เป็นคำพูดที่น่าขำเช่นนี้อีกแล้วเฉียวหว่านนึกอยากหัวเราะ แต่ในใจกลับขมขื่นมากกว่า สุดท้ายจึงหัวเราะไม่ออกฮูหยินหลินกุมมือของนางไว้ ท่าทีอ่อนโยนยิ่ง “จริงอยู่ ฐานะจวนโหวเราทุกวันนี้ไม่อาจเทียบเท่าในอดีต แต่ภาษิตว่าเรืออับปางก็ยังมีเศษตะปูอีกสามพัน วันหน้าหากหมิงอ๋องคิดกลับมาเมืองหลวงอีก ก็ต้องพึ่งพาจวนโหวของเรา”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฮูหยินหลินยังคงถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่ง “จริงอยู่ การทำเช่นนี้แม่เองก็เห็นแก่ตัว เซียวเหิงเป็นเด็กหนุ่มที่เก่งกล้า สร้างผลงานสู้รบไว้ไม่น้อย ปัจจุบันตระกูลเซียวยิ่งเรืองอำนาจอยู่ในราชสำนัก และเจ้าก็รู้ว่าฝ่าบาทไม่สู้พอพระทัยต่อจวนโหวนัก เพราะฉะนั้น หากต้องการให้ยวนเอ๋อร์ได้แต่งเข้าตระกูลเซียวอย่างราบรื่น เจ้าก็ไม่อาจหาคู่ครองที่มีอิทธิพลเทียบเท่าได้ และหมิงอ๋อง...ก็นับว่าเหมาะสมที่สุดแล้ว”เฉียวเนี่ยนเข้าใจในที่สุดว่าไปแล้ว การแต่งงานของนางขึ้นอยู่กับการประเมินผลประโยชน์ที่ลงตัวของหลายฝ่ายจวนโหวต้องพึ่งพาตระกูลเซียว หมิงอ๋องต้องอาศัยอิทธิพลของจวนโหว เช่นนั้นการเลือกคู่ของนางจึงไม่มีความสำคัญใดๆ อีก“เช่นนี้นี่เอง” นางเอ่ยปากเบาๆ คล้ายกับรู้สึกโล่งอกห
เฉียวเนี่ยนเคยรักพี่ชายของนางเป็นที่สุด เพราะพี่ชายมักช่วยนางขับไล่อันธพาลที่มาพูดจาแทะโลมตน ทั้งยังชอบสรรหาของอร่อยหลายอย่างมาให้นางกิน หรือแม้แต่ไข่มุกราตรีที่หายาก เขาก็สามารถสรรหามาให้นางได้ครั้งหนึ่งในสายตาของเฉียวเนี่ยน มองว่าหลินเย่ว์เป็นคนที่เก่งกล้าสามารถ เป็นพี่ชายที่ร้ายกาจนักแต่นับแต่หลินยวนกลับมา พี่ชายคนเก่งของนางก็ได้อันตรธานหายไปด้วยเหลือเพียงคนโง่ที่วันๆ เอาแต่กล่าวหานาง ใส่ร้ายป้ายสีสารพัด ทำสิ่งใดไม่รู้จักใช้หัวคิด มีแต่วู่วามสถานเดียว!อย่างเช่นวันนี้เป็นต้นเฉียวเนี่ยนถูกเขาบีบแขนจนรู้สึกเจ็บ คิ้วยิ่งขมวดมุ่นไม่ทันรอให้นางเอ่ยปาก ฮูหยินหลินอยู่ด้านข้างก็ตีเข้าที่หลังมือหลินเย่ว์ “เจ้าทำอะไรกัน? ยังไม่รีบปล่อยมือน้องอีก”“ท่านแม่ ทำไมต้องเข้าข้างนางอีก ในรถม้ามีแต่ท่านกับนางเพียงสองคน นางกล้าบอกว่าไม่ได้ทำให้ท่านร้องไห้รึ?” หลินเย่ว์หน้าตาขึงขัง จ้องมองเฉียวเนี่ยนด้วยความดุดัน “ขอเตือนให้รู้ แม้ข้าจะมีเรื่องผิดต่อเจ้าก็ไม่เกี่ยวกับท่านแม่ เจ้าอย่ามาเล่นละครต่อหน้านาง ถ้าทำให้ท่านแม่ร้องไห้อีก ข้าจะไม่ละเว้นเจ้า”กล่าวจบ หลินเย่ว์ก็ผลักร่างเฉียวเนี่ยนออก
หลินเย่ว์ตามฮูหยินหลินไปที่เรือนลั่วเหมย ภายใต้การดูแลของหมอในจวนอาการของหลินยวนดีขึ้นมากแล้ว นอกจากไอเป็นบางหนก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ในระหว่างที่ฮูหยินหลินกับหลินเย่ว์มา นางกำลังชมดอกเหมยอยู่ในลานบ้าน เห็นนางสวมเสื้อผ้าบาง ฮูหยินหลินก็ขมวดคิ้ว “ป่วยยังไม่หายดีเลยไยถึงออกมาเล่า? แถมยังสวมเสื้อผ้าบางอีก เร็ว รีบเข้าห้อง!” นางโอบหลินยวนเข้าไปในห้อง