Home / รักโบราณ / พระชายาตำหนักร้างรัก / บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

Share

บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

last update Last Updated: 2025-01-01 22:33:30

เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โฉมงามไม่สามารถควบคุมสติของตนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ในระหว่างก่อไฟต้มน้ำเสวียนซือชิงตรองดูอย่างละเอียดว่าเรื่องที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาเป็นความจริงหรือความเท็จ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ตวนอ๋องเกลียดชังครอบครัวของนางมากไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากผ่านไปสามปีแล้วค่อยส่งคนมาหมิ่นเกียรติกัน นั่นออกจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากสักหน่อย

นางยกน้ำถังแล้วถังเล่าไปเติมอย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ถังไม้มีน้ำอุ่นมากพอสำหรับชำระล้างร่างกาย เวลาก็ผ่านไปเกือบสองเค่อ[1] เสวียนซือชิงเดิน อย่างประหม่ากลับไปยังห้องนอนที่มีบุรุษแปลกหน้าเปลือยท่อนบนรออยู่ เขาจุดตะเกียงแล้ว ห้องจึงสว่างไสวขึ้นมาบ้าง

“น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ลมหายใจของเสวียนซือชิงติดขัด บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีสีหน้าเย็นชาอย่างมาก ลักษณะของเขาสอดคล้องกับน้ำเสียงทุกประการ ไม่ผ่อนปรนหรือปรานีให้กับผู้ใด

ทว่าสิ่งที่ทำให้นางแทบกลั้นลมหายใจคือความงามดั่งเทพเซียนของเขาต่างหากเล่า

ใบหน้าคมคร้ามและผิวขาวจัดยิ่งกว่าสตรี ทำให้นางไม่อาจจ้องมองได้นานนัก กลัวว่าจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะความตื่นเต้น ความเย็นชาที่แผ่ออกมาจากร่างสูงโปร่งทำให้นางรู้สึกหนาวสุดขั้วหัวใจ ถึงแม้จะก้มหน้ามองต่ำอย่างมีมารยาทแล้ว แต่ดวงตาสีดำสนิทราวกับหุบเหวลึก รวมถึงจมูกโด่งเป็นสันยังคงชัดเจนอยู่ในสมองน้อย ๆ ของเสวียนซือชิง ยังมีริมฝีปากหยักสวยและมัดกล้ามที่สมบูรณ์นั่นอีก

บุรุษผู้นี้งดงามมากจริง ๆ

“ข้าจะอาบน้ำ” เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจเมื่อพบว่าไหสุราว่างเปล่า      ก่อนเดินไปยังห้องเก็บสุราที่อยู่ไม่ไกล พลางออกคำสั่งให้นางนำเสื้อผ้าตามมายังห้องอาบน้ำเพื่อให้เขาได้ผลัดเปลี่ยน

“ทุกอย่างในห้องนี้ล้วนเป็นของตวนอ๋อง ท่านหาได้มีสิทธิ์แตะต้องสิ่งใดไม่ สุราไหนั้นก็เช่นกัน” เสวียนซือชิงแปลกใจไม่น้อยที่เขาหากุญแจห้องเก็บสุราที่ซ่อนอยู่จนเจอ นางอยู่ตำหนักร้างนานเกือบสามปี กว่าจะพบก็เข้าปีที่สอง   แต่พบแล้วอย่างไร เป็นของของผู้อื่น หาแตะต้องได้ไม่

“ยามนี้ทุกอย่างล้วนเป็นของข้า เสื้อผ้า ตำหนักเยว่ฉี ตัวเจ้าเองก็เช่นกัน”

เขาเดินผ่านไปโดยไม่เสียเวลามอง ท่าทางหยิ่งยโสและมั่นใจเกินกว่าชายใดที่เสวียนซือชิงเคยพบทำให้นางต้องลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก ปักใจเชื่อไปถึงแปดส่วนว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงดั่งคำที่เขากล่าวอ้าง แต่ถึงเขาได้รับอนุญาตจริง ๆ นางจะยอมรับทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อยู่หรือ

เสวียนซือชิงสูงแค่อกของชายผู้นั้น ไร้หนทางต่อสู้ด้วยร่างกาย นางจึงต้องใช้ปัญญาให้มาก ข่มความกลัวเอาไว้ให้ลึกที่สุด มือบอบบางหยิบเสื้อผ้าตัวในของบุรุษ รวมถึงผ้าผืนเล็กอีกสองผืนเดินนำเข้าไปในห้องอาบน้ำ วางมันลงอย่างรวดเร็ว ก่อนย้ายร่างไปยังหลังฉากกั้นก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะเปลือยท่อนล่าง

“มาอาบน้ำให้ข้า” เขาออกคำสั่งขณะหย่อนตัวลงไปในถังไม้

“ข้าไม่ทำ อยากอาบก็อาบเอง!”

“นี่เจ้า!”

เสียงผุดลุกจากถังไม้จนน้ำกระฉอกดังขึ้น ทว่าเสวียนซือชิงไม่สนใจ นางรอจังหวะที่เขาเปลือยกาย หมายวิ่งหนีออกจากบ้านไปขอความช่วยเหลือ เดาไปเองว่าอีกฝ่ายคงอับอายจนไม่กล้าวิ่งติดตาม

เสียงฟ้าร้องทำให้หัวใจของเสวียนซือชิงเต้นรัว หวาดกลัวว่าจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยตายไปเพราะพายุโหมกระหน่ำหรือถูกฟ้าผ่าก็ยังดีกว่าถูกหยามเกียรติให้ต้องอับอาย นางจึงมุ่งมั่นยิ่งนักว่าจะไปให้ถึงประตู ทว่ายังไม่ทันทำได้ดั่งหวัง แขนเรียวเล็กก็ถูกกระชากอย่างแรง เท้าสองข้างลอยละลิ่ว

“เจ้าปล่อยข้า!” แต่ไม่ว่าจะดิ้นแรงเพียงใด เสวียนซือชิงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากความแข็งแรงของบุรุษแปลกหน้าได้เลย

“เหตุใดจึงต้องปล่อย เจ้าเป็นของข้า!”

กลิ่นสุราหอมน่าเวียนหัว กอปรกับเรือนร่างร้อนจัดราวกับเตาอุ่นมือที่นางเคยใช้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้เสวียนซือชิงต้องตั้งสมาธิอย่างมาก นางหลับตาและสูดลมหายใจจนเต็มปอด กัดลำคอขาวเต็มแรง

เขาสบถอย่างหงุดหงิดมากกว่าเจ็บ ปล่อยนางตกลงบนพื้นห้องอย่างไม่ทะนุถนอม เมื่อสัมผัสได้ว่ามีเลือดซึมจึงคำรามอย่างมีโทสะ สายตาคมกริบจ้องมองอย่างเอาเรื่อง ยามนั้นข้อมือข้างซ้ายของเสวียนซือชิงเจ็บยิ่งนัก แต่ช่วงเวลาอันตรายถึงชีวิต นางหาได้มีเวลาใส่ใจไม่

ในเมื่อประตูถูกเขายืนขวางทั้ง ๆ ที่ยังเปลือยเปล่า เสวียนซือชิงจึงไม่อาจเอาตัวรอดด้วยการหนีออกจากบ้านได้อีก เหลือเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะรักษาเกียรติของตนได้

นางวิ่งกลับเข้าไปในครัว กว่าเขาจะตามเข้ามาทัน ในมือเล็ก ๆ ของนางก็ถือมีดเล่มหนึ่ง ดูแล้วคมมากเลยทีเดียว

“เจ้านี่ตลกเสียจริง คิดว่ามีดเล่มแค่นั้นจะทำอันใดข้าได้หรือ”

หากเป็นช่วงเวลาปกติ เสียงหัวเราะของเขาคงน่าฟังอย่างมาก แต่สถานการณ์เช่นนี้ เสวียนซือชิงชื่นชมใครไม่ได้จริง ๆ

“ย่อมทำอันใดต่อท่านไม่ได้” นางหันปลายมีดแหลมคมไปยังลำคอของตัวเอง “แต่มีดเล่มนี้ทำให้ข้ากลายเป็นศพได้ ถึงเวลานั้นหากท่านยังต้องการร่างกายข้าอยู่ก็เชิญตามสบาย ข้าจะไม่ดิ้นเลยสักนิดเดียว”

ตายแล้วจะขยับเขยื้อนได้อย่างไรเล่า

“เหตุใดเจ้าต้องทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก เจ้าควรยินดีที่ได้ดูแลข้า ตอบแทนบุญคุณตวนอ๋องที่อุตส่าห์ยอมแต่งกับเจ้าไม่ใช่หรือ”

“หากเป็นคำสั่งของท่านอ๋องจริง ข้าจะไม่เอ่ยขัดเลยแม้เพียงครึ่งคำ แต่นี่ท่านเล่นบุกรุกเข้ามา คิดบังคับขืนใจข้า โดยไม่มีหลักฐานอันใดพิสูจน์ได้เลยว่าทุกอย่างที่ท่านพูดมาเป็นเรื่องจริง”

“ที่แท้เจ้าต้องการหลักฐาน เรื่องนั้นจัดการได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องขืนใจเจ้า... เสวียนซือชิง เจ้าคิดว่าบุรุษรูปงามเช่นข้า จำเป็นต้องใช้กำลังบังคับจิตใจสตรีใดให้ยินยอมด้วยหรือ”

เสียงหัวเราะทุ้มต่ำดังลั่นตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงไม่แน่ใจว่าเขาเมาสุราหรือขบขันที่ถูกนางกล่าวหาว่าคิดขืนใจ

“แต่ท่านบังคับให้ข้าอาบน้ำให้”

“เพราะข้าเหนื่อยเกินกว่าจะอาบน้ำด้วยตนเอง เอาเถิด ในเมื่อไม่เชื่อว่าเรื่องที่ข้าพูดเป็นความจริง คิดว่าอ้างเอาชื่อของตวนอ๋องมาข่มขู่กัน ข้าก็จะให้เจ้าครองตำแหน่งเจ้าของบ้านไปก่อน มีหลักฐานวันใดค่อยมาตกลงกันอีกที และหากเจ้าไม่อยากดูแลแขกเอง ก็จงไปเรียกสาวใช้มาปรนนิบัติ เติมน้ำให้ร้อนกว่านี้สักหน่อยก็ยังดี” เขาตำหนิเสียงแข็ง ก่อนเดินจากไปโดยมิสนใจมีดที่จ่ออยู่บนคอนางเลยสักนิด

เสวียนซือชิงทิ้งมีดทำครัว ความมืดมิดทำให้นางมองเห็นอันใดไม่ชัดนัก แต่พอแสงสว่างจากท้องฟ้าปรากฏขึ้นอีกครั้ง นางก็พลันกรีดร้องออกมาเบา ๆ

ไม่แน่ใจว่านางตื่นตระหนกเพราะเสียงและแสงที่เกิดจากภัยธรรมชาติ หรือเพราะช่วงเวลาสั้น ๆ นั้นได้เห็นบั้นท้ายของบุรุษที่เดินกลับไปยังห้องอาบน้ำอย่างหน้าไม่อายที่สุด

เขาเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงหยิ่งยโสยิ่งนัก!

[1] ๑ เค่อ = ๑๕ นาที

Related chapters

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    ปลายยามซื่อ[1] แล้ว ร่างสูงใหญ่จึงได้ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน คืนที่ผ่านมาเขาแวะทำธุระสำคัญระหว่างเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเกิดพายุใหญ่จนเดินทางต่อไปได้ลำบาก ความจริงก็อยากจะแวะเข้าไปในเมือง หาที่พักสะอาดสะอ้านนอนพักจนกว่าพายุจะสงบ นึกไม่ถึงว่าจะอากาศจะย่ำแย่จนม้าตื่นกลัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งไว้หน้าตำหนักเยว่ฉีเสียแล้วเฉินฟาหยาง ลืมเสียสนิทว่ามีใครอยู่ที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นดวงหน้าคุ้นตาที่คล้ายบิดาของนางอยู่หลายส่วน ความโกรธแค้นในใจก็พลันพลุ่งพล่าน อยากกลั่นแกล้งเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันทียากจะเดาได้ว่าปีศาจตนใดยุยงให้เฉินฟาหยางกล่าวความเท็จ ว่า ตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่รวมถึงตัวนางให้เขาแล้ว แต่จะว่าเป็นความเท็จทั้งสิบส่วนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเขาและตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์คือคนคนเดียวกัน ทว่าเสวียนซือชิงหาได้ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใดไม่ในวันที่แต่งนางเข้าตำหนักร้างเมื่อสามปีก่อน เขาสำเริงสำราญอยู่กับอนุภรรยาในจวน หลับนอนกับพวกนางอย่างบ้าคลั่ง ถึงเสวียนซือชิงจะไม่ทราบเรื่อง แต่เขาก็สาแก่ใจอย่างมาก ยิ่งได้ข่าวจากคนรู้จักว่านา

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเสวียนซือชิงอยู่บ้าง ฝนที่หลั่งไหลราวฟ้ารั่วตั้งแต่ฟ้าสว่างเมื่อวานได้หยุดลงในปลายยามอิ๋น[1] นางจึงรีบตื่นมาทำความสะอาด นำถังไม้ที่รองน้ำจากรอยรั่วของหลังคาไปเทไว้ในโอ่ง เช็ดถูส่วนที่เอ่อล้นออกมาอย่างขยันขันแข็ง สามปีก่อนนางทำเรื่องเหล่านี้ไม่เป็น ถนัดเพียงการปักผ้าตามที่ท่านแม่ใหญ่เคยสั่งสอน ออกแบบลวดลายสวยงามจนใครต่อใครที่ได้เห็นพากันชื่นชมไม่ขาดปากทว่าหลังจากแต่งเข้าตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงเรียนรู้ทุกอย่างจาก แม่นมสุ่ย ปัดกวาดเช็ดถูและซักผ้า กระทั่งทำอาหารก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีวัตถุดิบไม่มากก็ตาม แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ แม่นมสุ่ยพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่นางอายุมากแล้ว อดทนทำงานหนักได้ไม่นานก็หมดแรง เดือดร้อนต้องหายาบำรุงอยู่เรื่อยไป ท้ายที่สุดจึงยอมสอนงานทุกอย่างให้กับคุณหนูเสวียน เผื่อว่าวันใดนางไม่อยู่แล้ว คุณหนูผู้อาภัพจะได้ไม่ลำบากนักแม่นมสุ่ยเดาไม่ผิดนัก นางอยู่ที่ตำหนักเยว่ฉีได้เพียงปีเศษก็จากไปอย่างสงบ ราวกับนอนหลับไปอย่างนั้นเอง เสวียนซือชิงจำได้ว่านางร้องไห้นาน สามวัน วิ่งถลาออกไปขอร้องบุรุษที่แวะมาส่งข้าวสารให้ช่วยเหลือจัด

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง…เฉินฟาหยางไม่ใช่คนยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน เขาเป็นถึงพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รั้งตำแหน่งตวนอ๋องมาตั้งแต่อายุได้สิบหกชันษา ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมดูแลกองทัพ ออกรบยามมีปัญหาบริเวณชายแดน แต่กระนั้นยามลำบากที่สุด ข้าวต้มที่ได้กินยังมีเมล็ดข้าวมากกว่าถ้วยเล็ก ๆ ที่เสวียนซือชิงนำมาให้เสียอีกได้ยินว่านางจะนำข้าวสารไปแลกไข่ เขาก็หมดความอยากอาหารทันที!แม้จะเกลียดชังนางมาเพียงใด แต่เฉินฟาหยางกลับต้องยอมรับว่านางฉลาดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังไขข้อข้องใจที่คั่งค้างมานานว่าใครคือผู้ที่ขีดเขียนหนังสือเล่มโปรดของเขา“ที่แท้มิใช่เด็กผู้ชาย”เฉินฟาหยางลืมคิดไปว่าค่ายทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับสตรี นางแต่งตัวเป็นบุรุษ ลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาย่อมไม่ใช่เรื่องประหลาด ยามนั้นเขาต้องดาบของทหารเลวบริเวณแผ่นหลัง บาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ต้องนอนคว่ำและห้ามขยับตัวนานหลายวันคราวนั้นต้องดื่มกินสมุนไพรหลายประเภทเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด รู้สึกคล้ายมึนเมาตลอดเวลา นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแยกแยะเสียงของเด็กน้อยที่อยู่หลังม่านไม่ได้ย้อนหลังไปสิบปี ยามนั้นนางอายุเพียงแ

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีกร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการหากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญองค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด

    Last Updated : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๔ ราคาสินค้า

    หลายวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ตามที่ใจปรารถนา เนื่องจากยามที่หลุดร่วงจากอ้อมกอดของบุรุษที่มีนามว่าเฉินหยาง ข้อมือเล็ก ๆ ของนางกระแทกกับพื้นค่อนข้างแรง โชคดีที่เป็นมือข้างที่ไม่ถนัด นางจึงยังทำความสะอาด ดูแลตำหนักเยว่ฉีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องทว่ายังมิได้ทันซ่อมแซมหรือทำอะไรมาก พ่อค้าหลี่ที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู พร้อมทั้งแจ้งว่ามีคำสั่งจากตวนอ๋องให้จัดการซ่อมแซมทุกอย่างตามสมควร เขาดูเป็นคนที่มีความเอาใจใส่ในทุก ๆ เรื่อง มองออกว่านางไม่สะดวกใจให้คนงานที่ล้วนแต่เป็นบุรุษเข้ามายุ่มย่ามในที่พำนัก จึงส่งสาวใช้สองคนมาอยู่เป็นเพื่อน เสวียนซือชิงไม่ปฏิเสธ แม้จะเกรงใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่าติดหนี้บุญคุณหนหนึ่ง ยังดีกว่าอยู่กับบุรุษมากหน้าหลายตาตามลำพัง“คุณหนูเสวียนจะไปที่ใดหรือ”หลี่จินหมิงทักทายสาวงามที่กำลังจะก้าวขาออกจากบ้าน วันนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะหาข้ออ้างแวะมาเยี่ยมเยียนนางได้ เพราะเหลือแค่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยอีกไม่มาก ตำหนักเยว่ฉีก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม เหมาะแก่การอยู่อาศัยของตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์แล้ว“ตั้งใจว่าจะเอาผ้าไปส่งที่ร้านในตลาดเจ้าค

    Last Updated : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๕ คำสัญญา

    มากกว่าสิบปีที่เฉินฟาหยางรู้จักคุณชายสกุลหลี่ เขาเห็นหนุ่มน้อยผู้นี้มีโทสะแทบนับครั้งได้ แต่ทุกครั้งที่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นมักเป็นเรื่องสำคัญ เช่นยามที่เขาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับองค์ชายสามเหวินอวิ๋นฝู เรื่องละเว้นโทษตายต่อคนสกุลเสวียน ทำเพียงการยึดทรัพย์เข้าท้องพระคลังเท่านั้นหลี่จินหมิงกล่าวว่ารองแม่ทัพเสวียนตัดสินใจผิดพลาดก็จริง แต่องค์ชายทั้งสามก็อยู่ที่นั่นด้วย ย่อมต้องรับผิดชอบทุกอย่างเท่าเทียมกันจำได้ว่าปีนั้นคือครั้งแรกที่เขาทะเลาะกับศิษย์น้องรุนแรง แม้จะมีโอกาสปรับความเข้าใจในภายหลัง แต่เรื่องราวในวันนั้นทั้งเฉินฟาหยางและหลี่จินหมิงยังจำได้ไม่เคยลืมเมื่อมีเหตุให้คล้ายต้องทะเลาะกันใหม่ ทั้งสาเหตุยังเป็นสตรี สองบุรุษจึงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด เร่งใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ที่กำลังปะทุอย่างบ้าคลั่งภายในใจหลี่จินหมิงตระหนักดีว่าตวนอ๋องเลื่องชื่อมิอยากเปิดเผยตัวตน จึงเชื้อเชิญให้ติดตามสาวใช้ทั้งสองกลับไปดื่มน้ำชารอที่บ้าน ส่วนตนเองขอทำธุระที่ร้านให้เรียบร้อยแล้วจะตามไปในภายหลังเฉินฟาหยางไม่ขัดข้องอันใด ด้วยรู้ว่าศิษย์น้องเพียงต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ ตรึกตรองเรื่องราว

    Last Updated : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๖ คำสั่งเสีย

    เสวียนซือชิงดวงหน้าแดงจัดราวกับดอกเหมยกุ้ย[1]ยามแรกแย้ม นางอายุได้สิบแปดปีแล้ว ทว่าหลังจากพิธีปักปิ่นก็แทบมิได้สนทนากับบุรุษใด กระทั่งคุณชายหลี่ที่คอยให้ความช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนสินค้ากันหลายหน แวะเวียนมาดูแลการซ่อมบำรุงตำหนักตามคำสั่งของตวนอ๋อง ยังมิเคยพูดจาให้นางต้องอึดอัดมากมายถึงเพียงนี้มิแน่ใจว่ายามที่คุณชายเฉินหยางเอ่ยถ้อยความเหล่านั้น มีผู้ใดได้ยินบ้าง แต่อย่างน้อยคุณชายหลี่ย่อมต้องเป็นหนึ่งในนั้น เขาคือคนสนิทของตวนอ๋อง รวมถึงบุรุษผู้นั้นด้วย จึงเป็นไปได้ว่าเรื่องที่ตำหนักเยว่ฉีและตัวนางถูกยกให้กับผู้อื่น เขาอาจทราบเรื่องด้วยเช่นกันในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว นางยังจะกล้ามองหน้าผู้ใดอยู่อีกหรือหลังจากข่มความอดสู กล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอได้แล้ว เสวียนซือชิงก็มาถึงตำหนักเยว่ฉี และเอ่ยลาคนงานที่เฝ้าตำหนักอย่างมีมารยาทพอได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง จิตใจที่ฝืนเข้มแข็งมาโดยตลอดก็พลันอ่อนแอ นางเร่งเดินไปยังหลังตำหนัก เผื่อว่าความงดงามของแปลงดอกไม้จะทำให้อารมณ์หมองเศร้าดีขึ้นมาบ้าง“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!” เจ้าของเรือนร่างบอบบางรีบวิ่งตามคนงานทั้งสอง ร้องถามว่าเหตุใดจึงถอนทำลายดอกไม้ที่

    Last Updated : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๗ บังคับจิตใจ

    นอกจากความเย็นชาของตวนอ๋องเฉินฟาหยางจะเป็นที่เลื่องลือในใต้หล้าแล้ว ยังมีเรื่องอีกประการที่ถูกซุบซิบกันอย่างลับ ๆ ในกลุ่มอนุภรรยาที่ได้ปรนนิบัติดูแล รวมถึงเหล่านางคณิกาที่เคยอุ่นเตียงให้แก่ตวนอ๋อง พวกนางล้วนทราบดีว่า ‘เฉินฟาหยาง’ มิใช่ธรรมดาสามัญเช่นบุรุษทั่วไป แข็งแรงและทนทานอย่างมาก ทว่าอีกเรื่องที่น่าสนใจคือการล่อลวงให้สตรีลืมความอายและยินยอมกระทำในสิ่งที่เขาต้องการเหล่านางคณิกาที่ว่าช่ำชองยังเผลอไผล นับประสาอะไรกับเสวียนซือชิง“ปล่อยมือข้านะเจ้านะคะ!” คุณหนูเสวียนยังคงหลับตาดังเดิม แม้ภาพของความใหญ่โตนั้นได้ตราตรึงอยู่ในสมองน้อย ๆ ไปแล้วก็ตามที“เจ้าสัญญาว่าจะดูแลข้ามิใช่หรือ หรือว่าไม่อยากตามใจกันแล้ว”“แต่เราควรกระทำเรื่องนี้ในห้องนอนมิใช่หรือเจ้าคะ”เสวียนซือชิงพยายามดึงมือบางให้หลุดจากการเกาะกุมอยู่นาน แต่นางตัวสูงแค่อกของคุณชายเฉินหยาง มีหรือจะสู้แรงของบุรุษที่ดูอย่างไรก็มิใช่คนเจ้าสำอางได้ผิวของเขาขาวสะอาด ทว่ามีแผลเป็นที่เรียกได้ว่าแทบทั่วทั้งร่าง นางเองก็เป็นถึงลูกสาวรองแม่ทัพ ย่อมมองออกว่าเขาได้ผ่านการสู้รบมามากพอสมควร บาดแผลจึงมีทั่วแผ่นหลัง ท่อนแขน และอกกว้าง ยามสัมผั

    Last Updated : 2025-01-15

Latest chapter

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 41 เรื่องงานรุมเร้า

    ตวนอ๋องเลื่องชื่อทำอย่างที่กล่าวเอาไว้จริง ๆ เขาไม่ล่วงเกินหรือฉวยโอกาสเพราะต้องการให้พระชายาพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากจะไม่ทำให้นางลำบากใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมายังช่วยดูแลเจ้าก้อนแป้งตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน ตกค่ำก็แวะเข้าไปบีบนวด ก่อนกลับไปพักผ่อนในห้องของตนตามลำพังนอกจากทาบจูบลงบนแผ่นหลังบางเบาก่อนจาก ตวนอ๋องเฉินฟาหยางก็มิได้ทำอันใดที่มากไปกว่านั้นอีก“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่”“ไม่ปวดแล้วเจ้าค่ะ”เฉินฟาหยางดูแลนางอย่างดี มิให้หยิบจับอันใดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังหมั่นนวดให้ทุกคืน อาการปวดจึงทุเลาลงอย่างรวดเร็ว“เจ้าจะปักผ้าเลยหรือ” เขาถามเมื่อเห็นสองสาวใช้นำผ้าที่ปักลายค้างอยู่มาวางไว้ในศาลาหลังเล็กในสวน“เจ้าค่ะ กำหนดส่งงานพรุ่งนี้แล้ว”“เช่นนั้นคืนนี้พี่จะเข้าไปนวดให้อีก อาการจะได้ไม่กำเริบ ส่วนหนิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งอุ้มนางเลย”เสวียนซือชิงหุบยิ้มเมื่อเห็นเจ้าก้อนแป้งที่กำลังวิ่งเข้ามากอดนาง ถูกแขนแข็งแกร่งของบุรุษคว้าเอาเสียก่อน นางมองเขาหอมแก้มของร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอมรักใคร่ ได้ยินเสียงกระซิบบอกว่าท่านแม่ยังมิหายดี ช่วงนี้จึงยังมิควรรบกวนให้มากจนเกินไปนัก“

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 40 ไม่อนุญาตให้เถียง

    หลายปีที่ผ่านมาชื่อเสียงเรื่องความหยิ่งยโสและโมโหร้ายของตวนอ๋องเฉินฟาหยางลบเลือนลงไปบ้าง ทว่าวันนี้โทสะรุนแรงของเขากลับคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากพระชายาคนงามถูกสตรีใจหยาบเอ่ยวาจาล่วงเกินอย่างมิน่าให้อภัยที่สุด“เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกชายาข้าว่าอย่างไร!”“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ท่านอ๋อง…”“ตอบมิตรงคำถาม!” เฉินฟาหยางตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อครู่เขาได้ยินครบถ้วนทุกคำจึงเคียดแค้นแทบคลั่ง แล้วเสวียนซือชิงยอดรักของเขาเล่า นางจะปวดใจมากมายเพียงใด“ท่านอย่าเสียงดังรบกวนผู้อื่น รีบซื้อด้ายปักผ้าแล้วรีบกลับเถิดเจ้าค่ะ”เสวียนซือชิงร้องห้าม คนจำนวนมากเริ่มเข้ามามุงดูเพราะเสียงวิวาท ส่วนคนที่เห็นเหตุการณ์แต่แรกก็กระซิบว่าบุรุษรูปงามคือตวนอ๋องเฉินฟาหยาง ส่วนสาวงามที่ยืนข้าง ๆ คือพระชายาเสวียนอย่างมิต้องสงสัยแล้วความจริงถูกเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตของเสวียนซือชิงคงไม่มีวันสงบได้แน่“นางลบหลู่เจ้าถึงเพียงนี้แล้ว ไยยังคิดปล่อยผ่าน”เมื่อตวนอ๋องกล่าวเช่นนั้น นางจึงขยับไปยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนกระซิบด้วยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าเดิม“ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะท่าน… หากท่านปฏิบัติต่อข้าให้สมกับที่เป็นพระ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 39 พระชายาของตวนอ๋อง

    เกือบเดือนแล้วที่เสวียนซือชิงพาเจ้าก้อนแป้งย้ายเข้ามาพำนักในตำหนักเยว่ฉี ต่อหน้าลูกนางยิ้มหวานให้เขาอยู่เสมอ แต่หากถึงยามนอนกลางวันของเสวียนหนิงอัน นางก็จะกลับไปนั่งเงียบ ๆ อยู่ในสวนดังเดิม“พี่ช่วย…”เฉินฟาหยางยังไม่ยอมแพ้ ในเมื่อนางให้โอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่บิดา หน้าที่ของสามีก็คงยังพอมีความหวังอยู่บ้างมิใช่หรือเขาหยิบด้ายออกมาจากตะกร้า สนเข็มอย่างชำนาญ ซึ่งกว่าจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องฝึกฝนอยู่หลายคืน ถูกเข็มตำนิ้วอีกนับครั้งไม่ถ้วน“ชิงชิง ด้ายปักผ้าสีแดงหมดเสียแล้ว เจ้าต้องการให้พี่ไปซื้อมาให้ใหม่หรือไม่” เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกบ้านนานกว่าสามปีเพราะต้องซ่อนตัวให้พ้นจากตวนอ๋อง บัดนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว จึงสามารถไปเดินดูของในตลาดได้ โดยมิต้องรบกวนสองสาวใช้อีก ทว่านางก็มิเคยออกไป“คราวก่อนจำได้ว่าเสี่ยวผิงเลือกด้ายมาผิดประเภท ครั้งนี้ชิงชิงต้องการออกไปเลือกที่ตลาดเองหรือไม่”เฉินฟาหยางยืนยันมิให้นางย้อมด้ายด้วยตนเองเพราะกลัวว่าจะเหนื่อยเกินไป อยากได้สิ่งใดก็ให้สาวใช้ไปซื้อหามาแทน แรก ๆ เสวียนซือชิงก็มิพอใจอยู่บ้าง จนกระทั่งเขาอ้างว่าเจ้าซาลาเปาน้อยซนขึ้นทุกวัน อาจไม่ทันระวังและถูกน้ำต้ม

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 38 ขาดสติ

    ตำหนักเยว่ฉีครึกครื้นกว่าที่เคย พ่อบ้านชราออกคำสั่งให้สาวใช้จัดเตรียมห้องนอนสำหรับพระชายาและเจ้าก้อนแป้งที่ร่าเริงเสียยิ่งกว่าผู้ใด ส่วนสาวงามผู้เป็นมารดากลับทำสีหน้าคล้ายคิดไม่ตก ด้วยไม่มั่นใจว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ถูกต้องดีแล้วจริงหรือ‘ชิงชิงยอดรัก เจ้าก็เห็นว่าหลี่จินหมิงมักมากจนทำให้ลูกของเราเห็นภาพที่มิสมควรเห็น เจ้าจะกล่าวหาว่าพี่วางแผนลวงอย่างไรก็ได้ แต่ข้อเสนอที่กล่าวออกไปนั้น ล้วนเป็นผลดีต่อเจ้าซาลาเปาน้อยหนิงเอ๋อร์จริง ๆ มิใช่หรือ’‘ข้าจะคอยดูนางมิให้เข้าไปยุ่มย่ามให้ห้องส่วนตัวของเขาอีก’‘คิดว่าห้ามนางได้หรือ หนิงเอ๋อร์ดื้อดึงไม่ผิดกับพี่ในยามเด็ก มองอย่างไรก็คล้ายกับเห็นเงาของตัวเอง หากเจ้ายิ่งเอ่ยปากห้าม นางก็จะยิ่งต่อต้านและลงมือทำ มิได้โทษว่าเจ้าเลี้ยงลูกไม่ดี แต่เรื่องนิสัยนี้สืบทอดจากสายเลือด ยิ่งพี่มิได้อยู่ด้วยแต่แรก...’เหตุผลของเขามีมากมายและล้วนแต่ฟังขึ้น เดิมทีไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสวียนหนิงอันจึงได้ซนเกินเด็กนัก แต่พอได้ฟังวีรกรรมของผู้เป็นบิดาในวัยเด็กสักหลายคำ เสวียนซือชิงก็พอจะเข้าใจได้บ้าง‘ข้าแสร้งเชื่อฟัง ทว่าความจริงแล้วดื้อรั้นอย่างมาก’นางมองบุตรสาวที่ก

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ

    เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน หากคุณชายหลี่กลับมาแล้วนางอยากไปหาเขา พวกเจ้าค่อยพาไป

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 36 ท่านพี่

    หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะของตวนอ๋องก็ยิ่งทวีคูณมากเท่านั้น“ท่านอ๋อง

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย

    หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่างที่เคย มองดูแล้วคล้ายกับ...“เป็นวันหยุดขอรับ แต่ข้

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 34 ไม่ค่อยเจ็บแล้ว

    ลมหนาวที่พัดมาทำให้สาวงามต้องกระชับเสื้อคลุมตัวโปรดให้แน่น เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกตัวเรือนบ่อยนัก แต่ในเมื่อลูกจ้างใหม่ยังด้อยประสบการณ์เรื่องการย้อมสีเส้นด้าย การสอนงานให้จนกว่าเขาจะชำนาญจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากอาเหยาดูคล้ายมิใช่คนชอบพูดเช่นเดียวกับนาง บทสนทนาที่มีต่อกันจึงสั้นกระชับ เช่นเปลือกไม้ประเภทไหนมีชื่อว่าอะไร ให้สีอะไรบ้าง ดอกไม้ประเภทใดให้สีติดทนทาน ส่วนเรื่องส่วนตัวนั้นแทบมิได้พูดกันเลยสักคำ ยิ่งคืนวันเลยผ่านนานเกือบเดือน นางก็ยิ่งคลายความสงสัยและเชื่อว่าลูกจ้างคนใหม่ คงไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับตวนอ๋องเฉินฟาหยางอย่างแน่นอน“อาเหยาสรุปวิธีการเตรียมสีด้วยเปลือกไม้ให้ฟังหน่อยได้หรือไม่”“ก่อนอื่นต้องตัดเปลือกไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก แช่ในน้ำสะอาดราวสี่ชั่วยาม จากนั้นนำมาห่อด้วยผ้าขาว ต้มในน้ำนานครึ่งชั่วยาม แล้วจึงนำเปลือกไม้ออก เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้สีเข้มและติดทนดียิ่งขึ้น”“แล้วยามย้อมเส้นด้ายเล่า”“ก่อนอื่นต้องต้มเส้นด้ายให้สะอาด จากนั้นแช่ไว้ในน้ำเกลือราวหนึ่งเค่อ เมื่อสีพร้อมแล้วจึงคลี่เส้นด้ายลงต้มด้วยไฟอ่อนนานครึ่งชั่วยาม ความเข้มของการย้อมในแต่ละครั้งอาจแตกต่าง ขึ้น

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 33 อาเหยา

    เมื่อวานเฉินฟาหยางได้เข้าไปในบ้านหลังเล็กของนางแล้ว ทว่าได้ช่วยงานอยู่แค่ลานด้านนอก ยกเตาสำหรับย้อมสีด้ายและเปลือกไม้เอาไปเก็บในห้องเก็บฟืน โดยมิได้รับอนุญาตให้เฉียดใกล้เรือนหลังเล็ก หลังจากทำงานท่ามกลางสายฝนเกือบหนึ่งชั่วยาม เขาก็พาร่างเปียกปอนไปยืนรับฟังคำสั่งของสาวงามที่ยังซ่อนตัวอยู่ในบ้าน มิยอมเปิดเผยตัวตนออกมาให้ได้ยลโฉม‘พี่ชายมีชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ’เสียงหวานปานน้ำผึ้งเช่นนี้ เป็นเสวียนซือชิงมิผิดแล้ว หัวใจของเขาเต้นโครมคราม หากเลือกได้ก็คงตรงเข้าไปกอดจูบให้หายคิดถึง แต่จะทำเช่นนั้นก็ต้องมั่นใจว่านางให้อภัยเขาเสียก่อน‘ข้าผู้ต่ำต้อยมีนามว่าเสิ่นซือเหยา นายหญิงเรียกว่าอาเหยาเถิดขอรับ’เฉินฟาหยางดัดเสียงตอบ จำได้ว่านางเงียบไปพักใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเพราะเสวียนซือเหยาคือชื่อบิดานาง มิใจอ่อนยอมว่าจ้างก็คงแปลกแล้ว‘อีกสามวันเจ้าค่อยมาเริ่มงานเถิด ช่วงนี้ฝนตกแรง ยังไม่มีเรื่องอันใดให้ทำมากนัก’นางกล่าวเรื่องค่าจ้างอีกสองสามประโยค ยังคงไม่ยอมออกมาให้เห็นหน้า มีเพียงเสียงดังออกมาจากตัวเรือนแผ่วเบา แต่กระนั้นในใจเฉินฟาหยางก็สุขล้นจนแทบกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่ รีบรับคำด้วยน้ำเสียงแหบ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status