือเฉียวเนี่ยน เอ่ยเสียงอ่อน "เจ้ารอสักครู่"ว่าจบก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง ไม่นานก็ออกมาในมือถือโฉนดที่ดินฉบับหนึ่ง"นี่คือกิจการนอกวังของข้า เป็นร้านขายเสื้อผ้า เจ้ารับไว้เสีย"ขณะพูดนั้นนางก็ยัดโฉนดที่ดินใส่มือเฉียวเนี่ยนเฉียวเนี่ยนตกใจไม่น้อย อันที่จริงวันนี้นางมาเพื่อหมิงอ๋อง ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับสิ่งใดจากเต๋อกุ้ยเฟยแม้แต่ฮูหยินหลินเองก็ตกตะลึง "นี่คือสินเดิมของท่านนะเพคะ ราคาสูงเกินไป! ไม่ได้เด็ดขาดเพคะ!""ประเดี๋ยวเนี่ยนเนี่ยนก็จะเป็นสะใภ้ของข้าแล้ว เหตุใดจะไม่ได้?" เต๋อกุ้ยเฟยเอ่ย เมื่อเห็นว่าท่าทีว่าเฉียวเนี่ยนจะไม่ยอมร
เขาไม่อยากหลีกให้ แต่ก็เข้าใจว่า วันนี้ตนไม่สามารถล้วงความลับจากปากของเซียวเหิงได้แน่คิดแล้วคิดอีก ก็ได้แต่ค่อยๆ หลีกทางให้เซียวเหิงจึงพลิกกายขึ้นม้าอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังทิศทางของวังแต่เมื่อเดินผ่านหลินเย่ว์ ก็ได้ยินเขาถามด้วยเสียงต่ำว่า"เจ้าไม่เคยคิดว่าเจ้าทําแบบนี้ จะทําให้เนี่ยนเนี่ยนเกลียดเจ้ามากขึ้นเหรอ?"ร่างกายของเซียวเหิงพลันแข็งทื่อ แต่กลับไม่หยุดฝีเท้าย่อมเคยคิดมาก่อนแต่เขาไม่มีทางเลือกเขาทําไม่ได้ที่จะมองดูนางไปรักคนอื่นแขนซ้ายพันแผลอย่างง่ายๆ แล้วเซียวเหิงก็เข้าราชสํานักไปฮ่องเต้มองปราดเดียวก็มองออกทันที สีหน้าของเขาดูน่าเกลียดมาก ในประชุมเช้าไม่ได้เอ่ยคําใด เพียงแค่รั้งเขาเอาไว้หลังจากออกจากประชุมเช้าแล้วภายในท้องพระโรง เซียวเหิงคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่หน้าตําหนักฮ่องเต้ประทับบนบัลลังก์มังกร หลุบตามองเขา น้ำเสียงทุ้มต่ำ เปี่ยมไปด้วยความโกรธ "เจ้ากําลังก่อเรื่องอะไรอยู่กันแน่? เพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง ยังคิดจะก่อเรื่องวุ่นวายอีกเหรอ?"เซียวเหิงหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่ตอบฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา "ทําไม? ต้องเป็นนางเท่านั้นเหรอ?"ครั้งนี้เซียวเหิงกลับเอ่ยปาก"ใช่ กระ
ตกดึกเฉียวเนี่ยนนอนอยู่บนเตียง พลิกไปพลิกมา อย่างไรก็นอนไม่หลับนางรู้ว่าหนิงซวงอาจไม่สามารถเห็นคําใบ้ของ'นอกเมืองหลวง'ได้ แต่นางสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอนว่าคำว่าต้องรดน้ำมีปัญหานางรู้ว่าถ้าหนิงซวงไม่เข้าใจ นางจะต้องไปหาเซียวเหอแน่นอน และคําใบ้เกี่ยวกับนอกเมืองหลวง เซียวเหอจะต้องดูออกแน่นอนแต่นางก็ไม่รู้ว่านางอยู่นอกเมืองหลวงหรือไม่อย่างไรก็ตามนางถูกขังอยู่ในจวนตลอดเวลาและไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกคนรับใช้ในจวนก็ไม่พูดถึงแน่ ทั้งหมดเป็นเพียงการคาดเดาของนางเท่านั้นเป็นเพราะนางเดินผ่านกําแพงสูงของจวนหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากด้านนอกเลย จึงคิดว่าตําแหน่งของจวนหลังนี้จะต้องอยู่ห่างไกลจากเมืองแน่นอนบวกกับวันนั้นนางไม่ได้นอนทั้งคืน แต่ตอนเช้าตรู่กลับได้กลิ่นไอน้ำที่ชัดเจนและเข้มข้นจึงคิดว่าแถวนี้ต้องมีน้ำแน่นอนแม่น้ำก็ดี น้ำพุก็ดี ต้องมีแน่นอนแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าคําเตือนของนางถูกต้องหรือไม่ แต่ก็มีความหวังอยู่หวังว่า... นางสามารถออกจากที่นี่ได้โดยเร็วที่สุดวันรุ่งขึ้นเซียวเหิงออกจากบ้านแต่เช้าแม้ว่าเขาจะย้ายงานทหารมาที่นี่แล้ว แต่เขาก็ยังต้องไปประช
มันเป็นจดหมายที่สั้นมากและไม่มีสํานวนที่งดงามอะไร ในมุมมองของเฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ มันเป็นจดหมายธรรมดาเท่านั้นแต่ทั้งสองยังคงส่งจดหมายให้เซียวเหิงเซียวเหิงรับมาดูแวบหนึ่ง ดวงตาลึกล้ำไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงเอ่ยเรียบๆ ว่า "ส่งไปเถอะ!""เจ้าค่ะ"เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ร์รับคําแล้วจากไปแต่แววตาคู่นั้นของเซียวเหิงกลับหม่นหมองลงเขารู้ว่าเฉียวเนี่ยนไม่ยินยอมอยู่ที่นี่แต่อาศัยแค่จดหมายฉบับเดียว ก็อยากหาคนมาช่วยนางเหรอ?ทําไมนางยังไม่เข้าใจว่าตอนนี้ไม่มีใครสามารถพรากนางไปจากเขาได้อีกแล้วเมื่อหนิงซวงได้รับจดหมายฉบับนี้ ก็งงไปหมด"นี่เป็นลายมือของคุณหนูจริงๆ!" หนิงซวงตื่นเต้นจนขอบตาแดงก่ำ หลายวันมานี้ น้ำตาของนางเกือบจะแห้งไปหมดแล้วหวังเอ้ออ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วพยักหน้า "ข้าจําลายมือคุณหนูไม่ได้ แต่ในเมื่อคุณหนูบอกว่านางไม่เป็นไร ก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก"หนิงซวงเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้น "นางเขียนแบบนี้เพื่อให้ข้าสบายใจ นางถูกแม่ทัพเซียวพาตัวไป แม้ว่าร่างกายจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ แต่ในใจต้องเจ็บปวดมากแน่ๆ!"หวังเอ้อพยักหน้าตาม แต่เมื่อเขาอ่านเนื้อหาในจดหมาย เขาก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ
ท้ายที่สุดเซียวเหิงก็จากไป เขาเดินโซซัดโซเซจากไปราวกับพ่ายแพ้สงครามส่วนเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ในห้องคนเดียว มองดูแสงเทียนที่ลุกโชติช่วง จนกระทั่งฟ้าสางก็ยังไม่รู้สึกง่วงเดิมทีคิดว่า หลังจากผ่านการทะเลาะกันเมื่อคืนมาแล้ว อย่างน้อยเซียวเหิงก็พอจะเข้าใจได้ว่านางไม่อยากมีอะไรกับเขาอีกจริงๆ แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่เฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์มาปรนนิบัตินาง ก็ยังเรียก ‘ฮูหยิน’ อยู่ดีกระทั่งถึงวันที่ห้า เซียวเหิงก็ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านนี้โดยตรงเมื่อเห็นเหล่าเด็กรับใช้ขนหนังสือกองแล้วกองเล่าเข้าไปในเรือน คิ้วของเฉียวเนี่ยนก็ขมวดแน่นนางเดินตามเด็กรับใช้เข้าไปในห้องหนังสือ ก็เห็นเด็กรับใช้หลายคนกําลังรวบรวมหนังสืออยู่หน้าชั้นวางหนังสือ ส่วนเด็กรับใช้อีกคนหนึ่งกําลังวางหนังสือจํานวนหนึ่งไว้บนโต๊ะเฉียวเนี่ยนมองปราดหนึ่ง คาดไม่ถึงว่าล้วนเป็นกิจการทหารหัวใจของนางจมดิ่งลง แม้แต่ในกองทัพเขาก็ไม่อยากไปแล้วเหรอ?เมื่อเด็กรับใช้เห็นนางก็ทําความเคารพพร้อมกัน "คารวะฮูหยิน"คําเรียกแบบนี้ทําให้เฉียวเนี่ยนฟังแล้วรู้สึกทรมานมาก แต่นางก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะโกรธพวกเขา จึงขมวดคิ้วถามว่า "เซียวเหิงล่ะ?""
"ว่ากันตามจริงแล้ว ข้าควรขอบคุณแม่ทัพเซียวที่ยังจดจําความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับท่านได้ ไม่เช่นนั้นตอนนี้ ข้าคงยังเป็นทาสอยู่ในกรมซักล้าง ข้าขอขอบคุณแม่ทัพเซียวสําหรับความเมตตาของท่าน! แต่ขอเพียงท่านอย่าเลือกตัวเลือกนี้หลังจากชั่งน้ำหนักครั้งแล้วครั้งเล่า บอกว่าเป็นการืำเพื่อข้าอีก"“ข้ารับไม่ไหว”คําสี่คําสุดท้ายนั้น ราวกับค้อนหนักทุบลงบนใจของเซียวเหิงอย่างแรงเซียวเหิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง กลับถูกม้านั่งสะดุดขา โซเซจนเกือบล้มไปข้างหลังอาจเป็นเพราะเสียงนี้ดังไปหน่อย เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์ที่อยู่นอกห้องจึงรีบวิ่งเข้ามาเซียวเหิงตวาดเสียงเข้มทันที "ใครให้พวกเจ้าเข้ามา! ออกไป!"แต่ไม่คิดว่า เฉียวเอ๋อร์และฮุ่ยเอ๋อร์จะคุกเข่าลงพร้อมกัน"ฮูหยิน ท่านให้อภัยท่านแม่ทัพเซียวเถอะ! ท่านแม่ทัพเซียวใส่ใจท่านจริงๆ! เขาได้ยินว่าท่านต้องการพบเขา ก็มาโดยไม่คํานึงถึงอาการบาดเจ็บหนัก!""ใครอนุญาตให้พวกเจ้าพูดมาก? ไสหัวไป!"เซียวเหิงตวาดเสียงเข้มอีกครั้งเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ยังอยากจะเกลี้ยกล่อมอีก พวกนางทนเห็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตัวเองน่าเวทนาเช่นนี้ไม่ได้ แต่เมื่อสบเข้ากับดวงตาคู่นั้นของเซ
