เฉียวเนี่ยนเคยรักพี่ชายของนางเป็นที่สุด เพราะพี่ชายมักช่วยนางขับไล่อันธพาลที่มาพูดจาแทะโลมตน ทั้งยังชอบสรรหาของอร่อยหลายอย่างมาให้นางกิน หรือแม้แต่ไข่มุกราตรีที่หายาก เขาก็สามารถสรรหามาให้นางได้ครั้งหนึ่งในสายตาของเฉียวเนี่ยน มองว่าหลินเย่ว์เป็นคนที่เก่งกล้าสามารถ เป็นพี่ชายที่ร้ายกาจนักแต่นับแต่หลินยวนกลับมา พี่ชายคนเก่งของนางก็ได้อันตรธานหายไปด้วยเหลือเพียงคนโง่ที่วันๆ เอาแต่กล่าวหานาง ใส่ร้ายป้ายสีสารพัด ทำสิ่งใดไม่รู้จักใช้หัวคิด มีแต่วู่วามสถานเดียว!อย่างเช่นวันนี้เป็นต้นเฉียวเนี่ยนถูกเขาบีบแขนจนรู้สึกเจ็บ คิ้วยิ่งขมวดมุ่นไม่ทันรอให้นางเอ่ยปาก ฮูหยินหลินอยู่ด้านข้างก็ตีเข้าที่หลังมือหลินเย่ว์ “เจ้าทำอะไรกัน? ยังไม่รีบปล่อยมือน้องอีก”“ท่านแม่ ทำไมต้องเข้าข้างนางอีก ในรถม้ามีแต่ท่านกับนางเพียงสองคน นางกล้าบอกว่าไม่ได้ทำให้ท่านร้องไห้รึ?” หลินเย่ว์หน้าตาขึงขัง จ้องมองเฉียวเนี่ยนด้วยความดุดัน “ขอเตือนให้รู้ แม้ข้าจะมีเรื่องผิดต่อเจ้าก็ไม่เกี่ยวกับท่านแม่ เจ้าอย่ามาเล่นละครต่อหน้านาง ถ้าทำให้ท่านแม่ร้องไห้อีก ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า”กล่าวจบ หลินเย่ว์ก็ผลักร่างเฉียวเนี่ยนออก
หลินเย่ว์ตามฮูหยินหลินไปที่เรือนลั่วเหมย ภายใต้การดูแลของหมอในจวนอาการของหลินยวนดีขึ้นมากแล้ว นอกจากไอเป็นบางหนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ในระหว่างที่ฮูหยินหลินกับหลินเย่ว์มา นางกำลังชมดอกเหมยอยู่ในลานบ้าน เห็นนางสวมเสื้อผ้าบาง ฮูหยินหลินก็ขมวดคิ้ว “ป่วยยังไม่หายดีเลยไยถึงออกมาเล่า? แถมยังสวมเสื้อผ้าบางอีก เร็ว รีบเข้าห้อง!” นางโอบหลินยวนเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งเรียกเสี่ยวชุ่ยเทน้ำร้อนเข้ามา ก่อนจะล้วงขวดยาเล็กออกมาจากในอก “พระสนมได้ยินว่าเจ้าไอหนัก จึงตั้งใจสั่งคนไปนำยาลูกกลอนจากในโรงหมอมา บอกว่าได้มาจากสำนักราชาโอสถ ฮองเฮาองค์ก่อนไอมาครึ่งเดือน กินสิ่งนี้ไปดีขึ้นเลย” หลินเย่ว์มองฮูหยินหลินป้อนยาให้หลินยวนด้วยตัวเอง ก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดฮูหยินหลินรีบมาหาหลินยวนทันทีที่กลับมาถึงจวน เขาย่อมเป็นห่วงหลินยวนอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลินยวนปกติดีแล้ว ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงไอเลยตั้งแต่เมื่อครู่จวบจนตอนนี้ น่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้ว ฉะนั้นที่เขากังวลตอนนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง“ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่า ท่านกับเนี่ยนเนี่ยนมีปัญหาอะไรกันแน่? เหตุใดท่านถึงร้องห่มร้องไห้อยู่ในรถม้
