ก็เพราะไม่สามารถเอาชีวิตของนางได้ เขาถึงได้ใช้ท่านย่าของนางมาข่มขู่ให้นางไม่แพร่งพรายอะไรออกไป!เฉียวเนี่ยนสูดหายใจลึกๆ ก่อนจะพูดออกไปว่า "หากท่านอ๋องไม่ต้องการชีวิตของข้า เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้ว"นางไม่ได้เห็นเครื่องมือทรมานใดๆ ในห้องนี้ สิ่งเดียวที่เหมือนเครื่องมือทรมานก็คือแส้ในมือหมิงอ๋องช่วงสามปีที่อยู่ในกรมซักล้าง นางถูกตีไม่รู้ตั้งกี่ครั้งสามปีที่ผ่านมานั้นนางรอดมาได้ วันนี้ นางก็เชื่อว่านางจะต้องทนผ่านมันไปได้เมื่อเห็นท่าทางที่ไม่กลัวตายของนางเช่นนี้ ความตื่นเต้นในใจหมิงอ๋องแทบจะระเบิดออกจากดวงตาของเขาเขาค่อยๆ ลุกขึ้นเดินไปทางเฉียวเนี่ยน "ข้าเคยบอกแล้วว่าชอบท่าทางแบบนี้ของเจ้าที่สุด"เขาพูดพลางยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเฉียวเนี่ยนที่ตกลงมาใกล้หู แล้วเกี่ยวมันไปข้างหลังเหมือนที่เคยทำในวังเพียงแต่ว่าครั้งนี้ เขากระชากต่างหูจากหูเฉียวเนี่ยนอย่างแรง และดึงมันออกมา“อ้าก!”เฉียวเนี่ยนร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บปวดทันที แล้วยกมือขึ้นกุมหูของตัวเอง มือของนางชุ่มไปด้วยความร้อนจากเลือดที่ไหลออกมาขณะที่หมิงอ๋องมองต่างหูในมือของเขา ซึ่งมีเลือดหยดออกมาในอกเขาก็เริ่มเต้น
ฟ้าเริ่มมืดแล้วเฉียวเนี่ยนที่ฟุบอยู่บนพื้นแล้วค่อยๆ ฟื้นคืนสติ พลางมองไปยังเทียนที่ใกล้จะดับบนผนังโดยรอบ คิดว่าเวลาคงผ่านไปนานแล้วแต่ผ่านไปนานเท่าไหร่นางก็ไม่รู้รู้เพียงว่า แส้ของหมิงอ๋องฟาดลงบนหลังของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งหมิงอ๋องหมดเรี่ยวแรงไปเอง ถึงได้หยุดมือในที่สุดนางยังคงจำเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจของหมิงอ๋องในตอนที่จากไปได้อย่างชัดเจน...มันช่างเหมือนกับปีศาจร้ายแห่งนรก ที่หลังจากกระทำความโหดเหี้ยมอย่างถึงที่สุดแล้วมักหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแผ่นหลังของนางปวดแสบปวดร้อนนางไม่กล้าขยับตัวเลือดสดที่ซึมออกมาผสมกับเสื้อผ้าจนติดกันแน่น เพียงแค่ขยับเล็กน้อย ความเจ็บปวดจากการดึงรั้งและเสียดสีก็ทำให้นางรู้สึกเหมือนหัวใจถูกฉีกกระชากเจ็บเหลือเกิน...เจ็บจริงๆ!เจ็บยิ่งกว่าตอนที่ถูกมามาจากกรมซักล้างเฆี่ยนตีเสียอีก!แต่ฝีมือของเขากลับแม่นยำอย่างน่าประหลาด ทั้งมือและใบหน้าของนางไม่มีรอยแผลเลยแม้แต่น้อยยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่เขาจะลงแส้ เขายังสั่งให้นางถอดเสื้อคลุมออกด้วยโชคดีที่ถอดออกไปไม่อย่างนั้น หากนางกลับจวนพร้อมร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลเช่นนี้ ย่อมต้องถูก