แผลเป็นเหล่านั้นราวกับกำลังเป็นพยานให้กับเซียวเหิง ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาใส่ใจนางเพียงใดน้ำตาก็เอ่อล้นขึ้นมาในดวงตาของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัวนางยื่นมือออกไป ลูบเบา ๆ ลงบนแผลเป็นบริเวณอกของเขา ปลายนิ้วของนางเย็นเฉียบราวกับอาวุธอยู่ ๆ นางก็เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา "เจ็บไหม?"คิ้วของเซียวเหิงกระตุกขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัวเจ็บไหม?สองพยางค์นี้ นางเคยถามจิ่งเหยียนมาก่อนเขาเห็นกับตาว่าหลังจากนั้น นางกับจิ่งเหยียนโอบกอดกันแนบแน่นเพียงใด เพราะเหตุนี้ เวลานี้จึงมีอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยออกมาจุกอยู่กลางอก จนไม่อาจเปล่งถ้อยคำใดออกมาได้เลยแม้แต่คำเดียวแต่แล้วก็เห็นนางเงยหน้าขึ้นมามองเขากะทันหัน ท้ายที่สุดน้ำตาในดวงตาก็ไหลรินลงมาเสียงเบา ๆ อ่อนโยนนั้นเอ่ยว่า "จิ่งเหยียน… ต้องเจ็บมากแน่ ๆ เลย"เพราะนางเห็นกับตา ว่าบนร่างของจิ่งเหยียนตรงตำแหน่งนี้ มีรูขนาดใหญ่ทะลุเป็นโพรงเหล่าทหารกล่าวว่า นั่นคือบาดแผลจากดาบที่จิ่งเหยียนรับไว้แทนเซียวเหิง แทงทะลุผ่านร่างกายนางคิดว่า ตอนนั้นจิ่งเหยียนคงเจ็บมาก เจ็บมากจริง ๆเซียวเหิงไม่เคยคาดคิดเลยว่า เวลานี้ เวลาที่นางกำลังมองแผลเป็นทั่วร่างของเขา
"..."เฉียวเนี่ยนไม่รู้ว่าเฉียวเอ๋อร์กับฮุ่ยเอ๋อร์ไปพูดสิ่งใดกับเซียวเหิง แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงกำลังเข้าใจผิดคิ้วเรียวงามของนางขมวดแน่น เฉียวเนี่ยนเอ่ยเสียงขรึม "ท่านต้องการอะไรกันแน่? เหตุใดต้องกักข้าทิ้งไว้ที่นี่?"รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเหิงชะงักไปชั่วขณะ แต่ยังคงฝืนรักษารอยยิ้มอ่อนโยนไว้ ดวงตาสีเข้มลึกฉายแสงจากเปลวเทียน แวววาวนัก"นี่มิใช่การกักขัง ข้าเพียงแค่… อยากให้เราสองคน… มีโอกาสอีกครั้ง"โอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งแต่ว่าดวงตาของเฉียวเนี่ยนกลับยิ่งหม่นมัว นางมองเซียวเหิง ปากยกยิ้มเย้ยหยัน "โอกาสหรือ? เมื่อสามปีก่อน แม่ทัพเซียวก็หาได้เคยให้โอกาสข้าไม่"เมื่อสามปีก่อน พวกเขาทั้งหมดต่างยืนอยู่ข้างหลินยวน กระทั่งคำแก้ตัวของนาง ก็ยังถูกสายตาอันดุดันของเขาบีบให้กลืนกลับลงไปหากสามปีก่อนเขาไม่ต้องการนางแล้ว เช่นนั้นเหตุใดสามปีให้หลังยังจะมากักนางไว้อีก!เมื่อได้ยินนางพูดถึงเรื่องในอดีตเมื่อสามปีก่อน หัวใจของเซียวเหิงก็เจ็บปวดราวกับถูกกรีดด้วยมีดเขาก้าวเข้าไปใกล้นาง แต่ก็เห็นนางถอยกรูดไปสามก้าวทันที มือที่กำปิ่นปักผมไว้แน่นก็ยกขึ้นเตรียมป้องกันตัวเขาจึงหยุด
