Home / รักโบราณ / พระชายาตำหนักร้างรัก / บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

Share

บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

last update Last Updated: 2025-01-01 22:33:55

ปลายยามซื่อ[1] แล้ว ร่างสูงใหญ่จึงได้ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน คืนที่ผ่านมาเขาแวะทำธุระสำคัญระหว่างเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเกิดพายุใหญ่จนเดินทางต่อไปได้ลำบาก ความจริงก็อยากจะแวะเข้าไปในเมือง หาที่พักสะอาดสะอ้านนอนพักจนกว่าพายุจะสงบ นึกไม่ถึงว่าจะอากาศจะย่ำแย่จนม้าตื่นกลัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งไว้หน้าตำหนักเยว่ฉีเสียแล้ว

เฉินฟาหยาง ลืมเสียสนิทว่ามีใครอยู่ที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นดวงหน้าคุ้นตาที่คล้ายบิดาของนางอยู่หลายส่วน ความโกรธแค้นในใจก็พลันพลุ่งพล่าน อยากกลั่นแกล้งเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันที

ยากจะเดาได้ว่าปีศาจตนใดยุยงให้เฉินฟาหยางกล่าวความเท็จ ว่า    ตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่รวมถึงตัวนางให้เขาแล้ว แต่จะว่าเป็นความเท็จทั้งสิบส่วนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเขาและตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์คือคนคนเดียวกัน   ทว่าเสวียนซือชิงหาได้ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใดไม่

ในวันที่แต่งนางเข้าตำหนักร้างเมื่อสามปีก่อน เขาสำเริงสำราญอยู่กับอนุภรรยาในจวน หลับนอนกับพวกนางอย่างบ้าคลั่ง ถึงเสวียนซือชิงจะไม่ทราบเรื่อง แต่เขาก็สาแก่ใจอย่างมาก ยิ่งได้ข่าวจากคนรู้จักว่านางรออยู่ในรถม้านานเกือบสองชั่วยาม เฉินฟาหยางก็ยิ่งมีความสุขจนแทบกระอักออกมาเป็นเลือด

ความจริงอยากจะกลั่นแกล้งให้มากกว่านี้สักหลายเท่า แต่พอเห็นนางอีกครั้งภายใต้แสงตะเกียงที่ส่องสว่าง เฉินฟาหยางก็จำต้องแสร้งทำสีหน้าดุดันกว่าปกติ ทั้งยังไม่ยอมสบตา ด้วยเกรงว่าจะใจอ่อนให้กับความงามของนาง

ดวงตากลมโตหวานซึ้งมีหยาดน้ำสีใสคลออยู่ มองดูแล้วน่าสงสารจนอยากจะเข้าไปกอดปลอบ เดิมทีเขาก็ไม่ใช่คนรักหยกถนอมบุปผา[2] แต่พอเห็นความตื่นกลัวบนใบหน้านางกลับไม่รู้สึกอยากขู่ตะคอกให้เสียน้ำใจ จากที่ตวาดแทบทุกคำจึงยอมลดเสียงลงบ้าง ยิ่งนึกไม่ถึงว่านางจะหวงของ ปกป้องทุกอย่างที่เป็นของตวนอ๋องทั้ง ๆ ที่กลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว

เฉินฟาหยางเห็นว่านางปกป้องผลประโยชน์ให้ตนเช่นนั้นก็ลดความเกลียดชังลงสองส่วน ตั้งใจว่าอาบน้ำแล้วจะเข้านอน เมตตากอดนางให้ความอบอุ่นสักหน่อย นึกไม่ถึงว่านางรั้งรอให้เขาเปลือยเปล่า เพื่อที่จะหนีออกจากตำหนักท่ามกลางพายุใหญ่ โชคยังดีที่เขาคว้าเรือนร่างนุ่มนิ่มนั้นไว้ได้ทัน

แต่กระนั้นนางก็ยังขู่กันด้วยมีด...

แววตาเด็ดเดี่ยวของนางเหมือนกับบิดาไม่ผิดเพี้ยน มองดูแล้วเป็นคนพูดจริงทำจริง ดื้อด้านเป็นที่สุด หากเขาข่มขู่หรือกดดันนางมากไป ตำหนักเยว่ฉีคงได้กลายเป็นตำหนักร้างจริง ๆ แล้ว

“เหตุใดจึงเงียบเหงายิ่งนัก”

เฉินฟาหยางลุกออกจากเตียงอย่างเกียจคร้าน พลางเดินสำรวจทั่วตำหนักที่เขาไม่ได้มานานเกือบยี่สิบปี มันเล็กเสียจนไม่ควรถูกเรียกว่าตำหนัก เรียกว่าบ้านคงจะเหมาะสมกว่า

แต่ในเมื่อสถานที่แห่งนี้คือที่ประทับชั่วคราวของเสด็จพ่อเมื่อครั้งแวะเวียนมายังค่ายทหารนอกเมือง พบท่านแม่ของเขาเป็นครั้งแรก จากบ้านธรรมดาจึงถูกเปลี่ยนชื่อให้ดูหรูหราสมกับเป็นเรือนหอ ก่อนพานางกลับเข้าวังหลวงในภายหลัง

มารดาของเขามิได้เต็มใจแต่งกับฮ่องเต้ นางจึงไม่ยินดียินร้ายกับสิ่งใดนัก กระทั่งเลือดเนื้อเชื้อไขอย่างเฉินฟาหยางลืมตาดูโลกยังถูกละเลย เรียกได้ว่าเติบโตมาโดยสาวใช้ก็มิผิด หลังจากการศึกทุกอย่างจบสิ้นลงแล้ว องค์ฮ่องเต้จึงออกคำสั่งให้พาตัวพระสนมและองค์ชายน้อยกลับเข้าวังหลวงไป

ตำหนักที่ถูกใช้เป็นเรือนหอจึงถูกปล่อยร้างนับจากนั้นเป็นต้นมา

เฉินฟาหยางใช้สกุลของมารดา เพราะนางไม่มั่นใจว่าบุรุษรูปงามผู้นั้นจะกลับมาหรือไม่ แต่พอเข้าไปอยู่ในวังหลวงแล้ว นางกลับเบื่อหน่ายการแก่งแย่งชิงดี ทนรั้งตำแหน่งพระสนมกุ้ยเฟยได้เพียงสิบปีก็สิ้นลมหายใจ ทิ้งไว้เพียงคำเล่าลือว่าอ้ายเฟย[3]ของฮ่องเต้เย็นชาอย่างมาก และความเย็นชาได้ส่งต่อผ่านทางสายเลือดให้กับตวนอ๋องเฉินฟาหยางอย่างสมบูรณ์ที่สุดแล้ว

หลังจากเดินจนทั่วแล้ว เขาก็อ้อมมายังด้านหลังตำหนัก อันเป็นบริเวณห้องครัวและพื้นที่สำหรับซักล้างทำความสะอาด พบร่างเล็กคุ้นตาสวมเสื้อผ้าเก่าแทบขาดกำลังนั่งทำอะไรบางอย่าง เฉินฟาหยางขยับเข้าไปใกล้ ก่อนจะอุทานอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

“นั่นเจ้าทำอะไร!”

เขาทราบดีว่าเสวียนซือชิงกำลังความสะอาดผ้าสกปรก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่านางต้องทำทุกอย่างด้วยตนเอง แล้วสาวใช้ในบ้านไปอยู่ที่ใดกันหมดเล่า

“คุณชายโปรดเข้าไปรอด้านในสักครู่ ข้าทำความสะอาดเสร็จแล้วจะรีบนำน้ำชาไปให้เจ้าค่ะ”

“เหตุใดจึงต้องทำเรื่องพวกนี้เอง สาวใช้ของเจ้าไปอยู่ที่ใดกัน”

“ที่นี่ไม่มีสาวใช้เจ้าค่ะ มีข้าเพียงแค่คนเดียว” นางก้มหน้าขณะตอบ ทว่าใบหูแดงจัดทำให้เฉินฟาหยางทราบได้ว่านางกำลังอับอาย

ที่แท้เมื่อคืนยามนางปฏิเสธว่าไม่มีใครอยู่ช่วยเขาอาบน้ำได้ โดยอ้างว่าที่นี่ไม่มีสาวใช้ เสวียนซือชิงไม่ได้คิดท้าทายกัน นางอยู่ที่ตำหนักร้างตามลำพังจริง ๆ แต่ในเมื่อนางเป็นถึงบุตรสาวคนโปรดของรองแม่ทัพเสวียนซือเหยา นางก็ควรจะมีสาวใช้ หรือทรัพย์สินเงินทองติดตัวมาบ้างมิใช่หรือ

‘ละเว้นโทษประหารคนสกุลเสวียน ทว่ายึดทรัพย์ให้หมดสิ้น’

เฉินฟาหยางตระหนักได้ในทันทีว่าที่ผ่านมา เสวียนซือชิงมีชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก มิได้สมตำแหน่งฐานะพระชายาของตวนอ๋องเลยแม้แต่น้อย

แต่บิดาของนางชั่วร้าย เขาจะต้องนึกสงสารนางไปเพื่ออะไรกัน

[1]  เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๐.๕๙ น.

[2] อ่อนโยนต่อสตรี

[3] สนมรัก

Related chapters

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเสวียนซือชิงอยู่บ้าง ฝนที่หลั่งไหลราวฟ้ารั่วตั้งแต่ฟ้าสว่างเมื่อวานได้หยุดลงในปลายยามอิ๋น[1] นางจึงรีบตื่นมาทำความสะอาด นำถังไม้ที่รองน้ำจากรอยรั่วของหลังคาไปเทไว้ในโอ่ง เช็ดถูส่วนที่เอ่อล้นออกมาอย่างขยันขันแข็ง สามปีก่อนนางทำเรื่องเหล่านี้ไม่เป็น ถนัดเพียงการปักผ้าตามที่ท่านแม่ใหญ่เคยสั่งสอน ออกแบบลวดลายสวยงามจนใครต่อใครที่ได้เห็นพากันชื่นชมไม่ขาดปากทว่าหลังจากแต่งเข้าตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงเรียนรู้ทุกอย่างจาก แม่นมสุ่ย ปัดกวาดเช็ดถูและซักผ้า กระทั่งทำอาหารก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีวัตถุดิบไม่มากก็ตาม แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ แม่นมสุ่ยพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่นางอายุมากแล้ว อดทนทำงานหนักได้ไม่นานก็หมดแรง เดือดร้อนต้องหายาบำรุงอยู่เรื่อยไป ท้ายที่สุดจึงยอมสอนงานทุกอย่างให้กับคุณหนูเสวียน เผื่อว่าวันใดนางไม่อยู่แล้ว คุณหนูผู้อาภัพจะได้ไม่ลำบากนักแม่นมสุ่ยเดาไม่ผิดนัก นางอยู่ที่ตำหนักเยว่ฉีได้เพียงปีเศษก็จากไปอย่างสงบ ราวกับนอนหลับไปอย่างนั้นเอง เสวียนซือชิงจำได้ว่านางร้องไห้นาน สามวัน วิ่งถลาออกไปขอร้องบุรุษที่แวะมาส่งข้าวสารให้ช่วยเหลือจัด

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง…เฉินฟาหยางไม่ใช่คนยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน เขาเป็นถึงพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รั้งตำแหน่งตวนอ๋องมาตั้งแต่อายุได้สิบหกชันษา ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมดูแลกองทัพ ออกรบยามมีปัญหาบริเวณชายแดน แต่กระนั้นยามลำบากที่สุด ข้าวต้มที่ได้กินยังมีเมล็ดข้าวมากกว่าถ้วยเล็ก ๆ ที่เสวียนซือชิงนำมาให้เสียอีกได้ยินว่านางจะนำข้าวสารไปแลกไข่ เขาก็หมดความอยากอาหารทันที!แม้จะเกลียดชังนางมาเพียงใด แต่เฉินฟาหยางกลับต้องยอมรับว่านางฉลาดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังไขข้อข้องใจที่คั่งค้างมานานว่าใครคือผู้ที่ขีดเขียนหนังสือเล่มโปรดของเขา“ที่แท้มิใช่เด็กผู้ชาย”เฉินฟาหยางลืมคิดไปว่าค่ายทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับสตรี นางแต่งตัวเป็นบุรุษ ลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาย่อมไม่ใช่เรื่องประหลาด ยามนั้นเขาต้องดาบของทหารเลวบริเวณแผ่นหลัง บาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ต้องนอนคว่ำและห้ามขยับตัวนานหลายวันคราวนั้นต้องดื่มกินสมุนไพรหลายประเภทเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด รู้สึกคล้ายมึนเมาตลอดเวลา นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแยกแยะเสียงของเด็กน้อยที่อยู่หลังม่านไม่ได้ย้อนหลังไปสิบปี ยามนั้นนางอายุเพียงแ

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีกร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการหากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญองค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทนำ

    กระแสลมกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดราวกับเต้นเริงระบำท่ามกลางสายฝน หากยามปกติคงยากจะมองเห็นได้ ว่ากิ่งก้านเรียวเล็กเหล่านั้นโอนอ่อนลู่ลมได้มากน้อยเพียงไรในยามราตรี ทว่าค่ำคืนนี้มิใช่ค่ำคืนธรรมดา แสงสว่างแสบตาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าทำให้สตรีร่างเล็กมองเห็นความน่าหวาดหวั่นของภัยธรรมชาติ พายุใหญ่เช่นนี้มาไม่บ่อยนัก แต่พอมาแล้ว ก็สร้างปัญหาให้มากพอสมควรหลังจากประเมินสถานการณ์อยู่เพียงหนึ่งจิบน้ำชา[1] นางจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไปยังห้องครัวที่อยู่นอกตัวบ้าน รีบหยิบถังไม้ขนาดเล็กที่เก่าจนมอง ไม่ออกว่ามันมีอายุมานานเท่าใดแล้วกลับเข้าห้อง วางมันลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ รอยรั่วของหลังคาอยู่ห่างจากเตียงคงไม่รบกวนการนอน แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ขอให้มีสักสองห้องในบ้านหลังนี้แห้งสะอาดก็คงเป็นเรื่องดีเสวียนซือชิง หนาวสะท้านทั่วร่าง มือเรียวบอบบางลูบต้นแขนเบา ๆ เพราะลมที่พัดลอดประตูห้องนอนทำให้หนาวจนสั่นสะท้าน อีกสองสามวันข้างหน้าประตูอาจพังครืน หากไม่ตอกตะปูยึดไว้สักหน่อยคงแย่นางยิ้มเศร้ายอมรับชะตากรรม เดินไปตรวจสอบกลอนหน้าต่าง ก่อนสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงฟ้าผ่าเป็นครั้งที่เท

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โฉมงามไม่สามารถควบคุมสติของตนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ในระหว่างก่อไฟต้มน้ำเสวียนซือชิงตรองดูอย่างละเอียดว่าเรื่องที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาเป็นความจริงหรือความเท็จ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ตวนอ๋องเกลียดชังครอบครัวของนางมากไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากผ่านไปสามปีแล้วค่อยส่งคนมาหมิ่นเกียรติกัน นั่นออกจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากสักหน่อยนางยกน้ำถังแล้วถังเล่าไปเติมอย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ถังไม้มีน้ำอุ่นมากพอสำหรับชำระล้างร่างกาย เวลาก็ผ่านไปเกือบสองเค่อ[1] เสวียนซือชิงเดิน อย่างประหม่ากลับไปยังห้องนอนที่มีบุรุษแปลกหน้าเปลือยท่อนบนรออยู่ เขาจุดตะเกียงแล้ว ห้องจึงสว่างไสวขึ้นมาบ้าง“น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ลมหายใจของเสวียนซือชิงติดขัด บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีสีหน้าเย็นชาอย่างมาก ลักษณะของเขาสอดคล้องกับน้ำเสียงทุกประการ ไม่ผ่อนปรนหรือปรานีให้กับผู้ใดทว่าสิ่งที่ทำให้นางแทบกลั้นลมหายใจคือความงามดั่งเทพเซียนของเขาต่างหากเล่าใบหน้าคมคร้ามและผิวขาวจัดยิ่งกว่าสตรี ทำให้นางไม่อาจจ้องมองได้นานนัก กลัวว่าจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะความตื่นเต้น ความ

    Last Updated : 2025-01-01

Latest chapter

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีกร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการหากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญองค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง…เฉินฟาหยางไม่ใช่คนยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน เขาเป็นถึงพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รั้งตำแหน่งตวนอ๋องมาตั้งแต่อายุได้สิบหกชันษา ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมดูแลกองทัพ ออกรบยามมีปัญหาบริเวณชายแดน แต่กระนั้นยามลำบากที่สุด ข้าวต้มที่ได้กินยังมีเมล็ดข้าวมากกว่าถ้วยเล็ก ๆ ที่เสวียนซือชิงนำมาให้เสียอีกได้ยินว่านางจะนำข้าวสารไปแลกไข่ เขาก็หมดความอยากอาหารทันที!แม้จะเกลียดชังนางมาเพียงใด แต่เฉินฟาหยางกลับต้องยอมรับว่านางฉลาดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังไขข้อข้องใจที่คั่งค้างมานานว่าใครคือผู้ที่ขีดเขียนหนังสือเล่มโปรดของเขา“ที่แท้มิใช่เด็กผู้ชาย”เฉินฟาหยางลืมคิดไปว่าค่ายทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับสตรี นางแต่งตัวเป็นบุรุษ ลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาย่อมไม่ใช่เรื่องประหลาด ยามนั้นเขาต้องดาบของทหารเลวบริเวณแผ่นหลัง บาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ต้องนอนคว่ำและห้ามขยับตัวนานหลายวันคราวนั้นต้องดื่มกินสมุนไพรหลายประเภทเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด รู้สึกคล้ายมึนเมาตลอดเวลา นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแยกแยะเสียงของเด็กน้อยที่อยู่หลังม่านไม่ได้ย้อนหลังไปสิบปี ยามนั้นนางอายุเพียงแ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเสวียนซือชิงอยู่บ้าง ฝนที่หลั่งไหลราวฟ้ารั่วตั้งแต่ฟ้าสว่างเมื่อวานได้หยุดลงในปลายยามอิ๋น[1] นางจึงรีบตื่นมาทำความสะอาด นำถังไม้ที่รองน้ำจากรอยรั่วของหลังคาไปเทไว้ในโอ่ง เช็ดถูส่วนที่เอ่อล้นออกมาอย่างขยันขันแข็ง สามปีก่อนนางทำเรื่องเหล่านี้ไม่เป็น ถนัดเพียงการปักผ้าตามที่ท่านแม่ใหญ่เคยสั่งสอน ออกแบบลวดลายสวยงามจนใครต่อใครที่ได้เห็นพากันชื่นชมไม่ขาดปากทว่าหลังจากแต่งเข้าตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงเรียนรู้ทุกอย่างจาก แม่นมสุ่ย ปัดกวาดเช็ดถูและซักผ้า กระทั่งทำอาหารก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีวัตถุดิบไม่มากก็ตาม แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ แม่นมสุ่ยพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่นางอายุมากแล้ว อดทนทำงานหนักได้ไม่นานก็หมดแรง เดือดร้อนต้องหายาบำรุงอยู่เรื่อยไป ท้ายที่สุดจึงยอมสอนงานทุกอย่างให้กับคุณหนูเสวียน เผื่อว่าวันใดนางไม่อยู่แล้ว คุณหนูผู้อาภัพจะได้ไม่ลำบากนักแม่นมสุ่ยเดาไม่ผิดนัก นางอยู่ที่ตำหนักเยว่ฉีได้เพียงปีเศษก็จากไปอย่างสงบ ราวกับนอนหลับไปอย่างนั้นเอง เสวียนซือชิงจำได้ว่านางร้องไห้นาน สามวัน วิ่งถลาออกไปขอร้องบุรุษที่แวะมาส่งข้าวสารให้ช่วยเหลือจัด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    ปลายยามซื่อ[1] แล้ว ร่างสูงใหญ่จึงได้ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน คืนที่ผ่านมาเขาแวะทำธุระสำคัญระหว่างเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเกิดพายุใหญ่จนเดินทางต่อไปได้ลำบาก ความจริงก็อยากจะแวะเข้าไปในเมือง หาที่พักสะอาดสะอ้านนอนพักจนกว่าพายุจะสงบ นึกไม่ถึงว่าจะอากาศจะย่ำแย่จนม้าตื่นกลัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งไว้หน้าตำหนักเยว่ฉีเสียแล้วเฉินฟาหยาง ลืมเสียสนิทว่ามีใครอยู่ที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นดวงหน้าคุ้นตาที่คล้ายบิดาของนางอยู่หลายส่วน ความโกรธแค้นในใจก็พลันพลุ่งพล่าน อยากกลั่นแกล้งเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันทียากจะเดาได้ว่าปีศาจตนใดยุยงให้เฉินฟาหยางกล่าวความเท็จ ว่า ตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่รวมถึงตัวนางให้เขาแล้ว แต่จะว่าเป็นความเท็จทั้งสิบส่วนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเขาและตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์คือคนคนเดียวกัน ทว่าเสวียนซือชิงหาได้ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใดไม่ในวันที่แต่งนางเข้าตำหนักร้างเมื่อสามปีก่อน เขาสำเริงสำราญอยู่กับอนุภรรยาในจวน หลับนอนกับพวกนางอย่างบ้าคลั่ง ถึงเสวียนซือชิงจะไม่ทราบเรื่อง แต่เขาก็สาแก่ใจอย่างมาก ยิ่งได้ข่าวจากคนรู้จักว่านา

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โฉมงามไม่สามารถควบคุมสติของตนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ในระหว่างก่อไฟต้มน้ำเสวียนซือชิงตรองดูอย่างละเอียดว่าเรื่องที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาเป็นความจริงหรือความเท็จ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ตวนอ๋องเกลียดชังครอบครัวของนางมากไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากผ่านไปสามปีแล้วค่อยส่งคนมาหมิ่นเกียรติกัน นั่นออกจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากสักหน่อยนางยกน้ำถังแล้วถังเล่าไปเติมอย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ถังไม้มีน้ำอุ่นมากพอสำหรับชำระล้างร่างกาย เวลาก็ผ่านไปเกือบสองเค่อ[1] เสวียนซือชิงเดิน อย่างประหม่ากลับไปยังห้องนอนที่มีบุรุษแปลกหน้าเปลือยท่อนบนรออยู่ เขาจุดตะเกียงแล้ว ห้องจึงสว่างไสวขึ้นมาบ้าง“น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ลมหายใจของเสวียนซือชิงติดขัด บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีสีหน้าเย็นชาอย่างมาก ลักษณะของเขาสอดคล้องกับน้ำเสียงทุกประการ ไม่ผ่อนปรนหรือปรานีให้กับผู้ใดทว่าสิ่งที่ทำให้นางแทบกลั้นลมหายใจคือความงามดั่งเทพเซียนของเขาต่างหากเล่าใบหน้าคมคร้ามและผิวขาวจัดยิ่งกว่าสตรี ทำให้นางไม่อาจจ้องมองได้นานนัก กลัวว่าจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะความตื่นเต้น ความ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทนำ

    กระแสลมกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดราวกับเต้นเริงระบำท่ามกลางสายฝน หากยามปกติคงยากจะมองเห็นได้ ว่ากิ่งก้านเรียวเล็กเหล่านั้นโอนอ่อนลู่ลมได้มากน้อยเพียงไรในยามราตรี ทว่าค่ำคืนนี้มิใช่ค่ำคืนธรรมดา แสงสว่างแสบตาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าทำให้สตรีร่างเล็กมองเห็นความน่าหวาดหวั่นของภัยธรรมชาติ พายุใหญ่เช่นนี้มาไม่บ่อยนัก แต่พอมาแล้ว ก็สร้างปัญหาให้มากพอสมควรหลังจากประเมินสถานการณ์อยู่เพียงหนึ่งจิบน้ำชา[1] นางจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไปยังห้องครัวที่อยู่นอกตัวบ้าน รีบหยิบถังไม้ขนาดเล็กที่เก่าจนมอง ไม่ออกว่ามันมีอายุมานานเท่าใดแล้วกลับเข้าห้อง วางมันลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ รอยรั่วของหลังคาอยู่ห่างจากเตียงคงไม่รบกวนการนอน แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ขอให้มีสักสองห้องในบ้านหลังนี้แห้งสะอาดก็คงเป็นเรื่องดีเสวียนซือชิง หนาวสะท้านทั่วร่าง มือเรียวบอบบางลูบต้นแขนเบา ๆ เพราะลมที่พัดลอดประตูห้องนอนทำให้หนาวจนสั่นสะท้าน อีกสองสามวันข้างหน้าประตูอาจพังครืน หากไม่ตอกตะปูยึดไว้สักหน่อยคงแย่นางยิ้มเศร้ายอมรับชะตากรรม เดินไปตรวจสอบกลอนหน้าต่าง ก่อนสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงฟ้าผ่าเป็นครั้งที่เท

DMCA.com Protection Status