หนิงซวงปล่อยม่านรถลง ก่อนหันไปกล่าวกับเฉียวเนี่ยนอย่างทนไม่ไหว “คุณหนู ดูเหมือนปีนี้คนที่วันฝ่าหัวจะมากมว่าปีก่อนๆ อีก!”เฉียวเนี่ยนรู้สึกค่อยข้างมีความสุข“แสดงว่าวันฝ่าหัวแม่นจริงๆ ”หนิงซวงพยักหน้ารัว “แม่นมากเจ้าค่ะ! ได้ยินว่าขอเรื่องบุพเพวาสนาแม่นที่สุดเจ้าค่ะ!”ได้ยินเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนกลับยิ้มไม่พูดอะไรนางคิดว่า วันฝ่าหัวแม่นทุกอย่าง แต่เรื่องบุพเพวาสนาไม่แม่นที่สุดไม่อย่างนั้น สามปีก่อนนางควรได้แต่งกับเซียวเหิงไปแล้วขณะคิดอยู่นั้น นางก็อดส่ายหน้าพลางยิ้มแผ่วเบาไม่ได้แต่โชคดีที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ตัวนางคงตกอยู่กองไฟ มิอาจถอนตัวออกมาได้ไม่นาน รถม้าก็มาหยุดอยู่นอกวันฝ่าหัวหนิงซวงลงไปจากรถม้าก่อน จากนั้นก็หันมาพยุงเฉียวเนี่ยนแต่ไม่คิดเลยว่า ทันทีที่เท้าเฉียวเนี่ยนแตะพื้น เสียงเยาะเย้ยก็ดังมาจากที่ไม่ไกลนัก“ข้าก็คิดว่าบ่าวผู้ใดใจกล้าเช่นนี้ถึงกับกล้านั่งรถคันเดียวกับเจ้านาย ที่แท้ก็คุณหนูตระกูลหลินนี่เอง!”“คุณหนูตระกูลหลินอะไร? นั่นมันแม่นางเฉียวชัดๆ !”“โอ้วใช่ใช่ใช่ ข้ากลับลืมนี่ไปเสียได้!”เสียงโครตคุ้นเคย เฉียวเนี่ยนไม่ต้องมองก็รู้ว่าอีกฝ่ายเป็
ฝูงชนทั้งหลายต่างตะลึงงัน “หมิงอ๋องหรือ?”จากนั้นจึงทยอยคุกเข่าทำความเคารพ “คารวะหมิงอ๋อง”เฉียวเนี่ยนอยากคุกเข่าเช่นกัน ทว่ากลับถูกหมิงอ๋องรั้งไว้หมิงอ๋องหรี่ตา กวาดมองเหล่าธารกำนัลรอบหนึ่ง มิได้สั่งให้ลุก แต่กลับกุมมือเฉียวเนี่ยนไว้ต่อหน้าทุกคน “วันหน้า ที่พึ่งของนางคือข้า ผู้ใดริอ่านพุดวาจาหยาบคายกับนางถือว่าไม่เคารพข้า เข้าใจหรือไม่?”ตลอดสามปีที่ผ่านมา ล้วนเป็นเฉียวเนี่ยนที่ต้องคุกเข่าให้ผู้อื่นตลอด ต่อให้เคยเป็นที่โปรดปรานในจวนโหวมาสิบห้าปี นางก็ไม่เคยสัมผัสถึงความรู้สึกที่ฝูงชนรอบตัวคุกเข่าให้นางสักครั้งทว่าชั่วเวลานี้ นางยืนอยู่ข้างหมิงอ๋อง ทอดสายตาลงไปยังเหล่าคุณหนูนายน้อยที่ประโคมอาภรณ์หรูหรารอบด้านแล้ว กลับมิได้มีความรู้สึกแอบปรีดาหรือรู้สึกสูงส่งเหนือกว่าแต่อย่างใดทว่ากลับรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงซึ่งความรู้สึกเหมือนไม่ใช่ความจริงนี้ ทำเอานางสับสนนางอยากดึงมือตัวเองกลับมา ทว่าหมิงอ๋องกำไว้แน่น นางค่อยๆ ดิ้นรนอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็เสียแรงเปล่ากระนั้นก็มิกล้ากระทำการใหญ่โตเกินเหตุ อย่างไรเสียที่หมิงอ๋องโผล่มาในเวลานี้ก็เพื่อช่วยหนุนหลังนาง ไหนเลยนางจะหักหน้าเข
