แชร์

บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

ผู้เขียน: เทียนเหอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-01 22:36:58

ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีก

ร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการ

หากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญ

องค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด รู้จักพูดจาเอาอกเอาใจ ต่างจากพระชายาตำหนักร้างโดยสิ้นเชิง

ใช่ว่าเสวียนซือชิงไม่งดงามหรือขาดเสน่ห์ที่สตรีพึงมี เพียงแต่นางคือบุตรีของเสวียนซือเหยา รองแม่ทัพที่เขาชิงชังมากก็เท่านั้น หากพูดกันโดยปราศจากอคติแล้ว เฉินฟาหยางยังมิแน่ใจว่าองค์หญิงต่างแคว้นหรือนางกันแน่ที่มีความงามเหนือกว่ากัน

“เรื่องความงามหาสำคัญไม่ เรื่องอื่นต่างหากที่สำคัญยิ่งกว่า”

เดิมทีเฉินฟาหยางคิดว่าเมื่อเจอกันแล้วก็ควรพูดจากับนางตรง ๆ ว่าต้องการหย่า แต่ถ้าเสวียนซือชิงนิสัยคล้ายกับบิดาอย่างที่เขาคาดไว้จริง นางคงไม่ยินยอมโดยง่าย ฟังจากบทสนทนาที่เขาลองหยั่งเชิงดูว่านางคิดอย่างไรหากพบว่าพระสวามีมีใจให้สตรีอื่น เขาก็ยิ่งมั่นใจว่านางไม่มีวันยอมหย่าแน่

ยิ่งพบว่านางงามเช่นนั้นแล้ว เขาจะปล่อยปลาลงน้ำ โดยไม่จับทำน้ำแกงกินก่อนได้อยู่หรือ

“ยิ้มร้ายกาจเช่นนี้ ศิษย์พี่ใหญ่คิดแผนชั่วอยู่ใช่หรือไม่”

“ปล่อยข้ารอนานเกือบสองเค่อ หลี่จินหมิง! เจ้ายังกล้าปากดีอยู่อีกหรือ”

“ไม่กล้าแล้ว! ไม่กล้าแล้ว!” หากมีใครในใต้หล้าที่กล้าหยอกเย้าตวนอ๋องเฉินฟาหยาง คนผู้นั้นก็คงมิพ้นศิษย์น้องร่วมอาจารย์ บุตรชายคนเล็กของเสนาบดีฝ่ายซ้ายของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน

หลี่จินหมิง พ่อค้าหนุ่มรูปงามอายุสิบเก้าปี หัวเราะเสียงดังอวดฟันขาวสะอาด แสร้งคำนับผู้สูงศักดิ์ด้วยท่าทางคล้ายคนกำลังหวาดกลัว บรรดาพ่อค้าและคนที่เดินผ่านไปผ่านมาเห็นดังนั้นก็เกิดความสงสัย ว่ายังมีผู้ใดที่บุตรชายคนโปรดของท่านเสนาบดีหลี่ ต้องแสดงความนอบน้อมเช่นนั้นด้วยหรือ

มีเพียงเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อร์ที่พอจะเข้าใจแล้วว่าคุณชายรูปงามผู้นั้นคือใคร จึงต่างพากันเหงื่อตก มือไม้สั่นเทา ด้วยกลัวว่าหากทำอันใดผิดแล้วอาจถูกกุดหัว หรือลากเอาไปทำปุ๋ยบำรุงต้นไม้ที่จวนอ๋องในภายหลัง

“เจ้าเลิกทำตัวน่ารำคาญ คนมองกันหมดแล้ว”

เฉินฟาหยางดุศิษย์ผู้น้องเสียงเข้ม ไม่อยากเปิดเผยตนเองให้ผู้คนแตกตื่น ชื่อเสียงของเขาไม่ได้ย่ำแย่ แต่ความเย็นชาและความโหดร้ายยามบุกตะลุยข้าศึกก็ไม่ได้ทำให้ชาวบ้านรู้สึกสบายใจยามต้องสนทนาด้วยนัก

ปิดบังตัวตนเอาไว้ย่อมเป็นการดี

“ท่านมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อใดกัน เหตุใดจึงนัดข้ามายังโรงเตี๊ยม ไม่ไปหาที่บ้าน” หลี่จินหมิงทราบดีว่าศิษย์พี่ไม่ชอบสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน การว่าจ้างให้คนนำจดหมายไปแจ้งที่บ้านเพื่อตามตัวเขามายังที่นี่ จึงเป็นเรื่องค่อนข้างน่าประหลาดใจ

“มาเมื่อคืนและพักที่ตำหนัก... ที่บ้าน ทว่าที่นั่นไม่มีอะไรกิน ข้าจึงแวะมายังโรงเตี๊ยม บ้านของเจ้าต้องเดินอีกเกือบสองเค่อ ข้าคงหิวตายก่อน”

เฉินฟาหยางเล่าว่าม้าตื่นตระหนกเพราะสภาพอากาศ หนีเตลิดไปตั้งแต่เมื่อวาน เพิ่งจะเจอตัวไม่นานนี้เอง

“ท่านพักที่นั่น แล้ว... พบนางหรือไม่”

“พบแล้ว นึกไม่ถึงว่านางจะลำบาก กระทั่งเนื้อสัตว์ก็ไม่มีกิน แต่ก็สมควรแล้ว ชดใช้กรรมที่บิดาก่อเอาไว้บ้างย่อมเป็นเรื่องดี” พูดออกไปเช่นนั้นแล้วจึงนึกได้ว่าเสวียนซือชิงลำบากก็จริง ทว่ายังมีคนลอบให้ความช่วยเหลือ และคนผู้นั้นก็คือบุรุษที่นั่งอยู่ตรงหน้า

‘ข้าอยู่ที่นี่นานสามปีไม่เคยมีแขก เว้นแต่พ่อค้าหลี่ที่แวะมาส่งข้าวสารอาหารแห้งนาน ๆ ครั้ง

เฉินฟาหยางจำไม่ได้ว่าตนเคยร้องขอให้ศิษย์น้องดูแลนางในตำหนักร้างหรือไม่ พอตรองดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนก็มั่นใจแล้วว่าเขาไม่ได้ขออะไรเช่นนั้น เป็นหลี่จินหมิงที่ทำทุกอย่างด้วยตนเอง

แล้วเขาจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไรกัน

“นางกล่าวว่ามีพ่อค้าหลี่แวะมาส่งข้าวส่งอาหาร เป็นเจ้าใช่หรือไม่”

“พ่อค้าที่ร่ำรวยและใจกว้าง ทั้งยังใช้สกุลหลี่ ในเมืองนี้ย่อมมีข้าเพียงคนเดียว ช่วงแรกข้านำข้าวสารและอาหารแห้งไปขายที่นั่น พบเพียงท่านป้าสุ่ยคอยจ่ายเงิน”

“ที่แท้นางไม่ได้ลำบากอย่างที่ต้องการให้ข้าเข้าใจ ยังมีคนคอยให้ความช่วยเหลือ หึ!”

“ไม่ถูกต้องนัก เพราะหลังจากนั้นเพียงปีเศษ หญิงชรานางนั้นก็ไม่อยู่คอยช่วยเหลือนางแล้ว ข้าแวะไปส่งสินค้าที่นั่นพอดี ได้ยินเสียงสตรีร้องไห้คล้ายจะขาดใจตาย พอร้องถามก็พบว่าเป็นภรรยาของท่าน จึงได้เข้าช่วยเหลือ จัดการเรื่องศพของหญิงชราผู้นั้น”

“เหตุใดจึงต้องช่วยเหลือ ไยไม่ปล่อยให้นางดิ้นรนขวนขวายด้วยตนเอง”

“ศิษย์พี่ใหญ่ อย่างไรนางก็เป็นสตรีตัวคนเดียว สูงไม่ถึงอกของท่านด้วยซ้ำ จะให้ข้าปล่อยปละละเลย ไม่สนใจให้ความช่วยเหลือได้อย่างไรกัน!”

หลี่จินหมิงกัดฟันกรอด เขามีน้ำใจและซื่อตรงมากเกินไป ทำให้ทนอยู่ในเมืองหลวงที่มีแต่เหล่าฝูงจิ้งจอกไม่ได้ สุดท้ายจึงขออนุญาตบิดาออกมาทำการค้าที่ต่างเมือง  

ทีแรกท่านเสนาบดีหลี่ก็ไม่อนุญาต แต่เพราะเห็นว่าบุตรชายคนเล็กจิตใจงดงาม ทั้งยังไร้เล่ห์เหลี่ยม คงไม่รอดจากคมเขี้ยวของคนใจร้ายในเมืองหลวง หากอยู่รับราชการคงกลายเป็นแพะ ต้องถูกใส่ร้ายเข้าสักวัน คิดได้ดังนั้นจึงยอมให้บุตรชายคนสุดท้องออกไปทำการค้าตามใจปรารถนา

หลี่จินหมิงชอบการต่อรองราคาตั้งแต่ยังเยาว์ ทั้งตระกูลฝั่งมารดายังเป็นตระกูลคหบดี เรียกได้ว่ามีความเป็นพ่อค้าอยู่ในสายเลือด ใช้เวลาไม่นานก็เป็นที่รู้จักว่าเชื่อถือได้อย่างมาก ร้านค้าในเมืองหลายร้านล้วนเป็นกิจการของพ่อค้าหลี่ ทำกำไรจนนับเงินแทบไม่ทันแล้ว

ทว่ามีเรื่องหนึ่งที่ตวนอ๋องเฉินฟาหยางยังไม่ทราบ นั่นคือรองแม่ทัพเสวียนซือเหยาได้ฝากจดหมายให้เขาดูแลบุตรสาว หากนางถูกส่งมาอยู่ที่ตำหนักร้างในเมืองนี้ หลี่จินหมิงยามนั้นยังเยาว์ ไม่แน่ใจว่ารองแม่ทัพล่วงรู้ความคิดของตวนอ๋องได้อย่างไร แต่พอตรองดูแล้วจึงตระหนักได้ว่าศิษย์ร่วมอาจารย์ผู้นี้ เกลียดใครก็ไม่อยากพบหน้า หากแต่งนางเป็นพระชายาคงต้องให้อยู่ไกลจากสายตาให้มากที่สุด

ตวนอ๋องไม่อยากเห็นหน้านาง ให้อยู่ตำหนักร้างจึงเหมาะสมที่สุดแล้ว

“จินหมิง ไม่ใช่ว่าเจ้าชอบนางกระมัง” เฉินฟาหยางจ้องจับผิดศิษย์น้อง เห็นประกายวูบไหวในดวงตาอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกไม่สบายใจนัก

“ท่านรู้จักข้ามานาน ย่อมทราบดีว่าข้ามิใช่คนชอบทำเรื่องผิดศีลธรรม ที่ต้องพบเจอกับนางก็เพราะเรื่องการซื้อขายข้าวสารอาหารแห้งเท่านั้น”

“เจ้าชอบนางก็ไม่แปลก นางเป็นคนงาม เมื่อคืนข้าจึงอดใจไม่ไหว จริง ๆ แล้วอาจต้องแวะเวียนมาบ่อย ๆ นางจะได้ไม่ลืมว่าใครเป็นเจ้าชีวิตของนาง เจ้าเองก็น่าจะรู้ หากข้าไม่แต่งกับนาง บุตรสาวอนุภรรยาของเสวียนซือเหยาคงประสบชะตากรรมที่ไม่ดีนัก”

เฉินฟาหยางยิ้มเหยียดยามเห็นศิษย์น้องทำตาลุกวาว จงใจยืดลำคอขาวให้อีกฝ่ายได้เห็นรอยกัด อยากกล่าวเท็จไปว่าคืนที่ผ่านมาร้อนแรงมากเพียงใด แต่พอเห็นดวงหน้าที่เดี๋ยวแดงก่ำเดี๋ยวซีดขาว เขาจึงไม่อยากแกล้งจนเกินควร

“ท่าน... ร่วมหอกับนางแล้ว”

หลี่จินหมิงกระซิบ หัวใจแตกสลายกลายเป็นผุยผง เขาแอบหลงรักนางมานาน แต่ขนบธรรมเนียมและความเหมาะสมทุกประการไม่อนุญาตให้ทำตามหัวใจ จึงทำได้เพียงคอยช่วยเหลือนางอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

“เจ้าพูดคล้ายกับว่าสิ่งที่ข้าทำเป็นเรื่องประหลาด นางเป็นเมียข้า ข้าจะทำอย่างไรก็ย่อมได้”

“พอได้แล้ว! นี่ท่านไม่มีธุระให้ทำหรืออย่างไร เหตุใดจึงยังเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ ไม่ใช่ว่าต้องคุ้มกันองค์หญิงต่างแคว้นกลับเมืองหลวงหรอกหรือ”

“จริงสิ ข้าเพลิดเพลินตลอดคืนจนลืมเรื่องงาน ต้องขอบใจเจ้านักที่เตือนสติ หลังจากส่งองค์หญิงไป๋ซู่หลินกลับเมืองหลวงแล้ว เราคงจะได้พบกันบ่อยขึ้น หากเจ้าพอมีเวลา ข้าอยากให้ซ่อมแซมตำหนักเยว่ฉีให้ดี หากนางถามไถ่มากความก็บอกว่าพระสวามีของนาง ตวนอ๋องเฉินฟาหยางเป็นผู้ออกคำสั่ง แต่อย่าพูดเรื่องที่ข้าแวะไปหานางเมื่อคืนเล่า ข้าว่านางคงจะยังอายอยู่มาก ตอนที่ข้าออกมา นางยัง... ลุกจากเตียงไม่ได้ด้วยซ้ำ”

“ศิษย์พี่ใหญ่! อย่างไรนางก็เป็นชายาของท่าน อย่าปากร้ายให้มากนัก!”

“ชายาของข้าเช่นนั้นหรือ ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมา เจ้าทำหน้าที่แทนข้าไปแล้วกระมัง”

“ปากสุนัข! เมื่อคืนท่านร่วมหอกับนางแล้ว ไยยังกล้าพูดจาเช่นนี้ หรือว่า... หึ! สุดท้ายท่านก็เผยความจริงเพราะความหยิ่งยโสของตนโดยแท้ ว่าแต่แผลที่ถูกนางกัดมานั่น เจ็บมากหรือไม่เล่า”

หลี่จินหมิงยิ้มหยัน แม้อีกฝ่ายสูงศักดิ์กว่ามาก แต่ก็เป็นศิษย์ร่วมอาจารย์ เรียกได้ว่าเป็นพี่น้องต่างสายเลือด หาจำเป็นต้องระมัดระวังมารยาทให้มากความแต่อย่างใดไม่

“เจ้ายังฉลาดไม่เปลี่ยน แต่ไม่ได้ร่วมหอกับนางแล้วอย่างไร รอข้ากลับมาในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อยากทำตามใจตนเองมากเพียงใดก็ย่อมได้ ถึงเวลานั้นข้าคงได้รู้ว่าภรรยาและศิษย์น้องได้แอบสวมหมวกเขียว[๑]ให้ข้าแล้วหรือไม่!”

เฉินฟาหยางซ่อนความขุ่นเคืองไว้ในใจ แม้เขาจะเกลียดชังเสวียนซือชิง แต่ไม่ได้หมายความว่าชายอื่นจะมีสิทธิ์แตะต้องนาง

ความบริสุทธิ์ของเสวียนซือชิงคือสิทธิ์ของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น    ตักตวงให้สาสมกับความคับแค้นก่อนตีจาก นับว่าเหมาะสมดีแล้วมิใช่หรือ

[๑] สามีถูกภรรยานอกใจ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๔ ราคาสินค้า

    หลายวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิสามารถทำทุกสิ่งอย่างได้ตามที่ใจปรารถนา เนื่องจากยามที่หลุดร่วงจากอ้อมกอดของบุรุษที่มีนามว่าเฉินหยาง ข้อมือเล็ก ๆ ของนางกระแทกกับพื้นค่อนข้างแรง โชคดีที่เป็นมือข้างที่ไม่ถนัด นางจึงยังทำความสะอาด ดูแลตำหนักเยว่ฉีได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องทว่ายังมิได้ทันซ่อมแซมหรือทำอะไรมาก พ่อค้าหลี่ที่นางคุ้นหน้าคุ้นตาก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู พร้อมทั้งแจ้งว่ามีคำสั่งจากตวนอ๋องให้จัดการซ่อมแซมทุกอย่างตามสมควร เขาดูเป็นคนที่มีความเอาใจใส่ในทุก ๆ เรื่อง มองออกว่านางไม่สะดวกใจให้คนงานที่ล้วนแต่เป็นบุรุษเข้ามายุ่มย่ามในที่พำนัก จึงส่งสาวใช้สองคนมาอยู่เป็นเพื่อน เสวียนซือชิงไม่ปฏิเสธ แม้จะเกรงใจอย่างมาก ด้วยคิดไปว่าติดหนี้บุญคุณหนหนึ่ง ยังดีกว่าอยู่กับบุรุษมากหน้าหลายตาตามลำพัง“คุณหนูเสวียนจะไปที่ใดหรือ”หลี่จินหมิงทักทายสาวงามที่กำลังจะก้าวขาออกจากบ้าน วันนี้คือวันสุดท้ายแล้วที่เขาจะหาข้ออ้างแวะมาเยี่ยมเยียนนางได้ เพราะเหลือแค่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยอีกไม่มาก ตำหนักเยว่ฉีก็จะกลับมาแข็งแรงดังเดิม เหมาะแก่การอยู่อาศัยของตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์แล้ว“ตั้งใจว่าจะเอาผ้าไปส่งที่ร้านในตลาดเจ้าค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๕ คำสัญญา

    มากกว่าสิบปีที่เฉินฟาหยางรู้จักคุณชายสกุลหลี่ เขาเห็นหนุ่มน้อยผู้นี้มีโทสะแทบนับครั้งได้ แต่ทุกครั้งที่เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นมักเป็นเรื่องสำคัญ เช่นยามที่เขาคัดค้านไม่เห็นด้วยกับองค์ชายสามเหวินอวิ๋นฝู เรื่องละเว้นโทษตายต่อคนสกุลเสวียน ทำเพียงการยึดทรัพย์เข้าท้องพระคลังเท่านั้นหลี่จินหมิงกล่าวว่ารองแม่ทัพเสวียนตัดสินใจผิดพลาดก็จริง แต่องค์ชายทั้งสามก็อยู่ที่นั่นด้วย ย่อมต้องรับผิดชอบทุกอย่างเท่าเทียมกันจำได้ว่าปีนั้นคือครั้งแรกที่เขาทะเลาะกับศิษย์น้องรุนแรง แม้จะมีโอกาสปรับความเข้าใจในภายหลัง แต่เรื่องราวในวันนั้นทั้งเฉินฟาหยางและหลี่จินหมิงยังจำได้ไม่เคยลืมเมื่อมีเหตุให้คล้ายต้องทะเลาะกันใหม่ ทั้งสาเหตุยังเป็นสตรี สองบุรุษจึงต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่งยวด เร่งใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ที่กำลังปะทุอย่างบ้าคลั่งภายในใจหลี่จินหมิงตระหนักดีว่าตวนอ๋องเลื่องชื่อมิอยากเปิดเผยตัวตน จึงเชื้อเชิญให้ติดตามสาวใช้ทั้งสองกลับไปดื่มน้ำชารอที่บ้าน ส่วนตนเองขอทำธุระที่ร้านให้เรียบร้อยแล้วจะตามไปในภายหลังเฉินฟาหยางไม่ขัดข้องอันใด ด้วยรู้ว่าศิษย์น้องเพียงต้องการเวลาเพื่อสงบสติอารมณ์ ตรึกตรองเรื่องราว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๖ คำสั่งเสีย

    เสวียนซือชิงดวงหน้าแดงจัดราวกับดอกเหมยกุ้ย[1]ยามแรกแย้ม นางอายุได้สิบแปดปีแล้ว ทว่าหลังจากพิธีปักปิ่นก็แทบมิได้สนทนากับบุรุษใด กระทั่งคุณชายหลี่ที่คอยให้ความช่วยเหลือ แลกเปลี่ยนสินค้ากันหลายหน แวะเวียนมาดูแลการซ่อมบำรุงตำหนักตามคำสั่งของตวนอ๋อง ยังมิเคยพูดจาให้นางต้องอึดอัดมากมายถึงเพียงนี้มิแน่ใจว่ายามที่คุณชายเฉินหยางเอ่ยถ้อยความเหล่านั้น มีผู้ใดได้ยินบ้าง แต่อย่างน้อยคุณชายหลี่ย่อมต้องเป็นหนึ่งในนั้น เขาคือคนสนิทของตวนอ๋อง รวมถึงบุรุษผู้นั้นด้วย จึงเป็นไปได้ว่าเรื่องที่ตำหนักเยว่ฉีและตัวนางถูกยกให้กับผู้อื่น เขาอาจทราบเรื่องด้วยเช่นกันในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว นางยังจะกล้ามองหน้าผู้ใดอยู่อีกหรือหลังจากข่มความอดสู กล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงคอได้แล้ว เสวียนซือชิงก็มาถึงตำหนักเยว่ฉี และเอ่ยลาคนงานที่เฝ้าตำหนักอย่างมีมารยาทพอได้อยู่ตามลำพังอีกครั้ง จิตใจที่ฝืนเข้มแข็งมาโดยตลอดก็พลันอ่อนแอ นางเร่งเดินไปยังหลังตำหนัก เผื่อว่าความงดงามของแปลงดอกไม้จะทำให้อารมณ์หมองเศร้าดีขึ้นมาบ้าง“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้!” เจ้าของเรือนร่างบอบบางรีบวิ่งตามคนงานทั้งสอง ร้องถามว่าเหตุใดจึงถอนทำลายดอกไม้ที่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๗ บังคับจิตใจ

    นอกจากความเย็นชาของตวนอ๋องเฉินฟาหยางจะเป็นที่เลื่องลือในใต้หล้าแล้ว ยังมีเรื่องอีกประการที่ถูกซุบซิบกันอย่างลับ ๆ ในกลุ่มอนุภรรยาที่ได้ปรนนิบัติดูแล รวมถึงเหล่านางคณิกาที่เคยอุ่นเตียงให้แก่ตวนอ๋อง พวกนางล้วนทราบดีว่า ‘เฉินฟาหยาง’ มิใช่ธรรมดาสามัญเช่นบุรุษทั่วไป แข็งแรงและทนทานอย่างมาก ทว่าอีกเรื่องที่น่าสนใจคือการล่อลวงให้สตรีลืมความอายและยินยอมกระทำในสิ่งที่เขาต้องการเหล่านางคณิกาที่ว่าช่ำชองยังเผลอไผล นับประสาอะไรกับเสวียนซือชิง“ปล่อยมือข้านะเจ้านะคะ!” คุณหนูเสวียนยังคงหลับตาดังเดิม แม้ภาพของความใหญ่โตนั้นได้ตราตรึงอยู่ในสมองน้อย ๆ ไปแล้วก็ตามที“เจ้าสัญญาว่าจะดูแลข้ามิใช่หรือ หรือว่าไม่อยากตามใจกันแล้ว”“แต่เราควรกระทำเรื่องนี้ในห้องนอนมิใช่หรือเจ้าคะ”เสวียนซือชิงพยายามดึงมือบางให้หลุดจากการเกาะกุมอยู่นาน แต่นางตัวสูงแค่อกของคุณชายเฉินหยาง มีหรือจะสู้แรงของบุรุษที่ดูอย่างไรก็มิใช่คนเจ้าสำอางได้ผิวของเขาขาวสะอาด ทว่ามีแผลเป็นที่เรียกได้ว่าแทบทั่วทั้งร่าง นางเองก็เป็นถึงลูกสาวรองแม่ทัพ ย่อมมองออกว่าเขาได้ผ่านการสู้รบมามากพอสมควร บาดแผลจึงมีทั่วแผ่นหลัง ท่อนแขน และอกกว้าง ยามสัมผั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๘ มิต้องฝืนใจ

    น้อยคนนักจะทราบว่าภายใต้หน้ากากเย็นชาของตวนอ๋องเฉินฟาหยางนั้นมีบุรุษมากรักซ่อนอยู่ ความหนาวเหน็บดุจน้ำแข็งไม่มีวันละลายนั้นได้มาจากมารดา ทว่าความเจ้าคารมวาจาคมคายเพื่อให้ได้ในที่สิ่งที่ต้องการ เขาได้มาจากพระบิดาอย่างมิต้องสงสัยแต่กระนั้นถ้อยคำหวานหูที่เขาเอื้อนเอ่ยออกมา ล้วนแต่หวังผลประโยชน์ตอบแทน หาได้มีความจริงใจแต่อย่างใดไม่ ยามเอ่ยต่อผู้ให้กำเนิดก็เพราะต้องการความรักและความเอาใจใส่ แม้มิได้ผลอะไรมากนัก แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้รู้จักการเอาอกเอาใจผู้อื่น โดยเฉพาะเหล่าสาวงามที่เขาต้องการร่วมเตียง หากจะมีครั้งใดที่ทำถึงขั้นนี้แล้วมิได้ผลตามที่ปรารถนา ครั้งแรกก็คงเป็นเมื่อคืนที่ผ่านมานี่เองเสวียนซือชิงมิได้ขัดขืน ทั้งยังพยายามทำหน้าที่ของตนเองอย่างสุดความสามารถ เล้าโลมบุรุษเพศอย่างไร้เดียงสา ทำให้เขาปั่นป่วนจนแทบควบคุมตนเองมิได้ แม้ร่างกายต้องการมากเพียงใด แต่หากลงมือในขณะที่หัวใจของนางยังมิพร้อม อาจทำให้แผนลวงรักเพื่อหลอกให้นางยอมหย่า เป็นไปได้ยากเสียยิ่งกว่าเดิม“ตื่นแล้วหรือ” นางคงทราบจากสาวใช้ว่าเขาพักผ่อนอยู่ในสวน จึงรีบตามมาพบตั้งแต่เช้า“เจ้าค่ะ คุณชาย” เจ้าของริมฝีปากน่าจูบฝืนย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๙ ควบคุมอารมณ์มิได้

    การนอนร่วมห้องกับคุณเฉินหยางมิใช่เรื่องที่ต้องใช้เวลาตัดสินใจนาน เสวียนซือชิงทราบดีอยู่แก่ใจแล้วว่าไม่สามารถทำได้ เพราะความใกล้ชิดที่ได้รับตลอดหลายวันที่ผ่านมา แทบทำให้หัวใจของนางหลอมละลายคล้ายขี้ผึ้งเหลวที่ถูกเคี่ยวด้วยความร้อนแล้วเสวียนซือชิงแจ้งสาวใช้ว่าต้นยามซื่อ[1]ค่อยแวะเวียนมาดูแล เนื่องจากคุณชายและนางต้องการความเป็นส่วนตัว ทั้งยังฝากบอกคุณชายหลี่ด้วยว่าไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารมื้อเช้า เพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนั้น นางย่อมจัดการได้ ไม่เกินความสามารถแต่อย่างใดมิแน่ใจว่าคุณชายเฉินหยางไม่พอใจกับการแก้ไขปัญหาของนางหรือว่ามีเรื่องอื่นกวนใจ เขาทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ใบหน้าหล่อเหลาดุดันจนสาวใช้ทั้งสองไม่กล้าสู้หน้า แต่เสวียนซือชิงไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น จึงพยายามออดอ้อนเอาใจ สุดท้ายใบหน้าเย็นชาก็เปลี่ยนมาอ่อนโยน ทั้งยังเอ่ยคำหวานให้นางได้ชุ่มฉ่ำหัวใจดังเดิมหากพระสวามีของนางให้ความสนใจได้สักครึ่งหนึ่งของคุณชายเฉินหยางก็คงจะดีไม่น้อย“ซือชิง วันนี้เราออกไปข้างนอกดีหรือไม่ ข้าอยากกินอาหารที่โรงเตี๊ยมเปิดใหม่ ไม่ใช่ว่าฝีมือเจ้าไม่ดีนะ อร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ข้าแค่อยากไปเที่ยวเล่นบ้างก็เท่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑๐ ทดสอบความอดทน

    ผู้คนในใต้หล้าที่พบหน้าตวนอ๋องเฉินฟาหยางล้วนทราบดีว่า บุรุษผู้นี้มีความมั่นใจอย่างมาก ความสามารถทางทหารโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใด รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง มีเพลี่ยงพล้ำสูญเสียไปบ้าง แต่ก็กอบกู้คืนได้ในที่สุดส่วนอีกเรื่องที่น่าภาคภูมิใจคือความหล่อเหลา หาบุรุษใดเทียบเคียงได้ยาก แม้ยามถูกสตรีตอแยชอบทำหน้าคล้ายรำคาญ แต่ลึก ๆ กลับกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจทว่าคำพูดหยอกเย้าของหลี่จินหมิง ศิษย์น้องที่เขาโปรดปรานน้อยลงทุกครั้งที่พบหน้า กลับทำให้ความมั่นใจลดลงถึงแปดส่วน ยิ่งเห็นว่าคนงามที่เขาพยายามเอาชนะใจ ชักชวนคุณชายหลี่ให้ร่วมรับประทานมื้อเย็นด้วยกัน เฉินฟาหยางก็ถึงกับพูดไม่ออก ยังดีที่ทางนั้นปฏิเสธอย่างสุภาพ เขาจึงหายใจสะดวกขึ้นมาบ้าง แต่กระนั้นก็ยังอารมณ์ไม่ปกติ ถึงขั้นไม่อยากเจอหน้าผู้ใดอีกเสวียนซือชิงเห็นเขาเป็นเช่นนั้น มีหรือจะทนได้เมื่อวานยามอยู่โรงเตี๊ยมเขากินดื่มเพียงน้อยนิด กระทั่งปลาเปรี้ยวหวานของโปรดก็กินแค่สองคำ หลังกลับถึงบ้านก็เก็บตัวเงียบไม่พูดจา รีบอาบน้ำชำระร่างกายแล้วเข้านอน ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าต้องให้นางเข้าไปอ่านหนังสือให้ฟังจนกว่าจะพอใจเสวียนซือชิงใช้เวลาทบทวนดูว่าตนทำเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑๑ หอหยวนเซียว

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางมีอุปนิสัยไม่ต่างจากบุรุษที่มีอำนาจทั่วไปนัก ยามค่ำคืนมักมีสตรีมากกว่าสองนาง โอบกอดมอบความอบอุ่นแก่ร่างกาย ทั้งยังช่วยผ่อนคลายความปรารถนา โดยมิต้องขยับตัวให้ลำบากแต่อย่างใดทว่าหลายวันที่ผ่านมา เขากลับอึดอัดเกินกว่าจะทนไหว อบอุ่นที่ได้กอดนางชิดใกล้ แต่มังกรใหญ่ยักษ์กลับตื่นตัวยากจะนอนหลับ บางคืนปวดแข็งจนกระทั่งยามเช้าหากได้มีเวลาอยู่ตามลำพังบ้าง เฉินฟาหยางก็คงจะใช้มืออุ่นบรรเทาความกระหายให้พ้น ๆ ไปในแต่ละวัน จนใจว่าเสวียนซือชิงคนงามของเขากลับมิยอมอยู่ห่าง ทั้งยังเอาอกเอาใจมากเป็นพิเศษ โดยให้เหตุผลว่าต้องการตอบแทนที่เขาไม่บังคับใจกันหลังจากอดทนต่อสู้กับความหิวโหยนานหลายวัน เฉินฟาหยางก็แสร้งทำนิ่งเฉยต่อไปไม่ไหว กล่าวว่าอยากออกไปข้างนอกเพื่อผ่อนคลายอารมณ์ ร่ำสุราตามประสาบุรุษกับสหายต่างวัย“ข้าจะออกไปเที่ยวสักสามชั่วยามแล้วจะรีบกลับ ซือชิงมิต้องเป็นห่วง”เสวียนซือชิงได้ยินดังนั้นก็ดีใจที่คุณชายเฉินหยางลดทิฐิ ยอมพูดคุยกับคุณชายหลี่อีกครั้ง นางยิ้มหวานยามเขาแจ้งต่อคนขับรถม้าว่าต้องการไปหอหยวนเซียว นึกไปว่าสถานที่แห่งนั้นคือโรงเตี๊ยมที่เปิดใหม่ไม่นานทว่านางเดาผิดไปถนัดเล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-15

บทล่าสุด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 41 เรื่องงานรุมเร้า

    ตวนอ๋องเลื่องชื่อทำอย่างที่กล่าวเอาไว้จริง ๆ เขาไม่ล่วงเกินหรือฉวยโอกาสเพราะต้องการให้พระชายาพักผ่อนอย่างเพียงพอ นอกจากจะไม่ทำให้นางลำบากใจแล้ว หลายวันที่ผ่านมายังช่วยดูแลเจ้าก้อนแป้งตั้งแต่ตื่นเช้าจนกระทั่งถึงเวลาเข้านอน ตกค่ำก็แวะเข้าไปบีบนวด ก่อนกลับไปพักผ่อนในห้องของตนตามลำพังนอกจากทาบจูบลงบนแผ่นหลังบางเบาก่อนจาก ตวนอ๋องเฉินฟาหยางก็มิได้ทำอันใดที่มากไปกว่านั้นอีก“วันนี้อาการดีขึ้นบ้างหรือไม่”“ไม่ปวดแล้วเจ้าค่ะ”เฉินฟาหยางดูแลนางอย่างดี มิให้หยิบจับอันใดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังหมั่นนวดให้ทุกคืน อาการปวดจึงทุเลาลงอย่างรวดเร็ว“เจ้าจะปักผ้าเลยหรือ” เขาถามเมื่อเห็นสองสาวใช้นำผ้าที่ปักลายค้างอยู่มาวางไว้ในศาลาหลังเล็กในสวน“เจ้าค่ะ กำหนดส่งงานพรุ่งนี้แล้ว”“เช่นนั้นคืนนี้พี่จะเข้าไปนวดให้อีก อาการจะได้ไม่กำเริบ ส่วนหนิงเอ๋อร์ เจ้าอย่าเพิ่งอุ้มนางเลย”เสวียนซือชิงหุบยิ้มเมื่อเห็นเจ้าก้อนแป้งที่กำลังวิ่งเข้ามากอดนาง ถูกแขนแข็งแกร่งของบุรุษคว้าเอาเสียก่อน นางมองเขาหอมแก้มของร่างนุ่มนิ่มอย่างทะนุถนอมรักใคร่ ได้ยินเสียงกระซิบบอกว่าท่านแม่ยังมิหายดี ช่วงนี้จึงยังมิควรรบกวนให้มากจนเกินไปนัก“

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 40 ไม่อนุญาตให้เถียง

    หลายปีที่ผ่านมาชื่อเสียงเรื่องความหยิ่งยโสและโมโหร้ายของตวนอ๋องเฉินฟาหยางลบเลือนลงไปบ้าง ทว่าวันนี้โทสะรุนแรงของเขากลับคุกรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากพระชายาคนงามถูกสตรีใจหยาบเอ่ยวาจาล่วงเกินอย่างมิน่าให้อภัยที่สุด“เมื่อครู่นี้เจ้าเรียกชายาข้าว่าอย่างไร!”“หม่อมฉันผิดไปแล้วเพคะ ท่านอ๋อง…”“ตอบมิตรงคำถาม!” เฉินฟาหยางตะโกนเสียงดังลั่น เมื่อครู่เขาได้ยินครบถ้วนทุกคำจึงเคียดแค้นแทบคลั่ง แล้วเสวียนซือชิงยอดรักของเขาเล่า นางจะปวดใจมากมายเพียงใด“ท่านอย่าเสียงดังรบกวนผู้อื่น รีบซื้อด้ายปักผ้าแล้วรีบกลับเถิดเจ้าค่ะ”เสวียนซือชิงร้องห้าม คนจำนวนมากเริ่มเข้ามามุงดูเพราะเสียงวิวาท ส่วนคนที่เห็นเหตุการณ์แต่แรกก็กระซิบว่าบุรุษรูปงามคือตวนอ๋องเฉินฟาหยาง ส่วนสาวงามที่ยืนข้าง ๆ คือพระชายาเสวียนอย่างมิต้องสงสัยแล้วความจริงถูกเปิดเผยเช่นนี้ ชีวิตของเสวียนซือชิงคงไม่มีวันสงบได้แน่“นางลบหลู่เจ้าถึงเพียงนี้แล้ว ไยยังคิดปล่อยผ่าน”เมื่อตวนอ๋องกล่าวเช่นนั้น นางจึงขยับไปยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนกระซิบด้วยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกแย่เสียยิ่งกว่าเดิม“ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะท่าน… หากท่านปฏิบัติต่อข้าให้สมกับที่เป็นพระ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 39 พระชายาของตวนอ๋อง

    เกือบเดือนแล้วที่เสวียนซือชิงพาเจ้าก้อนแป้งย้ายเข้ามาพำนักในตำหนักเยว่ฉี ต่อหน้าลูกนางยิ้มหวานให้เขาอยู่เสมอ แต่หากถึงยามนอนกลางวันของเสวียนหนิงอัน นางก็จะกลับไปนั่งเงียบ ๆ อยู่ในสวนดังเดิม“พี่ช่วย…”เฉินฟาหยางยังไม่ยอมแพ้ ในเมื่อนางให้โอกาสให้เขาได้ทำหน้าที่บิดา หน้าที่ของสามีก็คงยังพอมีความหวังอยู่บ้างมิใช่หรือเขาหยิบด้ายออกมาจากตะกร้า สนเข็มอย่างชำนาญ ซึ่งกว่าจะทำเช่นนี้ได้ก็ต้องฝึกฝนอยู่หลายคืน ถูกเข็มตำนิ้วอีกนับครั้งไม่ถ้วน“ชิงชิง ด้ายปักผ้าสีแดงหมดเสียแล้ว เจ้าต้องการให้พี่ไปซื้อมาให้ใหม่หรือไม่” เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกบ้านนานกว่าสามปีเพราะต้องซ่อนตัวให้พ้นจากตวนอ๋อง บัดนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว จึงสามารถไปเดินดูของในตลาดได้ โดยมิต้องรบกวนสองสาวใช้อีก ทว่านางก็มิเคยออกไป“คราวก่อนจำได้ว่าเสี่ยวผิงเลือกด้ายมาผิดประเภท ครั้งนี้ชิงชิงต้องการออกไปเลือกที่ตลาดเองหรือไม่”เฉินฟาหยางยืนยันมิให้นางย้อมด้ายด้วยตนเองเพราะกลัวว่าจะเหนื่อยเกินไป อยากได้สิ่งใดก็ให้สาวใช้ไปซื้อหามาแทน แรก ๆ เสวียนซือชิงก็มิพอใจอยู่บ้าง จนกระทั่งเขาอ้างว่าเจ้าซาลาเปาน้อยซนขึ้นทุกวัน อาจไม่ทันระวังและถูกน้ำต้ม

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 38 ขาดสติ

    ตำหนักเยว่ฉีครึกครื้นกว่าที่เคย พ่อบ้านชราออกคำสั่งให้สาวใช้จัดเตรียมห้องนอนสำหรับพระชายาและเจ้าก้อนแป้งที่ร่าเริงเสียยิ่งกว่าผู้ใด ส่วนสาวงามผู้เป็นมารดากลับทำสีหน้าคล้ายคิดไม่ตก ด้วยไม่มั่นใจว่าการตัดสินใจในครั้งนี้ถูกต้องดีแล้วจริงหรือ‘ชิงชิงยอดรัก เจ้าก็เห็นว่าหลี่จินหมิงมักมากจนทำให้ลูกของเราเห็นภาพที่มิสมควรเห็น เจ้าจะกล่าวหาว่าพี่วางแผนลวงอย่างไรก็ได้ แต่ข้อเสนอที่กล่าวออกไปนั้น ล้วนเป็นผลดีต่อเจ้าซาลาเปาน้อยหนิงเอ๋อร์จริง ๆ มิใช่หรือ’‘ข้าจะคอยดูนางมิให้เข้าไปยุ่มย่ามให้ห้องส่วนตัวของเขาอีก’‘คิดว่าห้ามนางได้หรือ หนิงเอ๋อร์ดื้อดึงไม่ผิดกับพี่ในยามเด็ก มองอย่างไรก็คล้ายกับเห็นเงาของตัวเอง หากเจ้ายิ่งเอ่ยปากห้าม นางก็จะยิ่งต่อต้านและลงมือทำ มิได้โทษว่าเจ้าเลี้ยงลูกไม่ดี แต่เรื่องนิสัยนี้สืบทอดจากสายเลือด ยิ่งพี่มิได้อยู่ด้วยแต่แรก...’เหตุผลของเขามีมากมายและล้วนแต่ฟังขึ้น เดิมทีไม่เข้าใจว่าเหตุใดเสวียนหนิงอันจึงได้ซนเกินเด็กนัก แต่พอได้ฟังวีรกรรมของผู้เป็นบิดาในวัยเด็กสักหลายคำ เสวียนซือชิงก็พอจะเข้าใจได้บ้าง‘ข้าแสร้งเชื่อฟัง ทว่าความจริงแล้วดื้อรั้นอย่างมาก’นางมองบุตรสาวที่ก

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ

    เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน หากคุณชายหลี่กลับมาแล้วนางอยากไปหาเขา พวกเจ้าค่อยพาไป

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 36 ท่านพี่

    หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะของตวนอ๋องก็ยิ่งทวีคูณมากเท่านั้น“ท่านอ๋อง

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย

    หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่างที่เคย มองดูแล้วคล้ายกับ...“เป็นวันหยุดขอรับ แต่ข้

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 34 ไม่ค่อยเจ็บแล้ว

    ลมหนาวที่พัดมาทำให้สาวงามต้องกระชับเสื้อคลุมตัวโปรดให้แน่น เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกตัวเรือนบ่อยนัก แต่ในเมื่อลูกจ้างใหม่ยังด้อยประสบการณ์เรื่องการย้อมสีเส้นด้าย การสอนงานให้จนกว่าเขาจะชำนาญจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมากอาเหยาดูคล้ายมิใช่คนชอบพูดเช่นเดียวกับนาง บทสนทนาที่มีต่อกันจึงสั้นกระชับ เช่นเปลือกไม้ประเภทไหนมีชื่อว่าอะไร ให้สีอะไรบ้าง ดอกไม้ประเภทใดให้สีติดทนทาน ส่วนเรื่องส่วนตัวนั้นแทบมิได้พูดกันเลยสักคำ ยิ่งคืนวันเลยผ่านนานเกือบเดือน นางก็ยิ่งคลายความสงสัยและเชื่อว่าลูกจ้างคนใหม่ คงไม่มีส่วนเกี่ยวพันกับตวนอ๋องเฉินฟาหยางอย่างแน่นอน“อาเหยาสรุปวิธีการเตรียมสีด้วยเปลือกไม้ให้ฟังหน่อยได้หรือไม่”“ก่อนอื่นต้องตัดเปลือกไม้ให้เป็นชิ้นเล็ก แช่ในน้ำสะอาดราวสี่ชั่วยาม จากนั้นนำมาห่อด้วยผ้าขาว ต้มในน้ำนานครึ่งชั่วยาม แล้วจึงนำเปลือกไม้ออก เติมเกลือเล็กน้อยเพื่อให้สีเข้มและติดทนดียิ่งขึ้น”“แล้วยามย้อมเส้นด้ายเล่า”“ก่อนอื่นต้องต้มเส้นด้ายให้สะอาด จากนั้นแช่ไว้ในน้ำเกลือราวหนึ่งเค่อ เมื่อสีพร้อมแล้วจึงคลี่เส้นด้ายลงต้มด้วยไฟอ่อนนานครึ่งชั่วยาม ความเข้มของการย้อมในแต่ละครั้งอาจแตกต่าง ขึ้น

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ 33 อาเหยา

    เมื่อวานเฉินฟาหยางได้เข้าไปในบ้านหลังเล็กของนางแล้ว ทว่าได้ช่วยงานอยู่แค่ลานด้านนอก ยกเตาสำหรับย้อมสีด้ายและเปลือกไม้เอาไปเก็บในห้องเก็บฟืน โดยมิได้รับอนุญาตให้เฉียดใกล้เรือนหลังเล็ก หลังจากทำงานท่ามกลางสายฝนเกือบหนึ่งชั่วยาม เขาก็พาร่างเปียกปอนไปยืนรับฟังคำสั่งของสาวงามที่ยังซ่อนตัวอยู่ในบ้าน มิยอมเปิดเผยตัวตนออกมาให้ได้ยลโฉม‘พี่ชายมีชื่อว่าอะไรหรือเจ้าคะ’เสียงหวานปานน้ำผึ้งเช่นนี้ เป็นเสวียนซือชิงมิผิดแล้ว หัวใจของเขาเต้นโครมคราม หากเลือกได้ก็คงตรงเข้าไปกอดจูบให้หายคิดถึง แต่จะทำเช่นนั้นก็ต้องมั่นใจว่านางให้อภัยเขาเสียก่อน‘ข้าผู้ต่ำต้อยมีนามว่าเสิ่นซือเหยา นายหญิงเรียกว่าอาเหยาเถิดขอรับ’เฉินฟาหยางดัดเสียงตอบ จำได้ว่านางเงียบไปพักใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดไปจากที่คาดเพราะเสวียนซือเหยาคือชื่อบิดานาง มิใจอ่อนยอมว่าจ้างก็คงแปลกแล้ว‘อีกสามวันเจ้าค่อยมาเริ่มงานเถิด ช่วงนี้ฝนตกแรง ยังไม่มีเรื่องอันใดให้ทำมากนัก’นางกล่าวเรื่องค่าจ้างอีกสองสามประโยค ยังคงไม่ยอมออกมาให้เห็นหน้า มีเพียงเสียงดังออกมาจากตัวเรือนแผ่วเบา แต่กระนั้นในใจเฉินฟาหยางก็สุขล้นจนแทบกลั้นรอยยิ้มไม่อยู่ รีบรับคำด้วยน้ำเสียงแหบ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status