ทว่า ยังคงตอกกลับอีกเรื่องหนึ่งได้ “ท่านเซียวพูดจาน่าขันยิ่ง ข้าแซ่เฉียว ไฉนต้องถึงมือแซ่หลินให้มาสอนด้วย”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ระเบิดโทสะ “เจ้าอย่าอวดดีนัก!”“คนที่อวดดีคือพวกเจ้า!” วันนี้เฉียวเนี่ยนทนไม่ไหวแล้วจริงๆ “ข้าแค่อยากมาขอเครื่องรางคุ้มครองให้ท่านย่าเท่านั้น ท้ายสุดมันไปขัดขวางเรื่องอะไรพวกเจ้ากัน? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมาทำตัวสูงส่งชี้หน้าวิจารณ์ข้า? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า หลินเย่ว์! ยามข้าโดนสาดสีใส่ร้ายเจ้าทำได้แค่เงียบไปปริปาก ยามนี้คิดจะวางมาดมาสั่งสอนข้าหรือ? เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”“ข้าเป็นพี่ชายเจ้า ข้ามีสิทธิ์สั่งสอนเจ้า!” หลินเย่ว์ตะคอกด้วยความโกรธจัดถึงแม้วันนี้เซียวชิงหน่วนเป็นฝ่ายผิด แต่ไมตรีของสองครอบครัวนั้นแน่นแฟ้น ทุกอย่างรอกลับจวนแล้วค่อยว่ากันได้ เขาเองก็ไปร้องเรียนบิดามารดาตระกูลเซียวด้วยตัวเองได้ ให้พวกเขาสั่งสอนเซียวชิงหน่วนให้ดีไม่ว่าอย่างไร เฉียวเนี่ยนก็ไควรลงไม้ลงมือ!แต่ใครจะรู้ ครั้นเอ่ยคำพูดนี้ไป เฉียวเนี่ยนกลับหัวเราะออกมา “เจ้าว่าอะไร? พี่ชาย? อย่าทำให้น่าขันไปมากกว่านี้เลย!”“เฉียวเนี่ยน!” หลินเย่ว์ตะโกนรุนแรงกว่าเดิม แทบอยากผรุสวาทด่าไปแล้ว
หลินเย่ว์ย่อมตะลึงค้างเช่นกันใช่สิ เฉียวเนี่ยนมาขออพรให้ท่านย่าสุขสงบ ไฉนเขาถึงพูดจาเช่นนั้นออกไปได้? เขาเป็นอะไรไป?ไฉนทุกครั้งที่เจอเฉียวเนี่ยนถึงต้องพูดจาไม่เหมาะไม่ควรอยู่ร่ำไป?หลินเย่ว์ใจเต้นเบาๆ คิดตามว่าหากท่านย่ามีอันเป็นไปเพราะคำพูดเมื่อครู่ของตน อย่าว่าแต่เฉียวเนี่ยนเลย ตัวเขาก็ไม่มีวันยกโทษให้ตัวเองไปชั่วชีวิตเช่นกัน!ทว่า อีกครั้งแล้วหรือว่าเรื่องนี้ไม่ควรโทษเฉียวเนี่ยน?เหตุใดยามเขาเผชิญหน้ากับยวนเอ๋อร์ถึงเข้าใจมีเหตุผลได้ แต่เมื่อเจอเฉียวเนี่ยนก็โมโหแสลงใจแล้ว?เรื่องพวกนี้ไม่ได้เกิดจากเฉียวเนี่ยนหรอกหรือ?พูดอะไรออกมาว่าเขาตายไปเมื่อสามปีก่อน พูดอะไรว่าเขาไม่มีสิทธิ์สอนนาง?เขาอยากทำให้นางเห็นว่าตนมีคุณสมบัติพอสั่งสอนนางหรือไม่!นับตั้งแต่เฉียวเนี่ยนกลับจวนเป็นต้นมา โทสะที่สั่งสมทั้งหมดก็ปะทุออกมายามนี้ หลินเย่ว์ปรี่เข้าไปคว้าเฉียวเนี่ยนทันใดเฉียวเนี่ยนตกตะลึง ไม่คิดว่าหลินเย่ว์จะลงไม้ลงมือกับนางที่นี่ แต่นางตอบสนองทัน หลีกตัวหลบได้ทว่าหลินเย่ว์อายุมากกว่านางกี่ปี ทั้งเรียนการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก ย่อมเหนือชั้นกว่าเฉียวเนี่ยน เพียงไม่กี่กระบวนท่าก็เอาชนะ