พร้อมทั้งเรียกเสี่ยวชุ่ยเทน้ำร้อนเข้ามา ก่อนจะล้วงขวดยาเล็กออกมาจากในอก “พระสนมได้ยินว่าเจ้าไอหนัก จึงตั้งใจสั่งคนไปนำยาลูกกลอนจากในโรงหมอมา บอกว่าได้มาจากสำนักราชาโอสถ ฮองเฮาองค์ก่อนไอมาครึ่งเดือน กินสิ่งนี้ไปดีขึ้นเลย” หลินเย่ว์มองฮูหยินหลินป้อนยาให้หลินยวนด้วยตัวเอง ก็เข้าใจทันทีว่าเหตุใดฮูหยินหลินรีบมาหาหลินยวนทันทีที่กลับมาถึงจวน เขาย่อมเป็นห่วงหลินยวนอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นสีหน้าของหลินยวนปกติดีแล้ว ทั้งยังไม่ได้ยินเสียงไอเลยตั้งแต่เมื่อครู่จวบจนตอนนี้ น่าจะไม่เป็นอะไรมากแล้ว ฉะนั้นที่เขากังวลตอนนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง“ท่านแม่ ท่านยังไม่ได้บอกเลยว่า ท่านกับเนี่ยนเนี่ยนมีปัญหาอะไรกันแน่? เหตุใดท่านถึงร้องห่มร้องไห้อยู่ในรถม้
อีกด้านหนึ่ง เฉียวเนี่ยนไม่สนใจเลยสักนิดว่าหลินเย่ว์จะพูดอะไรกับฮูหยินหลินบ้างนางรีบร้อนจะไปเยี่ยมฮูหยินเฒ่าเทียบกับเมื่อวาน อาการของฮูหยินเฒ่าดีขึ้นไม่น้อย ในระหว่างที่เฉียวเนี่ยนมา ฮูหยินเฒ่ากำลังดื่มยาที่แม่นมซูป้อนให้ยานั่นน่าจะขมมาก ฮูหยินเฒ่าดื่มลงไปจนอวัยวะบิดขึ้นมา ครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน นางก็จงใจแย้มยิ้มผ่อนคลาย “เนี่ยนเนี่ยนมาแล้วหรือ!”“ท่านย่า” เฉียวเนี่ยนคำนับแล้วเข้าไปหา นั่งลงข้างเตียงฮูหยินเฒ่า “วันนี้ท่านย่ารู้สึกอย่างไรบ้าง?”“ดีขึ้นบ้างแล้ว” ฮูหยินเฒ่ายิ้ม พลางยื่นมือไปลูบแก้มเฉียวเนี่ยนอย่างอ่อนโยน “ตกใจแย่เลยสินะ?”เฉียวเนี่ยนส่ายหน้ารัว “ท่านย่าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”เห็นขอบตานางแดงก่ำ ฮูหยินเฒ่าปวดใจจริงๆ แต่ครั้นนึกถึงสิ่งที่ฮูหลินหลินพูดเมื่อวาน ก็ถามขึ้นมา “นี่เจ้าเพิ่งกลับมาจากวังหรือ?”เฉียวเนี่ยนคิดไม่ถึงเลยว่าฮูหยินเฒ่าจะรู้เรื่องนี้ด้วย จึงอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าด้วยความเงียบทว่าฮูหยินเฒ่ากลับพูดว่า “เจ้ามิต้องกังวลเรื่องอื่น หากเจ้าไม่ยินดี อย่าว่าแต่หมิงอ๋องเลย ต่อให้พระสนมเต๋อมาด้วยตัวเอง ย่าก็ช่วยเจ้าขัดขวางไว้ได้”ไม่ว่าอะไรท่านย่าล้วนลำเ
เฉียวเนี่ยนถอนหายใจอย่างระอา ก่อนจัดแจงเก็บกวาดครู่หนึ่ง แล้วไปเจอหลินยวนไม่นาน หนิงซวงก็เข้ามาพร้อมกับหลินยวนเห็นหนิงซวงเดินตามติดหลินยวนไม่ห่างจริง เฉียวเนี่ยนเกือบจะส่งเสียงหัวเราะออกมาหลินยวนเข้ามาในห้องแล้วคำนับเฉียวเนี่ยน เห็นเฉียวเนี่ยนยิ้มมุมปาก ก็คิดว่าวันนี้นางอารมณ์ค่อนข้างดี ความกังวลก่อนมาพลันลดฮวบไปไม่น้อยนางส่งยิ้มให้เฉียวเนี่ยน “ข้ามาแต่เช้า คงไม่ได้รบกวนพี่หรอกใช่ไหม?”เฉียวเนี่ยนชะงักไป ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าหลินยวนจะมาไม้ไหน จึงถอนหายใจเบาๆ แล้วถาม “มีเรื่องอะไรหรือ?”“ข้ามาชวนพี่หญิงไปวัดฝ่าหัวด้วยกัน”หลินยวนดูค่อนข้างจะสนใจอย่างมากเฉียวเนี่ยนเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้คือวันที่แปด เดือนหนึ่ง หรือก็คือวันสมโภชนักบุญของวัดฝ่าหัวเล่ากันว่า ในวันสมโภชขอเพียงขอพรด้วยใจจริงต่อหน้าพระพุทธรูป ไม่ว่าจะขออะไร ก็สัมฤทธิ์ผลปีที่แล้วๆ มา ทุกวันสมโภชนางจะไปวัดฝ่าหัวทุกวัน หนึ่งเพื่อขอให้ครอบครัวสงบสุขราบรื่น สองเพื่อเจอกับเซียวเหิงทว่าบัดนี้ไม่ได้ไปมาสามปีแล้ว นางย่อมไม่คิดจะขอให้ครอบครัวสุขสงบ และยิ่งไม่อยากเจอเซียวเหิงแต่ว่า เพื่อฮูหยินเฒ่านางไปอีกสักครั้งไ
เฉียวเนี่ยนไม่เข้าใจ นางแค่ขอให้หลินยวนปล่อยแขน เหตุใดหลินยวนถึงเอ่ยไปถึงฮูหยินหลินได้นางรังแกฮูหยินหลิน?จวนโหวนี้ไม่มารังแกนาง นางก็ขอบคุณฟ้าขอบคุณดินมากแล้ว!จะกล้าไปรังแกฮูหยินหลินคนนั้นได้อย่างไร!เฉียวเนี่ยนสูดหายใจเข้าลึก กำมือตัวเองแน่น ทนวู่วามจะเข้าไปตบหลินยวนแต่หนิงซวงที่อยู่ด้านข้างกลับทนพูดขึ้นมาไม่ไหว “คุณหนูรองท่านบ้าไปแล้วหรือ?”นางตำหนิด่าออกมาอย่างไม่เกรงใจ ทำให้หลินยวนอึ้งอยู่ที่เดิม “ท่าน ท่าน…”อาจเพราะตกใจมากเกินไป หลินยวนเรียก ‘ท่าน’ อยู่ครึ่งค่อนวันก็ไม่พูดออกมาเฉียวเนี่ยนตกใจเหมือนกัน ไม่คิดเลยว่าความกล้าของหนิงซวงจะมากขนาดนี้!ช่างไม่จำเลยสักนิด นางบอกชัดเจนแล้วว่าตัวเองปกป้องนางไม่ไหว!นางหมายจะอธิบายแทนหนิงซวง ทว่าใครไปรู้หนิงซวงกลับก้าวไปข้างหน้า และส่งยิ้มให้หลินยวน“ไม่กี่วันก่อนคุณหนูรองยังไออยู่มิใช่หรือเจ้าคะ?”เห็นดวงหน้าที่เคลือบไปด้วยความอ่อนเยาว์นั้นของหนิงซวงเต็มไปด้วยความจริงใจ หลินยวนกลับมองไม่ออกว่าเด็กคนนี้เป็นห่วงตัวเองจริงๆ หรือด่านางกันแน่ดวงตาปริบๆ คู่นั้นของนางกระพริบไปมา “ท่านแม่นำยาจากในวังมาให้ข้า ข้า ข้าดีขึ้น”“โอ้ว ม
หนิงซวงปล่อยม่านรถลง ก่อนหันไปกล่าวกับเฉียวเนี่ยนอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ดูเหมือนปีนี้คนที่วันฝ่าหัวจะมากมว่าปีก่อนๆ อีก!”เฉียวเนี่ยนรู้สึกค่อยข้างมีความสุข“แสดงว่าวันฝ่าหัวแม่นจริงๆ ”หนิงซวงพยักหน้ารัว “แม่นมากเจ้าค่ะ! ได้ยินว่าขอเรื่องบุพเพวาสนาแม่นที่สุดเจ้าค่ะ!”ได้ยินเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มไม่พูดอะไรนางคิดว่า วันฝ่าหัวแม่นทุกอย่าง แต่เรื่องบุพเพวาสนาไม่แม่นที่สุดไม่อย่างนั้น สามปีก่อนนางควรได้แต่งกับเซียวเหิงไปแล้วขณะคิดอยู่นั้น นางก็อดส่ายหน้าพลางยิ้มแผ่วเบาไม่ได้แต่โชคดีที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ตัวนางคงตกอยู่กองไฟ มิอาจถอนตัวออกมาได้ไม่นาน รถม้าก็มาหยุดอยู่นอกวันฝ่าหัวหนิงซวงลงไปจากรถม้าก่อน จากนั้นก็หันมาพยุงเฉียวเนี่ยนแต่ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เท้าเฉียวเนี่ยนแตะพื้น เสียงเยาะเย้ยก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก“ข้าก็คิดว่าบ่าวผู้ใดใจกล้าเช่นนี้ถึงกับกล้านั่งรถคันเดียวกับเจ้านาย ที่แท้ก็คุณหนูตระกูลหลินนี่เอง!”“คุณหนูตระกูลหลินอะไร? นั่นมันแม่นางเฉียวชัดๆ !”“โอ้วใช่ใช่ใช่ ข้ากลับลืมนี่ไปเสียได้!”เสียงโครตคุ้นเคย เฉียวเนี่ยนไม่ต้องมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็
ฝูงชนทั้งหลายต่างตะลึงงัน “หมิงอ๋องหรือ?”จากนั้นจึงทยอยคุกเข่าทำความเคารพ “คารวะหมิงอ๋อง”เฉียวเนี่ยนอยากคุกเข่าเช่นกัน ทว่ากลับถูกหมิงอ๋องรั้งไว้หมิงอ๋องหรี่ตา กวาดมองเหล่าธารกำนัลรอบหนึ่ง มิได้สั่งให้ลุก แต่กลับกุมมือเฉียวเนี่ยนไว้ต่อหน้าทุกคน “วันหน้า ที่พึ่งของนางคือข้า ผู้ใดริอ่านพุดวาจาหยาบคายกับนางถือว่าไม่เคารพข้า เข้าใจหรือไม่?”ตลอดสามปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเฉียวเนี่ยนที่ต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นตลอด ต่อให้เคยเป็นที่โปรดปรานในจวนโหวมาสิบห้าปี นางก็ไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ฝูงชนรอบตัวคุกเข่าให้นางสักครั้งทว่าชั่วเวลานี้ นางยืนอยู่ข้างหมิงอ๋อง ทอดสายตาลงไปยังเหล่าคุณหนูนายน้อยที่ประโคมอาภรณ์หรูหรารอบด้านแล้ว กลับมิได้มีความรู้สึกแอบปรีดาหรือรู้สึกสูงส่งเหนือกว่าแต่อย่างใดทว่ากลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงซึ่งความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงนี้ ทำเอานางสับสนนางอยากดึงมือตัวเองกลับมา ทว่าหมิงอ๋องกำไว้แน่น นางค่อยๆ ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เสียแรงเปล่ากระนั้นก็มิกล้ากระทำการใหญ่โตเกินเหตุ อย่างไรเสียที่หมิงอ๋องโผล่มาในเวลานี้ก็เพื่อช่วยหนุนหลังนาง ไหนเลยนางจะหักหน้าเข
นางกลัวว่าระหว่างทางจะเจอกับอันตราย อาจทำร้ายหนิงซวงได้นางทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้วนางมิอาจให้หนิงซวงตามนางได้ทว่าหนิงซวงไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงหน้านั้นก็ร่ำไห้ออกมา "คุณหนูอยากหาคนเฝ้า บ่าวไปหามาให้ได้ ขอร้องคุณหนูพาบ่าวไปด้วย บ่าวไม่อยากแยกกับคุณหนู!"เห็นหนิงซวงดื้อดึงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างมาก นางไม่อยากให้หนิงซวงเสียใจมากเกินไป เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ "เช่นนั้น เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน เจ้าไปร้านเสื้อผ้าซื้อชุดผู้ชายแทนข้ามาสองชุดได้หรือไม่?"ออกไปข้างนอก แต่งชุดผู้ชายสะดวกกว่าหนิงซวงถึงได้ปาดน้ำตา และพยักหน้า "เช่นนั้น บ่าวไปครู่เดียวเดี๋ยวกลับ คุณหนูรอบ่าวกลับมานะเจ้าค่ะ""อืม"เฉียวเนี่ยนขานรับ หนิงซวงก็ปาดน้ำตาเดินจากไปนางถึงได้กลับไปห้อง เตรียมเก็บสัมภาระง่ายๆ ทว่ากลับมองจดหมายฉบับนั้นที่อยู่ไม่ไกลอย่างแปลกใจมันคือจดหมายที่จิ่งเหยียนมอบให้เซียวเหอนางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!ในเมื่อจะจากไป เช่นนั้นก่อนไปนางต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบถึงมือเซียวเหอเสียก่อนคิดได้เช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็หยิบจดหมายออกจากบ้านไปคร