กลิ่นสุราฉุนๆ ทำให้เฉียวเนี่ยนเกือบจะหมดสติ แต่โชคดีที่ความเจ็บปวดแสบๆ ร้าวๆ ที่หลังทำให้นางยังคงตั้งสติได้หลินยวนวิ่งตามมาจากด้านหลังของหลินเย่ว์ พูดเสียงนุ่มนวลเพื่อปลอบโยน "ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย พี่สาวกลับมาช้าเพราะไปเที่ยวกับหมิงอ๋อง หากจะไว้หน้าหมิงอ๋อง ก็ไม่ควรทำให้พี่สาวลำบากใจ""ไว้หน้าหมิงอ๋องงั้นหรือ?" หลินเย่ว์หัวเราะเยาะ "นั่นสิ ข้าควรให้เกียรติหมิงอ๋องหน่อย ดูสิ เขาทำดีกับเจ้าแค่ไหน พาเจ้าไปเที่ยวทะเลสาบ! ข้าคิดว่า คนอย่างเจ้าควรจะถูกพาไปที่เฉิงซีเลยดีกว่า!"ใบหน้าของเฉียวเนี่ยนที่เดิมทีไร้ความรู้สึกกลับเต็มไปด้วยความตกใจทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของหลินเย่ว์"ท่าน...รู้จักเฉิงซีงั้นหรือ?" นางเปิดปากถามในที่สุด แต่เสียงแหบแห้งของนางทำให้หลินเย่ว์ชะงักไปเล็กน้อย แม้แต่ฤทธิ์ของสุราก็ยังค่อยๆ หายไปบ้างเขาจ้องมองเฉียวเนี่ยน สายตาของเขาฉายความสงสัย ก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปที่ติ่งหูของเฉียวเนี่ยนรอยเลือดแห้งไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าติ่งหูของนางได้รับบาดเจ็บมิน่า เขาถึงได้กลิ่นคาวเลือดโชยมาในตอนแรกแต่ว่าแค่บาดแผลเล็กน้อยขนาดนี้ ทำไมถึงมีกลิ่นเลือดรุนแรงนัก?หลินเย่ว์ตก
ท่านโหวหลินถูกถามจนพูดไม่ออก คำตอบติดค้างอยู่ที่ลำคอ รู้สึกเหมือนพูดไม่ออกในทันทีทว่าฮูหยินหลินที่ได้ยินเข้าก็รีบเดินเข้ามา และช่วยประคองเฉียวเนี่ยนลุกขึ้นพร้อมทั้งกระซิบปลอบโยน "เนี่ยนเนี่ยน อย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้าก็เป็นถึงท่านโหว อีกทั้งเต๋อกุ้ยเฟยกับแม่ก็เป็นเพื่อนสนิทกัน เราต้องให้เกียรติกันอยู่แล้ว หมิงอ๋องไม่กล้าทำอะไรเจ้าแน่..."ยังพูดไม่ทันจบ ฮูหยินหลินก็รู้สึกร้อนๆ ที่ฝ่ามือเมื่อก้มดูก็เห็นว่ามือเต็มไปด้วยเลือดตาของนางก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ มองมือของตัวเองด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวขณะที่ทุกคนรอบข้างก็อึ้งจนพูดไม่ออกมีเพียงเฉียวเนี่ยนที่จ้องมองพวกเขาทีละคน แล้วจดจำใบหน้าของทุกคนไว้ในใจ พร้อมกับยิ้มเย็นชาอย่างเหยียดหยาม "ที่แท้ ฮูหยินหลินก็รู้เหมือนกันสินะ...""ที่แท้ พวกท่านทั้งครอบครัวก็รู้กันอยู่แล้ว แต่กลับปิดบังข้า..."ที่แท้พวกเขาทั้งหมดรู้อยู่แล้วว่า หมิงอ๋องเป็นคนที่ชอบทรมานผู้หญิงอย่างวิปริต แต่พวกเขาทุกคนกลับปิดบังนางเอาไว้ ถึงขั้นไม่รอช้าที่จะผลักนางไปให้หมิงอ๋องเอง!เมื่อพูดจบ หยดน้ำตาก็ไหลลงมาจากตาของเฉียวเนี่ยนเดิมทีนางก็อยากจะกลั้นเ
"หุบปาก!" จู่ๆ ท่านโหวหลินก็แผดเสียงขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว อกของเขากระเพื่อมอย่างรุนแรงด้วยโทสะ แต่ดวงตาทั้งคู่กลับจ้องมองเพียงพื้นดิน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเฉียวเนี่ยนสักนิดเดียวถึงแม้หลินเย่ว์จะเมามากเพียงใด แต่เขาก็ยังดูออกว่าท่านโหวหลินโกรธจริงๆ จึงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีกเพียงแต่ดวงตาคู่นั้นยังคงจับจ้องเฉียวเนี่ยนด้วยความระแวดระวัง ราวกับว่าหากเฉียวเนี่ยนกล้าพูดจาไม่ดีกับหลินยวนเพียงคำเดียว เขาก็พร้อมจะพุ่งเข้าไปฉีกปากของเฉียวเนี่ยนทันที!เฉียวเนี่ยนในตอนนี้ แม้แต่จะยืนยังทรงตัวก็ยังยากลำบาก ร่างกายเองเริ่มสั่นไหวจู่ๆ นางก็รู้สึกคิดถึงหนิงซวงเหลือเกิน!อย่างน้อย หากตอนนี้หนิงซวงอยู่ที่นี่ คงจะสามารถพุ่งไปปกป้องนางได้ใช่ไหม?อาการเวียนศีรษะจู่โจมเข้ามาเฉียบพลัน เฉียวเนี่ยนรู้สึกแข้งขาอ่อนแรงและกำลังจะล้มลงไปบนพื้นอีกครั้ง!โชคดีที่มามาประจำตัวฮูหยินหลินมือไวปานสายฟ้า รีบพุ่งเข้ามาประคองนางเอาไว้ได้ทัน!แต่เมื่อมามาสัมผัสถึงความเปียกร้อนที่ส่งมาจากมือและแขนของนาง ดวงตาของมามาก็พลันแดงก่ำ เสียงสั่นเครือปนสะอื้น "นายท่าน ฮูหยิน คุณหนู…คุณหนูเต็มไปด้วยบาดแผลทั้งตัวเลยเจ้าค่ะ!"
หลินเย่ว์ตรงเข้าพร้อมกับดาบในมือ พุ่งไปที่จวนหมิงอ๋องเมื่อเห็นเขามาอย่างดุดัน ทหารองครักษ์ของจวนหมิงอ๋องรีบล้อมเขาเอาไว้ทันที แต่ก็เพราะสถานะของเขาทำให้พวกเขาไม่กล้าทำอะไร จึงรีบพูดเสียงเบาว่า "ท่านโหวน้อย ทำไมถึงต้องรุนแรงเช่นนี้ หากมีเรื่องอันใด ก็พูดกันดีๆ ก่อนเถิด""อย่ามาพูดพร่ำเพรื่อ!" หลินเย่ว์ตวาดเสียงดัง มือควงดาบไปอย่างรวดเร็ว กลางความดุดันทำให้ทหารองครักษ์ต้องถอยไปสองก้าว"เรียกตัวฉู่ฉีออกมา!"ฉู่ฉีคือพระนามของหมิงอ๋อง!ทหารองครักษ์ต่างตกใจไปตามๆ กัน คิดในใจว่าท่านโหวน้อยคงไม่กลัวตายแล้วจริงๆ ถึงกล้าทำตัวหมิ่นเบื้องสูงเช่นนี้แต่แล้วจู่ ๆ หัวหน้าคนรับใช้ประจำจวนหมิงอ๋องก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังทหารองครักษ์ด้วยท่าทางสุภาพ เขาก้มศีรษะให้หลินเย่ว์แล้วพูดว่า"ท่านโหวน้อย ท่านอ๋องเชิญท่านเข้าพบขอรับ"เมื่อได้ยินดังนั้น ทหารองครักษ์ต่างมองหน้ากัน แต่พวกเขาก็ขยับหลีกทางให้หลินเย่ว์ที่ดวงตาแดงก่ำจ้องมองไปที่หัวหน้าพ่อบ้านประจำจวนหมิงอ๋องด้วยสายตาเย็นชา ก่อนที่จะเดินตรงไปยังที่พักของหมิงอ๋องหมิงอ๋องกำลังนั่งดื่มสุราอยู่ในขณะนั้นเมื่อหมิงอ๋องเห็นหลินเย่ว์ ดวงตาที่เต็มไปด้วยฤ
ทหารองครักษ์จึงยอมถอยออกไป และดาบในมือของหลินเย่ว์ก็ถูกเซียวเหิงแย่งไปแล้วหลินเย่ว์ตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว "เจ้าหยุดข้าทำไม! เจ้ารู้ไหมว่าสัตว์นรกนี่ทำร้ายเนี่ยนเนี่ยนจนเป็นแบบไหน?!"เซียวเหิงไม่ได้ตอบอะไรเขายังไม่ได้เห็นบาดแผลของเฉียวเนี่ยน แต่เขาได้ยินจากหลินยวนว่าเฉียวเนี่ยนเพิ่งกลับมาจากเฉิงซีทันทีที่ได้ยินคำพูดนั้น ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นและจิตสังหาร เขามองตรงไปยังหมิงอ๋อง ความโกรธในตัวเขาแทบระเบิดออกมาหมิงอ๋องคิดในใจว่า ตอนนี้เซียวเหิงคงอยากจะเชือดเฉือนร่างเขาเป็นพันๆ ชิ้นแต่เซียวเหิงคงไม่ทำเช่นนั้น เพราะเขาควบคุมตัวเองได้ดีกว่าหลินเย่ว์มาก