สามวันต่อมาเฉียวเนี่ยนนั่งอยู่ใต้ชายคา ข้างซ้ายมีสาวใช้กำลังแกะเมล็ดแตงให้กับนาง ข้างขวามีสาวใช้อีกคนกำลังหั่นแตงโมให้นางสามวันแล้ว แต่นางกลับยังไม่ได้พบกับเซียวเหิงเลยกลับกัน ตอนนี้นางกลับคุ้นเคยกับสองสาวพี่น้องคู่นี้เป็นอย่างดีทั้งสองเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ฝั่งซ้ายชื่อเฉียวเอ๋อร์ ฝั่งขวาชื่อฮุ่ยเอ๋อร์สองนางมิใช่คนเมืองหลวง บ้านเกิดอยู่ไกลถึงชายแดนเมื่อครั้งอดีต เซียวเหิงช่วยชีวิตสองนางจากสนามรบ ญาติพี่น้องทั้งหมดล้วนเสียชีวิตเพราะสงคราม สองนางจึงติดตามเซียวเหิงกลับเมืองหลวงสำหรับสองนาง เซียวเหิงคือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต จึงเชื่อฟังเซียวเหิงทุกถ้อยคำแน่นอนว่าย่อมเคารพนบนอบต่อเฉียวเนี่ยนด้วยตลอดสามวันที่ผ่านมา ทั้งสองดูแลนางอย่างสุดความสามารถ ว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ เพียงแต่ไม่ยอมบอกนางว่าที่นี่คือที่ใดหากเซียวเหิงไม่อนุญาต พวกนางจะไม่เปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่แห่งนี้แม้แต่น้อยไม่ใช่เฉียวเนี่ยนไม่เคยลองใช้วิธีอื่น สามวันมานี้นางเดินสำรวจทั่วทั้งจวน ทว่ากลับไม่พบเบาะแสที่เป็นประโยชน์เลยแม้แต่น้อยไม่ว่าจะเป็นประตูหน้าหรือประตูหลัง ล้วนถูกผนึกไว้อย่างแน่นหนา
แต่แล้วก็เห็นว่า ร่างของเซียวเหิงเอียงวูบไปด้านข้าง นอนแน่นิ่งไป เขาหมดสติไปแล้วแม่เซียวตกใจสุดขีด รีบร้องลั่น "เร็วเข้า! รีบไปตามหมอมา! เหิงเอ๋อร์ เหิงเอ๋อร์! อย่าทำให้แม่ตกใจแบบนี้นะ เหิงเอ๋อร์!"เด็กรับใช้ข้างนอกรีบเข้ามา แล้วช่วยกันหามร่างของเซียวเหิงออกไปทันทีแม่เซียวก็ร้องไห้ตามออกไปทั้งน้ำตาพ่อเซียวมองดูรอยเลือดที่ยังติดอยู่บนแส้ ในใจพลันปวดร้าว สายตาหันไปมองหนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แล้วก็ทำได้แค่ถอนหายใจ "ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเรื่องนี้ เพียงแต่เมื่อครู่ เจ้าก็เห็นกับตาแล้ว... เจ้ากลับไปก่อนเถอะ!"พูดจบ พ่อเซียวก็เดินจากไปทิ้งไว้เพียงหนิงซวงที่ยังยืนร้องไห้อยู่กับที่อย่างไร้ที่พึ่งนางไม่คิดเลยว่าแม่ทัพเซียวจะปากแข็งถึงเพียงนี้ ถึงขนาดยอมถูกตีจวนตายก็ไม่ยอมเอ่ยถึงเบาะแสของคุณหนูเลยสักคำแต่ถ้าคนที่พาตัวคุณหนูไปคือแม่ทัพเซียว เช่นนั้นคุณหนูของนางก็คงยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตใช่ไหม?หากนายท่านเองยังไม่มีวิธีจัดการแม่ทัพเซียว เช่นนั้น บางทีคุณชายใหญ่อาจจะทำอะไรได้บ้างก็เป็นได้?หนิงซวงตัดสินใจว่าจะรอให้คุณชายใหญ่ฟื้นก่อนค่อยมาถาม……เฉียวเนี่ยนลืมตาขึ้นช้า ๆ สิ่งแรก