ทว่าเฉียวเนี่ยนในตอนนี้แค่อยากอยู่ในมุมเงียบๆ ทางที่ดีคือไม่ต้องให้ใครได้พบเจอทั้งสิ้นเฉกเช่นยามนี้ ดูเล่นใหญ่เรียกร้องความสนใจเกินไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น แม้นางตอบรับการแต่งงานครานี้ไป แต่อย่างไรเสียก็ยังมิได้รับการเห็นชอบจากฮ่องเต้ ถือว่าเรื่องราวไม่มีทีท่าจะเกิดด้วยซ้ำไม่ควรจับมือหมิงอ๋องต่อหน้าสายตาฝูงชนจริงๆโชคดี หลังจากหมิงอ๋องเข้าวัดไปก็เจอเจ้าอาวาสวัดฝ่าหัว ยามประกอบพิธีทางศาสนาจึงปล่อยมือเฉียวเนี่ยนไปเองเฉียวเนี่ยนรีบดึงมือกลับมา ลอบถอนหายใจบางเบาท่านเจ้าอาวาสเดินเข้ามาต้อนรับหมิงอ๋องเป็นพิเศษ เขาต้องการเทศนาธรรมให้หมิงอ๋องหมิงอ๋องหันมองเฉียวเนี่ยน “เจ้าไปรอข้างข้างนอก หนึ่งชั่วยามก็เสร็จแล้ว สายหน่อยข้าจะพาเจ้าไปที่แห่งหนึ่ง”วันนี้เฉียวเนี่ยนมิได้ตั้งใจออกมานานนัก แค่อยากขอเครื่องรางคุ้มครองแล้วกลับ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของหมิงอ๋องแล้ว ไม่เพียงชะงักไป แต่หมิงอ๋องพูดจบก็จากไป ไม่ได้หันมองว่าเฉียวเนี่ยนมีปฏิกิริยาเช่นไรกระทั่งแผ่นหลังหมิงอ๋องหายลับจากสายตา หนิงซวงที่อยู่ด้านหลังเมื่อครู่ก็ปรี่เข้ามา ถามเสียงเบาอย่างมิอาจทนไหว“คุณหนู ฝ่าบาทหมิงอ๋องรู้ได้เช่นไรว่า
ทุกคนตะลึงงันในบัดดลไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าเฉียวเนี่ยนจะตบเซียวชิงหน่วนอย่างไม่มีบอกกล่าวเช่นนี้!ดังนั้น ต่อให้ข้างกายเซียวชิงหน่วนจะเป็นเซียวเหิงกับหลินเย่ว์ ก็ไม่มีใครขัดขวางฝ่ามือนี้ตบบนหน้านางได้ทว่าฝ่ามือนี้กลับเหมือนปลุกฝูงชนที่เคยเงียบงันให้ตื่นขึ้นหลินเย่ว์ปรี่ขึ้นมาก้าวหนึ่ง คว้ามือเฉียวเนี่ยนไว้ “เจ้าทำอะไร? ยังไม่ขอโทษแม่นางเซียวอีก!”ดวงตาเย็นเยียบของเฉียวเนี่ยนปราดมองมายังหลินเย่ว์ “ปล่อย”เสียงไม่ดัง ทั้งยังไม่ได้มีอานุภาพร้ายแรงแต่อย่างใดแต่คำพูดราบเรียบเดาใจไม่ออกสองคำนี้ กลับทำเอาหัวใจหลินเย่ว์กระตุกหดตัวทันทีเขาปล่อยมืออย่างลืมตัวเฉียวเนี่ยนดึงมือกลับ ลูบข้อมือปวดหนึบที่ถูกหลินเย่ว์บีบไว้ เสียงหลินยวนข้างๆดังขึ้นตาม “ท่านพี่ ถึงวาจาแม่นางเซียวจะขัดหูไปบ้าง แต่ท่านไม่ควรลงไม้ลงมือ ทั้งยังในวัดวา......เช่นนี้จะถูกพระโพธิสัตว์ลงโทษเอา!”แต่เฉียวเนี่ยนกลับไม่แม้แต่มองหลินยวน เอ่ยเสียงราบเรียบตอบ “หากเจ้ายังปากมากแม้อีกคำเดียว แม้แต่เจ้าข้าก็ตบไม่เว้น”หลินยวนกระบอกตาแดงก่ำ มองเฉียวเนี่ยนด้วยความน้อยใจหากแต่เฉียวเนี่ยนกลับมองไปยังเซียวเหิง “แม่ทัพเซียวมีอะไ