เขารู้ดีว่าแม้ตอนนี้เขาจะได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ แต่ถ้าเขาฆ่าท่านอ๋องเข้าในตอนนี้ ผลลัพธ์ที่จะตามมาก็คือการลงเอยที่หายนะโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ดังนั้นหมิงอ๋องจึงยิ้มออกมาหมิงอ๋องยิ้มอย่างพอใจแล้วเหลือบตามองเซียวเหิง เขาหมุนตัวกลับไปนั่งที่เก้าอี้อย่างผ่อนคลาย แล้วรินเหล้าลงในจอกของตัวเอง "แม่ทัพเซียวคงยังไม่รู้หรอกนะ?"พูดจบ เขาก็ดื่มเหล้าจนหมดจอกหลังจากนั้นหมิงอ๋องก็ทำท
ท่าทางและคำพูดของหมิงอ๋องทำให้หลินเย่ว์สะดุ้งตกใจคนประเภทเดียวกันหรือ?เขา กับหมิงอ๋องน่ะหรือ?เป็นไปไม่ได้!เขาเหวี่ยงหมัดไปอีกครั้ง "พูดบ้าอะไร! ข้าจะไปเป็นพวกเดียวกันกับหมาบ้าอย่างเจ้าได้ยังไง! มือของเจ้าเปื้อนเลือดของหญิงสาวบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ เจ้าเองก็รู้ไม่ใช่หรือ!? ขอบอกเลยว่า วันนี้เจ้าต้องภาวนาให้เนี่ยนเนี่ยนไม่เป็นไร มิฉะนั้นข้าจะยอมเดิมพันทั้งชีวิตเพื่อฆ่าเจ้าให้ได้!"หมิงอ๋องหันหน้าไปอีกทาง แล้วเช็ดเลือดที่มุมปากออกในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็เลือนหายไปสีหน้าของเขามืดมน เขาจ้องไปที่หลินเย่ว์ แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "ท่านโหวน้อยนี่จริงๆ ก็เป็นคนตรงไปตรงมา นี่แหละพี่ชายที่ดีที่สุดในโลก! งั้นท่านไม่ลองเล่าให้ข้าฟังหน่อยหรือ? พี่ชายที่ดีที่สุดในโลกอย่างท่านทำไมถึงส่งเฉียวเนี่ยนไปที่กรมซักล้างด้วยตัวเองเมื่อสามปีก่อน?"ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์เหมือนถูกสะกดจิตไม่ให้ขยับตัว เขายืนนิ่งอยู่ที่เดิมหมิงอ๋องพูดต่อไป "ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่ท่านโหวน้อยทำไปเมื่อสามปีก่อน เฉียวเนี่ยนก็คงจะไม่ได้กลายเป็นผู้หญิงที่อดทนแบบนี้ และก็คงไม่ได้ดึงดูดใจข้า... "พูดจบ เขาหัวเราะเยาะออกม
คำพูดของจิ่งเหยียนทำเอาหลินเย่ว์ชะงักไป ก่อนจะเดือดดาลในทันใด"น้ำหน้าอย่างเจ้า ยังกล้าดีปฎิเสธเนี่ยนเนี่ยนอีกหรือ? คิดว่าเป็นรองแม่ทัพหนุ่มแล้วเก่งนักรึ? ข้าจะบอกอะไรให้นะ อย่างเจ้าไม่คู่ควรแม้แต่จะหิ้วรองเท้าให้เนี่ยนเนี่ยนด้วยซ้ำ!"เดิมคิดว่าหลินเย่ว์ถ้อยคำดูถูกดูแคลนเช่นนี้ต้องทำให้จิ่งเหยียนทั้งแค้นเคืองทั้งอับอายเป็นแน่แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น จิ่งเหยียนกลับตอบเสียงแผ่วเบา "ข้ารู้"ดูแววตาเลื่อนลอย น้ำเสียงนิ่งเรียบของเขาสิ แค้นเคืองหรืออับอายเสียที่ไหน?หลินเย่ว์และเซียวเหิงต่างตกตะลึงกลับกันจิ่งเหยียนเริ่มพร่ำพรรณนา สายตาหยุดอยู่ที่พื้น ราวกลับกำลังนึกย้อนอดีตกาล"แต่ก่อน แม่นางเฉียวคือจันทร์แจ่มบนฟากฟ้า พวกเจ้าทนุถนอมนาง ป้องกันนาง ข้ารู้ว่าฐานะของตัวเองแตกต่างจากนางเพียงใด ได้แต่เฝ้าชะเง้อมองนางจากไกลๆ ไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกินเลย แต่หลังจากนั้น โชคชะตาพลิกผัน นางตกจากสวรรค์สู่โคลนดิน พวกเจ้าทุกคนทอดทิ้งนาง!"หลินเย่ว์ขมวดคิ้ว ส่งเสียงฮึดฮัด เอ่ยเย้ยหยัน "เช่นนั้นตอนนี้เจ้าจึงกล้าคิดเกินเลยกับนางอย่างนั้นรึ?"คิดไม่ถึงเลยว่าจิ่งเหยียนจะส่ายหน้า "เขาแค่เห็นใจแม่นางเฉียว"
