แชร์

บทที่ ๒ หลักฐาน

ผู้เขียน: เทียนเหอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-01 22:34:24

นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเสวียนซือชิงอยู่บ้าง ฝนที่หลั่งไหลราวฟ้ารั่วตั้งแต่ฟ้าสว่างเมื่อวานได้หยุดลงในปลายยามอิ๋น[1] นางจึงรีบตื่นมาทำความสะอาด นำถังไม้ที่รองน้ำจากรอยรั่วของหลังคาไปเทไว้ในโอ่ง เช็ดถูส่วนที่เอ่อล้นออกมาอย่างขยันขันแข็ง สามปีก่อนนางทำเรื่องเหล่านี้ไม่เป็น ถนัดเพียงการปักผ้าตามที่ท่านแม่ใหญ่เคยสั่งสอน ออกแบบลวดลายสวยงามจนใครต่อใครที่ได้เห็นพากันชื่นชมไม่ขาดปาก

ทว่าหลังจากแต่งเข้าตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงเรียนรู้ทุกอย่างจาก     แม่นมสุ่ย ปัดกวาดเช็ดถูและซักผ้า กระทั่งทำอาหารก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีวัตถุดิบไม่มากก็ตาม แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ แม่นมสุ่ยพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่นางอายุมากแล้ว อดทนทำงานหนักได้ไม่นานก็หมดแรง เดือดร้อนต้องหายาบำรุงอยู่เรื่อยไป ท้ายที่สุดจึงยอมสอนงานทุกอย่างให้กับคุณหนูเสวียน เผื่อว่าวันใดนางไม่อยู่แล้ว คุณหนูผู้อาภัพจะได้ไม่ลำบากนัก

แม่นมสุ่ยเดาไม่ผิดนัก นางอยู่ที่ตำหนักเยว่ฉีได้เพียงปีเศษก็จากไปอย่างสงบ ราวกับนอนหลับไปอย่างนั้นเอง เสวียนซือชิงจำได้ว่านางร้องไห้นาน   สามวัน วิ่งถลาออกไปขอร้องบุรุษที่แวะมาส่งข้าวสารให้ช่วยเหลือจัดการเรื่องพิธีศพให้ดี ทั้งยังยัดเยียดเงินที่มีอยู่เพียงน้อยนิดให้เขาเป็นการตอบแทน

“จะทำอย่างไรดี จึงจะพิสูจน์ได้ว่าเรื่องที่ชายผู้นั้นพูดเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ” นางปัดกวาดเช็ดถูจนเรียบร้อยดี จึงนำผ้าสกปรกมาทำความสะอาด ในช่วงเวลานั้นเองที่แขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวต่อหน้าอีกครั้ง

เสวียนซือชิงไม่กล้ามองหน้า กลัวว่าความงามของเขาจะทำให้ลืมเรื่องที่ต้องการพูดไปจนหมดสิ้น นางก้มหน้าซักผ้า ตอบคำถามให้สั้นที่สุด ไม่รู้ว่าเผลอพูดเรื่องอันใดขัดหู ชายผู้นั้นจึงผลุนผลันกลับเข้าห้องนอนไป

หลังจากมั่นใจว่าร่างกายของตนเองสะอาดดีแล้ว เสวียนซือชิงจึงนำข้าวต้ม ผักดองอีกสองอย่าง รวมถึงน้ำชาที่ชงด้วยใบชาราคาถูกที่สุด นำไปวางบนโต๊ะในห้องรับรองแขก คนผู้นั้นเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วจึงออกมาพบนาง

“ที่นี่ไม่มีอะไรสะดวกสบาย ลำบากคุณชายแล้ว”

เสวียนซือชิงเห็นว่าเมื่อวานเขาไม่ได้บังคับจิตใจนาง จึงยอมวางใจขึ้นมาหลายส่วน แต่ก็ยังต้องระมัดระวังให้มากอยู่ดี

“ไม่มีเนื้อสัตว์เลยหรือ กระทั่งไข่ก็ไม่มีเช่นนั้นหรือ”

นางอยากจะบีบคอเขานัก เห็นชัดอยู่ว่านางอัตคัดขัดสนเพียงใด               ยังสอบถามให้เจ็บช้ำน้ำใจกันอีก “ข้ายังพอมีข้าวสารเหลืออยู่บ้าง หากคุณชายรอได้ ข้าจะนำไปแลกไข่มาสักสองฟอง...”

“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวข้าจะไปหากินที่โรงเตี๊ยมข้างหน้า แล้วจะนำหนังสือยืนยันกลับมาว่าตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่ให้กับข้าแล้วจริง ๆ หากเวลานั้นมาถึง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำตัวเสียมารยาทเช่นเมื่อคืนที่ผ่านมาอีก”

“ข้าอยู่ที่นี่นานสามปีไม่เคยมีแขก เว้นแต่พ่อค้าหลี่ที่แวะมาส่งข้าวสารอาหารแห้งนาน ๆ ครั้ง ตื่นกลัวคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักชื่อไปบ้าง คุณชายโปรดอย่าได้ถือสา”

เสวียนซือชิงจำต้องคงความสุภาพเอาไว้ก่อน หากเขาคือบุรุษที่ตวนอ๋องส่งมาให้นางดูแลจริง นางจะได้ไม่ทำให้พระสวามีที่ไม่เคยเห็นหน้าต้องเสื่อมเสีย

“ข้ากำลังจะเป็นสามีเจ้าในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เรียกกันว่าคนแปลกหน้าหาสมควรไม่ เสวียนซือชิง ข้ามีนามว่าเฉินหยาง จากนี้ไปจงเรียกข้าว่าท่านพี่ อย่าได้ทำตัวห่างเหินให้ข้าต้องเหนื่อยใจอีก”

เสวียนซือชิงปวดร้าวอยู่ในอก บุรุษตรงหน้าใช้แซ่เดียวกับตวนอ๋อง    เฉินฟาหยาง หรือว่าเขาจะเป็นญาติห่าง ๆ ที่นางไม่เคยรู้จัก แต่จะว่าไปแล้ว  นางเคยรู้จักพระสวามีของตนเองอยู่หรือ

“ท่านเป็นอะไรกับท่านอ๋องหรือ”

“ญาติห่าง ๆ ทว่ามีบุญคุณช่วยเหลือชีวิตเขาไว้ ฟาหยางเห็นว่าข้าเพิ่งย้ายมายังเมืองนี้ ไร้ทั้งที่พักพิงและสตรีอุ่นเตียง จึงเสนอทุกอย่างที่นี่ให้แก่ข้า”

เสวียนซือชิงได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งปวดใจ เฉินหยางผู้นั้นเรียกพระสวามีของนางด้วยชื่อ มิใช่ตำแหน่งฐานะ เดาได้ว่าทั้งคู่คงสนิทสนมกันมาก มากจนกระทั่งยอมยกพระชายาตำหนักร้างอย่างนางให้เขาครอบครอง

“อย่างไรก็ต้องมีการยืนยันอย่างชัดเจน หาไม่แล้วข้าคงไม่อาจ... ดูแลคุณชายได้”

“เรื่องนั้นไม่ยาก เขาอยู่ที่ค่ายทหารนอกเมือง ห่างไปไม่กี่ชั่วยาม หากได้จดหมายรับรองมาแล้ว เจ้าห้ามต่อรองสิ่งใดกับข้าอีก”

“หากข้าไม่ได้ยินจากปากของท่านอ๋อง ข้าคงไม่อาจเชื่อได้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง” เสวียนซือชิงเอ่ยเสียงแผ่ว แม้มั่นใจแล้วถึงเก้าส่วนว่าเขาไม่ได้โกหก แต่นางก็ยังไม่อยากให้ทุกอย่างง่ายเกินไป

“มากความยิ่งนัก!”

“หากข้ามั่นใจว่าเรื่องทุกอย่างเป็นดั่งที่ท่านกล่าวจริง ข้าจะปรนนิบัติท่านอย่างดีที่สุด ข้าขอคุณชายเพียงเท่านี้ไม่ได้เลยหรือเจ้าคะ”

“ซือชิง เจ้าไปที่ค่ายทหารหาได้ไม่ เจ้าก็รู้ว่าตวนอ๋องไม่ชอบหน้าเจ้า  และที่ค่ายนั่นยังมีสตรีที่เขาหมายปอง อยากร่วมหอตบแต่งเป็นพระชายาอยู่ด้วย เจ้าไปก็จะทำให้เขาลำบากใจเสียเปล่า”

“ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้าเป็นพระชายา เขาจะแต่งผู้อื่นได้อย่างไร”

“ย่อมแต่งไม่ได้ เว้นแต่เจ้าจะยอมหย่าให้เขาก่อน เช่นนี้ดีหรือไม่ เจ้าลองคิดดูว่าอยากได้อะไรจึงจะเชื่อว่าเขาเป็นผู้ออกคำสั่งเอง ข้าจะได้ลองจัดการดู”

เสวียนซือชิงเริ่มคล้อยตาม นับว่าคุณชายเฉินหยางผู้นี้ไม่ใช่คนเลวร้ายนัก อย่างน้อยก็ยังเสนอทางออกให้นางบ้าง

“ขอบคุณคุณชายเฉินที่ชี้แนะ หากข้าไปเองแล้วเกิดปัญหา ข้าย่อม     ไม่สมควรไป ส่วนเรื่องหลักฐานยืนยันนั้น ข้าคงต้องรบกวนท่านขอหนังสือเล่มโปรดของท่านอ๋องมาให้ข้า หน้าแรกก่อนถึงเนื้อหาสำคัญมีกระดาษเปล่า ขอให้ท่านอ๋องเขียนข้อความบนหนังสือเล่มนั้น ลงตราประทับให้เรียบร้อย คุณชายพอจะทำได้หรือไม่”

เสวียนซือชิงทราบดีว่าที่กล่าวขอไปไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นี่เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้นางเชื่อได้ว่าเขาพูดความจริง

“หึ! ตวนอ๋องรักการอ่าน มีหนังสือเล่มโปรดหลายเล่ม เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้ แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นเล่มใดหรอก!”

“หนังสือเล่มนั้นมีเพียงเล่มเดียว สิบปีก่อนยามที่ท่านอ๋องบาดเจ็บสาหัส นอนพักอยู่ในค่ายทหาร ใกล้บ้านรองแม่ทัพเสวียน ยามนั้นเขานอนซมอยู่หลังม่านเพราะอาการบาดเจ็บ ข้าแวะเวียนไปเยี่ยมบิดา ซุกซนไม่เข้าเรื่อง แอบไปซ่อนในกระโจมนั่น เขาสั่งให้ข้าอ่านหนังสือให้ฟังเพื่อคลายความเบื่อหน่าย   หันเหความเจ็บปวดจากบาดแผล กล่าวด้วยว่าหนังสือเล่มนั้นพกติดตัวตลอด อ่านเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักเบื่อ ข้าถูกบังคับให้อ่านอยู่นาน จึงแกล้งเขาด้วยการวาดรูปไร้สาระลงไปในกระดาษแผ่นสุดท้าย”

เสวียนซือชิงจำได้ว่าท่านอ๋องที่นอนซมอยู่หลังม่านนั้นโกรธอย่างมาก แต่หากขยับเขยื้อนบาดแผลอาจปริแตก นางจึงรอดตัวไปอย่างหวุดหวิดที่สุด ได้ยินว่าเขาพยายามตามหาเด็กชายตัวเล็กที่ทำหนังสือมีตำหนิอยู่หลายวัน แต่หาอย่างไรก็หาไม่พบ

นางไม่ใช่เด็กชายจะหาพบได้อย่างไรกัน

  

[1] เวลา ๐๓.๐๐ – ๐๔.๕๙ น.

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง…เฉินฟาหยางไม่ใช่คนยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน เขาเป็นถึงพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รั้งตำแหน่งตวนอ๋องมาตั้งแต่อายุได้สิบหกชันษา ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมดูแลกองทัพ ออกรบยามมีปัญหาบริเวณชายแดน แต่กระนั้นยามลำบากที่สุด ข้าวต้มที่ได้กินยังมีเมล็ดข้าวมากกว่าถ้วยเล็ก ๆ ที่เสวียนซือชิงนำมาให้เสียอีกได้ยินว่านางจะนำข้าวสารไปแลกไข่ เขาก็หมดความอยากอาหารทันที!แม้จะเกลียดชังนางมาเพียงใด แต่เฉินฟาหยางกลับต้องยอมรับว่านางฉลาดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังไขข้อข้องใจที่คั่งค้างมานานว่าใครคือผู้ที่ขีดเขียนหนังสือเล่มโปรดของเขา“ที่แท้มิใช่เด็กผู้ชาย”เฉินฟาหยางลืมคิดไปว่าค่ายทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับสตรี นางแต่งตัวเป็นบุรุษ ลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาย่อมไม่ใช่เรื่องประหลาด ยามนั้นเขาต้องดาบของทหารเลวบริเวณแผ่นหลัง บาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ต้องนอนคว่ำและห้ามขยับตัวนานหลายวันคราวนั้นต้องดื่มกินสมุนไพรหลายประเภทเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด รู้สึกคล้ายมึนเมาตลอดเวลา นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแยกแยะเสียงของเด็กน้อยที่อยู่หลังม่านไม่ได้ย้อนหลังไปสิบปี ยามนั้นนางอายุเพียงแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีกร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการหากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญองค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทนำ

    กระแสลมกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดราวกับเต้นเริงระบำท่ามกลางสายฝน หากยามปกติคงยากจะมองเห็นได้ ว่ากิ่งก้านเรียวเล็กเหล่านั้นโอนอ่อนลู่ลมได้มากน้อยเพียงไรในยามราตรี ทว่าค่ำคืนนี้มิใช่ค่ำคืนธรรมดา แสงสว่างแสบตาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าทำให้สตรีร่างเล็กมองเห็นความน่าหวาดหวั่นของภัยธรรมชาติ พายุใหญ่เช่นนี้มาไม่บ่อยนัก แต่พอมาแล้ว ก็สร้างปัญหาให้มากพอสมควรหลังจากประเมินสถานการณ์อยู่เพียงหนึ่งจิบน้ำชา[1] นางจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไปยังห้องครัวที่อยู่นอกตัวบ้าน รีบหยิบถังไม้ขนาดเล็กที่เก่าจนมอง ไม่ออกว่ามันมีอายุมานานเท่าใดแล้วกลับเข้าห้อง วางมันลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ รอยรั่วของหลังคาอยู่ห่างจากเตียงคงไม่รบกวนการนอน แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ขอให้มีสักสองห้องในบ้านหลังนี้แห้งสะอาดก็คงเป็นเรื่องดีเสวียนซือชิง หนาวสะท้านทั่วร่าง มือเรียวบอบบางลูบต้นแขนเบา ๆ เพราะลมที่พัดลอดประตูห้องนอนทำให้หนาวจนสั่นสะท้าน อีกสองสามวันข้างหน้าประตูอาจพังครืน หากไม่ตอกตะปูยึดไว้สักหน่อยคงแย่นางยิ้มเศร้ายอมรับชะตากรรม เดินไปตรวจสอบกลอนหน้าต่าง ก่อนสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงฟ้าผ่าเป็นครั้งที่เท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โฉมงามไม่สามารถควบคุมสติของตนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ในระหว่างก่อไฟต้มน้ำเสวียนซือชิงตรองดูอย่างละเอียดว่าเรื่องที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาเป็นความจริงหรือความเท็จ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ตวนอ๋องเกลียดชังครอบครัวของนางมากไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากผ่านไปสามปีแล้วค่อยส่งคนมาหมิ่นเกียรติกัน นั่นออกจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากสักหน่อยนางยกน้ำถังแล้วถังเล่าไปเติมอย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ถังไม้มีน้ำอุ่นมากพอสำหรับชำระล้างร่างกาย เวลาก็ผ่านไปเกือบสองเค่อ[1] เสวียนซือชิงเดิน อย่างประหม่ากลับไปยังห้องนอนที่มีบุรุษแปลกหน้าเปลือยท่อนบนรออยู่ เขาจุดตะเกียงแล้ว ห้องจึงสว่างไสวขึ้นมาบ้าง“น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ลมหายใจของเสวียนซือชิงติดขัด บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีสีหน้าเย็นชาอย่างมาก ลักษณะของเขาสอดคล้องกับน้ำเสียงทุกประการ ไม่ผ่อนปรนหรือปรานีให้กับผู้ใดทว่าสิ่งที่ทำให้นางแทบกลั้นลมหายใจคือความงามดั่งเทพเซียนของเขาต่างหากเล่าใบหน้าคมคร้ามและผิวขาวจัดยิ่งกว่าสตรี ทำให้นางไม่อาจจ้องมองได้นานนัก กลัวว่าจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะความตื่นเต้น ความ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01
  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    ปลายยามซื่อ[1] แล้ว ร่างสูงใหญ่จึงได้ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน คืนที่ผ่านมาเขาแวะทำธุระสำคัญระหว่างเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเกิดพายุใหญ่จนเดินทางต่อไปได้ลำบาก ความจริงก็อยากจะแวะเข้าไปในเมือง หาที่พักสะอาดสะอ้านนอนพักจนกว่าพายุจะสงบ นึกไม่ถึงว่าจะอากาศจะย่ำแย่จนม้าตื่นกลัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งไว้หน้าตำหนักเยว่ฉีเสียแล้วเฉินฟาหยาง ลืมเสียสนิทว่ามีใครอยู่ที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นดวงหน้าคุ้นตาที่คล้ายบิดาของนางอยู่หลายส่วน ความโกรธแค้นในใจก็พลันพลุ่งพล่าน อยากกลั่นแกล้งเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันทียากจะเดาได้ว่าปีศาจตนใดยุยงให้เฉินฟาหยางกล่าวความเท็จ ว่า ตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่รวมถึงตัวนางให้เขาแล้ว แต่จะว่าเป็นความเท็จทั้งสิบส่วนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเขาและตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์คือคนคนเดียวกัน ทว่าเสวียนซือชิงหาได้ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใดไม่ในวันที่แต่งนางเข้าตำหนักร้างเมื่อสามปีก่อน เขาสำเริงสำราญอยู่กับอนุภรรยาในจวน หลับนอนกับพวกนางอย่างบ้าคลั่ง ถึงเสวียนซือชิงจะไม่ทราบเรื่อง แต่เขาก็สาแก่ใจอย่างมาก ยิ่งได้ข่าวจากคนรู้จักว่านา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-01

บทล่าสุด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๓ ทวงสิทธิ์

    ตวนอ๋องเฉินฟาหยางห่วงแต่ลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยของขบวนเดินทางจนมาร่วมดื่มน้ำชายามบ่ายกับโฉมงามต่างแคว้นไม่ทัน นางน้อยใจหนักจึงไม่ยอมให้พบหน้า นางกำนัลที่เดินทางมาด้วยจึงกล่าวว่าหากได้ดอกไม้หายากมาประดับแจกันหยก เขาอาจได้เจอนางอีกครั้ง แต่หากไม่ได้มาแล้ว นางอาจไม่ยกโทษให้และแน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เขากอดจูบอีกร้อยวันพันปีเฉินฟาหยางไม่เคยง้อสตรีใด แต่สตรีนางนั้นเป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้น ถูกส่งมาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยมีข้อแม้ว่านางต้องเป็นฝ่ายเลือกคู่ครองเอง หากสองฝ่ายตกลงปลงใจก็จัดการทุกอย่างได้ตามต้องการหากได้แต่งนางเข้าจวนอ๋อง อำนาจของเขาก็จะเพิ่มมากขึ้น มิต้องเกรงใจองค์ฮ่องเต้ที่ผิดใจกันเพราะเรื่องราวเมื่อสามปีก่อน คำสั่งห้ามมิให้เข้าวังหลวงก็อาจถูกยกเลิกไป เนื่องจากต้องเห็นแก่หน้าขององค์หญิงต่างแคว้นเป็นสำคัญองค์หญิงไป๋ซู่หลิน อายุสิบเก้าชันษา ทว่ายังไม่ได้ผ่านพิธีมงคล ดวงหน้าของนางงดงามปานนางสวรรค์ กิริยาวาจาอ่อนหวาน มองปราดเดียวก็ทราบได้ว่าถูกเลี้ยงดูให้เพียบพร้อมตามสามหลักเชื่อฟังสี่จรรยา นางอ่อนกว่าเขาเกือบสิบสี่หนาวก็จริง ทว่าเฉลียวฉลาด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง…เฉินฟาหยางไม่ใช่คนยุ่งยากเรื่องอาหารการกิน เขาเป็นถึงพระอนุชาต่างมารดาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน รั้งตำแหน่งตวนอ๋องมาตั้งแต่อายุได้สิบหกชันษา ได้รับความไว้วางใจให้ควบคุมดูแลกองทัพ ออกรบยามมีปัญหาบริเวณชายแดน แต่กระนั้นยามลำบากที่สุด ข้าวต้มที่ได้กินยังมีเมล็ดข้าวมากกว่าถ้วยเล็ก ๆ ที่เสวียนซือชิงนำมาให้เสียอีกได้ยินว่านางจะนำข้าวสารไปแลกไข่ เขาก็หมดความอยากอาหารทันที!แม้จะเกลียดชังนางมาเพียงใด แต่เฉินฟาหยางกลับต้องยอมรับว่านางฉลาดรอบคอบเป็นอย่างมาก ทั้งยังไขข้อข้องใจที่คั่งค้างมานานว่าใครคือผู้ที่ขีดเขียนหนังสือเล่มโปรดของเขา“ที่แท้มิใช่เด็กผู้ชาย”เฉินฟาหยางลืมคิดไปว่าค่ายทหารไม่ใช่สถานที่สำหรับสตรี นางแต่งตัวเป็นบุรุษ ลอบเข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาย่อมไม่ใช่เรื่องประหลาด ยามนั้นเขาต้องดาบของทหารเลวบริเวณแผ่นหลัง บาดเจ็บสาหัส แม้ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ต้องนอนคว่ำและห้ามขยับตัวนานหลายวันคราวนั้นต้องดื่มกินสมุนไพรหลายประเภทเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด รู้สึกคล้ายมึนเมาตลอดเวลา นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาแยกแยะเสียงของเด็กน้อยที่อยู่หลังม่านไม่ได้ย้อนหลังไปสิบปี ยามนั้นนางอายุเพียงแ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๒ หลักฐาน

    นับว่าสวรรค์ยังเข้าข้างเสวียนซือชิงอยู่บ้าง ฝนที่หลั่งไหลราวฟ้ารั่วตั้งแต่ฟ้าสว่างเมื่อวานได้หยุดลงในปลายยามอิ๋น[1] นางจึงรีบตื่นมาทำความสะอาด นำถังไม้ที่รองน้ำจากรอยรั่วของหลังคาไปเทไว้ในโอ่ง เช็ดถูส่วนที่เอ่อล้นออกมาอย่างขยันขันแข็ง สามปีก่อนนางทำเรื่องเหล่านี้ไม่เป็น ถนัดเพียงการปักผ้าตามที่ท่านแม่ใหญ่เคยสั่งสอน ออกแบบลวดลายสวยงามจนใครต่อใครที่ได้เห็นพากันชื่นชมไม่ขาดปากทว่าหลังจากแต่งเข้าตำหนักเยว่ฉี เสวียนซือชิงเรียนรู้ทุกอย่างจาก แม่นมสุ่ย ปัดกวาดเช็ดถูและซักผ้า กระทั่งทำอาหารก็สามารถทำได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีวัตถุดิบไม่มากก็ตาม แรกเริ่มที่ย้ายมาอยู่ แม่นมสุ่ยพยายามจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง แต่นางอายุมากแล้ว อดทนทำงานหนักได้ไม่นานก็หมดแรง เดือดร้อนต้องหายาบำรุงอยู่เรื่อยไป ท้ายที่สุดจึงยอมสอนงานทุกอย่างให้กับคุณหนูเสวียน เผื่อว่าวันใดนางไม่อยู่แล้ว คุณหนูผู้อาภัพจะได้ไม่ลำบากนักแม่นมสุ่ยเดาไม่ผิดนัก นางอยู่ที่ตำหนักเยว่ฉีได้เพียงปีเศษก็จากไปอย่างสงบ ราวกับนอนหลับไปอย่างนั้นเอง เสวียนซือชิงจำได้ว่านางร้องไห้นาน สามวัน วิ่งถลาออกไปขอร้องบุรุษที่แวะมาส่งข้าวสารให้ช่วยเหลือจัด

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    ปลายยามซื่อ[1] แล้ว ร่างสูงใหญ่จึงได้ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน คืนที่ผ่านมาเขาแวะทำธุระสำคัญระหว่างเดินทางกลับไปยังค่ายทหาร นึกไม่ถึงว่าจะเกิดพายุใหญ่จนเดินทางต่อไปได้ลำบาก ความจริงก็อยากจะแวะเข้าไปในเมือง หาที่พักสะอาดสะอ้านนอนพักจนกว่าพายุจะสงบ นึกไม่ถึงว่าจะอากาศจะย่ำแย่จนม้าตื่นกลัว รู้ตัวอีกทีก็ถูกทิ้งไว้หน้าตำหนักเยว่ฉีเสียแล้วเฉินฟาหยาง ลืมเสียสนิทว่ามีใครอยู่ที่นี่ จนกระทั่งได้เห็นดวงหน้าคุ้นตาที่คล้ายบิดาของนางอยู่หลายส่วน ความโกรธแค้นในใจก็พลันพลุ่งพล่าน อยากกลั่นแกล้งเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษที่ทำให้เขาต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงขึ้นมาทันทียากจะเดาได้ว่าปีศาจตนใดยุยงให้เฉินฟาหยางกล่าวความเท็จ ว่า ตวนอ๋องยกทุกอย่างที่นี่รวมถึงตัวนางให้เขาแล้ว แต่จะว่าเป็นความเท็จทั้งสิบส่วนก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะตัวเขาและตวนอ๋องผู้สูงศักดิ์คือคนคนเดียวกัน ทว่าเสวียนซือชิงหาได้ทราบเรื่องนั้นแต่อย่างใดไม่ในวันที่แต่งนางเข้าตำหนักร้างเมื่อสามปีก่อน เขาสำเริงสำราญอยู่กับอนุภรรยาในจวน หลับนอนกับพวกนางอย่างบ้าคลั่ง ถึงเสวียนซือชิงจะไม่ทราบเรื่อง แต่เขาก็สาแก่ใจอย่างมาก ยิ่งได้ข่าวจากคนรู้จักว่านา

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทที่ ๑ ตอบแทนบุญคุณ

    เสียงฟ้าร้องคำรามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้โฉมงามไม่สามารถควบคุมสติของตนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ในระหว่างก่อไฟต้มน้ำเสวียนซือชิงตรองดูอย่างละเอียดว่าเรื่องที่บุรุษผู้นั้นกล่าวมาเป็นความจริงหรือความเท็จ เชื่อถือได้มากน้อยเพียงใด ตวนอ๋องเกลียดชังครอบครัวของนางมากไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่หลังจากผ่านไปสามปีแล้วค่อยส่งคนมาหมิ่นเกียรติกัน นั่นออกจะเป็นเรื่องที่เชื่อถือได้ยากสักหน่อยนางยกน้ำถังแล้วถังเล่าไปเติมอย่างยากลำบาก กว่าจะทำให้ถังไม้มีน้ำอุ่นมากพอสำหรับชำระล้างร่างกาย เวลาก็ผ่านไปเกือบสองเค่อ[1] เสวียนซือชิงเดิน อย่างประหม่ากลับไปยังห้องนอนที่มีบุรุษแปลกหน้าเปลือยท่อนบนรออยู่ เขาจุดตะเกียงแล้ว ห้องจึงสว่างไสวขึ้นมาบ้าง“น้ำร้อนเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ” ลมหายใจของเสวียนซือชิงติดขัด บุรุษที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดีสีหน้าเย็นชาอย่างมาก ลักษณะของเขาสอดคล้องกับน้ำเสียงทุกประการ ไม่ผ่อนปรนหรือปรานีให้กับผู้ใดทว่าสิ่งที่ทำให้นางแทบกลั้นลมหายใจคือความงามดั่งเทพเซียนของเขาต่างหากเล่าใบหน้าคมคร้ามและผิวขาวจัดยิ่งกว่าสตรี ทำให้นางไม่อาจจ้องมองได้นานนัก กลัวว่าจะควบคุมสติไม่อยู่เพราะความตื่นเต้น ความ

  • พระชายาตำหนักร้างรัก   บทนำ

    กระแสลมกระโชกแรงทำให้กิ่งไม้น้อยใหญ่โบกสะบัดราวกับเต้นเริงระบำท่ามกลางสายฝน หากยามปกติคงยากจะมองเห็นได้ ว่ากิ่งก้านเรียวเล็กเหล่านั้นโอนอ่อนลู่ลมได้มากน้อยเพียงไรในยามราตรี ทว่าค่ำคืนนี้มิใช่ค่ำคืนธรรมดา แสงสว่างแสบตาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าทำให้สตรีร่างเล็กมองเห็นความน่าหวาดหวั่นของภัยธรรมชาติ พายุใหญ่เช่นนี้มาไม่บ่อยนัก แต่พอมาแล้ว ก็สร้างปัญหาให้มากพอสมควรหลังจากประเมินสถานการณ์อยู่เพียงหนึ่งจิบน้ำชา[1] นางจึงตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนไปยังห้องครัวที่อยู่นอกตัวบ้าน รีบหยิบถังไม้ขนาดเล็กที่เก่าจนมอง ไม่ออกว่ามันมีอายุมานานเท่าใดแล้วกลับเข้าห้อง วางมันลงบนพื้นที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ รอยรั่วของหลังคาอยู่ห่างจากเตียงคงไม่รบกวนการนอน แต่อย่างน้อยวันพรุ่งนี้ก็ขอให้มีสักสองห้องในบ้านหลังนี้แห้งสะอาดก็คงเป็นเรื่องดีเสวียนซือชิง หนาวสะท้านทั่วร่าง มือเรียวบอบบางลูบต้นแขนเบา ๆ เพราะลมที่พัดลอดประตูห้องนอนทำให้หนาวจนสั่นสะท้าน อีกสองสามวันข้างหน้าประตูอาจพังครืน หากไม่ตอกตะปูยึดไว้สักหน่อยคงแย่นางยิ้มเศร้ายอมรับชะตากรรม เดินไปตรวจสอบกลอนหน้าต่าง ก่อนสะดุ้งจนตัวโยนเพราะเสียงฟ้าผ่าเป็นครั้งที่เท

DMCA.com Protection Status