ทว่า ยังคงตอกกลับอีกเรื่องหนึ่งได้ “ท่านเซียวพูดจาน่าขันยิ่ง ข้าแซ่เฉียว ไฉนต้องถึงมือแซ่หลินให้มาสอนด้วย”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ระเบิดโทสะ “เจ้าอย่าอวดดีนัก!”“คนที่อวดดีคือพวกเจ้า!” วันนี้เฉียวเนี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ข้าแค่อยากมาขอเครื่องรางคุ้มครองให้ท่านย่าเท่านั้น ท้ายสุดมันไปขัดขวางเรื่องอะไรพวกเจ้ากัน? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสูงส่งชี้หน้าวิจารณ์ข้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า หลินเย่ว์! ยามข้าโดนสาดสีใส่ร้ายเจ้าทำได้แค่เงียบไปปริปาก ยามนี้คิดจะวางมาดมาสั่งสอนข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า!” หลินเย่ว์ตะคอกด้วยความโกรธจัดถึงแม้วันนี้เซียวชิงหน่วนเป็นฝ่ายผิด แต่ไมตรีของสองครอบครัวนั้นแน่นแฟ้น ทุกอย่างรอกลับจวนแล้วค่อยว่ากันได้ เขาเองก็ไปร้องเรียนบิดามารดาตระกูลเซียวด้วยตัวเองได้ ให้พวกเขาสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดีไม่ว่าอย่างไร เฉียวเนี่ยนก็ไควรลงไม้ลงมือ!แต่ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา “เจ้าว่าอะไร? พี่ชาย? อย่าทำให้น่าขันไปมากกว่านี้เลย!”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตะโกนรุนแรงกว่าเดิม แทบอยากผรุสวาทด่าไปแล้ว
หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกันใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้? เขาเป็นอะไรไป?ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!ทว่า อีกครั้งแล้วหรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใดเฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ
“ใช่แล้ว เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจวนโหวอยู่แล้ว อาศัยความร่ำรวยมั่งคั่งที่ได้รับมาหลายปีอย่างเสียเปล่ายังไม่พอใจอีกหรือ?”“มันมากเกินไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแช่งให้พี่ชายของตัวเองไปตาย พระโพธิสัตว์กําลังจะโกรธแล้วจริงๆ ”พอคนพวกนั้นพูด คนรอบข้างที่จําเฉียวเนี่ยนไม่ได้ก็เริ่มคล้อยตามกัน ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนกลายเป็นคนที่คนนับหมื่นชี้หน้าด่าประจานแต่ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉียวเนี่ยนถูกทุบตีจนชินแล้วหรือเปล่า นางถูกทุบตีอย่างหนักขนาดนี้ยังลุกขึ้นมาได้นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผชิญหน้ากับคําตําหนิของทุกคนก็เพียงแค่ถ่มน้ำลายไปด้านข้างอย่างลวกๆถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้ำลายที่เจือปนไปด้วยของเหลวแดงก่ำ ดูจากสีหน้าของนางแล้วคงดูไม่ออกว่านางเคยโดนตีมาก่อนนางเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆซ่งไป๋เซวียน เซียวชิงหน่วน หลินยวน เซียวเหิง...พวกเขาบางคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนเสแสร้งแกล้งทํา และบางคนก็มีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุด สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ตกลงบนใบหน้าของหลินเย่ว์ใบหน้านี้เคยแกล้งทําเป็นน่าเกลียดเพื่อเอาใจนาง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนางมีเพียงค
เมื่อเห็นหมิงอ๋อง ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทําความเคารพเซียวเหิงเป็นคนที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ดังนั้นตอนนี้จึงทําได้เพียงประสานมือคํานับเท่านั้นส่วนเฉียวเนี่ยนยังไม่ทันคุกเข่าก็ถูกหมิงอ๋องจับไว้แล้วมือใหญ่ของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เมื่อผสมปนเปกับนาง สามารถรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของนางได้อย่างชัดเจนเขาไม่คิดเลยว่านางที่รับมือกับการทุบตีของหลินเย่ว์อย่างใจเย็นต่อหน้าทุกคน กลับตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เฉียวเนี่ยนก็ไม่รู้ว่าหมิงอ๋องที่ออกไปกับเจ้าอาวาสแล้วทําไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมา แต่ในขณะนี้ นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับการปรากฏตัวของหมิงอ๋องหลินเย่ว์ลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางยืนไม่มั่นคงมานานแล้ว หากหมิงอ๋องไม่ปรากฏตัวออกมาทันเวลา เกรงว่านางคงล้มลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคนแล้ว“ขอบคุณเพคะ”นางกล่าวขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เสียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอที่จะทําให้คนนอกได้ยินแต่หมิงอ๋องกลับได้ยินอย่างชัดเจนคําเล็กๆ น้อยๆ สองคํานี้เป็นเหมือนเข็มสองเล่มที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาจนทําให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนทันใดนั้นก
นางกลัวว่าระหว่างทางจะเจอกับอันตราย อาจทำร้ายหนิงซวงได้นางทำร้ายคนไปไม่น้อยแล้วนางมิอาจให้หนิงซวงตามนางได้ทว่าหนิงซวงไม่ยอมอย่างเห็นได้ชัด ไม่นานดวงหน้านั้นก็ร่ำไห้ออกมา "คุณหนูอยากหาคนเฝ้า บ่าวไปหามาให้ได้ ขอร้องคุณหนูพาบ่าวไปด้วย บ่าวไม่อยากแยกกับคุณหนู!"เห็นหนิงซวงดื้อดึงเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนรู้สึกหงุดหงิดในใจอย่างมาก นางไม่อยากให้หนิงซวงเสียใจมากเกินไป เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ "เช่นนั้น เรื่องนี้ไว้เราค่อยคุยกัน เจ้าไปร้านเสื้อผ้าซื้อชุดผู้ชายแทนข้ามาสองชุดได้หรือไม่?"ออกไปข้างนอก แต่งชุดผู้ชายสะดวกกว่าหนิงซวงถึงได้ปาดน้ำตา และพยักหน้า "เช่นนั้น บ่าวไปครู่เดียวเดี๋ยวกลับ คุณหนูรอบ่าวกลับมานะเจ้าค่ะ""อืม"เฉียวเนี่ยนขานรับ หนิงซวงก็ปาดน้ำตาเดินจากไปนางถึงได้กลับไปห้อง เตรียมเก็บสัมภาระง่ายๆ ทว่ากลับมองจดหมายฉบับนั้นที่อยู่ไม่ไกลอย่างแปลกใจมันคือจดหมายที่จิ่งเหยียนมอบให้เซียวเหอนางเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปแล้ว!ในเมื่อจะจากไป เช่นนั้นก่อนไปนางต้องนำจดหมายฉบับนี้ไปมอบถึงมือเซียวเหอเสียก่อนคิดได้เช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็หยิบจดหมายออกจากบ้านไปคร
เจ็ดวันต่อมาเฉียวเนี่ยนกำลังนั่งอยู่ในห้อง มองลานบ้านเล็กๆ ของนอกห้องนั้นด้วยความเหม่อลอยตอนที่หนิงซวงมา สิ่งที่เห็นก็เป็นภาพเช่นนี้ซึ่งเป็นมาติดต่อกันเจ็ดวันแล้วคุณหนูของนางตื่นมาก็ไม่ทำอะไร ได้แค่เหม่อลอย และซูบผอมลงทุกวันนางรู้ การตายของฮูหยินเฒ่ากับรองแม่ทัพจิ่งเป็นเหมือนดังน้ำวน กำลังดึงคุณหนูนางจมสู่ก้นบึ้งอันมืดมิดที่สุดและตอนนี้คนที่สามารถดึงคุณหนูนางออกมาได้ ก็มีเพียงแค่นางเมื่อคิดได้เช่นนี้ หนิงซวงก็ตรงเข้าไปดึงเฉียวเนี่ยนเดินไปข้างนอก "คุณหนูตามข้าไปที่ๆ หนึ่ง!"แรงของยัยเด็กนี่มากมาตลอด เฉียวเนี่ยนได้แค่ถูกฝืนให้ตามไปโชคดีที่ไม่นานก็หยุดลงหนิงซวงลากเฉียวเนี่ยนมาที่สวนดอกไม้ตอนนี้กำลังเป็นเดือนห้า ดอกไม้ใบหญ้าแต่ละชนิดกำลังผลิดอกออกผล ภายใต้แสงแดด ทั้งสวนเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาทว่า ความมีชีวิตชีวาเช่นนี้ไม่สามารถสั่นคลอนเฉียวเนี่ยนได้เลยสักนิดนางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก้ไม่อยากปัดน้ำใจของหนิงซวง แต่ว่า...นางแค่อยากจะกลับไปพักอยู่เฉยๆ จริงๆทว่า จู่ๆ หนิงซวงวิ่งออกไปไกล พลางตะโกนใส่เฉียวเนี่ยน "คุณหนูดูสิ นี่คืออะไร?"หนิงซวงชี้ต้นไม้ที่อยู่ด
เพียงแต่ อาจเป็นเพราะนานมากแล้ว และไม่เหมือนสภาพอย่างจิ่งเหยียน ที่ในโลงศพยังรวยไปด้วยปูนขาว แขนขาดข้างนี้มีกลิ่นคาวเหม็นออกมาแล้วทำให้ฝ่าบาทอดบีบจมูกแน่นไม่ได้ ก่อนกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เจ้าให้เราดูอะไร?”ได้ยินเซียวเหิงกล่าว “ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่ารอยสักสีดำบนแขนที่ขาดนี้ดูคุ้นตาไหมพะย่ะค่ะ?”ได้ยินเช่นนี้ ฝ่าบาทก็อดทอดพระเนตรแขนขาดนั้นอีกครั้งไม่ได้ ก่อนพบว่าบนแขนขาดนั่นมีรอยสักสีดำรอยหนึ่งจริงๆ เมื่อเพ่งมองดูแล้ว มันคือหัวเสือ!“ตอนนั้นหนึ่งในโจรภูเขาที่ฆ่าหมิงอ๋องก็มีรอยสักสีดำนี้เช่นกัน เริ่มแรกกระหม่อมไม่ได้สนใจ ทว่าต่อมาพบว่า ในหมู่โจรภูเขาที่หยงเป่ยกลุ่มนั้น บนตัวคนที่มีวรยุทธล้ำเลิศต่างก็สักหัวเสือนี้พะย่ะค่ะ”จากคำพูดของเซียวเหิง ฝ่าบาทได้เดินอ้อมจากโต๊ะมาอยู่ด้านข้างแขนขาดนั่นแล้ว พลางโน้มตัวลง เพ่งมองอย่างละเอียดได้ยินแค่เพียง เสียงที่เหมือนผีโหยหวนเจือไปด้วยความเยือกเย็นและเหน็บหนาวของเซียวเหิงดังเข้ามา "ฝ่าบาทรู้สึกไหมว่า นี่คืออดีตหน่วยพยัคฆ์องครักษ์?"เมื่อได้ยินประโยคสุดท้าย ฝ่าบาทก็ตกใจจนทรุดฮวบนั่งลงไปกับพื้นทันทีขันทีน้อยที่อยู่ด้านข้างตกใจ ปรี่จะเข้ามาพยุง