จิ่งเหยียนหลุบตาลง ลูบมือขวาที่ปล่อยหมัดเมื่อครู่ของตน เอ่ยเสียงเรียบว่า "เช่นนั้นแม่นางเฉียวอาจแค่ชอบท่านแม่ทัพป้อนอาหารนางเท่านั้น ถ้าชอบขนมอบนั่นจริงๆ จะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?"ตอนนั้น เขาก็เคยกินขนมที่เฉียวเนี่ยนแบ่งให้ได้ยินดังนั้น หลินเย่ว์ก็พูดอะไรไม่ออกอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเฉียวเนี่ยนชอบแบ่งขนมให้คนอื่นกินจริงๆเขาคิดว่านางแค่ชอบแบ่งปันแต่อย่างที่จิ่งเหยียนกล่าวไว้ ถ้าชอบกินจริงๆ แล้วจะแบ่งให้คนอื่นได้อย่างไร?ชั่วขณะหนึ่ง เซียวเหิงรู้สึกไม่รู้จะทําอย่างไรดี แม้แต่แรงที่กดจิ่งเหยียนไว้ก็ผ่อนคลายลงเขาคิดเสมอว่านางชอบกินขนมอบของหลี่จี้เมื่อก่อน ตอนที่เขาส่งขนมหวานให้นาง นางมักจะทําท่าทางประหลาดใจมาก สีหน้าดีใจเล็กๆ นั้น ราวกับว่าได้ของล้ําค่าที่สุดในโลกนี้แล้วแต่ต่อมา ขนมที่เขาตั้งใจวางไว้ในรถม้านางก็ไม่ได้แตะต้อง เป็นขนมที่มอบให้นางเองกับมือ นางก็หันมามอบให้หลินยวนเขาแค่คิดว่านางยังคงเกลียดเขา ดังนั้นแม้แต่ของที่เขาให้มาก็ไม่กินแต่ไม่เคยคิดว่านางไม่ชอบกินเลยเขากับนางเป็นเพื่อนเล่นกันมาแต่เด็ก เพราะแก่กว่านางสองปี เขาจึงปกป้องนางทุกหนทุกแห่ง อดทนกับนางเ
ตอนที่หลินเย่ว์มาถึงกองทัพ จิ่งเหยียนกําลังรายงานกิจการทหารกับเซียวเหิงอยู่ในห้องหนังสือประตูห้องถูกคนถีบเปิดออก จากนั้นหลินเย่ว์ก็พุ่งเข้ามา ไม่พูดพร่ำทําเพลง ชกหมัดใส่หน้าจิ่งเหยียนอย่างแรงโชคดีที่ปฏิกิริยาของจิ่งเหยียนไม่ช้า เขาเอนตัวไปข้างหลังและหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่หลินเย่ว์ไม่ยอมแพ้และเตะออกไทันทีจิ่งเหยียนยังคงหลบอยู่ แต่ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะโจมตีต่อเมื่อเห็นดังนั้น เซียวเหิงก็ขมวดคิ้ว พลิกตัวจากหลังโต๊ะมาบังกําปั้นของหลินเย่ว์ที่กําลังจะฟาดลงบนใบหน้าของจิ่งเหยียนน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไปด้วยความโกรธที่สังเกตได้ยาก "บ้าไปแล้วหรือ?"หลินเย่ว์สะบัดมือของเซียวเหิงออก ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความโกรธ จ้องจิ่งเหยียนเขม็ง "เจ้าถามเขาสิ ว่าทําเรื่องอะไรมา!"เซียวเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วหันไปมองจิ่งเหยียนกลับเห็นจิ่งเหยียนทําท่าทางสง่าผ่าเผย "ข้าน้อยฟังความหมายของท่านโหวน้อยไม่ออก"ก็แค่ส่งอาหารจานหนึ่งให้เฉียวเนี่ยน ทําไมต้องโมโหขนาดนี้ด้วย?เมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ของจิ่งเหยียน หลินเย่ว์ก็แทบอยากจะต่อยเขาอีกครั้ง "เช้านี้เจ้าปีนกําแพงออกมาจากเรือนเนี่ยนเนี่ยน องครักษ์ของจวนข้
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความโกรธในใจของหลินเย่ว์ก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้น "ไม่ว่ายังไง เจ้าเป็นผู้หญิง ก็ควรให้ความสําคัญกับชื่อเสียงของตัวเอง เจ้าและยวนเอ๋อร์ต่างก็รอที่จะแต่งงานอยู่ หากมีข่าวซุบซิบใดๆ ออกมา มันจะไม่ดีต่อเจ้าและยวนเอ๋อร์เลย"ถ้ามีคนรู้ว่าเฉียวเนี่ยนพบผู้ชายตอนกลางคืนในห้องนอนของตัวเอง คนนอกจะคิดอย่างไรกับนาง จะคิดอย่างไรกับหญิงสาวของจวนโหว?เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่ชื่อเสียงของยวนเอ๋อร์ก็ต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย!และฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็เข้าใจนางอดยิ้มเย็นไม่ได้ "ข้าก็ว่าแล้ว ท่านโหวน้อยก็จ้างคนมามัดข้า แถมยังวางยาข้าอีก ทําไมจู่ๆ ถึงสนใจชื่อเสียงของข้าขึ้นมา ที่แท้ ก็เพื่อหลินยวนนี่เอง"หลินเย่ว์นิ่งไป ในที่สุดก็จําเรื่องไร้สาระที่เขาเคยทํามาก่อนได้จึงพูดว่า "วันนี้ข้าไม่ได้มาทะเลาะกับเจ้า สรุปแล้ว ท่านย่าลงโทษเจ้าให้ทบทวนความผิดตัวเอง ไม่ใช่เพื่อให้เจ้าแอบนัดพบชายอื่นในจวน เจ้าจงดูแลตัวเองให้ดี"คําพูดนี้เท่ากับตัดสินโทษของเฉียวเนี่ยนหลินเย่ว์พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกแต่ไม่คิดเลยว่า จานใบหนึ่งจะโจมตีจากด้านหลัง กระแทกใส่ไหล่ซ้ายของเขาอย่างแม่นยําเกิดอาการ
เฉียวเนี่ยนตกใจจิ่งเหยียนถูกพบแล้ว!หนิงซวงรีบยัดกล่องอาหารที่ยังวางไม่ทันใส่มือของเฉียวเนี่ยน "คุณหนูอย่าใจร้อน บ่าวจะออกไปดูสักหน่อยเจ้าค่ะ"พูดจบก็เดินออกไปอย่างรวดเร็วผ่านไปครู่ใหญ่ หนิงซวงจึงกลับมา "คุณหนู คนที่องค์รักษ์ค้นพบก็คือรองแม่ทัพจิ่ง! แต่ท่านไม่ต้องกังวล รองแม่ทัพจิ่งวิ่งเร็ว ไม่ได้ถูกจับเจ้าค่ะ"เมื่อได้ยินคําพูดนี้ เฉียวเนี่ยนถึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกถ้าจิ่งเหยียนเสียชื่อเสียงเพราะนาง แบบนี้นางมิต้องมีบาปติดตัวอย่างหนักเหรอแต่คิดไม่ถึงเลยว่าไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ประตูใหญ่ของเรือนฟางเหอก็ถูกคนเคาะเปิดแล้วเป็นหลินเย่ว์นั่นเองตอนที่เขามา เฉียวเนี่ยนเพิ่งกินอาหารเช้าเสร็จเมื่อเห็นเขา สีหน้าของเฉียวเนี่ยนย่อมไม่ค่อยดีนัก จึงพูดทันทีว่า "ในเมื่อท่านย่าลงโทษให้ข้าอยู่ในเรือนฟางเหอเพื่อคิดทบทวนตนเอง ก็ย่อมไม่อยากให้ผู้อื่นมารบกวน และไม่รู้ว่าท่านโหวน้อยมาหาข้าแต่เช้าตรู่เช่นนี้ มีธุระสําคัญอะไรหรือเจ้าคะ?"คําพูดนางเต็มไปด้วยความไม่ต้อนรับหลินเย่ว์จะฟังไม่ออกได้อย่างไร กลับมองไปที่หนิงซวงที่อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า "องครักษ์บอกว่า เช้านี้พบชายคนหนึ่งปีนกําแพงออกมา
