ทว่า ยังคงตอกกลับอีกเรื่องหนึ่งได้ “ท่านเซียวพูดจาน่าขันยิ่ง ข้าแซ่เฉียว ไฉนต้องถึงมือแซ่หลินให้มาสอนด้วย”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ระเบิดโทสะ “เจ้าอย่าอวดดีนัก!”“คนที่อวดดีคือพวกเจ้า!” วันนี้เฉียวเนี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ข้าแค่อยากมาขอเครื่องรางคุ้มครองให้ท่านย่าเท่านั้น ท้ายสุดมันไปขัดขวางเรื่องอะไรพวกเจ้ากัน? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสูงส่งชี้หน้าวิจารณ์ข้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า หลินเย่ว์! ยามข้าโดนสาดสีใส่ร้ายเจ้าทำได้แค่เงียบไปปริปาก ยามนี้คิดจะวางมาดมาสั่งสอนข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า!” หลินเย่ว์ตะคอกด้วยความโกรธจัดถึงแม้วันนี้เซียวชิงหน่วนเป็นฝ่ายผิด แต่ไมตรีของสองครอบครัวนั้นแน่นแฟ้น ทุกอย่างรอกลับจวนแล้วค่อยว่ากันได้ เขาเองก็ไปร้องเรียนบิดามารดาตระกูลเซียวด้วยตัวเองได้ ให้พวกเขาสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดีไม่ว่าอย่างไร เฉียวเนี่ยนก็ไควรลงไม้ลงมือ!แต่ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา “เจ้าว่าอะไร? พี่ชาย? อย่าทำให้น่าขันไปมากกว่านี้เลย!”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตะโกนรุนแรงกว่าเดิม แทบอยากผรุสวาทด่าไปแล้ว
หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกันใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้? เขาเป็นอะไรไป?ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!ทว่า อีกครั้งแล้วหรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใดเฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ
“ใช่แล้ว เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจวนโหวอยู่แล้ว อาศัยความร่ำรวยมั่งคั่งที่ได้รับมาหลายปีอย่างเสียเปล่ายังไม่พอใจอีกหรือ?”“มันมากเกินไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแช่งให้พี่ชายของตัวเองไปตาย พระโพธิสัตว์กําลังจะโกรธแล้วจริงๆ ”พอคนพวกนั้นพูด คนรอบข้างที่จําเฉียวเนี่ยนไม่ได้ก็เริ่มคล้อยตามกัน ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนกลายเป็นคนที่คนนับหมื่นชี้หน้าด่าประจานแต่ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉียวเนี่ยนถูกทุบตีจนชินแล้วหรือเปล่า นางถูกทุบตีอย่างหนักขนาดนี้ยังลุกขึ้นมาได้นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผชิญหน้ากับคําตําหนิของทุกคนก็เพียงแค่ถ่มน้ำลายไปด้านข้างอย่างลวกๆถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้ำลายที่เจือปนไปด้วยของเหลวแดงก่ำ ดูจากสีหน้าของนางแล้วคงดูไม่ออกว่านางเคยโดนตีมาก่อนนางเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆซ่งไป๋เซวียน เซียวชิงหน่วน หลินยวน เซียวเหิง...พวกเขาบางคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนเสแสร้งแกล้งทํา และบางคนก็มีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุด สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ตกลงบนใบหน้าของหลินเย่ว์ใบหน้านี้เคยแกล้งทําเป็นน่าเกลียดเพื่อเอาใจนาง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนางมีเพียงค
เมื่อเห็นหมิงอ๋อง ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทําความเคารพเซียวเหิงเป็นคนที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ดังนั้นตอนนี้จึงทําได้เพียงประสานมือคํานับเท่านั้นส่วนเฉียวเนี่ยนยังไม่ทันคุกเข่าก็ถูกหมิงอ๋องจับไว้แล้วมือใหญ่ของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เมื่อผสมปนเปกับนาง สามารถรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของนางได้อย่างชัดเจนเขาไม่คิดเลยว่านางที่รับมือกับการทุบตีของหลินเย่ว์อย่างใจเย็นต่อหน้าทุกคน กลับตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เฉียวเนี่ยนก็ไม่รู้ว่าหมิงอ๋องที่ออกไปกับเจ้าอาวาสแล้วทําไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมา แต่ในขณะนี้ นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับการปรากฏตัวของหมิงอ๋องหลินเย่ว์ลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางยืนไม่มั่นคงมานานแล้ว หากหมิงอ๋องไม่ปรากฏตัวออกมาทันเวลา เกรงว่านางคงล้มลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคนแล้ว“ขอบคุณเพคะ”นางกล่าวขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เสียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอที่จะทําให้คนนอกได้ยินแต่หมิงอ๋องกลับได้ยินอย่างชัดเจนคําเล็กๆ น้อยๆ สองคํานี้เป็นเหมือนเข็มสองเล่มที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาจนทําให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนทันใดนั้นก
เมื่อสบสายตาดุดันของหมิงอ๋อง เซียวเหิงก็ตอบกลับด้วยแววตาดุดัน “กระหม่อมเพียงคํานึงถึงภาพรวมเป็นสําคัญ”ในเมื่อหมิงอ๋องจะเกี่ยวดองกับจวนโหว ก็ไม่ควรทําเรื่องให้น่าเกลียดเกินไปแต่ใครจะรู้ว่าพอคําพูดนี้ออกจากปาก หมิงอ๋องกลับหัวเราะหยัน “แม่ทัพเซียวช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ขนาดใหญ่เช่นนี้ เมื่อครู่ทําไมไม่พูดสักคํา เป็นใบ้แล้วหรือ?”เมื่อครู่ตอนที่เฉียวเนี่ยนถูกตี ปากของเขาถูกเย็บแล้วหรือ?ได้ยินหมิงอ๋องถามเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดปวดใจไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่านางตัดใจจากเซียวเหิงแล้ว เห็นชัดอยู่แล้วว่าเซียวเหิงไม่ชอบนางทําไมหัวใจดวงนี้ถึงยังเจ็บหนักขนาดนี้ล่ะ?นางกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ ในดวงตามีอะไรบางอย่างที่อ่อนโยน แต่กลับถูกนางกดกลับไปอย่างรวดเร็วเซียวเหิงสังเกตสีหน้าของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองจากมุมของเขา นางหลบอยู่หลังหมิงอ๋องเกือบครึ่งตัว ท่าทางสนิทสนม ทําให้เขายิ่งกลุ้มใจ“เรื่องในวันนี้ใครถูกใครผิด ทุกคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว เสี่ยวโหวเหย่สั่งสอนน้องสาวของตนสักหน่อย แม้ลงมือหนักไปหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในจวนโหว” เรื่องนี้ กระหม่อมไม่
หมิงอ๋องพาคนเข้าตำหนักโดยตรงเมื่อเฉียวเนี่ยนตื่นมา เขาอยู่ในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เฉียวเนี่ยนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ทันถูกหมิงอ๋องอุ้มขึ้นรถม้าก็สลบไปแล้ว ใจพลันหนักอึ้ง ดิ้นรนลุกขึ้นตามสัญชาตญาณโชคไม่ดีที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกําลังผลักประตูเข้ามา เห็นนางตื่นแล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับ “รีบหมอบลง แผลเจ้ายังไม่หายดี อย่าดิ้นจะดีกว่า”เพียงแต่เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่งแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะหมอบกลับอีก จึงลงจากเตียงไปทําความเคารพพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย แต่กลับถูกขวางไว้ “เจ้าเด็กคนนี้ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะสนใจพิธีหยุมหยิมเช่นนี้อีกทําไม?”พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางกวักมือเรียกนางกํานัลที่กําลังถือยาอยู่นางกํานัลส่งยามาให้ พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยรับมา แล้วตักขึ้นมาหนึ่งช้อนด้วยมือตนเอง เป่าแล้วส่งไปที่ปากของเฉียวเนี่ยน “นี่เป็นยาที่ทางโรงหมอหลวงสั่งไว้ อาการบาดเจ็บภายนอกดี มา ดื่มตอนร้อนๆ”เฉียวเนี่ยนตกใจ “ข้าน้อยทำเองเพคะ” นางกําลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่กลับถูกพระสนมเต๋อเฟยหลบทัน"เจ้ายังเจ็บอยู่จะมาเองได้ยังไง? เด็กดี อ้าปากหน่อย”น้ำเสียงของพระสนมเต๋อกุ้
พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยลุกขึ้นตาม “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ห้าม...”ที่จริงเมื่อครู่เฉียวเนี่ยนเคยถูกพระสนมเต๋อเฟยซาบซึ้งใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ความซาบซึ้งใจนั้นได้มลายหายไปนานแล้วนางยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย “พระสนมวางใจเถิด” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกจะวางใจในอาการบาดเจ็บของนางหรือวางใจในหมิงอ๋อง ก็ต้องให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ คิดไปเองสามปีนี้ที่เฉียวเนี่ยนอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะซักเสื้อผ้าอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แต่ก็มีเวลาไม่น้อยที่กลับไปส่งของตามมามาตามตําหนักต่างๆดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเป็นอย่างดีไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบด้านนอกห้องทรงอักษรหลังจากได้รับรายงาน นางตามพ่อสามีคนหนึ่งเข้าไปในห้องทรงอักษร กลับเห็นว่าในห้องทรงอักษรนอกจากท่านโหวหลินและฮูหยินแล้ว เซียวเหิงก็อยู่ด้วยทั้งหมดมาฟ้องเหรอ?เฉียวเนี่ยนแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ก้าวเข้าไปคุกเข่าทําความเคารพ “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยนถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”หน้าโต๊ะมีร่างสีเหลืองสดใสมองเฉียวเนี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์"เจ้าคือเฉียวเนี่ยนหรือ?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม แ
มีหรือที่ท่านโหวหลินจะไม่เข้าใจว่าที่ฮ่องเต้ทรงตรัสถามหมายความเช่นไรพลันก้าวไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าคาราวะ "ทูลฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมมีนิสัยหุนหันพลันแล่น กระทำการอุกอาจในที่ศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงวัดวาอาราม ท้ายที่สุดถูกหมิงอ๋องติเตียนเฆี่ยนตีก็เพราะทำตัวเองทั้งสิ้น ขอฝ่าบาทได้โปรดพินิจ"ความหมายอีกนัยคือ เขาไม่ได้ถือโทษหมิงอ๋องในความเป็นจริง ท่านโหวหลินไม่ได้คิดจะคาดโทษหมิงอ๋องแต่แรกอยู่แล้วฐานะตระกูลหลินของเขาในยามนี้เป็นเช่นไร เขารู้แจ้งกว่าผู้ใดเพียงแต่หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงมีพระบัญชาเรียกให้เขาและฮูหยินเข้าวังมาเป็นการเฉพาะ แล้วทรงประกาศกร้าวต่อหน้าพวกเขาว่าจะโบยหมิงอ๋องโดยที่ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดสิ่งใดเลยเวลานี้ ได้ยินท่านโหวหลินกล่าวเช่นนี้ ฮ่องเต้กลับรู้สึกพอใจยิ่งเพียงแค่ส่งเสียงค้อนผ่านปลายจมูกเบาๆ แสดงออกถึงความเหยียดหยันเขาหันไปถามเซียวเหิง "แม่ทัพเซียวอยู่ในเหตุการณ์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร"เซียวเหิงประสานมือคำนับ นัยน์ตาดำขลับเหลือบมองเฉียวเนี่ยนด้วยความลุ่มลึกผาดหนึ่ง ถึงจะเอ่ย "ทูลฝ่าบาท แม้เรื่องนี้จะเกิดจากวาจาและการทำที่ยั้งคิดของแม่นางเฉียว
กําปั้นคู่หนึ่งถูกกําแน่นจนเกิดเสียงกรอบแกร้บโดยไม่รู้ตัวแต่ในขณะนี้ไม่มีใครสนใจเขาเลยราชครูชิวก็น้ำตาไหลพรากตามไปด้วย "คิดไม่ถึงว่าวันนี้ข้าจะได้เห็นเรื่องมงคลเช่นนี้ ดี ดีมาก! เยี่ยมไปเลย!"เซียวเหอมีบุญคุณต่อเขา ในใจเขารู้สึกซาบซึ้งใจ ย่อมคาดหวังให้เซียวเหอดีขึ้นมาตอนนี้เห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืนด้วยตาตัวเอง จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร?แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลิน ในขณะนี้ต่างก็ตกตะลึงไปด้วย?พวกเขาไม่สามารถคิดได้เลยว่าคนที่ถูกตัดสิน‘โทษตาย’โดยทั้งโรงหมอหลวงจะยืนขึ้นได้อย่างไรกัน!และในตอนนั้นเอง เสียงหัวเราะเบาๆ ก็ดังขึ้นอย่างกะทันหัน"ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ..."คาดไม่ถึงว่าจะเป็นหลินยวนนางเพิ่งโดนฝ่ามือไป ตอนนี้ยังลุกไม่ขึ้นเลยเมื่อเห็นเซียวเหอลุกขึ้นยืน นางก็ตระหนักว่านางแพ้แล้วเฉียวเนี่ยน รักษาเซียวเหอให้หายได้จริงๆ ด้วยและนาง ก็ถูกทุกคนรังเกียจแล้วจริงๆน่าขำไหม?นางพยายามมาตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ยังสู้เฉียวเนี่ยนไม่ได้มีดสั้นที่หล่นอยู่ข้างๆหลินยวนเอื้อมมือไปหยิบมาเมื่อเห็นเช่นนี้ แม้แต่ท่านโหวหลินและฮูหยินหลินก็อดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปหนึ่งก้าว และตะโกนด้วยเสียงต่ำว่า
ไม่มีใครคาดคิดว่าหลินยวนจะโจมตีอย่างกะทันหันแต่หลินยวนไม่เคยฝึกวรยุทธ์มาก่อน ด้วยฝีมือของนาง จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉียวเนี่ยนเลยเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเล็กน้อย ถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว เตรียมพร้อมที่จะเตะแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆ ก็มีพลังมหาศาลดึงนางกลับไปข้างหลังเซียวเหอก้าวไปข้างหน้าและตบฝ่ามือไปที่ไหล่ของหลินยวน หลินยวนถูกซัดกระเด็นออกไปและตกลงบนพื้นทันทีได้ยินเพียงเสียง ‘เคร้ง’ มีดสั้นเล่มหนึ่งตกลงบนพื้นเฉียวเนี่ยนตกใจทันทีนางไม่เคยสังเกตเลยว่าตอนที่หลินยวนกระโจนเข้าหานาง ในมือยังซ่อนมีดสั้นเล็กๆ แบบนี้เอาไว้ด้วย!แต่ไม่นานนางก็ได้สติกลับมา และจ้องมองเซียวเหออย่างงุนงงทุกคนในห้องโถงก็ตกใจเช่นกัน!หนึ่งคือหลินยวนกล้าฆ่าเฉียวเนี่ยนต่อหน้าสายตาของทุกคนสองคือตกใจ... เซียวเหอลุกขึ้นยืนแล้วจริงๆ!เฉียวเนี่ยนมองผู้ชายที่ตอนนี้ปกป้องอยู่ตรงหน้าตนแล้ว แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเดิมทีนางคิดว่านางจะต้องพยายามอีกสักพักเพื่อให้เซียวเหอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนได้ แต่ไม่คิดว่าเพียงชั่วพริบตาเดียว เขาก็มาถึงตรงหน้านางแล้วเซียวเหิงก็เบิกตาโพลงเช่นกัน สายตาที่มองเซียวเหอเต็มไปด้
ส่วนเฉียวเนี่ยน เซียวเหอ หลินเย่ว์ เซียวเหิง...พวกเขาร่วมมือกันผลักดันตัวเองไปสู่เหวลึก!ทันใดนั้นหลินยวนก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่นางกลัวมาตลอดได้กลายเป็นความจริงแล้ว...นางกลัวว่าจวนโหวจะไม่ต้องการนาง และจะทอดทิ้งนางแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่านางจะถูกทุกคนรังเกียจแล้วจริงๆ...เมื่อเห็นหลินยวนไม่พูด เฉียวเนี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นและเดินไปหานาง "ถ้าเจ้าไม่พูด ข้าจะพูดแทนเจ้าเอง เจ้ากับชิวอวี่สมคบคิดกันมานานแล้ว คิดจะร่วมมือกันทําร้ายข้า พอดีสามวันก่อนวัดฝ่าหัวมีพระชั้นสูงมาเทศนา พวกเจ้ารู้สึกว่านั่นเป็นโอกาสอันยอดเยี่ยม จึงซื้อตัวนักลอบสังหารในยุทธภพ จับตัวสตรีตระกูลเซียวไปเป็นเชลย""แน่นอน เป้าหมายของพวกเจ้าคือข้าเท่านั้น ลักพาตัวสตรีตระกูลเซียวทั้งหมด เป็นเพียงระเบิดควันที่เจ้าสร้างขึ้นเองเท่านั้น จุดประสงค์คือต้องการใช้ฐานะของเหยื่อเป็นเกราะกําบังให้ตัวเอง""ชิวอวี่แต่ไหนแต่ไรก็เป็นคนเจ้าชู้อยู่แล้ว ดังนั้นคนของเขาจึงส่งหน่วนหน่วนมาด้วย คิดว่าชิวอวี่จะชอบ แต่ใครจะรู้ว่าชิวอวี่ไม่กล้าขัดใจตระกูลเซียว จึงสั่งให้คนส่งหน่วนหน่วนออกไปใหม่ ส่วนข้าก็ฉวยโอกาสตอนที่ชิวอวี่หละหลามการป้องกันต
ในเรื่องนี้ เฉียวเนี่ยนยอมรับแต่ยังไม่ทันที่เฉียวเนี่ยนจะเอ่ยปาก เซียวเหอก็รับไปเสียก่อน "เมื่อคืนก่อน ข้าให้จี้เยว่ไปขู่เสี่ยวหวนให้กลัวเอง แต่ข้าก็ทำไปเพื่อให้เสี่ยวหวนพูดความจริงเท่านั้น หากมีสิ่งใดล่วงเกินน้องสะใภ้แล้วล่ะก็ ได้โปรดให้อภัยด้วย"คําพูดนี้พูดอย่างเกรงใจก็จริง แต่น้ำเสียงกลับไม่มีความรู้สึกขอโทษเลยแม้แต่น้อยแม้กระทั่งดวงตาคู่นั้นที่มองหลินยวนก็ยังเต็มไปด้วยความเย็นชาหลินยวนเหมือนจับจุดอ่อนอะไรไว้ได้ รีบพูดกับฮูหยินหลินว่า "ท่านแม่ ท่านได้ยินหรือไม่ เขาใส่ร้ายข้าจริงๆ! เป็นพวกเขาที่ใส่ร้ายข้า!"แต่หลังจากได้ยินคําพูดของเสี่ยวหวน แม้แต่สายตาของฮูหยินหลินที่มองมายังนาง ก็กลายเป็นความไม่คุ้นเคยและในเวลานี้เอง เสียงทุ้มต่ําก็ดังมาจากนอกห้องโถง "ข้าจะดูว่าใครใส่ร้ายเจ้า!"น้ำเสียงเย็นชา นํามาซึ่งกลิ่นอายอันทรงพลังที่บดขยี้ผู้คนได้ทั้งหมดก็เห็นเซียวเหิงเดินมาจากนอกห้องโถงอย่างรวดเร็ว ทั้งตัวล้วนถูกย้อมไปด้วยความหนาวเหน็บหลินยวนแยกไม่ออกแล้ว นางได้ยินคําพูดของเซียวเหิง ยังคิดว่าเซียวเหิงมาเพื่อสนับสนุนตัวเอเสียอีกจึงรีบลุกขึ้นพุ่งไปหาเซียวเหิง "ท่านพี่เหิง ข้า
"เจ้าพูดเหลวไหล!" หลินยวนรีบปฏิเสธ "ข้า ข้าไม่เคยพบชิวอวี่มาก่อน!"เพียงแต่ความตื่นตระหนกในดวงตานั้นถูกทุกคนมองเห็นหมดแล้วและก่อนที่เสียงปฏิเสธของนางจะสิ้นสุดลง เซียวเหอก็พูดด้วยน้ําเสียงเย็นชาว่า "เรื่องนี้ ผู้ดุแลร้านกับเสี่ยวเอ้อของโรงเตี๊ยมสามารถเป็นพยานได้ คนอยู่นอกห้องโถงแล้ว สามารถเข้ามาได้ตลอดเวลา"ได้ยินดังนั้น หลินยวนก็เบิกตากว้างทันที น้ําตายิ่งไหลก็ยิ่งเชี่ยวกรากแต่ไม่คิดเลยว่าแม้แต่ฮูหยินหลินก็ยังมองเธออย่างสงสัย "ยวนเอ๋อร์ ตกลงมีเรื่องนี้เกิดขึ้นหรือไม่?"พยานอยู่ข้างนอก หลินยวนไม่สามารถปฏิเสธได้ตอนนี้นางทําได้แค่ร้องไห้และพูดว่า "ท่านแม่ ข้า ข้าถูกชิวอวี่ข่มขู่ ข้าเคยเจอเขาจริงๆ แต่ข้าไม่ได้รับปากอะไรเขาเลยนะเจ้าคะ!"เพียงแต่คําพูดนี้ออกจากปาก ก็ไม่มีใครเชื่อเลยแม้แต่เซียวชิงหน่วนที่ยืนอยู่ข้างหลินยวนมาตลอดก่อนหน้านี้ ก็ยังอดขมวดคิ้วไม่ได้ พูดเสียงเข้มว่า "เคยรับปากอะไรไว้หรือไม่ ถามเสี่ยวหวนน่าจะรู้ดีที่สุดแล้ว""งั้นก็ให้เสี่ยวหวนเข้ามา" เซียวเหอรีบพูดทันที ไม่ให้หลินยวนได้มีเวลาคิดอะไรเลยในที่สุดหลินยวนก็พบว่าในห้องโถงวันนี้ไม่มีคนรับใช้แม้แต่สักคนเลย
คำพูดของเซียวชิงหน่วนเป็นการให้กำลังใจหลินยวนอย่างชัดเจน ทำให้หลินยวนรู้ว่านางไม่ได้อยู่คนเดียวในการเผชิญหน้ากับการ ‘ซักถาม’ จากกลุ่มคนเหล่านี้ในทันทีนั้น หลินยวนก็น้ำตาร่วง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองราชครูชิว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความจริงใจ "เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ข้าตกใจมากจนข้าไม่รู้จัวเลยว่าฆ่าชิวอวี่อย่างได้ไร ข้าไม่รู้เลย รู้แค่พอข้าฟื้นตัวมา ข้าก็พบว่ามีปิ่นอยู่ในมือ และชิวอวี่เขา... เขา..."หลินยวนมีท่าทีเหมือนกับว่ากลัวจนพูดไม่ออก นางเช็ดน้ำตาอย่างแรงฮูหยินหลินมองอย่างเห็นใจ รีบเข้าไปกอดหลินยวนเพื่อปลอบประโลม “ไม่เป็นไรแล้ว ยวนเอ๋อร์ลูกแม่ ไม่เป็นไรแล้ว..."แม่เซียวเองก็รู้สึกสงสาร นางขมวดคิ้ว "เอาล่ะ เอาล่ะ เรื่องทั้งหมดมันผ่านมาแล้ว อย่าได้พูดถึงมันอีกเลย! เราทุกคนต่างก็ตกใจกันทั้งนั้น”คำพูดนี้เหมือนเป็นการเตือนราชครูชิวว่า เรื่องที่พวกนางถูกชิวอวี่จับตัวไปนั้น พวกนางถือเป็นเหยื่อที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ราชครูชิวขมวดคิ้วเล็กน้อยและไม่ได้กล่าวอะไรออกมาแต่เฉียวเนี่ยนกลับเป็นผู้เริ่มพูดขึ้น "ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้ หรือว่าหน่วนห
ในตอนนี้เอง ราชครูชิวก็ได้เอ่ยขึ้น“ข้าคงจะแก่เกินไปแล้วกระมัง” ราชครูชิวกล่าวพลางทอดถอนใจ “ถึงไม่ทันสังเกตเลยว่ามีคนในจวนก่อเรื่องใหญ่โตถึงเพียงนี้ จนต้องให้ท่านใต้เท้าเซียวเข้าวังกราบทูลฝ่าบาท ข้าช่างมีโทษมหันต์จริง ๆ !”พอได้ยินเช่นนั้น พ่อเซียวก็รีบกล่าวขึ้นว่า “ท่านอย่าได้พูดเช่นนั้นเลย ท่านทุ่มเทเพื่อแผ่นดิน เพื่อประชาชน นับเป็นโชคดีของแคว้นต้าจิ้งต่างหาก”เซียวเหอเองก็กล่าวเสริม “เป็นเพราะชิวอวี่จิตใจโหดเหี้ยมก่อเรื่องขึ้นมาเอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่านราชครูเลย"แม่เซียวก็พลอยช่วยพูดด้วย "นั่นสิ ท่านราชครู เรื่องนี้มิใช่ความผิดของท่านเลย"ทว่าตระกูลชิว ย่อมต้องรับผิดชอบต่อตระกูลเซียวราชครูชิวเข้าใจข้อนี้ดี จึงเพียงพยักหน้าเล็กน้อยจากนั้น เขาก็มองไปยังหลินยวน "ข้าขอถามฮูหยินน้อยรองสักคำหนึ่ง หลานชายที่ไม่เอาถ่านของข้า... สรุปแล้วตายอย่างไร?"หลินยวนคาดไม่ถึงว่าราชครูชิวจะเอ่ยถามเช่นนี้มิใช่ว่าคนตระกูลชิวเห็นสภาพการตายของชิวอวี่กันหมดแล้วหรือ?เมื่อนึกเช่นนั้น นางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตระหนกชั่วขณะ ยังไม่ทันได้ตอบคำใด ก็ได้ยินราชครูชิวกล่าวต่อว่า "ข้ามิได้มีเจ
ไม่นานนัก ก็ผ่านไปเป็นเวลาสามวันหลินยวนนั่งอยู่ในเรือน มองดูเหล่าสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในสวน แต่ในสติกลับจมดิ่งอยู่กับความคิดตนเองเสี่ยวหวนเดินเข้ามาพร้อมชาอุ่น ๆ หนึ่งถ้วย ไม่ร้อนจนเกินไป ในฤดูร้อนเช่นนี้จึงเหมาะเจาะพอดีหลินยวนรับชามาและจิบไปคำหนึ่ง ก่อนจะถามว่า "ช่วงนี้ หนิงซวงได้มาหาเจ้าหรือไม่?"เสี่ยวหวนส่ายหัวไปมา "มีเพียงวันแรกที่พูดคุยกันบ้าง หลังจากนั้นเวลาที่เจอบ่าวก็ไม่พูดอะไรเลยเจ้าค่ะ"หลินยวนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย "ตอนนั้นนางพูดอะไรกับเจ้าบ้าง?""ไม่ได้พูดอะไรมากเจ้าค่ะ แค่เตือนบ่าวอย่ากลายเป็นคนที่สองที่เหมือนเสี่ยวชุ่ยอะไรทำนองนั้นเจ้าค่ะ"เสี่ยวหวนบอกความจริงตามตรง ทำให้หลินยวนถึงกับนั่งตัวตรงขึ้นทันที นางหันศีรษะมามองสำรวจเสี่ยวหวนอย่างพินิจพิเคราะห์เสี่ยวหวนมีสีหน้าสงบนิ่ง นางจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามว่า “แล้วเจ้าตอบนางไปว่าอย่างไร?”เสี่ยวหวนยิ้ม “บ่าวย่อมไม่สนใจนางอยู่แล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวชุ่ยต้องพบจุดจบเช่นนั้นก็เพราะนางเลือกหันหลังให้กับคุณหนู บ่าวไม่มีวันแยกจากคุณหนูเด็ดขาด”ได้ยินดังนั้น หลินยวนยังคงไม่ปักใจเชื่อ นางจ้องเสี่ยวหวนอีกคร
หนิงซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็คิดพิจารณาอย่างลึกซึ้ง "หรือว่า หลังจากชิวอวี่ฟื้นขึ้นมา เขายังรู้สึกไม่พอใจ จึงคิดจะทำร้ายคุณหนูรอง ผลสุดท้ายกลับโดนคุณหนูรองฆ่าเสียเอง?”เซียวเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงเย็นชากล่าวว่า “อาจเป็นไปได้ แต่ความเป็นไปได้ที่หลินยวนฆ่าเขาเพื่อปิดปากกลับสูงกว่า”เฉียวเนี่ยนพยักหน้าตาม “นางน่าจะฆ่าเขาตอนที่ชิวอวี่ยังหมดสติอยู่ ถ้าไม่เช่นนั้น นางคงไม่สามารถต่อกรกับชิวอวี่ได้”เพราะหลินยวนแทบไม่เคยฝึกวรยุทธเลยจี้เยว่รู้สึกตกใจเล็กน้อย “นายหญิงน้อยรองที่ดูเหมือนอ่อนแออย่างนี้ จริง ๆ แล้วสามารถลงมือได้ทารุณขนาดนี้เชียวหรือ?”หนิงซวงเย็นเสียงไม่พอใจออกมา “นางแค่ทำเป็นแกล้งอ่อนแอเท่านั้นเองเจ้าค่ะ! ก่อนหน้านี้ยังจ้างคนฆ่า ตอนนี้ก็ลงมือเอง! ไม่รู้ว่าต่อไปจะทำอะไรอีก!”หนิงซวงยิ่งรู้สึกว่า หลินยวนช่างเป็นคนที่น่ากลัวจริง ๆ!เซียวเหอเงียบไปไม่พูดอะไร แต่ก็เห็นด้วยกับคำพูดของหนิงซวงอย่างมากจากนั้นเฉียวเนี่ยนก็ค่อยพูดขึ้นว่า "ตอนนี้ ข้ากลับเริ่มกังวลเรื่องเสี่ยวหวน”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวเหอก็มีสีหน้าหนักใจขึ้นเสี่ยวหวนคือสาวใช้ที่รู้ความลับของหลินยวนมากที่สุด ด