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเลยสักนิดว่าหลินเย่ว์จะพูดอะไรกับฮูหยินหลินบ้างนางรีบร้อนจะไปเยี่ยมฮูหยินเฒ่าเทียบกับเมื่อวาน อาการของฮูหยินเฒ่าดีขึ้นไม่น้อย ในระหว่างที่เฉียวเนี่ยนมา ฮูหยินเฒ่ากำลังดื่มยาที่แม่นมซูป้อนให้ยานั่นน่าจะขมมาก ฮูหยินเฒ่าดื่มลงไปจนอวัยวะบิดขึ้นมา ครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน นางก็จงใจแย้มยิ้มผ่อนคลาย “เนี่ยนเนี่ยนมาแล้วหรือ!”“ท่านย่า” เฉียวเนี่ยนคำนับแล้วเข้าไปหา นั่งลงข้างเตียงฮูหยินเฒ่า “วันนี้ท่านย่ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ดีขึ้นบ้างแล้ว” ฮูหยินเฒ่ายิ้ม พลางยื่นมือไปลูบแก้มเฉียวเนี่ยนอย่างอ่อนโยน “ตกใจแย่เลยสินะ?”เฉียวเนี่ยนส่ายหน้ารัว “ท่านย่าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”เห็นขอบตานางแดงก่ำ ฮูหยินเฒ่าปวดใจจริงๆ แต่ครั้นนึกถึงสิ่งที่ฮูหลินหลินพูดเมื่อวาน ก็ถามขึ้นมา “นี่เจ้าเพิ่งกลับมาจากวังหรือ?”เฉียวเนี่ยนคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินเฒ่าจะรู้เรื่องนี้ด้วย จึงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าด้วยความเงียบทว่าฮูหยินเฒ่ากลับพูดว่า “เจ้ามิต้องกังวลเรื่องอื่น หากเจ้าไม่ยินดี อย่าว่าแต่หมิงอ๋องเลย ต่อให้พระสนมเต๋อมาด้วยตัวเอง ย่าก็ช่วยเจ้าขัดขวางไว้ได้”ไม่ว่าอะไรท่านย่าล้วนลำเ
เฉียวเนี่ยนถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจัดแจงเก็บกวาดครู่หนึ่ง แล้วไปเจอหลินยวนไม่นาน หนิงซวงก็เข้ามาพร้อมกับหลินยวนเห็นหนิงซวงเดินตามติดหลินยวนไม่ห่างจริง เฉียวเนี่ยนเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมาหลินยวนเข้ามาในห้องแล้วคำนับเฉียวเนี่ยน เห็นเฉียวเนี่ยนยิ้มมุมปาก ก็คิดว่าวันนี้นางอารมณ์ค่อนข้างดี ความกังวลก่อนมาพลันลดฮวบไปไม่น้อยนางส่งยิ้มให้เฉียวเนี่ยน “ข้ามาแต่เช้า คงไม่ได้รบกวนพี่หรอกใช่ไหม?”เฉียวเนี่ยนชะงักไป ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลินยวนจะมาไม้ไหน จึงถอนหายใจเบาๆ แล้วถาม “มีเรื่องอะไรหรือ?”“ข้ามาชวนพี่หญิงไปวัดฝ่าหัวด้วยกัน”หลินยวนดูค่อนข้างจะสนใจอย่างมากเฉียวเนี่ยนเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้คือวันที่แปด เดือนหนึ่ง หรือก็คือวันสมโภชนักบุญของวัดฝ่าหัวเล่ากันว่า ในวันสมโภชขอเพียงขอพรด้วยใจจริงต่อหน้าพระพุทธรูป ไม่ว่าจะขออะไร ก็สัมฤทธิ์ผลปีที่แล้วๆ มา ทุกวันสมโภชนางจะไปวัดฝ่าหัวทุกวัน หนึ่งเพื่อขอให้ครอบครัวสงบสุขราบรื่น สองเพื่อเจอกับเซียวเหิงทว่าบัดนี้ไม่ได้ไปมาสามปีแล้ว นางย่อมไม่คิดจะขอให้ครอบครัวสุขสงบ และยิ่งไม่อยากเจอเซียวเหิงแต่ว่า เพื่อฮูหยินเฒ่านางไปอีกสักครั้งไ