เจ็ดวันต่อมาเฉียวเนี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้อง มองลานบ้านเล็กๆ ของนอกห้องนั้นด้วยความเหม่อลอยตอนที่หนิงซวงมา สิ่งที่เห็นก็เป็นภาพเช่นนี้ซึ่งเป็นมาติดต่อกันเจ็ดวันแล้วคุณหนูของนางตื่นมาก็ไม่ทำอะไร ได้แค่เหม่อลอย และซูบผอมลงทุกวันนางรู้ การตายของฮูหยินเฒ่ากับรองแม่ทัพจิ่งเป็นเหมือนดังน้ำวน กำลังดึงคุณหนูนางจมสู่ก้นบึ้งอันมืดมิดที่สุดและตอนนี้คนที่สามารถดึงคุณหนูนางออกมาได้ ก็มีเพียงแค่นางเมื่อคิดได้เช่นนี้ หนิงซวงก็ตรงเข้าไปดึงเฉียวเนี่ยนเดินไปข้างนอก "คุณหนูตามข้าไปที่ๆ หนึ่ง!"แรงของยัยเด็กนี่มากมาตลอด เฉียวเนี่ยนได้แค่ถูกฝืนให้ตามไปโชคดีที่ไม่นานก็หยุดลงหนิงซวงลากเฉียวเนี่ยนมาที่สวนดอกไม้ตอนนี้กำลังเป็นเดือนห้า ดอกไม้ใบหญ้าแต่ละชนิดกำลังผลิดอกออกผล ภายใต้แสงแดด ทั้งสวนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาทว่า ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่สามารถสั่นคลอนเฉียวเนี่ยนได้เลยสักนิดนางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก้ไม่อยากปัดน้ำใจของหนิงซวง แต่ว่า...นางแค่อยากจะกลับไปพักอยู่เฉยๆ จริงๆทว่า จู่ๆ หนิงซวงวิ่งออกไปไกล พลางตะโกนใส่เฉียวเนี่ยน "คุณหนูดูสิ นี่คืออะไร?"หนิงซวงชี้ต้นไม้ที่อยู่ด
เพียงแต่ อาจเป็นเพราะนานมากแล้ว และไม่เหมือนสภาพอย่างจิ่งเหยียน ที่ในโลงศพยังรวยไปด้วยปูนขาว แขนขาดข้างนี้มีกลิ่นคาวเหม็นออกมาแล้วทำให้ฝ่าบาทอดบีบจมูกแน่นไม่ได้ ก่อนกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าให้เราดูอะไร?”ได้ยินเซียวเหิงกล่าว “ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่ารอยสักสีดำบนแขนที่ขาดนี้ดูคุ้นตาไหมพะย่ะค่ะ?”ได้ยินเช่นนี้ ฝ่าบาทก็อดทอดพระเนตรแขนขาดนั้นอีกครั้งไม่ได้ ก่อนพบว่าบนแขนขาดนั่นมีรอยสักสีดำรอยหนึ่งจริงๆ เมื่อเพ่งมองดูแล้ว มันคือหัวเสือ!“ตอนนั้นหนึ่งในโจรภูเขาที่ฆ่าหมิงอ๋องก็มีรอยสักสีดำนี้เช่นกัน เริ่มแรกกระหม่อมไม่ได้สนใจ ทว่าต่อมาพบว่า ในหมู่โจรภูเขาที่หยงเป่ยกลุ่มนั้น บนตัวคนที่มีวรยุทธล้ำเลิศต่างก็สักหัวเสือนี้พะย่ะค่ะ”จากคำพูดของเซียวเหิง ฝ่าบาทได้เดินอ้อมจากโต๊ะมาอยู่ด้านข้างแขนขาดนั่นแล้ว พลางโน้มตัวลง เพ่งมองอย่างละเอียดได้ยินแค่เพียง เสียงที่เหมือนผีโหยหวนเจือไปด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของเซียวเหิงดังเข้ามา "ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่า นี่คืออดีตหน่วยพยัคฆ์องครักษ์?"เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ฝ่าบาทก็ตกใจจนทรุดฮวบนั่งลงไปกับพื้นทันทีขันทีน้อยที่อยู่ด้านข้างตกใจ ปรี่จะเข้ามาพยุง