จวบจนกลับมาถึงห้องตัวเอง ความกราดเกรี้ยวและเสียใจที่สุมอยู่ในใจเฉียวเนี่ยนก็ยังไม่จางหายไปนางคิดว่า ชาติที่แล้วนางคงติดค้างหนี้เลือดหลินเย่ว์แน่ไม่เช่นนั้น เหตุใดทุกครั้งที่นางรู้สึกว่าชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะถูกทำลายด้วยวาจาเดียวของหลินเย่ว์?หมิงอ๋องก็เป็นอย่างนั้นจิ่งเหยียนเองก็ใช่!ทว่า หากชาติที่แล้วนางติดค้างหลินเย่ว์จริง เช่นนั้นก็ให้นางได้ชดใช้คนเดียวเหตุใด ต้องดึงจิ่งเหยียนเข้ามาเกี่ยวด้วย?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนทำอย่างไรก็ห้ามไม่อยู่หนิงซวงมองดูอยู่ด้านข้างอย่างปวดใจ ทว่าจู่ๆ ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ชี้ไปที่ของขวัญบนโต๊ะ “คุณหนู คุณหนูดูสิว่านั่นคืออะไร?”เมื่อมองไปตามที่หนิงซวงชี้ เฉียวเนี่ยนก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งหน้าซองจดหมาย มีเพียงอักษรตัวใหญ่สี่คำ “เซียวเหอเปิดเอง”ไม่ใช่ให้นางในตาเฉียวเนี่ยน อดเผยความผิดหวังออกมาไม่ได้ “เหตุใดจึงมีจดหมายเพียงฉบับเดียว? จิ่งโหรวบอกว่า เขาทิ้งของบางอย่างไว้ให้นางนี่นา!”หรือว่า จะมีแค่จดหมายนี้ที่ต้องส่งให้เซียวเหอ?น้ำตาของเฉียวเนี่ยนเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง แต่ไม่คิดเลยว่าจู่ๆ หนิงซวงจะนึกอะไรขึ้นมาได้ กล่าว “สองวันก่อนหลัง
เฉียวเนี่ยนรู้ ฮูหยินหลินมาเพื่อปลอบใจนางเพียงแต่ คำพูดปลอบใจนี้ ช่างไม่น่าฟังเลยจริงๆอะไรคือแต่ละคนมีชะตาเป็นของตัวเอง?จิ่งเหยียนสมควรตายหรือ?นางขมวดคิ้วมุ่น แต่กลับไร้เรี่ยวแรงโต้เถียงกับพวกเขาจริงๆได้เพียงสูดหายใจเข้าลึก ก่อนกล่าวด้วยความถอดทอนใจ "ข้าตัดสายสัมพันธ์กับจวนโหวไปแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนโหว หวังว่าจากนี้ไปทั้งสองท่านจะไม่มาอีก"ว่าจบ นางถึงได้ยกเท้าก้าวเข้าไปในจวนเสียงคำรามของหลินเย่ว์ดังตามหลังมาอย่างไม่แปลกใจ "เฉียวเนี่ยน! เจ้าอย่าไม่รู้จักชั่วดีไปหน่อยเลย! ปกติท่านแม่ไม่เคยย่างก้าวออกจากบ้านเลย เป็นเพราะเป็นห่วงเจ้าถึงได้ตั้งใจมาหา!"เฉียวเนี่ยนชะงักฝีเท้า ค่อยๆ กำหมัด ก่อนถาม "แล้วท่านล่ะ?"ได้ยินเช่นนี้ หลินเย่ว์ก็ชะงักไป ไม่รู้ว่าเฉียวเนี่ยนหมายถึงอะไรแต่กลับเห็นว่าจู่ๆ เฉียวเนี่ยนก็หันกลับมามองเขา แววตาแฝงไปด้วยการพิจารณาและสอบถาม “แล้วเหตุใดท่านถึงมาหนนี้? เพราะเป็นห่วงข้า หรือว่ามีความรู้สึกผิดอยู่ในใจ?”ความจริงนางมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจมาตลอดทั้งๆ ที่ตอนจิ่งเหยียนส่งนางกลับจวนวันนั้นเขาก็ยังดีๆ อยู่เลย เมื่อก่อนไม่เค