ทําสองครั้งแรก มันก็กินยากจริงๆ นั่นแหละดังนั้นเขาจึงจ่ายเงินเรียนซะเลย แต่ไม่คิดว่าไส้ใหญ่หมูแบบนี้นี้ดูเหมือนง่าย แต่การทํามให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อคืนหลังจากเรียนเสร็จ เขาก็รีบไปซื้อไส้ใหญ่หมูกลับไปอย่างอดใจรอไม่ไหว ไม่ง่ายเลยที่จะทําชามนี้ออกมาได้เขาคิดว่าของแบบนี้เย็นแล้วไม่อร่อย จึงถือโอกาสเอาไปให้เฉียวเนี่ยนตอนร้อนแต่จนกระทั่งเขาเคาะหน้าต่างของเฉียวเนี่ยน เขาถึงได้สติขึ้นมาอย่างกระทันหันฟ้าเพิ่งสว่าง เขาก็มาอย่างอดใจรอไม่ไหวแล้วซ้ำยังปีนกําแพงเข้ามาเพื่อเอาไส้ใหญ่หมูไปให้เฉียวเนี่ยนแค่ไส้ใหญ่หมูจานเดียวเอง!คิดแบบนี้แล้ว ใบหน้าของจิ่งเหยียนก็แดงก่ำจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้วเขารู้สึกว่าตัวเองบุ่มบ่ามเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ เขาจากไปก็ไม่ใช่ อยู่ก็ไม่เชิงใบหน้าที่แข็งกระด้างในตอนแรก ตอนนี้เต็มไปด้วยความลําบากใจเฉียวเนี่ยนย่อมคิดไม่ถึงว่าจิ่งเหยียนจะมาส่งไส้ใหญ่หมูเห็นได้ชัดว่าครั้งที่แล้วนางแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็ลืมไปแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะส่งมาแล้วเมื่อเห็นใบหน้าดําคล้ําของจิ่งเหยียนเกือบจะแดงจนยืนไม่อยู่ เฉียวเนี่ยนก็อดยิ้มไม่
คืนนั้น เฉียวเนี่ยนได้ฝันในความฝัน นางย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ตอนที่หลินยวนทําถ้วยแก้วแตกเมื่อเผชิญหน้ากับการตําหนิขององค์หญิง เซียวเหิงและหลินเย่ว์ในความฝันก็เข้าไปขวางหน้าองค์หญิงพร้อมกันในขณะที่เฉียวเนี่ยนรู้สึกซาบซึ้งใจกับเรื่องนี้ กลับพบว่าคนที่ถูกพวกเขาปกป้องอยู่ข้างหลังคือหลินยวน ไม่ใช่นางสุดท้าย นางที่อยู่ในความฝันก็ถูกพาไปที่กรมซักล้าง ถูกพวกนางบ่าวร่วมมือกันรังแก ถูกมามาเฆี่ยนตี...ในที่สุดเฉียวเนี่ยนก็ตื่นจากภวังค์ หอบหายใจอย่างหนักหน่วง บนหน้าผากมีเหงื่อเย็นบางๆ ปกคลุมอยู่ หัวใจเต้นรัวเร็วแน่นอนว่าสําหรับนาง กรมซักล้างนั้นเปรียบได้ดั่งนรกคงเพราะได้ยินเสียงเคลื่อนไหว หนิงซวงจึงเดินเข้ามาจากข้างนอก เห็นเฉียวเนี่ยนกําลังนั่งหอบหายใจอยู่บนเตียง จึงอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้ "คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ?"เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึกๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "เป็นแค่ฝันร้ายเล็กๆ เท่านั้น ไม่เป็นไรหรอก"นางคิดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในกลางวันทําให้นางรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย ดังนั้นนางจึงฝันแบบนั้นแต่ว่า แม้แต่ในความฝัน เซียวเหิงและหลินเย่ว์ก็ไม่ได้ปกป้องนางนางยิ้มอย่างขมขื่นและส