“ใช่แล้ว เดิมทีเจ้าก็ไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของจวนโหวอยู่แล้ว อาศัยความร่ำรวยมั่งคั่งที่ได้รับมาหลายปีอย่างเสียเปล่ายังไม่พอใจอีกหรือ?”“มันมากเกินไปจริงๆ นึกไม่ถึงว่าจะแช่งให้พี่ชายของตัวเองไปตาย พระโพธิสัตว์กําลังจะโกรธแล้วจริงๆ ”พอคนพวกนั้นพูด คนรอบข้างที่จําเฉียวเนี่ยนไม่ได้ก็เริ่มคล้อยตามกัน ชั่วขณะหนึ่ง เฉียวเนี่ยนกลายเป็นคนที่คนนับหมื่นชี้หน้าด่าประจานแต่ก็ไม่รู้ว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมาเฉียวเนี่ยนถูกทุบตีจนชินแล้วหรือเปล่า นางถูกทุบตีอย่างหนักขนาดนี้ยังลุกขึ้นมาได้นางยันตัวลุกขึ้นนั่ง เผชิญหน้ากับคําตําหนิของทุกคนก็เพียงแค่ถ่มน้ำลายไปด้านข้างอย่างลวกๆถ้าไม่ใช่เป็นเพราะน้ำลายที่เจือปนไปด้วยของเหลวแดงก่ำ ดูจากสีหน้าของนางแล้วคงดูไม่ออกว่านางเคยโดนตีมาก่อนนางเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนที่มุงดูอยู่รอบๆซ่งไป๋เซวียน เซียวชิงหน่วน หลินยวน เซียวเหิง...พวกเขาบางคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น บางคนเสแสร้งแกล้งทํา และบางคนก็มีสีหน้าเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบในที่สุด สายตาของเฉียวเนี่ยนก็ตกลงบนใบหน้าของหลินเย่ว์ใบหน้านี้เคยแกล้งทําเป็นน่าเกลียดเพื่อเอาใจนาง แต่วันนี้เมื่อเผชิญหน้ากับนางมีเพียงค
เมื่อเห็นหมิงอ๋อง ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงทําความเคารพเซียวเหิงเป็นคนที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ ไม่จําเป็นต้องคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้ ดังนั้นตอนนี้จึงทําได้เพียงประสานมือคํานับเท่านั้นส่วนเฉียวเนี่ยนยังไม่ทันคุกเข่าก็ถูกหมิงอ๋องจับไว้แล้วมือใหญ่ของเขามีอุณหภูมิที่ร้อนระอุ เมื่อผสมปนเปกับนาง สามารถรู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทาของนางได้อย่างชัดเจนเขาไม่คิดเลยว่านางที่รับมือกับการทุบตีของหลินเย่ว์อย่างใจเย็นต่อหน้าทุกคน กลับตัวสั่นอย่างรุนแรงเช่นนี้เฉียวเนี่ยนก็ไม่รู้ว่าหมิงอ๋องที่ออกไปกับเจ้าอาวาสแล้วทําไมจู่ๆ ถึงปรากฏตัวออกมา แต่ในขณะนี้ นางยังคงรู้สึกซาบซึ้งใจกับการปรากฏตัวของหมิงอ๋องหลินเย่ว์ลงมืออย่างเหี้ยมโหด นางยืนไม่มั่นคงมานานแล้ว หากหมิงอ๋องไม่ปรากฏตัวออกมาทันเวลา เกรงว่านางคงล้มลงกับพื้นอีกครั้งต่อหน้าทุกคนแล้ว“ขอบคุณเพคะ”นางกล่าวขอบคุณด้วยเสียงเบาๆ เสียงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เพียงพอที่จะทําให้คนนอกได้ยินแต่หมิงอ๋องกลับได้ยินอย่างชัดเจนคําเล็กๆ น้อยๆ สองคํานี้เป็นเหมือนเข็มสองเล่มที่แทงลึกเข้าไปในหัวใจของเขาจนทําให้ความโกรธของเขาเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนทันใดนั้นก
เมื่อสบสายตาดุดันของหมิงอ๋อง เซียวเหิงก็ตอบกลับด้วยแววตาดุดัน “กระหม่อมเพียงคํานึงถึงภาพรวมเป็นสําคัญ”ในเมื่อหมิงอ๋องจะเกี่ยวดองกับจวนโหว ก็ไม่ควรทําเรื่องให้น่าเกลียดเกินไปแต่ใครจะรู้ว่าพอคําพูดนี้ออกจากปาก หมิงอ๋องกลับหัวเราะหยัน “แม่ทัพเซียวช่างยิ่งใหญ่เสียจริง ขนาดใหญ่เช่นนี้ เมื่อครู่ทําไมไม่พูดสักคํา เป็นใบ้แล้วหรือ?”เมื่อครู่ตอนที่เฉียวเนี่ยนถูกตี ปากของเขาถูกเย็บแล้วหรือ?ได้ยินหมิงอ๋องถามเช่นนี้ เฉียวเนี่ยนก็อดปวดใจไม่ได้แต่เห็นได้ชัดว่านางตัดใจจากเซียวเหิงแล้ว เห็นชัดอยู่แล้วว่าเซียวเหิงไม่ชอบนางทําไมหัวใจดวงนี้ถึงยังเจ็บหนักขนาดนี้ล่ะ?นางกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เกลียดตัวเองที่ไร้ประโยชน์ ในดวงตามีอะไรบางอย่างที่อ่อนโยน แต่กลับถูกนางกดกลับไปอย่างรวดเร็วเซียวเหิงสังเกตสีหน้าของเฉียวเนี่ยนโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อมองจากมุมของเขา นางหลบอยู่หลังหมิงอ๋องเกือบครึ่งตัว ท่าทางสนิทสนม ทําให้เขายิ่งกลุ้มใจ“เรื่องในวันนี้ใครถูกใครผิด ทุกคนย่อมรู้กันดีอยู่แล้ว เสี่ยวโหวเหย่สั่งสอนน้องสาวของตนสักหน่อย แม้ลงมือหนักไปหน่อย แต่อย่างไรก็เป็นเรื่องภายในจวนโหว” เรื่องนี้ กระหม่อมไม่
หมิงอ๋องพาคนเข้าตำหนักโดยตรงเมื่อเฉียวเนี่ยนตื่นมา เขาอยู่ในตำหนักของพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเมื่อเห็นห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เฉียวเนี่ยนถึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองยังไม่ทันถูกหมิงอ๋องอุ้มขึ้นรถม้าก็สลบไปแล้ว ใจพลันหนักอึ้ง ดิ้นรนลุกขึ้นตามสัญชาตญาณโชคไม่ดีที่พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยกําลังผลักประตูเข้ามา เห็นนางตื่นแล้วก็รีบเข้ามาต้อนรับ “รีบหมอบลง แผลเจ้ายังไม่หายดี อย่าดิ้นจะดีกว่า”เพียงแต่เฉียวเนี่ยนลุกขึ้นนั่งแล้ว ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะหมอบกลับอีก จึงลงจากเตียงไปทําความเคารพพระสนมเต๋อกุ้ยเฟย แต่กลับถูกขวางไว้ “เจ้าเด็กคนนี้ บาดเจ็บหนักขนาดนี้ยังจะสนใจพิธีหยุมหยิมเช่นนี้อีกทําไม?”พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยพูดพลางกวักมือเรียกนางกํานัลที่กําลังถือยาอยู่นางกํานัลส่งยามาให้ พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยรับมา แล้วตักขึ้นมาหนึ่งช้อนด้วยมือตนเอง เป่าแล้วส่งไปที่ปากของเฉียวเนี่ยน “นี่เป็นยาที่ทางโรงหมอหลวงสั่งไว้ อาการบาดเจ็บภายนอกดี มา ดื่มตอนร้อนๆ”เฉียวเนี่ยนตกใจ “ข้าน้อยทำเองเพคะ” นางกําลังจะเอื้อมมือไปรับ แต่กลับถูกพระสนมเต๋อเฟยหลบทัน"เจ้ายังเจ็บอยู่จะมาเองได้ยังไง? เด็กดี อ้าปากหน่อย”น้ำเสียงของพระสนมเต๋อกุ้
พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยลุกขึ้นตาม “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ห้าม...”ที่จริงเมื่อครู่เฉียวเนี่ยนเคยถูกพระสนมเต๋อเฟยซาบซึ้งใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ความซาบซึ้งใจนั้นได้มลายหายไปนานแล้วนางยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย “พระสนมวางใจเถิด” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกจะวางใจในอาการบาดเจ็บของนางหรือวางใจในหมิงอ๋อง ก็ต้องให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ คิดไปเองสามปีนี้ที่เฉียวเนี่ยนอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะซักเสื้อผ้าอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แต่ก็มีเวลาไม่น้อยที่กลับไปส่งของตามมามาตามตําหนักต่างๆดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเป็นอย่างดีไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบด้านนอกห้องทรงอักษรหลังจากได้รับรายงาน นางตามพ่อสามีคนหนึ่งเข้าไปในห้องทรงอักษร กลับเห็นว่าในห้องทรงอักษรนอกจากท่านโหวหลินและฮูหยินแล้ว เซียวเหิงก็อยู่ด้วยทั้งหมดมาฟ้องเหรอ?เฉียวเนี่ยนแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ก้าวเข้าไปคุกเข่าทําความเคารพ “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยนถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”หน้าโต๊ะมีร่างสีเหลืองสดใสมองเฉียวเนี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์"เจ้าคือเฉียวเนี่ยนหรือ?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม แ
มีหรือที่ท่านโหวหลินจะไม่เข้าใจว่าที่ฮ่องเต้ทรงตรัสถามหมายความเช่นไรพลันก้าวไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าคาราวะ "ทูลฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมมีนิสัยหุนหันพลันแล่น กระทำการอุกอาจในที่ศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงวัดวาอาราม ท้ายที่สุดถูกหมิงอ๋องติเตียนเฆี่ยนตีก็เพราะทำตัวเองทั้งสิ้น ขอฝ่าบาทได้โปรดพินิจ"ความหมายอีกนัยคือ เขาไม่ได้ถือโทษหมิงอ๋องในความเป็นจริง ท่านโหวหลินไม่ได้คิดจะคาดโทษหมิงอ๋องแต่แรกอยู่แล้วฐานะตระกูลหลินของเขาในยามนี้เป็นเช่นไร เขารู้แจ้งกว่าผู้ใดเพียงแต่หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงมีพระบัญชาเรียกให้เขาและฮูหยินเข้าวังมาเป็นการเฉพาะ แล้วทรงประกาศกร้าวต่อหน้าพวกเขาว่าจะโบยหมิงอ๋องโดยที่ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดสิ่งใดเลยเวลานี้ ได้ยินท่านโหวหลินกล่าวเช่นนี้ ฮ่องเต้กลับรู้สึกพอใจยิ่งเพียงแค่ส่งเสียงค้อนผ่านปลายจมูกเบาๆ แสดงออกถึงความเหยียดหยันเขาหันไปถามเซียวเหิง "แม่ทัพเซียวอยู่ในเหตุการณ์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร"เซียวเหิงประสานมือคำนับ นัยน์ตาดำขลับเหลือบมองเฉียวเนี่ยนด้วยความลุ่มลึกผาดหนึ่ง ถึงจะเอ่ย "ทูลฝ่าบาท แม้เรื่องนี้จะเกิดจากวาจาและการทำที่ยั้งคิดของแม่นางเฉียว
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห