พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยลุกขึ้นตาม “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี ห้าม...”ที่จริงเมื่อครู่เฉียวเนี่ยนเคยถูกพระสนมเต๋อเฟยซาบซึ้งใจในชั่วขณะหนึ่ง แต่ตอนนี้ความซาบซึ้งใจนั้นได้มลายหายไปนานแล้วนางยิ้มให้พระสนมเต๋อเฟย “พระสนมวางใจเถิด” พูดจบก็เดินออกไปข้างนอกจะวางใจในอาการบาดเจ็บของนางหรือวางใจในหมิงอ๋อง ก็ต้องให้พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยค่อยๆ คิดไปเองสามปีนี้ที่เฉียวเนี่ยนอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แม้ว่าส่วนใหญ่จะซักเสื้อผ้าอยู่ในหน่วยงานซักล้าง แต่ก็มีเวลาไม่น้อยที่กลับไปส่งของตามมามาตามตําหนักต่างๆดังนั้นนางจึงคุ้นเคยกับเส้นทางในตำหนักเป็นอย่างดีไม่นานหลังจากนั้นนางก็พบด้านนอกห้องทรงอักษรหลังจากได้รับรายงาน นางตามพ่อสามีคนหนึ่งเข้าไปในห้องทรงอักษร กลับเห็นว่าในห้องทรงอักษรนอกจากท่านโหวหลินและฮูหยินแล้ว เซียวเหิงก็อยู่ด้วยทั้งหมดมาฟ้องเหรอ?เฉียวเนี่ยนแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจ แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกมา ก้าวเข้าไปคุกเข่าทําความเคารพ “ข้าน้อยเฉียวเนี่ยนถวายบังคมฝ่าบาทเพคะ”หน้าโต๊ะมีร่างสีเหลืองสดใสมองเฉียวเนี่ยนอย่างพินิจพิเคราะห์"เจ้าคือเฉียวเนี่ยนหรือ?"น้ำเสียงทุ้มต่ำนั้นแฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขาม แ
มีหรือที่ท่านโหวหลินจะไม่เข้าใจว่าที่ฮ่องเต้ทรงตรัสถามหมายความเช่นไรพลันก้าวไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าคาราวะ "ทูลฝ่าบาท บุตรชายของกระหม่อมมีนิสัยหุนหันพลันแล่น กระทำการอุกอาจในที่ศักดิ์สิทธิ์เยี่ยงวัดวาอาราม ท้ายที่สุดถูกหมิงอ๋องติเตียนเฆี่ยนตีก็เพราะทำตัวเองทั้งสิ้น ขอฝ่าบาทได้โปรดพินิจ"ความหมายอีกนัยคือ เขาไม่ได้ถือโทษหมิงอ๋องในความเป็นจริง ท่านโหวหลินไม่ได้คิดจะคาดโทษหมิงอ๋องแต่แรกอยู่แล้วฐานะตระกูลหลินของเขาในยามนี้เป็นเช่นไร เขารู้แจ้งกว่าผู้ใดเพียงแต่หลังจากที่ฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องนี้ ก็ทรงมีพระบัญชาเรียกให้เขาและฮูหยินเข้าวังมาเป็นการเฉพาะ แล้วทรงประกาศกร้าวต่อหน้าพวกเขาว่าจะโบยหมิงอ๋องโดยที่ไม่ให้โอกาสพวกเขาได้พูดสิ่งใดเลยเวลานี้ ได้ยินท่านโหวหลินกล่าวเช่นนี้ ฮ่องเต้กลับรู้สึกพอใจยิ่งเพียงแค่ส่งเสียงค้อนผ่านปลายจมูกเบาๆ แสดงออกถึงความเหยียดหยันเขาหันไปถามเซียวเหิง "แม่ทัพเซียวอยู่ในเหตุการณ์ เจ้าคิดเห็นเช่นไร"เซียวเหิงประสานมือคำนับ นัยน์ตาดำขลับเหลือบมองเฉียวเนี่ยนด้วยความลุ่มลึกผาดหนึ่ง ถึงจะเอ่ย "ทูลฝ่าบาท แม้เรื่องนี้จะเกิดจากวาจาและการทำที่ยั้งคิดของแม่นางเฉียว
ความตื่นเต้นกระสับกระส่ายในแววตาของนางถูกเซียวเหิงสังเกตเห็นจนหมดสิ้นแต่ไม่รู้เพราะเหตุใด นางที่มีท่าทีเช่นนี้กลับทำให้เขาใจเต้นกว่าที่ควรเป็นแต่เมื่อนึกถึงท่าทางใกล้ชิดของนางและหมิงอ๋องในท้องพระโรง ไฟโทสะของเขาก็พลันลุกโชน "ผ่านไปสามปี เหตุใดยังไม่รู้จักคิดเหมือนเดิม"ในที่สุดหัวใจที่ลุกลี้ลุกลนของเฉียวเนี่ยนก็สงบลงมาได้ นางออกแรงผลักเซียวเหิง แต่พื้นที่ในถ้ำมีจำกัด ต่อให้นางจะออกแรงมากเพียงใดก็เปลืองแรงเปล่า จึงดึงมือของเขาที่ปิดปากนางเอาไว้ออก ถลึงตาใส่เขาอย่างแรงปราดหนึ่ง "แม่ทัพเซียวลากข้ามาที่นี่เพื่อพูดเรื่องนี้หรอกหรือ"แววตาของเซียวเหิงหม่นลง บ่งบอกถึงความผิดหวังในตัวนาง "เจ้าอย่าบอกข้านะว่าเจ้าดูไม่ออกว่าเหตุการณ์ทั้งหมดในวันนี้เป็นแผนการที่เต๋อกุ้ยเฟยวางไว้ ต่อให้แผลที่หลังของเจ้าจะสาหัสเพียงใด แต่ก็ไม่รุนแรงถึงขั้นเลือดซึมหลังจากวิ่งได้ไม่กี่ก้าว"นอกเสียจาก แผลของนางไม่ได้รับการจัดการตั้งแต่แรกแต่เห็นได้ชัดว่าเฉียวเนี่ยนรู้ดีว่าความรู้สึกหลังจากที่ทำแผลใหม่อีกครั้งแตกต่างจากครั้งก่อนหน้ามากเกินไปทว่านางไม่ได้คิดอะไร กลับเพียงแค่แค่นหัวเราะเบาๆ "หรือเรื่องที่ท่าน
รังสีรอบกายเซียวเหิงพลันอึมครึมในบัดดล"เจ้าจะแต่งกับเขาจริงหรือ"น้ำเสียงที่แผ่วเบาแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็นเฉียวเนี่ยนสบตาที่แดงฉานคู่นั้น ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ใช่""แม้เขาจะเป็นคนพิกลพิการ ?"คำพูดของเซียวเหิงทำให้เฉียวเนี่ยนนิ่งเงียบเห็นดังนั้น เซียวเหิงจึงนึกว่านางยังไม่รู้ พลันพูดต่อ "เจ้าต้องรู้ไว้ว่าเขา...""ข้ารู้" เฉียวเนี่ยนตัดบทเซียวเหิง นางรู้ว่าเซียวเหิงต้องการจะพูดอะไรต่อหลิ่วเหนียง นางกำนัลที่นำทางนางเมื่อครู่แอบบอกเรื่องลับที่นางไม่เคยรู้มาก่อนเหล่านั้นกับนางหมดแล้วเซียวเหิงชะงักงันนางรู้ แต่ก็ยังดึงดันจะแต่งเช่นนั้นหรือดูเหมือนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ น้ำเสียงของเขาแหบเครือ "หากเป็นเพราะคำพูดในตอนนั้นของข้า ข้าไปบอกฮูหยินหลินก็ได้ว่า..."เขาคิดว่าเป็นเพราะเขาเคยบอกว่า นางต้องแต่งออกไปก่อนถึงจะไปสู่ขอหลินยวนได้แต่ใครจะไปรู้ว่าเฉียวเนี่ยนกลับพูดขัดจังหวะเขาอีกครั้ง "ไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพ เพราะข้าอยากจะแต่งกับหมิงอ๋อง"เพราะร่างกายของท่านย่าคงทนได้อีกไม่นาน เพราะวันข้างหน้าจวนโหวไม่ใช่ที่พึ่งพิงสุดท้ายของนาง เพราะนางต้องหาทางออกให้กับตนเองเพราะหลาย
หัวใจของหลินเย่ว์ก็พลอยบีบคั้นไปด้วย ทว่าฮูหยินหลินวิ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน ดึงมือหลินยวนไป แล้วเอ่ยด้วยความสงสารจับใจ "โธ่เอ้ย เร็วเข้า รีบไปใส่ยากับแม่"ขณะพูดก็ดึงมือหลินยวนจะพาออกไปด้านนอกทว่าหลินยวนกลับไม่ยอมไป หยดน้ำตาค่อยๆ ร่วงเผาะลงมา "ข้าไม่ไป ท่าทางท่านพ่อเช่นนี้คงต้องลงโทษพี่ชายเป็นแน่ ข้าต้องอยู่ปกป้องพี่ชาย"ท่านโหวหลินเกิดใจอ่อนเพราะท่าทางร้องไห้น้ำตาเป็นสายฝนของหลินยวนหลินเย่ว์กลับขมวดคิ้วมุ่นภายในหัวเต็มไปด้วยภาพที่เฉียวเนี่ยนพูดว่าเขาได้ตายไปตั้งแต่สามปีที่แล้วต่อหน้ากลุ่มคนมากมายทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเหตุใดจึงได้แตกต่างกันเช่นนี้เป็นน้องสาวของเขาเหมือนกัน คนหนึ่งไม่กลัวจะต้องบาดเจ็บเพื่อเขา อีกคนกลับใจจืดใจดำกับเขาเพียงนั้น...ทว่ากลับได้ยินท่านโหวหลินตำหนิเบาๆ "เขาไม่ควรถูกลงโทษหรือ ตีน้องสาวตัวเองต่อหน้าฝูงชนจนมีสภาพเช่นนั้น เจ้ายังใช่คนอยู่อีกหรือ เจ้ามันเดรัจฉาน !"พฤติกรรมในวันนี้ของหลินเย่ว์ใช่การลงโทษเฉียวเนี่ยนเสียเมื่อไหร่ เห็นๆ กันอยู่ว่าเป็นการทำให้หน้าตาของจวนโหวป่นปี้ยามนี้ ทุกคนในเมืองหลวงล้วนแต่รู้แล้วว่าลูกสาวที่จวนโหวเลี้ยงมาสิบห้าปี
หลังกลับไปยังจวนโหว เฉียวเนี่ยนอยากจะเข้าไปคาราวะท่านย่า ทว่ากลับมีคนมารายงานว่าท่านย่าหลับไปแล้วนางคิดว่า ในเมื่อท่านย่าหลับลง นั่นก็หมายความว่ายังไม่ได้ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นในวัดฝ่าหัววันนี้ จึงเบาใจลงไปไม่น้อยตอนที่กลับไปถึงเรือนฟางเหอ หนิงซวงกำลังรอนางอยู่ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด เฉียวเนี่ยนนึกถึงลูกถีบของหลินเย่ว์ก่อนหน้านี้ก็อดปวดใจไม่ได้หนิงซวงกลับมีท่าทีราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นก็ไม่ปาน ยังคงปรนนิบัติเฉียวเนี่ยนเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างที่ผ่านมาแต่เฉียวเนี่ยนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากพูด "หนิงซวง เจ้ามีที่อื่นที่อยากจะไปอีกหรือไม่"ได้ยินดังนั้น หนิงซวงชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าที่เดิมก็ซีดเซียวอยู่แล้วยิ่งดูไร้เลือดฝาดกว่าเดิม "คุณหนูจะไล่บ่าวออกหรือเจ้าคะ"เฉียวเนี่ยนส่ายหน้า "ข้าไม่ได้จะไล่เจ้าไปไหน ข้าเพียงแค่...กลัวว่าจะพลอยทำให้เจ้าลำบากไปด้วย"วันนี้หากไม่ใช่เพราะนาง หนิงซวงมีหรือจะต้องมาเจอกับเรื่องเดือดร้อนไร้สาระเหล่านี้แต่ใครจะไปรู้ว่าหนิงซวงจะตื่นตระหนกขึ้นมากะทันหัน "บ่าวไม่กลัว ! คุณหนูอย่าไล่บ่าวไปเลยนะเจ้าคะ บ่าวจะอยู่ข้างกายคุณหนู คอยปกป้องคุณหนู
ท่าทีตอบสนองเช่นนี้ เทียบกับคำพูดที่นางเอ่ยเมื่อครู่ ช่างน่าขำยิ่งนักเฉียวเนี่ยนอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับส่งเสียงหัวร่อฮูหยินหลินเองก็รู้ว่าคำพูดเมื่อครู่ของหลินยวนไม่เหมาะสม จึงรีบเข้าไปขัดจังหวะ "วันนี้หมิงอ๋องยังรักษาแผลอยู่ ส่งให้คนมาบอกว่าไว้จะพาเจ้าไปยังที่ที่พวกเจ้านัดกันเอาไว้แล้วในอีกหลายวันข้างหน้า"ที่ที่พวกเขานัดกันเอาไว้แล้วหรือเฉียวเนี่ยนขมวดคิ้วเบาๆ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานหมิงอ๋องเคยบอกว่าหลังจบเรื่องจะพานางไปยังที่แห่งหนึ่งเพียงแต่นี่นับว่าเป็นการนัดกันเอาไว้แล้วไม่ได้หรอกกระมัง เขายังไม่รอนางตอบตกลงก็ไปเสียแล้วระหว่างที่กำลังคิด หลินยวนกลับขยับเข้ามาใกล้นางกว่าเดิม "ท่านหมิงอ๋องนัดพี่หญิงไปที่ใด สนุกหรือไม่""..."เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความระรื่นของนาง เฉียวเนี่ยนพลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้นางหันไปมองหลินยวน แล้วเอ่ยถามเสียงขรึม "เมื่อวาน เจ้าเป็นผู้บอกท่านหมิงอ๋องว่าข้าจะไปวัดฝ่าหัวใช่หรือไม่"นางจำได้ว่าหลินยวนเหมือนจะเคยพูดไว้ได้ยินดังนั้น หลินยวนนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเบาๆคิ้วของเฉียวเนี่ยนมุ่นเล็กน้อย "เหตุใดเจ้าต้องทำเ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่เฉียวเนี่ยนได้ยินเสียงของหลินเย่ว์ก็เกิดความรู้สึกรำคาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้นางหันไปมองเขา เห็นเขาผลักเด็กรับใช้ที่กำลังประครองเขาอยู่ออก แล้วเดินกระเผลกเข้ามาทางนางอย่างรวดเร็ว "ขอโทษท่านแม่เสีย !"เฉียวเนี่ยนพินิจมองเขาปราดหนึ่ง คงเพราะแผลที่หลัง หลินเย่ว์จึงยืนได้ไม่ตรงนัก อีกทั้งหน้าผากยังมีเม็ดเหงื่อผุดพรายอยู่ไม่น้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ที่สาวก้าวเข้ามานั้นทำให้เขาเจ็บราวกับเหลือเพียงอีกแค่ครึ่งชีวิตแต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังเลือกที่จะตำหนินางโดยไม่ห่วงเรื่องใดๆ ทั้งสิ้นที่จริงแล้วเมื่อมาลองๆ คิดดูให้ดี หลินเย่ว์มีนิสัยเช่นนี้ตั้งแต่เด็ก เพียงแต่ยามนั้นหลินเย่ว์คอยปกป้องนางอย่างไม่คิดชีวิต ทว่าหลังจากที่หลินยวนกลับมา ก็เริ่มเพ่งเล็งนาง ปรักปรำนางโดยไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้นเฉียวเนี่ยนรู้สึกหนาวเหน็บในใจ แต่กลับกล่าวออกมา "ท่านโหวน้อย เมื่อวานหลังจากที่สั่งให้ข้าขอโทษแล้วก็ถูกเฆี่ยนไปยกใหญ่ วันนี้เตรียมใจจะโดนลงโทษแบบใดอีกหรือ"พูดถึงเรื่องเมื่อวาน หลินเย่ว์ก็อดสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้ แต่กลับยังคงดื้อดึง เชื่อว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของเฉียวเนี่
นั่นมันต้องเจ็บขนาดไหนกัน!เนี่ยนเนี่ยนของนางต้องเจ็บขนาดไหนกัน!ฮูหยินเฒ่าแค่คิด ก็รู้สึกปวดใจแทบขาดแล้วย่าอย่างนาง ช่างไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ!นางเอาแต่อยู่ในจวนนี้ทั้งวันทั้งคืน ไยแม้แต่ข่าวเล็กน้อยก็ยังไม่ได้รับ?หากนางรู้เร็วกว่านี้ว่าหมิงอ๋องคนนั้นไม่ใช่คนดีอะไร นางคงไม่มีทางให้เนี่ยนเนี่ยนเข้าวังหรอกหากนางรู้ว่าหลินเย่ว์ไอ้สารเลวนั่นทำเรื่องร้ายแรงขนาดนี้ นางคงตีเขาให้ตายแน่!หาก...หากนางจากไปเร็วกว่านี้ เนี่ยนเนี่ยนของนางคงไม่ต้องลำบาก ต้องกล้ำกลืนความไม่เป็นธรรม! อยู่ที่จวนโหวมาตลอดขนาดนี้!เป็นนางเองที่ไร้ประโยชน์!เป็นเพราะนางแก่แล้ว ทนได้ไม่ไหวแล้ว ไม่เพียงแต่ปกป้องเนี่ยนเนี่ยนของนางไม่ได้ ยังกลายเป็นภาระของนางด้วย!พวกเขายังให้นางกินน้ำล้างจานด้วย!หลานสาวแท้ๆ ที่นางรักทะนุทะนอมมาตั้งแต่เด็ก!พวกเขากล้าให้นางกินน้ำล้างจานได้อย่างไรกัน!ฮูหยินเฒ่ายิ่งคิด ความเจ็บปวดในใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จนสุดท้าย ก็ส่งเสียงร้องไห้ออกมาเสียงโหยหวนและแก่ชราที่ดังเรื่อยๆ นั้น แฝงไปด้วยความเสียใจมากมายและช่วยอะไรไม่ได้นางถึงขนาดที่ไม่รู้แล้วว่า ให้เฉียวเนี่ยนออกมาจากกรมซักล้าง
เฉียวเนี่ยนวิ่งไปด้วย เช็ดคราบเลือดตรงมุมปากไปด้วย นางจะให้ท่านย่าเห็นสภาพนางกระอักเลือดไม่ได้!เมื่อมาถึงนอกห้องฮูหยินเฒ่า ก็เห็นซูมามากับหมอประจำจวนรออยู่หน้าประตูห้องก่อนแล้วครั้นเห็นเฉียวเนี่ยน หมอประจำจวนก็คำนับเฉียวเนี่ยนรีบไถ่ถาม "เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านย่าข้าเป็นอย่างไรบ้าง?"หมอประจำจวนถึงได้ตอบ "คุณหนูใหญ่ ร่างกายของฮูหยินเฒ่าเสียหายอย่างรุนแรง แม้ข้าน้อยจะฝังเข็มรักษาชีพจรหัวใจของฮูหยินเฒ่าไว้มั่นได้ แต่ เกรงว่าคงยืนหยัดได้ไม่เกินสิบวัน"เฉียวเนี่ยนอึ้งไป พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย "ไม่ ไม่จริง ซูมามาบอกว่า วันนี้สภาพท่านย่าไม่เลว แถมยังลุกจากเตียงได้อยู่เลยมิใช่หรือ... "เหตุใดแม้แต่สิบวันก็ทนไม่ไหวแล้วเล่า?ซูมามาปาดน้ำตาไร้สุ้มเสียงแต่หมอประจำจวนกลับถอนหายใจเล็กน้อย กล่าว "หากไม่เคยได้รับการกระตุ้น บางทีฮูหยินเฒ่าอาจทนได้สองสามเดือน เฮ้อ!"ได้ยินเช่นนี้ น้ำตาเฉียวเนี่ยนพลันไหลลงมาไม่หยุด แม้แต่ลมหายใจก็สับสนไปชั่วขณะอย่างไรเสียก็เป็นเรื่องของนางที่ทำร้ายฮูหยินเฒ่า!เมื่อครู่นางควรตวัดดาบจบหลินยวนไปเสีย!ซูมามารีบเข้ามาเช็ดน้ำตาให้นาง และกล่าวโน้
แต่ในเวลานี้เอง ร่างๆหนึ่งปรี่เข้ามาในห้อง ผลักเฉียวเนี่ยนออกและเพราะการกระแทกนี้ ทำให้ดาบยาวทิ้งรอยเลือดไว้เป็นทางยาวตรงหน้าอกหลินยวนหลินเย่ว์ตกใจหน้าถอดสี รีบอุ้มหลินยวนไปข้างนอกทันทีแต่คาดไม่ถึงว่า เฉียวเนี่ยนไล่ตามออกมาเหมือนกับคนบ้า ถือดาบยาวตวัดฟันลงบนหลังของหลินเย่ว์หลินเย่ว์หลบไม่ทัน หลังรับดาบเฉียวเนี่ยนไปเต็มๆ สองมือไร้เรี่ยวแรงทันที และล้มลงไปบนพื้นพร้อมกับหลินยวนท่านโหวหลินที่เร่งตามาเห็นภาพนี้ ก็ปรี่เข้ามาจับสองมือของเฉียวเนี่ยนไว้ทันที พลางตะคอกอย่างกราดเกรี้ยว “เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”หากไม่ใช่เพราะทหารองครักษ์ที่ถูกแย่งดาบไปรีบมารายงาน เกรงว่าเมื่อพวกเขามาถึง หลินยวนคงตายภายใต้ดาบของนางไปแล้วแต่ไม่คิดเลยว่า เฉียวเนี่ยนแทบจะตะโกนเดือดดาลอย่างบ้าบิ่น “ใช่ข้าบ้าไปแล้ว! หากไม่ใช่เพราะนางส่งคนไปพูดไร้สาระต่อหน้าท่านย่า ท่านย่าก็คงจะไม่เป็นไร! วันนี้ข้าจะต้องตัดลิ้นนางให้ได้ ข้าจะดูว่าต่อไปเจ้าจะเอาอะไรออกมาทำร้ายท่านย่าอีก!”ท่านโหวหลินเหมือนเพิ่งจะรู้ว่าจู่ๆ ที่ฮูหยินเฒ่าอาการกำเริบเกิดมาจากหลินยวน จึงมองไปที่หลินยวนด้วยสีหน้าตกตะลึงทันทีเห็นเพียงอีกฝ้ายหมอบอยู่
เรือนลั่วเหมย ประตูใหญ่ปิดสนิทเฉียวเนี่ยนถีบประตูเปิด ย่างสามขุมเข้าไปในเรือนลั่วเหมยคนรับใช้ สาวใช้ภายในเรือน แต่ละคนเตรียมพร้อมรออยู่ ราวกับคาดเดาได้ว่าเฉียวเนี่ยนจะมาแต่กลับคาดไม่ถึงเลยว่า เฉียวเนี่ยนจะถือดาบเข้ามาด้วย!กระนั้น แม้พวกเขาจะเคยเห็นความดุร้ายของเฉียวเนี่ยน ทว่ากลับไม่เคยเห็นเฉียวเนี่ยนฆ่าคน จึงคิดว่าเฉียวเนี่ยนแค่มาขู่ก็เท่านั้นมีคนรับใช้ใจกล้าคนหนึ่งเข้ามาพูดโน้มน้าว “คุณหนูใหญ่โปรดระงับโทสะ อย่าทำเรื่องโง่ๆ รอท่านโหวมา…อ๊าก!”ไม่รอให้คนรับใช้คนนั้นพูดจบ เฉียวเนี่ยนก็ฟัดดาบลงไป คนรับใช้คนนั้นถูกฟันเข้าที่แขนทันที เลือดแดงสดไหลลงมาดวงตาสองข้างของเฉียวเนี่ยนแดงก่ำ ตะโกนเสียงดัง “หลินยวน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”จากนั้น เหลือบมองกลุ่มคนรับใช้สาวใช้ที่ยังขวางอยู่ตรงหน้าตัวเอง แล้วตะคอกเสียงเย็น “ใครกล้าขวางข้า!”เหล่าสาวใช้ที่ขี้ขลาดบางส่วนรีบวิ่งหนีเตลิดกันหมด ทว่ายังพอมีใจกล้าอยู่บ้าง ขวางอยู่ข้างหน้าเฉียวเนี่ยน “คุณหนูใหญ่ใจเย็นก่อนๆ หากฆ่าคุณหนูรองจริง ท่านโหวจะปล่อยคุณหนูไปได้อย่างไร?”เฉียวเนี่ยนจ้องคนรับใช้คนนั้นเขม็ง พลางกดเสียงต่ำ “รนหาที่ตาย!”ดาบยา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ซูมามาก็ห้ามเสียงสะอื้นไม่ได้แล้ว “ฮู ฮูหยินเฒ่ารู้เรื่องที่คุณหนูใหญ่จะตัดขาดท่านโหว จึงบีบเค้นถามบ่าว บ่าวไม่กล้าพูดมาก ฮูหยินเฒ่าจึงบีบให้นังพวกใจสกปรกเหล่านี้พูด…”“ฮูหยินเฒ่าไม่เพียงรู้เรื่องที่คุณหนูตัดขาดจวนโหว ยังรู้เรื่องก่อนหน้าที่คุณหนูเกือบถูกหมิงอ๋องตีตาย รู้ว่าท่านโหวน้อยรังแกคุณหนูอย่างไร ดังนั้นฮูหยินเฒ่าก็เลย ก็เลย…”พูดมาถึงตอนท้าย ซูมามาร่ำไห้จนพูดออกมาไม่ได้แล้วส่วนเฉียวเนี่ยน เดือดดาลจนสั่นเทาไปทั่วร่างนางมีสีหน้าเย็นชา ค่อยๆเดินไปทางสาวใช้พวกนั้นพวกสาวใช้แต่ละคนต่างหลุบตาต่ำก้มหน้า จิตใจกระวนกระวาย ไม่กล้าเหลือบมองเฉียวเนี่ยนได้ยินเพียงสุ้มเสียงสั่นเทาของเฉียวเนี่ยนดังออกมา และเจือไปด้วยโทสะ “ข้ากำชับหลายครั้งหลายหนแล้วว่าห้ามเปิดเผยเรื่องของข้าให้ท่านย่าฟัง พวกเจ้าไปเอาความกล้ามาจากไหนกัน ถึงกล้าเอ่ยถึงข้าในเรือนของท่านย่า!”เหล่าสาวใช้ต่างตกใจพากันร่ำไห้โขกหัว “บ่าวผิดไปแล้ว ขอคุณหนูใหญ่ยกโทษให้ด้วย!”“บ่าวรู้ความผิดแล้ว บ่าวไม่กล้าทำอีกแล้ว!”ทว่าสายตาของเฉียวเนี่ยน กลับถูกสาวใช้หนึ่งในนั้นดึงดูดไปนางขมวดคิ้ว กล่าวเสียงเย็น “เ
หลังจากเฉียวเนี่ยนก้มกราบเสร็จ ก็ลุกขึ้นยืน กล่าวกับคนรับใช้ที่คอยปรนนิบัติอยู่นอกห้องโถง “ไปเอากระดาษ พู่กันมา”คนรับใช้ไหนเลยจะกล้าขยับ พลางมองไปที่ท่านโหวหลินด้วยความลำบากใจแต่กลับพบว่า ท่านโหวหลินกำลังหายใจแรง คล้ายว่าถูกยั่วโมโหสุดขีดแล้วส่วนฮูหยินหลินปาดน้ำตาไม่หยุด พูดไม่ออกเลยสักคำมีเพียงหลินเย่ว์ที่ยังพูดออกมาได้ในตอนนี้ “เฉียวเนี่ยน เจ้าคิดให้ดีนะ ไม่มีจวนโหว…”“ข้าคิดดีแล้ว” เฉียวเนี่ยนขัดคำพูดหลินเย่ว์อย่างไม่แยแส จากนั้นสายตาก็มาหยุดอยู่ที่ท่านโหวหลินอย่างเย็นชา น้ำเสียงเจือไปด้วยความถากถาง “บัดนี้พวกท่านบอกปัดด้วยข้ออ้างต่างๆเช่นนี้ เหมือนกับว่าจวนโหวขาดข้าไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น”ไม่ใช่ว่ายืนยันแล้วหรอกหรือว่าจวนโหวเอาแต่ใช้ประโยชน์นางมาตลอด?ได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดท่านโหวหลินก็โมโหจนขาดสติ และตะคอกขึ้นมาด้วยโทสะทันที “ไปเอากระดาษกับพู่กันมา!”จวนโหวขาดนางไม่ได้?พูดเรื่องตลกอะไร!เรือพังยังมีตะปูสามพัน ต่อให้จวนโหวเขาไม่ดีแค่ไหน ก็ไม่มีวันตกต่ำถึงขั้นต้องพึ่งพาเฉียวเนี่ยนที่เป็นสตรีคนหนึ่งหรอก!เขาคำนึงถึงอนาคตทึกอย่างเพื่อนาง นางไม่รับน้ำใจก็ช่าง ตอนนี้กลับ
น้ำเสียง ดูเย็นชาเป็นพิเศษแต่กลับทำให้หลินเย่ว์โมโหไม่น้อย "ไม่ขัดขวาง? เฉียวเนี่ยน เจ้ามองตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว? ที่พ่อแม่สนใจเรื่องแต่งงานของเจ้า เป็นเพราะพวกเขายังยอมรับเจ้าเป็นลูกสาว! หากตัดขาดกัน จวนโหวจะสนใจเจ้าอีกได้อย่างไร!"ได้ยินวาจานี้ จู่ๆ เฉียวเนี่ยนพลันหัวเราะขึ้นมา ก่อนกล่าว "ดังนั้น ข้าจะตัดขาดความสัมพันธ์"สิ่งที่หลินเย่ว์พูดเมื่อครู่ เหล่านนั้น คือเหตุผลที่นางอยากตัดขาดความสัมพันธ์!หลินเย่ว์นิ่งอึ้งรู้สึกแต่ว่าเฉียวเนี่ยนถูกผีเข้าสิงขณะกำลังคิดว่าควรจะด่าเตือนนางอย่างไร กลับไม่คาดคิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อน"ท่านโหวหลินดูออกหรือไม่ว่าตราประทับนั้นเป็นของปลอม?"เสียงของนางอ่อนเบา ไม่เจือไปด้วยโทสะแม้แต่น้อยราวกับว่าแค่ถามเรื่องที่ปกติมากๆเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ไม่เกี่ยวกับนางแต่คำพูดนี้กลับทำให้หลินเย่ว์และฮูหยินหลินขมวดคิ้วสองข้าง "ตราประทับปลอมอะไร? เจ้าว่าตราประทับราชครูนั่นเป็นของปลอมหรือ?"เฉียวเนี่ยนไม่ตอบ ดวงตาคู่หนึ่งมองไปที่ท่านโหวหลินอย่างสงบนิ่งมากพบว่าท่านโหวหลินตาเป็นประกาย กล่าวอย่างปากแข็ง "นั่น นั่นมันเป็นตราประทับของรา
จวบจนรถม้านั่นขับออกไปไกลแล้ว จิ่งเหยียนถึงได้โบกมือ สั่งเหล่าทหารที่อยู่ด้านหลังกลับไปจากนั้นก้มตัวลงไปเก็บปิ่นปักผมที่อยู่บนพื้นขึ้นมา เดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังเฉียวเนี่ยนและม้วยมวลผมที่ง่ายที่สุดให้นางในระหว่างที่ทำผมให้นางเขาถึงได้พบว่า มือขวาของตัวเองยังออกแรงไม่ได้จนถึงตอนนี้นึกถึงเซียวเหอแม้เขาจะกักตัวมาตลอดห้าปี กระนั้นฝีมือการต่อสู้กลับยังคงเก่งกาจเหมือนเดิม จิ่งเหยียนอดหัวเราะเสียงเบาออกมาไม่ได้ครั้นได้ยินเสียงหัวเราะที่มาจกความจริงใจภายใน เฉียวเนี่ยนก็อดสงสัยไม่ได้ "เป็นอะไรหรือ?"จิ่งเหยียนเก็บความคิดไว้ และส่ายหัวเล็กน้อย "ไม่มีอะไร"ระหว่างสนทนา เขาปรายตามองแผ่นป้ายสูงจวนราชครูนั้น แววตาทมึนถึงลง ก่อนกล่าว "ข้าจะส่งเจ้ากลับ"เฉียวเนี่ยนถึงได้สูดหายใจเข้าลึก และพยักหน้าอย่างช้าๆถึงเวลาควรกลับแล้วไม่นาน เฉียวเนี่ยนก็กลับมาถึงจวนแต่คาดไม่ถึงว่า จะบังเอิิญเจอท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ที่กำลังออกมาจากจวนพอดีเห็นเฉียวเนี่ยนตามจิ่งเหยียนมา ท่านโหวหลินกับหลินเย่ว์ต่างก็ตกตะลึงเดิมทีพวกเขากำลังจะไปจวนราชครู แต่ไม่คิดเลยว่าเฉียวเนี่ยนจะกลับมาก่อนก้าวหนึ่งท่านโหวหลิ
แต่ไม่คิดเลยว่า จู่ๆบนหลังมือของจิ่งเหยียนเกิดความเจ็บแปลบอย่างรุนแรงขึ้นมา ทำให้ไม่อาจถือแม้แต่ปิ่นปักผมไว้ได้ปิ่นปักผมร่วงลงบนพื้น เกิดเสียงกระทบดังออกมาและที่ร่วงมาพร้อมกันนั้น ยังมีหินกลมก้อนหนึ่งด้วยนี่มัน...ทั่วบริเวณ เงียบสงัดไปชั่วขณะทว่ามีเสียงเกือกม้าค่อยๆดังเข้ามาทุกคนทอกมองไปทางต้นเสียง เห็นไม่ไกลนัก มีรถม้าคันหนึ่งมุ่งตรงมาที่จวนราชครูคือรถม้าของตระกูลเซียว!เฉียวเนี่ยนตกใจ จับมือจิ่งเหยียนไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว ก่อนคิ้วงามขมวดขึ้นเล็กน้อยเซียวเหิงมาได้อย่างไร?แต่ที่ไม่คาดคิดคือ รถม้ามาหยุดอยู่นอกจวนราชครู มือขาวเรียวยาวข้างหนึ่งแหวกผ้าม่านรถออก เสียงเย็นยะเยือกดังออกมา "ราชครูชิว ไม่เจอกันนานเลย"เฉียวเนี่ยนตกใจอีกครา สุ้มเสียงนี้ หาใช่เซียวเหิง!นางมองไปทางรถม้าทันที เห็นใบหน้าขาวที่แทบจะเหมือนป่วยภายใต้ม่านรถที่ถูกเปิดออกนั้น บนใบหน้าที่ซูบผอม หูตาคอจมูกดูดุดัน ออร่าแม่ทัพใหญ่ที่เลือนรางนั้นไม่ลดลงไปเลยแม้แต่น้อยเป็นเซียวเหอ!จิ่งเหยียนเองก็คาดไม่ถึงว่าผู้มาจะเป็นเซียวเหอ จึงอุทานอย่างตกใจออกมา "ท่านแม่ทัพ!"เขาเคยเป็นผู้นำทัพแนวหน้าใต้บัญชาเซียวเห