เฉียวเนี่ยนไม่เข้าใจ นางแค่ขอให้หลินยวนปล่อยแขน เหตุใดหลินยวนถึงเอ่ยไปถึงฮูหยินหลินได้นางรังแกฮูหยินหลิน?จวนโหวนี้ไม่มารังแกนาง นางก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินมากแล้ว!จะกล้าไปรังแกฮูหยินหลินคนนั้นได้อย่างไร!เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก กำมือตัวเองแน่น ทนวู่วามจะเข้าไปตบหลินยวนแต่หนิงซวงที่อยู่ด้านข้างกลับทนพูดขึ้นมาไม่ไหว “คุณหนูรองท่านบ้าไปแล้วหรือ?”นางตำหนิด่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ ทำให้หลินยวนอึ้งอยู่ที่เดิม “ท่าน ท่าน…”อาจเพราะตกใจมากเกินไป หลินยวนเรียก ‘ท่าน’ อยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่พูดออกมาเฉียวเนี่ยนตกใจเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าความกล้าของหนิงซวงจะมากขนาดนี้!ช่างไม่จำเลยสักนิด นางบอกชัดเจนแล้วว่าตัวเองปกป้องนางไม่ไหว!นางหมายจะอธิบายแทนหนิงซวง ทว่าใครไปรู้หนิงซวงกลับก้าวไปข้างหน้า และส่งยิ้มให้หลินยวน“ไม่กี่วันก่อนคุณหนูรองยังไออยู่มิใช่หรือเจ้าคะ?”เห็นดวงหน้าที่เคลือบไปด้วยความอ่อนเยาว์นั้นของหนิงซวงเต็มไปด้วยความจริงใจ หลินยวนกลับมองไม่ออกว่าเด็กคนนี้เป็นห่วงตัวเองจริงๆ หรือด่านางกันแน่ดวงตาปริบๆ คู่นั้นของนางกระพริบไปมา “ท่านแม่นำยาจากในวังมาให้ข้า ข้า ข้าดีขึ้น”“โอ้ว ม
หนิงซวงปล่อยม่านรถลง ก่อนหันไปกล่าวกับเฉียวเนี่ยนอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ดูเหมือนปีนี้คนที่วันฝ่าหัวจะมากมว่าปีก่อนๆ อีก!”เฉียวเนี่ยนรู้สึกค่อยข้างมีความสุข“แสดงว่าวันฝ่าหัวแม่นจริงๆ ”หนิงซวงพยักหน้ารัว “แม่นมากเจ้าค่ะ! ได้ยินว่าขอเรื่องบุพเพวาสนาแม่นที่สุดเจ้าค่ะ!”ได้ยินเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มไม่พูดอะไรนางคิดว่า วันฝ่าหัวแม่นทุกอย่าง แต่เรื่องบุพเพวาสนาไม่แม่นที่สุดไม่อย่างนั้น สามปีก่อนนางควรได้แต่งกับเซียวเหิงไปแล้วขณะคิดอยู่นั้น นางก็อดส่ายหน้าพลางยิ้มแผ่วเบาไม่ได้แต่โชคดีที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ตัวนางคงตกอยู่กองไฟ มิอาจถอนตัวออกมาได้ไม่นาน รถม้าก็มาหยุดอยู่นอกวันฝ่าหัวหนิงซวงลงไปจากรถม้าก่อน จากนั้นก็หันมาพยุงเฉียวเนี่ยนแต่ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เท้าเฉียวเนี่ยนแตะพื้น เสียงเยาะเย้ยก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก“ข้าก็คิดว่าบ่าวผู้ใดใจกล้าเช่นนี้ถึงกับกล้านั่งรถคันเดียวกับเจ้านาย ที่แท้ก็คุณหนูตระกูลหลินนี่เอง!”“คุณหนูตระกูลหลินอะไร? นั่นมันแม่นางเฉียวชัดๆ !”“โอ้วใช่ใช่ใช่ ข้ากลับลืมนี่ไปเสียได้!”เสียงโครตคุ้นเคย เฉียวเนี่ยนไม่ต้องมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็
ฝูงชนทั้งหลายต่างตะลึงงัน “หมิงอ๋องหรือ?”จากนั้นจึงทยอยคุกเข่าทำความเคารพ “คารวะหมิงอ๋อง”เฉียวเนี่ยนอยากคุกเข่าเช่นกัน ทว่ากลับถูกหมิงอ๋องรั้งไว้หมิงอ๋องหรี่ตา กวาดมองเหล่าธารกำนัลรอบหนึ่ง มิได้สั่งให้ลุก แต่กลับกุมมือเฉียวเนี่ยนไว้ต่อหน้าทุกคน “วันหน้า ที่พึ่งของนางคือข้า ผู้ใดริอ่านพุดวาจาหยาบคายกับนางถือว่าไม่เคารพข้า เข้าใจหรือไม่?”ตลอดสามปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเฉียวเนี่ยนที่ต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นตลอด ต่อให้เคยเป็นที่โปรดปรานในจวนโหวมาสิบห้าปี นางก็ไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ฝูงชนรอบตัวคุกเข่าให้นางสักครั้งทว่าชั่วเวลานี้ นางยืนอยู่ข้างหมิงอ๋อง ทอดสายตาลงไปยังเหล่าคุณหนูนายน้อยที่ประโคมอาภรณ์หรูหรารอบด้านแล้ว กลับมิได้มีความรู้สึกแอบปรีดาหรือรู้สึกสูงส่งเหนือกว่าแต่อย่างใดทว่ากลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงซึ่งความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงนี้ ทำเอานางสับสนนางอยากดึงมือตัวเองกลับมา ทว่าหมิงอ๋องกำไว้แน่น นางค่อยๆ ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เสียแรงเปล่ากระนั้นก็มิกล้ากระทำการใหญ่โตเกินเหตุ อย่างไรเสียที่หมิงอ๋องโผล่มาในเวลานี้ก็เพื่อช่วยหนุนหลังนาง ไหนเลยนางจะหักหน้าเข
ทว่าเฉียวเนี่ยนในตอนนี้แค่อยากอยู่ในมุมเงียบๆ ทางที่ดีคือไม่ต้องให้ใครได้พบเจอทั้งสิ้นเฉกเช่นยามนี้ ดูเล่นใหญ่เรียกร้องความสนใจเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น แม้นางตอบรับการแต่งงานครานี้ไป แต่อย่างไรเสียก็ยังมิได้รับการเห็นชอบจากฮ่องเต้ ถือว่าเรื่องราวไม่มีทีท่าจะเกิดด้วยซ้ำไม่ควรจับมือหมิงอ๋องต่อหน้าสายตาฝูงชนจริงๆโชคดี หลังจากหมิงอ๋องเข้าวัดไปก็เจอเจ้าอาวาสวัดฝ่าหัว ยามประกอบพิธีทางศาสนาจึงปล่อยมือเฉียวเนี่ยนไปเองเฉียวเนี่ยนรีบดึงมือกลับมา ลอบถอนหายใจบางเบาท่านเจ้าอาวาสเดินเข้ามาต้อนรับหมิงอ๋องเป็นพิเศษ เขาต้องการเทศนาธรรมให้หมิงอ๋องหมิงอ๋องหันมองเฉียวเนี่ยน “เจ้าไปรอข้างข้างนอก หนึ่งชั่วยามก็เสร็จแล้ว สายหน่อยข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”วันนี้เฉียวเนี่ยนมิได้ตั้งใจออกมานานนัก แค่อยากขอเครื่องรางคุ้มครองแล้วกลับ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องแล้ว ไม่เพียงชะงักไป แต่หมิงอ๋องพูดจบก็จากไป ไม่ได้หันมองว่าเฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาเช่นไรกระทั่งแผ่นหลังหมิงอ๋องหายลับจากสายตา หนิงซวงที่อยู่ด้านหลังเมื่อครู่ก็ปรี่เข้ามา ถามเสียงเบาอย่างมิอาจทนไหว“คุณหนู ฝ่าบาทหมิงอ๋องรู้ได้เช่นไรว่า
กลิ่นอายที่ทั้งคุ้นเคยและไม่คุ้นเคยนั้นจู่โจมเข้ามา ทําให้คิ้วของเฉียวเนี่ยนขมวดแน่นเฉียวเนี่ยนกลัวระยะห่างระหว่างพวกเขาใกล้เกินไป จึงไม่ได้หันกลับมา เพียงจ้องมองชั้นวางหนังสือตรงหน้า ถามเสียงเย็นชาว่า "มาแก้แค้นให้เมียเจ้างั้นหรือ?"เซียวเหิงยืนอยู่ข้างหลังนาง จ้องมองข้ามวยของนาง ขมวดคิ้วแน่นกําหมัดแน่น แต่เสียงกลับแหบแห้งหลังจากจงใจระงับ "เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่สนใจนาง""ข้าไม่รู้" เฉียวเนี่ยนตอบอย่างเย็นชาว่า"ทุกอย่างเกี่ยวกับแม่ทัพเซียว ข้าไม่อยากรู้เลย""เนี่ยนเนี่ยน..." เสียงด้านหลังสั่นเทิ้มเล็กน้อย แต่กลับสูดหายใจเข้าลึกๆ เหมือนคิดอะไรออกแล้ว แม้แต่น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความโล่งใจ "ไม่เป็นไร ต่อไปข้าจะค่อยๆ เล่าให้เจ้าฟัง ไม่ว่าเจ้าอยากรู้หรือไม่อยากรู้ ข้าก็ค่อยๆ เล่าได้"แต่คําพูดนี้กลับทําให้เฉียวเนี่ยนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาต่อไป?"ข้ากับแม่ทัพเซียว ไม่มีอนาคตหรอก"นางบอกว่านางไม่ต้องการเขามานานแล้วความโกรธที่อดกลั้นของเซียวเหิง ราวกับถูกจุดขึ้นอย่างเงียบๆ ในขณะนี้ "แล้วเจ้าอยากมีอนาคตกับใคร?"คําถามนี้เต็มไปด้วยความหึงหวงอย่างเห็นได้ชัด เฉียวเนี่ยนรู้สึกว่าไม่จําเป็น
เมื่อหลินยวนพูดจบ กลับเห็นผู้ชายสองคนในห้องไม่มีปฏิกิริยาใดๆ นางจึงตระหนักว่าไม้นี้ของนางไม่ได้ผลแล้วเมื่อก่อน ไม่ว่ายังไง ขอเพียงตนหลั่งน้ำตา คนของจวนโหวก็จะมาล้อมตนไว้ ปลอบโยนนาง ดูแลนางแม้แต่เซียวเหิงก็ไม่เว้นแต่ตอนนี้ เซียวเหิงกลับทําเป็นไม่ได้ยินนางรู้ว่าเซียวเหิงเกลียดนางแล้วแต่ว่า...แม้แต่ความเห็นอกเห็นใจเล็กๆ น้อยๆ นั้นก็ไม่มีแล้วหรือ?เฉียวเนี่ยนมองตามสายตาของหลินยวน และอดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในห้องเมื่อเห็นใบหน้าด้านข้างที่ละเอียดอ่อนของเซียวเหิงยังคงมีความเย็นชาเหมือนเคย หัวใจของนางก็อดไม่ได้ที่จะหนักอึ้งแต่เซียวเหิงก็เป็นแบบนี้มาตลอด ไม่ใช่หรือ?ยามที่ปกป้องนาง ก็จะแก้แค้นไล่ตามคนไปทั่วเมืองหลวงแทนนางต่อมาเมื่อไม่ได้ปกป้องนางอีกต่อไป แม้แต่คนแปลกหน้าก็สู้ไม่ได้เฉียวเนี่ยนหันหน้ากลับมา มองหลินยวนด้วยสายตาเย็นชา "จําไว้นะ เจ้าเป็นคนที่ไม่มีคุณสมบัติจะมาโอ้อวดต่อหน้าข้ามากที่สุดในโลกนี้ ข้าไม่เถียงกับเจ้า เพราะข้าไม่อยาก ไม่ใช่ข้ากลัวเจ้า สงบเสงี่ยมหน่อย เป็นนายหญิงน้อยรองของเจ้าให้ดี อย่ามาหาเรื่องข้า ไม่งั้น เจ้าจะไม่มีชีวิตที่ดีแน่"พูดจบ เฉียวเนี่ยนก็
เฉียวเนี่ยนไม่ได้ตอบนาง แต่พึมพําต่อไปว่า "ตอนนั้นเจ้าเห็นข้า น้ำตาก็ไหลลงมา แม้ยังน่ารําคาญเหมือนตอนนี้ แต่ข้ารู้ว่าน้ำตาของเจ้าในตอนนั้น อย่างน้อยครึ่งหนึ่งมาจากใจจริง""ข้าเคยถามเจ้าว่าผิดตรงไหน คําตอบของเจ้าในตอนนั้นข้าไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เจ้าผิดไม่ใช่แค่การทําชามแก้วแตกเท่านั้น แต่ยังเป็นการนิ่งเงียบด้วย เห็นข้าถูกใส่ร้ายแต่ก็เงียบมาตลอด จุดนี้ แม้แต่ตอนที่หลินเย่ว์ใส่ร้ายข้าว่าผลักเจ้าลงน้ํา เจ้าก็ยังไม่เปลี่ยนเลย""แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตอนนั้นข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าโหดร้าย แต่ตอนนี้ล่ะ? หลินยวน ตอนนี้ในมือของเจ้ามีกี่ชีวิตกัน เจ้าเคยนับบ้างไหม? เมื่อถึงตอนเที่ยงคืน พวกเขาไม่เคยมาหาเจ้าเลยหรือ?"ฮูหยินเฒ่า ขอทานเหล่านั้น เสี่ยวชุ่ย...หลินยวนยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ดวงตาซ่อนความหวาดกลัวไว้อย่างชัดเจน แต่น้ำตาในดวงตาคู่นั้นกลับไม่ยอมไหลออกมานางไม่ใช่หลินยวนคนเดิมอีกต่อไปแล้วหลินยวนในอดีตไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้เฉียวเนี่ยนหายใจเข้าลึกๆ แล้วลุกขึ้นยืน เดินช้าๆ ไปตรงหน้าหลินยวน "เสี่ยวชุ่ยตายเพราะถูกมีดสั้นแทงทะลุหน้าอก ก็คือตําแหน่งนี้"เฉียวเนี่ยนพูดพลางยื่นนิ้วหนึ่งไปกดที่หน้าอก
เซียวเหิงถึงค่อยมีปฏิกิริยาขึ้นมา หลุบตามองเซียวเหอ "ขาทั้งสองข้างของพี่ใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?"สิ่งที่เขาสนใจเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องนี้เซียวเหอเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในใจ จึงเอ่ยเพียงว่า "ยังดีอยู่"พูดมาถึงตรงนี้แล้ว ถ้าเซียวเหิงกับหลินยวนรู้กาลเทศะ ก็ควรจะไปได้แล้วแต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเหิงไม่รู้จักกาลเทศะ"ข้าไม่ได้เดินหมากล้อมกับพี่ใหญ่มานานแล้ว วันนี้ว่างพอดี มาแข่งสักรอบดีไหม?"ความคิดในใจของเขา ใครๆ ต่างก็รู้ดีเซียวเหอกําลังจะปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว แต่ไม่คิดว่าหลินยวนจะพูดว่า "ก็ดี ข้าก็อยากคุยกับพี่สะใภ้ดีๆ เหมือนกัน"คําว่า 'ดีๆ' นั้นเน้นเสียงเป็นพิเศษเฉียวเนี่ยนถึงเงยหน้ามองหลินยวนก็เห็นหลินยวนยังคงรักษาความอ่อนโยนตามแบบฉบับของนางไว้ แต่ดวงตาคู่นั้นกําลังบอกเฉียวเนี่ยนอย่างชัดเจนว่านางมีเรื่องจะคุยด้วยท่าทีนี้ค่อนข้างแข็งไปหน่อยแล้วเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าท่าทางและกลิ่นอายของหลินยวนในตอนนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนทําผิดควรมีเลยงั้นนางจะสอนนางสักหน่อยว่า คนที่ทําผิดควรมีท่าทางอย่างไร!จึงได้ยิ้มเล็กน้อยพลันเอ่ยตอบ "ได้สิ!"ในเมื่อหลินยวนอยู่ต่อเพื่อคุยธุระกั
เซียวเหิงมองสํารวจหลินยวนด้วยสายตาเย็นชา เขารู้ว่าหลินยวนไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่เห็นภายนอกตอนนี้ก็คงมีความคิดอย่างอื่นอยู่แน่นอนแต่ ไม่สําคัญหรอกจุดประสงค์ที่เขากลับมาก็เพื่อขัดขวางการพัฒนาต่อไปของเฉียวเนี่ยนและเซียวเหอดังนั้น แม้ว่าจะใช้ข้ออ้างนี้ไปสักครั้ง แล้วยังไงล่ะ?จึงตอบตกลงด้วยสีหน้าเย็นชาและในขณะนี้ เซียวเหอกําลังสอนเฉียวเนี่ยนยิงหินอยู่เมื่อเทียบกับหนึ่งเดือนก่อน เฉียวเนี่ยนมีความก้าวหน้าไปไม่น้อย ตอนนี้ห่างจากต้นอู๋ถงประมาณสิบก้าว ก็สามารถตีถึงลําต้นได้ทุกอันแล้วแค่ความแม่นยํายังแย่ไปหน่อยดังนั้น เฉียวเนี่ยนจึงนั่งลงบนบันได เซียวเหอจับมือของเฉียวเนี่ยนและปรับท่าทางของนางแต่เมื่อจะเล็งไปที่กลางเป้า เซียวเหอต้องเอนตัวพิงแก้มของเฉียวเนี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะได้รู้ว่านางฟังเขาหรือไม่ เล็งไปที่เป้าหมายแล้วหรือเปล่าตอนที่เซียวเหิงเข้ามา สิ่งที่เห็นก็คือภาพแบบนี้ตาซ้ายของเฉียวเนี่ยนปิดสนิท ตาขวาจ้องหินในมืออย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนแก้มของเซียวเหอ อีกนิดเดียวก็จะแนบกับใบหน้าของนางแล้วชั่วพริบตาเดียว ก็มีคําคำหนึ่งแทรกเข้ามาในสมองของเซียวเหิง ติดหนึบเหมือน
แม่เซียวพาหลินยวนกลับมาที่จวนสำเร็จอย่างสมใจ แต่กลับไม่คาดคิดว่า เซียวเหิงจะกลับมาด้วยนางคิดว่าเซียวเหิงรู้ว่าหลินยวนกลับมาถึงได้กลับมาตาม จึงดีใจเล็กน้อย "สองสามีภรรยามีอะไรก็พูดคุยกันให้เข้าใจก็ดีแล้ว มีหรือจะทะเลาะกันนานเช่นนี้"ขณะแม่เซียวกล่าว ก็ผลักหลินยวนไปอยู่ข้างหน้าเซียวเหิง "เอาล่ะ คนนี้แม่พากลับมาให้เจ้าแล้ว ห้ามทะเลาะกันอีก พวกเจ้าไม่ได้เจอกันมานาน คุยกันดีๆ ล่ะ แม่ออกไปก่อน"ว่าจบ แม่เซียวก็หมุนตัวเดินจากไป คิดแค่ว่าให้พวกเขาได้มีเวลาคุยกันตามลำพังหลินยวนถูกแม่เซียวผลัก จนเแทบจะโถมเข้าไปในอ้อมกอดของเซียวเหิงแต่นางรู้สึกถึงการต่อต้านของเซียวเหิง จึงหยุดชะงักฝีเท้าไว้ และยืนอยู่ข้างเซียวเหิงอย่างเชื่อฟังระยะห่างใกล้กันมาก ใกล้กันจนมือของนางเหมือนจะสัมผัสโดนหลังมือของเขา ใจอดรู้สึกหวั่นไหวไม่ได้ได้แค่ก้มหน้าลง เรียงด้วยเสียงอ้อนแอ้น "ท่านพี่เหิง...""อย่ามาเสแสร้งกับข้า"น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นดวงตาคู่นั้นของเซียวเหิงมองหลินยวนด้วยสายตาเยือกเย็นและเย้ยหยันดวงตาลุ่มลึกของเขา มองท่าทางภายนอกที่ดูอ่อนแอของนางออก ทำให้ตอนนี้ เขาพูดอย่างไม่เกรงใจออกมาได้“ช่วงนี้
แม่เซียวรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย "ให้ข้าไปรับกลับมาแล้วอย่างไร? เหิงเอ๋อร์ก็ไม่กลับมาอยู่อยู่ดี!"“เช่นนั้นก็คิดหาวิธีให้เขากลับมาอยู่สิ!” พ่อเซียวโกรธเกรี้ยวจัด ถลึงตาจ้องแม่เซียว “สองสามีภรรยา ทะเลาะกันไม่นานก็ดีกัน หากไม่ใช่เพราะเป็นอย่างทุกวันนี้ เอาแต่แยกกันอยู่ จะดีกันได้เมื่อใด?”ขณะว่า ก็มองไปที่แผ่นหลังของเซียวเหอกับเฉียวเนี่ยนอีกครั้ง “เจ้าดูเหอเอ๋อร์กับเนี่ยนเนี่ยนสิ ตอนนี้รักกันขนาดไหน”แม่เซียวมองตามแผ่นหลังของเซียวเหอกับเฉียวเนี่ยนด้วยเช่นกันพบว่า แม้เฉียวเนี่ยนจะเข็นเก้าอี้ล้อ แต่บางครั้งก็โน้มตัวไปข้างหน้า พูดคุยกับเซียวเหอเซียวเหอเองก็หันหน้ามา พูดอะไรบางอย่างกับเฉียวเนี่ยนการแสดงออกบนใบหน้า ไม่ถือว่าชอบมากนัก ทว่ามันดูผ่อนคลายและสบายใจมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ที่ขังตัวเองอยู่ในห้องทั้งวันโดยไม่พบใคร ไม่รู้ว่าดีขึ้นกว่าเดิมตั้งเท่าไหร่แล้ว!ในหนึ่งเดือนมานี้ แม้จะบอกว่าเซียวเหอยังคงกักตัวไม่ออกมาเหมือนเดิม ทว่าอย่างน้อยก็ได้อยู่กับเฉียวเนี่ยนอยู่ที่เรือนความรู้สึกของทั้งสอง เกรงว่าคงเพิ่มไปอีกขั้นหนึ่งแล้วเมื่อคิดเช่นนี้ แม่เซียวก็รู้สึกว่าที่พ่อ
เซียวเหิงจากไปแบบนี้ ทำให้พ่อเซียวโมโหไม่น้อยเขาทรุดตัวนั่งลงที่เดิมอย่างแรง ชี้เซียวเหิงที่หายลับไปแล้ว พลางกล่าวด้วยความโกรธจัด“ไอ้เด็กเวร! ไปแล้วก็ดี!แน่จริงไปแล้วก็อย่ากลับมาอีก!”แม่เซียวรีบเข้าไปหา ลูบแผ่นหลังพ่อเซียว ทว่าน้ำเสียงกลับตำหนิ "ดูท่านสิ เอาแต่พูดจาด้วยอารมณ์! ท่านรอเขาตั้งเดือนกว่ากว่าเขาจะกลับมา ตอนนี้เขาไปแล้ว ท่านไม่ต้องมารออีกหรอกหรือ!"พ่อเซียวโดนพูดแทงใจ โมโหจนกลอกตาไปมาเซียวเหิงไม่เคยกลับจวนมาหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อส่งคนไปถาม เขาก็บอกว่ามีงานในกองทัพ แต่ตอนนี้ไม่มีสงครามเสียหน่อย ในกองทัพที่ไหนจะมีงานมากมายที่ทำให้เขาต้องเอาแต่อยู่ข้างนอกกัน?ไม่ง่ายนักที่ใช้งานวันเกิดพ่อเซียวหนนี้ เรียกเขากลับมาแต่ไม่คิดเลยว่า จะแยกจากไปอย่างไม่สบอารมณ์แบบนี้อีกเมื่อเห็นภาพนี้ เซียวชิงหน่วนอดพูดปลอบขึ้นมาไม่ได้ "แต่อย่างน้อย ทางด้านพี่ใหญ่ก็เป็นข่าวดีนะ! ส่วนพี่รอง...บางที เราควรให้เวลาเขามากกว่านี้อีกสักหน่อย!"ได้ยินคำพูดนี้ แม่เซียวพยักหน้ารัว พ่อเซียวมีสีหน้าขรึมลง ไม่พูดอะไรออกมาอีกสักประโยคบรรยากาศของสามคนนี้ก็ยังคงหม่นหมองลงเพราะการจากไปของเซียวเหิงส่วนเซี
เซียวชิงหน่วนรีบลุกขึ้นยืน ไปขวางหน้าพ่อเซียวเอาไว้ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความยินดี "ท่านพ่อดีใจจนเลอะเลือนแล้ว! ขาของพี่ใหญ่ดีขึ้นได้ก็เพราะพี่สะใภ้เป็นคนฝังเข็มรักษา จะไปเรียกหมอคนอื่นมาทำไมกัน?"เมื่อถูกนางเตือนสติ พ่อเซียวก็พยักหน้ารัวๆ “ใช่ๆ เป็นเนี่ยนเนี่ยนที่รักษา ต้องขอบคุณเนี่ยนเนี่ยนจริงๆ !”แม้แต่เซียวเหิงที่เดิมมีสีหน้าเคร่งขรึมก็ยังอ่อนลงไปไม่น้อยเขาไม่เคยคิดเลยว่า ขาของพี่ใหญ่จะกลับมามีความรู้สึกได้อีกครั้งสำหรับตระกูลเซียวแล้ว นี่ถือเป็นเรื่องมงคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด!ในเวลานี้ ทุกคนในตระกูลเซียวต่างพากันหันมามองเฉียวเนี่ยนด้วยสายตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ ราวกับว่าที่มองเฉียวเนี่ยนด้วยสีหน้าไม่พอใจเมื่อครู่ ไม่ใช่พวกเขาอย่างไรอย่างนั้นโชคดีที่เฉียวเนี่ยนไม่ได้ใส่ใจช้าเร็วนางก็ต้องไปจากตระกูลเซียว ดังนั้นตระกูลเซียวจะมีท่าทีอย่างไรกับนาง นางก็ไม่สนใจขอเพียงแค่ขาของเซียวเหอหายเหมือนปกติได้ นางก็พอใจแล้วนางแอบคิดในใจ ต้องไปปรึกษาหมอประจำจวนเพื่อหาวิธีรักษาขั้นต่อไปแต่ไม่ทันไร แม่เซียวกลับคว้ามือนางไว้ฉับพลัน น้ำตาหลั่งไหลนองหน้า "เนี่ยนเนี่ยน แม่ แม่ไม่รู้จะพูดอะไรถ