ขณะที่พูด สายตาของฮูหยินเฒ่าก็กวาดผ่านใบหน้าของทุกคนไปทีละคนๆ สุดท้ายจึงไปหยุดอยู่ที่ใบหน้าของท่านโหวหลิน "เจ้าบอกว่าเพราะแม่ลําเอียง แต่พวกเจ้าล่ะ? หัวใจของพวกเจ้าเอนเอียงตั้งนานแล้ว! หากข้าไม่ปกป้องนางสักหน่อย นางจะยังมีชีวิตอยู่ในจวนโหวแห่งนี้ได้หรือ?"เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฮูหยินเฒ่าก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก และค่อยๆ เดินออกไปข้างนอก"หัวใจคนนั้นทำมาจากเลือดเนื้อ! ต่อให้ไม่ใช่ลูกแท้ๆ แต่ก็เลี้ยงมาตั้งหลายปี ยังไงก็ต้องมีความรู้สึกบ้างแหละ"ในห้องโถงใหญ่ คนทั้งหลายยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังหลังค่อมของฮูหยินเฒ่าที่ยิ่งเดินยิ่งไกลจนกระทั่งหลังจากหายลับไปจากสายตาของทุกคนแล้ว ท่านโหวหลินจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยเสียงเบาว่า "เรื่องในวันนี้ ใครเป็นคนเล่าให้ฮูหยินเฒ่าฟัง?"หลินเย่ว์ทําหน้าบึ้งตึงไม่พูดไม่จา ในสมองยังคงมีแต่ตอนที่เฉียวเนี่ยนเรียกพี่ใหญ่อยู่แน่นอนว่าฮูหยินหลินเองก็ไม่รู้เช่นกันมีเพียงหลินยวนที่มองดูคนอื่นแล้วถึงเอ่ยปาก "บางที อาจเป็นเพราะตอนที่สาวใช้ในเรือนข้าไปเอายามาจากหมอประจําทําให้หลุดปากออกมา"ถึงอย่างไรสาวใช้ในเรือนของฮูหยินเฒ่า ทุกวันต้องไปหาหมอถึงสามครั้ง มีความเป
สิ้นเสียงของเฉียวเนี่ยน ทั้งห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบนอกจากเสียงสะอึกสะอื้นของหลินยวนที่ดังมาเป็นระยะแล้ว คนอื่นๆ ก็ดูเหมือนจะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีฮูหยินเฒ่าจ้องมองศีรษะของเฉียวเนี่ยนอยู่นาน ในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ “หลานที่น่าสงสารของข้า... แต่เนี่ยนเนี่ยน เจ้ารู้ว่าองค์หญิงต้องการทําร้ายยวนเอ๋อร์และยังยุยงให้นางไปงานเลี้ยง นี่เป็นความผิดของเจ้า เจ้ายอมรับหรือไม่?”ไม่รอให้เฉียวเนี่ยนเอ่ยปาก ท่านโหวหลินที่อยู่ข้างๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ดื้อรั้นตั้งแต่เด็ก นางไม่ยอมรับก็ช่างเถอะ ท่านอย่าโกรธนางเด็ดขาด”เขากังวลว่าฮูหยินเฒ่าจะโกรธเฉียวเนี่ยนจนป่วยแต่เฉียวเนี่ยนจะยอมปล่อยให้ฮูหยินเฒ่าโกรธได้อย่างไรนางพยักหน้าทันที "ข้ายอมรับ"ได้ยินดังนั้น ท่านโหวหลินและหลินเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ต่างก็ตกตะลึงเห็นๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่นางหนูยังทําท่าทางยอมตายแต่ไม่ยอมแพ้ ทําไมตอนนี้...กลับได้ยินเสียงชราของฮูหยินเฒ่าค่อยๆ เอ่ยปากว่า “เช่นนั้น ย่าก็จะลงโทษเจ้าให้กักบริเวณเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อสำนึกผิด เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”เมื่อได้ยิน'การลงโทษ'แบบนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ท