กลับไปอย่างเงียบสงบ ก็คือมีแค่พวกเขาครอบครัวสี่คนไม่มีเซียวเหิงและไม่มีเฉียวเนี่ยน...นับจากนี้ไป พวกผู้สูงศักดิ์ในเมืองหลวงเหล่านี้ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาอีกเซียวเหิงพยักหน้าเล็กน้อยเขารู้สิ่งที่พ่อของจิ่งเหยียนคิดในใจ ย่อมไม่ฝืนบังคับเฉียวเนี่ยนเองก็เข้าใจนางสูดหายใจเข้าลึกและก้าวไปข้างหน้า เดินมาหยุดอยู่ข้างแม่ของจิ่งเหยียนที่ร่ำไห้จนไร้เรี่ยวแรง ถอดกำไลหยกบนข้อมือออก "กำไลหยกนี้ ข้าไม่คู่ควร..."แต่ไม่คิดเลยว่า นางยังไม่ทันพูดจบ แม่ของจิ่งเหยียนก็กดมือนางไว้ แม้ใบหน้าจะเต็มไปด้วยความเสียใจ กระนั้นแม่ของจิ่งเหยียนก็ยังฝืนยกยิ้มให้เฉียวเนี่ยน "นี่ให้เจ้าแล้ว ก็เป็นของเจ้า หากเจ้าคืนให้ข้า คงทำให้เหยียนเอ๋อร์เสียใจ"เฉียวเนี่ยนมองแม่ของจิ่งเหยียนด้วยความอึ้งให้นางเก็บรักษากำไรหยกนี้ไว้ ก็แสดงว่าครอบครัวตระกูลจิ่ง ยังยอมรับนางนางนึกไม่ถึงเลยว่าเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ตระกูลจิ่งยังยอมรับนางอยู่อีก!ความเสียใจอันขมขื่นนั้นแล่นขึ้นสู่ใจ เฉียวเนี่ยนอดสวมกอดแม่ของจิ่งเหยียนแน่นไม่ได้ ทั้งซาบซึ้ง ทั้งรู้สึกผิดแม่ของจิ่งเหยียนตบหลังเฉียวเนี่ยนเบาๆ เป็นการปลอบโยน ทว่าไ
เป็นนางที่ทำให้พ่อแม่ของจิ่งเหยียนไม่มีลูกชาย เป็นนางที่ทำให้จิ่งโหรวไม่มีพี่ใหญ่ทั้งหมดเป็นความผิดของนางแต่ไม่คิดเลยว่า เสียงร่ำไห้ของจิ่งโหรวยิ่งเศร้าอาดูรมากขึ้น "แต่หากพี่ข้าเห็นข้าตำหนิเจ้า เขาต้องโกรธข้าแน่..."ประโยคนี้ ประหนึ่งมีดแหลมคม กรีดลงกลางใจเฉียวเนี่ยนอย่างแรงนางเงยหน้ามองจิ่งโหรวอย่างไร่รู้จะทำอย่างไร ก็เห็นอีกฝ่ายร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วทว่าแม้จะเป็นเช่นนี้ จิ่งโหรวก็ยังพยายามทำให้ตัวเองพูดออกมา "ก่อนตายพี่ข้า พี่ข้าบอกกับข้าว่า เขาไม่เคยสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนเลยชีวิตนี้ เขาแค่อยากให้เจ้าปลอดภัย มีความสุข ต่อให้ต้องเสียสละชีวิตตัวเอง ก็ยินยอมอย่างเต็มใจ""เฉียวเนี่ยน พี่ข้าเสียสละชีวิตจริงๆ ดังนั้น ดังนั้นเจ้าต้องรอดปลอดภัย มีความสุข! ไม่เช่นนั้น ไม่เช่นนั้นข้าไม่ให้อภัยเจ้าแน่!"เพราะว่า นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของพี่ชายนางจิ่งโหรวพูดเสร็จ ก็ร้องไห้จนพูดไม่ออกสักคำนางไม่เข้าใจ เหตุใดบนโลกนี้ถึงมีคนโง่ใช้ชีวิตัวเองแลกกับความปลอดภัยและความสุขของคนคนหนึ่งด้วย?ทว่า นี่คือสิ่งที่พี่ชายนางพูด เช่นนั้นนางก็ไม่ควรอกตัญญูหนิงซวงรีบวิ่งเข้าไปกอดจิ่งโหรวไว้ จิ่
เฉียวเนี่ยนชะงักไป หวนนึกถึงเมื่อคืนที่ได้ยินโจรภูเขานั่นพูดว่า หากไม่ใช่เพราะเซียวเหิงส่งคนมาติดตามนาง พวกเขาก็คงนึกไม่ถึงว่าข้างในโลงศพจะเป็นจิ่งเหยียนเมื่อคืน คงไม่เกิดฉากนองเลือดนั่นขึ้นไม่แน่เวลานี้ นางคงออกจากหยงเป่ยไปแล้วโทษเขาเหรอ?สติบอกนางว่า ไม่ควรโทษเขาความตั้งใจเดิมของเซียวเหิงคือปกป้องนางให้ปลอดภัย ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเมื่อคืนจะมีโจรภูเขาปรากฏตัวออกมาอีกอย่าง จะว่าไปแล้วเรื่องในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะโจรภูเขาโหดเหี้ยมเกินไป สังหารผู้คนทั้งหมู่บ้าน แม้แต่เด็กทารกที่อยู่ในผ้าห่อก็ยังไม่เว้นหากไม่ใช่เพราะเหตุนี้ ฝ่าบาทคงไม่ส่งทหารมาในคืนนั้น และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นแต่ว่า...มันเกิดขึ้นไปแล้วจิ่งเหยียนตายแล้ว คนมากมาย ก็ตายสิ้นไปแล้วนางมิอาจกล่าว 'ไม่โทษ' สองคำนี้ออกมาอย่างสงบนิ่งได้ใจของนาง ตำหนิคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ทุกคนอย่างคลุมเครือแต่ที่มากไปกว่านั้น นางโทษตัวนางเองมากกว่า...นางไม่พูดอะไร ได้แต่ก้มหน้า นั่งอยู่อย่างนั้นด้วยความสงบเสงี่ยมเนื่องจากกังวลว่าจะมีโจรภูเขามาก่อความวุ่นวายอีก ทั้งสองจึงรอกำลังเสริมที่หลัวซ่างส่งมาถึงก
ทว่าหูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้เฉียวเนี่ยนถอยหลังโดยทันที และตะโกนด้วยความระแวดระวังออกมา “อย่าเข้ามานะ!”ทว่าเสียงฝีเท้านั้นไม่หยุด เฉียวเนี่ยนเหวี่ยงดาบในมือออกไปอย่างแรงด้วยความตื่นตระหนกเซียวเหิงไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะลงมือกับตัวเอง จึงรีบถอยหลังไปก้าวหนึ่งดาบยาวเฉือนผ่านแขนเสื้อเขาไปเฉียวเนี่ยนสัมผัสได้ว่าตนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บ ก็เหวี่ยงดาบไปข้างหน้าอีกครั้งแต่ไม่คาดคิดเลยว่า อีกฝ่ายจะคว้าข้อมือนางไว้ทันที และไม่รอให้นางได้ตอบสนองกลับ ก็ดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด"ไม่ต้องกลัว ข้าเอง"เสียงที่ดังมาจากเหนือหัว ทำให้เฉียวเนี่ยนที่ยังคิดจะขัดขืนหยุดชะงักลงทันทีตัวนางแข็งทื่อ ทำเพียงแค่ถามราวกับหยั่งเชิงก็ไม่ปาน "เซียว เหิง?""อืม ข้าเอง"เสียงทุ้มต่ำนั้นกล่าว "ไม่เป็นไรแล้ว"ไม่เป็นไรแล้วหรือ?ร่างที่หดเกร็งของเฉียวเนี่ยนก็คลายลงในชั่วพริบตา ทว่าแค่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นนางรีบใช้เสื้อของเซียวเหิงเช็ดคาบเลือดบนหน้าให้สะอาด จากนั้นผลักเขาออก กุลีกุจรออกไปนอกป่าฝาโลงศพถูกเปิดออก!เฉียวเนี่ยนตกใจ รีบปีนขึ้นรถม้า ครั้นเห็นร่างของจิ่งเหยียนสมบูรณ์ไร้รอยต