จวบจนกลับมาถึงห้องตัวเอง ความกราดเกรี้ยวและเสียใจที่สุมอยู่ในใจเฉียวเนี่ยนก็ยังไม่จางหายไปนางคิดว่า ชาติที่แล้วนางคงติดค้างหนี้เลือดหลินเย่ว์แน่ไม่เช่นนั้น เหตุใดทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะถูกทำลายด้วยวาจาเดียวของหลินเย่ว์?หมิงอ๋องก็เป็นอย่างนั้นจิ่งเหยียนเองก็ใช่!ทว่า หากชาติที่แล้วนางติดค้างหลินเย่ว์จริง เช่นนั้นก็ให้นางได้ชดใช้คนเดียวเหตุใด ต้องดึงจิ่งเหยียนเข้ามาเกี่ยวด้วย?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนทำอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่หนิงซวงมองดูอยู่ด้านข้างอย่างปวดใจ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ชี้ไปที่ของขวัญบนโต๊ะ “คุณหนู คุณหนูดูสิว่านั่นคืออะไร?”เมื่อมองไปตามที่หนิงซวงชี้ เฉียวเนี่ยนก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งหน้าซองจดหมาย มีเพียงอักษรตัวใหญ่สี่คำ “เซียวเหอเปิดเอง”ไม่ใช่ให้นางในตาเฉียวเนี่ยน อดเผยความผิดหวังออกมาไม่ได้ “เหตุใดจึงมีจดหมายเพียงฉบับเดียว? จิ่งโหรวบอกว่า เขาทิ้งของบางอย่างไว้ให้นางนี่นา!”หรือว่า จะมีแค่จดหมายนี้ที่ต้องส่งให้เซียวเหอ?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “สองวันก่อนหลัง
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
เฉียวเนี่ยนชะงักไป หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้ยินโจรภูเขานั่นพูดว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวเหิงส่งคนมาติดตามนาง พวกเขาก็คงนึกไม่ถึงว่าข้างในโลงศพจะเป็นจิ่งเหยียนเมื่อคืน คงไม่เกิดฉากนองเลือดนั่นขึ้นไม่แน่เวลานี้ นางคงออกจากหยงเป่ยไปแล้วโทษเขาเหรอ?สติบอกนางว่า ไม่ควรโทษเขาความตั้งใจเดิมของเซียวเหิงคือปกป้องนางให้ปลอดภัย ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อคืนจะมีโจรภูเขาปรากฏตัวออกมาอีกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะโจรภูเขาโหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้คนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่เด็กทารกที่อยู่ในผ้าห่อก็ยังไม่เว้นหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทคงไม่ส่งทหารมาในคืนนั้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแต่ว่า...มันเกิดขึ้นไปแล้วจิ่งเหยียนตายแล้ว คนมากมาย ก็ตายสิ้นไปแล้วนางมิอาจกล่าว 'ไม่โทษ' สองคำนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งได้ใจของนาง ตำหนิคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนอย่างคลุมเครือแต่ที่มากไปกว่านั้น นางโทษตัวนางเองมากกว่า...นางไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า นั่งอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเสงี่ยมเนื่องจากกังวลว่าจะมีโจรภูเขามาก่อความวุ่นวายอีก ทั้งสองจึงรอกำลังเสริมที่หลัวซ่างส่งมาถึงก
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต