เจียงหว่านเอ๋อร์เห็นสภาพเปื้อนมอมแมมไปทั้งตัวของเสิ่นคังแล้วก็ยิ่งรู้สึกปวดใจทบเท่าทวีคูณ“ท่านแม่ พวกเราต้องไปอยู่ที่นั่นบ้างที่นี่บ้างแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไร?”“ข้าคิดถึงท่านพ่อ ท่านแม่พาข้ากลับไปหาท่านพ่อได้ไหมขอรับ?”เจียงหว่านเอ๋อร์เห็นเสิ่นคังพูดถึงเสิ่นจือเจิ้งอีกแล้ว นางแค่นหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “พ่อเจ้าไม่ต้องการเจ้าแล้ว ยังจะไปหาเขาทำไม?”“ถ้าเจ้าไม่อยากอยู่กับแม่ เจ้าก็กลับไปหาเขาเองก็แล้วกัน!”ท่าทางไม่พอใจของเจียงหว่านเอ๋อร์ทำให้เสิ่นคังตกใจกลัว เขาเม้มริมฝีปากน้อยๆ ไม่กล้าปริปากอีกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดท่านพ่อกับท่านแม่ต้องแยกทางกันด้วยความสัมพันธ์ของพวกเขาดีมากมาตลอดไม่ใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ท่านพ่อก็ไล่เขากับท่านแม่ออกมา?เวลานั้นเอง เงาร่างของเจี่ยนอันอันพลันปรากฏขึ้นในหัวเสิ่นคังหลายวันมานี้เจียงหว่านเอ๋อร์มักเอ่ยถึงเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธขึ้งอยู่บ่อยๆ บอกว่านางเป็นตัวการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่คำพูดเช่นนี้เสิ่นคังได้ยินมาไม่ต่ำกว่ายี่สิบครั้งแล้วถึงเขาจะอายุยังน้อย แต่ก็รู้ว่าเขากับท่านแม่ถูกไล่ออกมา ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของเจี่ยนอันอัน
แต่ทหารยังคงไม่เชื่อว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าคืออิ่นเจียงองครักษ์ของฝ่าบาทเขาเห็นว่ารถม้าคันนี้ค่อนข้างเก่า หากใต้เท้าอิ่นกลับมาจริง จะนั่งรถม้าโทรมๆ เช่นนี้ได้อย่างไรนอกจากนี้ ลักษณะการแต่งกายของคนพวกนี้ยังดูธรรมดามากคิดว่าผู้ที่นั่งอยู่ในรถม้าจะต้องเป็นนักโทษหลบหนีที่พวกเขาต้องการจับกุมตัวอย่างแน่นอนทหารตวาดทันทีว่า “ข้าไม่สนว่าคนที่นั่งอยู่ข้างในเป็นใต้เท้าอิ่นหรือใต้เท้าอันใด ฝ่าบาทมีบัญชา ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องตรวจสอบทั้งสิ้น”สิ้นเสียงนายทหาร ผ้าม่านก็ถูกคนเลิกขึ้นจากข้างใน เผยให้เห็นใบหน้าของอิ่นเจียงฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “เจ้าเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้าขวางรถม้าข้า!”ทหารผู้นั้นเคยเห็นอิ่นเจียง เขาเห็นว่าในรถม้าคืออิ่นเจียงจริงๆ ก็ต้องตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ รีบค้อมกายแสดงคารวะ“ขออภัยใต้เท้าอิ่น เมื่อครู่ข้าพูดจาจาบจ้วงล่วงเกินแล้ว”เขาพูดจบก็หันไปพูดกับทหารคนอื่นๆ ด้านหลังว่า “ถอยออกไป อย่าขวางทางรถม้าใต้เท้าอิ่น”ทหารคนอื่นๆ ถอยออกไปทั้งหมด เปิดทางให้สายหนึ่งหลังจากพวกหลิ่วหยวนขึ้นมาบนรถม้าแล้ว หลิ่วหยวนก็บังคับรถม้าวิ่งเข้าไปในเมืองความจริงในใจพวกเขาตื่นเต้นอ
ขอเพียงสามารถกำจัดครอบครัวฉู่จวินสิง เขาก็ไม่สนใจว่าจะมีผู้ใต้บังคับบัญชาตายไปกี่คนจึงไม่เก็บหน่วยกล้าตายเหล่านั้นมาใส่ใจ“องครักษ์อิ่นทำได้ดีมาก ใครก็ได้ ตกรางวัลให้องครักษ์อิ่นเป็นเงินหนึ่งพันตำลึง!”ขันทีใหญ่เจียงหวยถ่ายทอดคำพูดของฉู่ชางเหยียนด้วยน้ำเสียงแหลมสูงขันทีที่เฝ้าอยู่ข้างนอกรับคำสั่งไปนำเงินมาจากในคลังหลวงทันทีแต่เมื่อเขามาถึงคลังหลวงและเห็นว่าในนั้นมีเพียงความว่างเปล่าก็ต้องตกตะลึงที่นี่อย่าว่าแต่เงินหนึ่งพันตำลึงเลย แม้แต่เศษเงินสักนิดก็ยังไม่มีเขาตกใจจนหนังศีรษะชาวาบ แทบจะทรุดฮวบลงบนพื้นคลังหลวงมีทหารจำนวนมากคอยอารักขาอยู่ตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านมาฝ่าบาทยังไม่ได้ตกรางวัลให้ขุนนางคนใดเรื่องที่เงินในคลังหลวงถูกคนปล้นไปจึงยังไม่มีใครรู้“เป็นฝีมือผู้ใดกันแน่ พวกท่านเฝ้าอารักขาที่นี่ก็ไม่เห็นว่ามีคนเข้าไปในคลังหลวงเลยรึ?”“คลังหลวงว่างเปล่าเช่นนี้ พวกท่านสมควรรับโทษสถานใด!”ขันทีน้อยถามทหารรักษาพระองค์ที่อารักขาคลังหลวงเสียงแหลมทำอย่างไรดีเล่า คลังหลวงถูกคนปล้นไปหมดแล้ว เขาจะกลับไปรายงานฝ่าบาทอย่างไรดี?ขันทีน้อยตัวสั่นเทิ้มด้วยความหวาดหวั่น รีบถอยออกไปจากคล
“ถ่ายทอดคำสั่งลงไป ไปตรวจสอบมาให้ข้า จับตัวเจ้าโจรมาลงทัณฑ์ห้าม้าแยกร่างเดี๋ยวนี้!”“จับทหารรักษาพระองค์ที่เฝ้าอารักขาคลังหลวงพวกนั้นไปขังไว้ในคุก”“ถ้าจับคนที่ปล้นคลังหลวงมาไม่ได้ก็ตัดหัวทหารรักษาพระองค์พวกนั้นเสีย ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่คนอื่นๆ!”ฉู่ชางเหยียนพิโรธจนทรวงอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ผู้ใดกันขวัญกล้าเทียมฟ้าปานนี้ บังอาจมาปล้นสมบัติในคลังหลวง!เจี่ยนอันอันเห็นฮ่องเต้สุนัขโกรธกริ้วปานนี้ นางก็หัวเราะเสียงดังในใจหากสีหน้ายังคงแสร้งแสดงเป็นตกอกตกใจฉู่ชางเหยียนมองคนที่ยังคุกเข่าอยู่กลางตำหนักทั้งสองคน เดิมเขาอยากประทานเงินหนึ่งพันตำลึงเป็นรางวัลให้อิ่นเจียงยามนี้กลับไม่มีเงินแม้แต่อีแปะเดียวเกิดเรื่องใหญ่อย่างคลังหลวงถูกปล้น เขาไม่มีอารมณ์จะประทานรางวัลให้อิ่นเจียงอีกแล้ว“พวกเจ้าสองคนกลับไปเถอะ!”ฉู่ชางเหยียนโบกมือเบาๆ บอกให้ฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันออกไปคนทั้งสองถวายบังคมแล้วก็ลุกขึ้นจะจากไปฉู่ชางเหยียนจึงเพิ่งสังเกตว่าตรงหว่างเอวฉู่จวินสิงมีกระบี่ล้ำค่าชั้นดีเล่มหนึ่ง“ช้าก่อน!” ฉู่ชางเหยียนส่งเสียงรั้งคนทั้งสองฉู่จวินสิงจิตใจหนักอึ้ง หรือฉู่ชางเหยียนจ
ผังมั่วเห็นว่าอิ่นเจียงที่อยู่ตรงหน้ามีท่าทางเย็นชาห่างเหินถึงเพียงนี้ เขาก็อึ้งไปอย่างอดไม่ได้ที่ผ่านมาอิ่นเจียงกับเขาสนิทสนมกันที่สุดแล้ว เรื่องไปลอบสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงคราวนี้ ฮ่องเต้เพียงให้อิ่นเจียงนำหน่วยกล้าตายหลายคนไปด้วยแต่ไม่ได้ให้เขาติดตามไปด้วยช่วงที่ผ่านมาผังมั่วเป็นห่วงอิ่นเจียงมาตลอด แต่ไม่รู้ว่าเขาจะทำภารกิจลุล่วงกลับมาได้ตอนไหนวันนี้ได้ข่าวจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่าอิ่นเจียงกลับมาแล้วเขาจึงตรงมายังที่พักของอิ่นเจียงทันที อยากร่ำสุราด้วยกันเพื่อฉลองความสำเร็จครั้งใหญ่ของอีกฝ่ายเสียหน่อยแต่ไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามจะห่างเหินเย็นชาเช่นนี้แต่เขาก็ได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว ยื่นมือมาหมายตบไหล่ฉู่จวินสิง“พี่อิ่นไปเมืองอิ่นเป่ยครั้งเดียวคงไม่ได้ลืมข้าไปแล้วหรอกนะ”ขณะที่มือของผังมั่วกำลังจะแตะลงบนไหล่ฉู่จวินสิงก็เห็นฝ่ายตรงข้ามหลบไปข้างๆ ด้วยสีหน้าหงุดหงิดรำคาญใจมือข้างนั้นคว้าได้เพียงความว่างเปล่า ผังมั่วยิ่งงุนงงกว่าเดิม“พี่อิ่น ท่านเป็นอะไรไป ข้าคือผังมั่วพี่น้องของท่านนะ ท่านจำข้าไม่ได้แล้วจริงหรือ?”ผังมั่วรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กลับยังบอกไม่ไ
“กู้มั่วหลียังคงมีการศึกษาเรื่องยาพิษอยู่ตลอด ข้าคิดว่าเขากำลังหาวิธีถอนยาพิษร้ายแรงที่ฮ่องเต้ชั่ววางอยู่ในตัวเขา”“เพียงแต่พิษที่ฮ่องเต้ใช้ ต้องแก้ด้วยวิธีพิษต้านพิษเท่านั้น กู้มั่วหลีจึงมุ่งมั่นคิดจะปรุงยามาโดยตลอด”ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อกู้มั่วหลี คนผู้นี้มีน้ำมือเหี้ยมโหดมาแต่ไหนแต่ไรกล้าที่จะทำเรื่องเลวร้ายได้ทุกอย่างเขามาปรากฏตัวที่เมืองอินเป่ย และสมัยก่อนยังช่วยฉู่ชางเหยียนกู้เมืองกลับคืนคงเพราะฉู่ชางเหยียนใช้พิษร้ายแรงบังคับเขา จึงได้ทำเรื่องเช่นนี้ออกมามิเช่นนั้นด้วยชั้นเชิงวรยุทธ์และอุปนิสัยของคนผู้นี้ จะยอมอยู่ใต้โอวาทฉู่ชางเหยียนได้อย่างไรฉู่จวินสิงรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันวิเคราะห์ได้อย่างมีเหตุผลหากว่าคนผู้นั้นคือกู้มั่วหลีจริงๆ เรื่องราวก็คงจะง่ายขึ้นมากเห็นทีเขาคงต้องไปถามผังมั่วให้รู้ เพื่อดูว่าอีกฝ่ายใช่กู้มั่วหลีจริงหรือไม่เพียงแต่วันนี้เขาต้องรอให้ตกดึกก่อนเพื่อไปขโมยกระบี่เฝินเทียนกลับมา จึงไม่อยากไปจากที่นี่แม้เพียงครึ่งก้าวเห็นทีว่าเรื่องนี้ คงต้องวางแผนให้รอบคอบใหม่แล้วเวลาเคลื่อนผ่านไปช้าๆ ในที่สุดทั้งคู่ก็รอคอยมาถึงยามรัตติกาลปลอดคนและเช
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว นางจะได้ตามดูความเคลื่อนไหวของฉู่ชางเหยียนได้ทุกซอกทุกมุม ไม่ให้คลาดสายตาเจี่ยนอันอันนำเรื่องกล้องรูเข็มบอกกล่าวให้เขาฟังอีกทั้งยังมอบเลนส์สัมผัสให้แก่ฉู่จวินสิงหนึ่งกล่อง“อีกประเดี๋ยวข้าจะบอกให้รู้ ว่าจะใส่เลนส์ชนิดนี้ได้อย่างไร”ฉู่จวินสิงมองดูกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ในมือ พร้อมคิดในใจ ไฉนเจี่ยนอันอันจึงมีของเล่นมากเสียจริงหรือในตัวนางจะมีกล่องสารพัดนึก ที่สามารถเนรมิตสิ่งของประหลาดได้อย่างมากมายไม่ซ้ำเขาไม่ได้พูดมากความ เพียงเก็บเอากล่องเลนส์สัมผัสใส่ไว้ในอกเสื้อไม่นานทั้งคู่จึงมาถึงตำหนักเสวียนหยาง ดีที่ภายในจุดตะเกียงอยู่ จึงมองเห็นทุกมุมได้อย่างสว่างเจี่ยนอันอันมอบกล้องรูเข็มให้แก่ฉู่จวินสิง เพื่อให้เขาใช้วิชาตัวเบา นำกล้องรูเข็มไปติดตามเสาหลายต้นจากนั้นนางจึงใส่เลนส์สัมผัส ทำให้เห็นภาพที่ปรากฏอยู่ในกล้องรูเข็มนั้น“ท่านพี่ กล้องทางซ้ายมือมองต่ำไปเล็กน้อย ท่านวางขึ้นสูงหน่อย”“กล้องด้านขวามือให้หันมาทางข้าอีก”เจี่ยนอันอันคอยชี้นำให้แก่ฉู่จวินสิง เพื่อให้นำกล้องที่เหลือติดตั้งให้เรียบร้อยสุดท้ายจึงปรบมือด้วยความพึงพอใจ “เสร็จแล้ว ทีนี้เราก็
ฉู่ชางเหยียนรู้สึกโมโหยิ่ง พลางมองดูเจียงหวยซึ่งเฝ้าอยู่ด้านข้างด้วยแววตาดุดัน“เจียงหวย กระบี่ของข้าเล่า?”เจียงหวยจึงเพิ่งสังเกตเห็น กระบี่ซึ่งแขวนอยู่ด้านข้างพระแท่นนั้น จู่ๆ ไม่ทราบอันตรธานหายไปได้อย่างไรพลางร้อนใจจนรีบคุกเข่าลง “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อคืนเขาเฝ้าอยู่ด้านข้างพระแท่นมังกรอยู่ตลอด มิได้ลุกขึ้นไปไหนเลยแต่ไฉนพอตื่นเช้ามา กระบี่ล้ำค่ากลับหายไปเสียได้หรือว่า ในวังมีคนเข้ามาทำการโจรกรรมอีกแล้ว?ไม่เพียงกวาดเอาเงินทองในคลังหลวงไปเสียสิ้น จนแม้แต่กระบี่ยังไม่ละเว้น!โจรผู้นี้มันเป็นใครกันแน่ จึงได้มาโจรกรรมของดีในวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้!ฉู่ชางเหยียนยกเท้าถีบใส่เจียงหวยจนหงายหลังไป“เจ้าสุนัขรับใช้ไม่เอาไหน ยังมาคุกเข่าหาวิมานอันใดอีก ไม่รีบไปจับคนร้ายมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”เจียงหวยรีบลนลานคลานลุกขึ้น รับคำพร้อมถอยออกไปเร็วพลันฉู่ชางเหยียนเอามือทุบเตียงด้วยความโกรธแค้น จนเกือบทำให้กล้องรูเข็มที่ติดอยู่ด้านบนร่วงหล่นลงมาดีที่เมื่อคืนเจี่ยนอันอันติดกล้องไว้ค่อนข้างแน่น มิเช่นนั้นหากตกลงมาจริง คงถูกฉู่ชางเหยียนรู้เข้าเป็นแน่แท้......เจี่ยนอันอ
ตงฮุ่ยก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน จึงรีบบอกให้เสี่ยวเอ้อนำผักต่างๆ ไปให้พ่อครัว เพื่อทำเป็นอาหารหลายอย่างออกมาเพียงไม่นานพ่อครัวก็ทำออกมา และให้เสี่ยวเอ้อนำอาหารออกมาหลายอย่าง“เถ้าแก่ อาหารเหล่านี้ ล้วนใช้ผักเมื่อครู่นี้ทำออกมาทั้งสิ้น”ต่งฮุ่ยรีบใช้ตะเกียบคีบเข้าปากหนึ่งคำ พลันตะลึงกับความหอมของผักจนแทบตาค้างและยังมีอาหารอื่นอีกหลายอย่าง ซึ่งล้วนได้ลิ้มลองเช่นกันไม่นานจึงถามด้วยความตื่นเต้น “เหล่านี้ล้วนใช้ผักเมื่อครู่นี้ปรุงออกมาทั้งสิ้นรึ?”เสี่ยวเอ้อพยักหน้าตอบรับ ขณะมองดูเถ้าแก่กินอย่างเอร็ดอร่อย ตัวเขาเองก็ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอเมื่อครู่ก่อนจะยกอาหารออกมา เขาก็ได้แอบชิมผักเล็กๆ ไปคำหนึ่งจนบัดนี้ความหอมของผักก็ยังอบอวลอยู่ในปากหากเถ้าแก่ยอมให้ส่งผักเหล่านี้เข้ามาก็คงดี ไม่เพียงช่วยให้กิจการในโรงเตี๊ยมยิ่งเฟื่องฟูมากขึ้นจนแม้แต่เสี่ยวเอ้ออย่างเขา ก็อาจพลอยมีลาภปาก ได้ชิมอาหารรสเลิศเหล่านี้ตามต่งฮุ่ยแอบชื่นชมรสชาติอาหารอยู่ในใจเงียบๆเขาไม่คาดคิดว่า เพียงแค่ผักหน้าตาพื้นๆ ไม่กี่อย่าง จะสามารถปรุงเป็นอาหารที่มีรสชาติดีได้เช่นนี้ผักเหล่านี้ยังไม่ได้ใส่เนื้อสัตว์ ก็มีควา
เหยียนซวงกล่าวด้วยความไม่พอใจ “เถ้าแก่โรงเตี๊ยมเหล่านี้ตาบอดหรืออย่างไร ผักสดเช่นนี้ยังจะติโน่นตินี่อีก”แต่เจี่ยนอันอันหาได้นำพาไม่ นางไม่เชื่อว่าจะไม่มีโรงเตี๊ยมสักแห่งเดียว ที่ยอมใช้ผักที่นางปลูก“ในเมื่ออำเภอไถหยางไม่มีผู้ใดต้องการผักของเรา เราลองไปติดต่อที่อื่นดู”ไม่นานฉู่จวินสิงก็รีบควบรถม้า มุ่งไปยังอำเภออู่หนานต่อก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไปติดต่อโรงเตี๊ยมหลายแห่ง เจี่ยนอันอันได้สังเกตข้างทางว่ามีลูกเป็ดลูกไก่ขายหรือไม่แต่ลูกเป็ดลูกไก่ในอำเภอไถหยาง ดูไม่ค่อยแข็งแรงสักเท่าใดนัก คล้ายกับล้วนติดโรคอะไรบางอย่างซึ่งเจี่ยนอันอันย่อมไม่คิดซื้อเป็ดไก่ขี้โรคเหล่านี้ ไปให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงดูแน่นอนรถม้าเดินทางไกลอีกระยะหนึ่ง จนมาถึงอำเภออู่หนานที่นี่มีผู้คนสัญจรมากนัก มากกว่าอำเภอไถหยางเป็นเท่าตัวเลยทีเดียวตามถนนหนทางล้วนมีแต่ผู้คน แลดูคึกคักเป็นอย่างมากฉู่จวินสิงไปสืบข่าวมา ได้ความว่าอำเภออู่หนานก็มีโรงเตี๊ยมเจ็ดแปดแห่งเช่นกันและที่ตั้งของโรงเตี๊ยมแต่ละแห่งก็อยู่ห่างไกลกัน แสดงว่าคงไม่ต้องการให้ร้านอื่นมาแย่งลูกค้าของตนกระมังฉู่จวินสิงจึงมุ่งไปยังทิศทางของโรงเตี๊ยมแห่งห
เจี่ยนอันอันก็ไม่คิดอยู่นี่นานนัก เพราะนางยังมีงานต้องทำอีกทุกคนสนทนาอยู่กลางลานครู่หนึ่ง เจี่ยนอันอันจึงลุกขึ้นคิดจะจากไปจงหลานเห็นเข้า จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม“แม่นางเจี่ยน หมู่นี้พี่เวินเป็นอย่างไรบ้าง”เจี่ยนอันอันดูออกนานแล้วว่า เมื่อจงหลานไม่เห็นเวินอี๋ติดตามมาด้วย สายตานางปรากฏแววผิดหวังขึ้นวูบหนึ่งจึงได้กล่าวตอบยิ้มๆ “พี่เวินของเจ้าสบายดี หากมีเวลา เจ้าจะไปเยี่ยมเขาก็ได้”เมื่อได้ยินคำตอบจากเจี่ยนอันอัน เวินหลานจึงหันไปมองจงซิ่นด้วยความดีใจ“ท่านปู่” นางใช้สายตาเว้าวอน หวังเพียงว่าจงซิ่นจะพาไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อเยี่ยมเวินอี๋โดยเร็วจงซิ่นมีหรือจะไม่รู้ทันความคิดของผู้เป็นหลานสาว แต่เขากลับคิดว่าอายุของทั้งคู่ห่างกันมากไปดังนั้นทุกครั้งที่เวินหลานร้องขอไปหมู่บ้านชิงสุ่ยเพื่อจะหาเวินอี๋ จงซิ่นก็มักจะปฏิเสธทุกคราไปและครั้งนี้เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิดเช่นกัน“ไว้อีกสักพักค่อยว่าเถอะ คุณชายเวินมีงานยุ่งอยู่ตลอด เราไม่ควรไปรบกวนเขาบ่อยนัก”เวินหลานก้มหน้าลงด้วยความผิดหวัง ไม่กล้าพูดมากความอีกเจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าหม่นหมองของเวินหลาน จึงได้เอ่ยปากเกลี้ยกล่อม “ผู้เ
นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาขายผักที่ตลาด จึงรู้สึกตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อย“อันอัน ให้ข้าช่วยพวกเจ้าขายผักเถอะนะ”เจ้าของแผงผักหลายรายไม่เห็นหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมาหลายวันแล้วทุกคนต่างนึกว่าพวกเขาคงจะไม่มาตลาดขายผักอีกแต่ก็เพราะพวกเขาไม่มาขายผักหลายวัน ทำให้ผักของพ่อค้าอื่นต่างขายได้ไม่น้อยแต่ไม่นึกว่า วันนี้พวกเขาจะมาอีกครั้งเจ้าของแผงผักทั้งหลายต่างก็พูดไม่ออก และไม่กล้าเอาอย่างคราวที่แล้ว ทำตัวเป็นศัตรูกับพวกเขาได้แต่มองดูผู้คนที่มาเลือกซื้อผัก อุดหนุนแต่ผักของเจี่ยนอันอันไม่มีใครสักคน คิดอุดหนุนผักของพ่อค้าอื่นบ้างเลยเมื่อได้เหยียนซวงมาช่วยเหลือ ผักหนึ่งคันรถไม่นานก็ขายหมดเกลี้ยงเจี่ยนอันอันยังเก็บผักอีกหลายต้นไว้ กำลังคิดอยู่ว่าอีกประเดี๋ยวจะไปถามตามโรงเตี๊ยม ว่ามีเจ้าไหนคิดจะเหมาผักของนางบ้างหรือไม่นางนับเงินที่อยู่ในถุงผ้า วันนี้ขายได้ทั้งสิ้นสามสิบห้าตำลึงแม้จะเป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่นางก็ยังดีใจมากอยู่“ไป เราไปเยี่ยมจงซิ่นกัน”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเดินนำขึ้นรถม้าไปก่อนเหยียนซวงก็ตามขึ้นไปนั่งด้วย นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาช่วยขายผัก ไม่คาดคิดว่าจะมีค
เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงใส่เสื้อผ้าของฉู่จวินสิง จึงพลอยตื่นมาด้วยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดเมื่อคืนนี้ คล้ายดั่งความฝันแต่ลูกธนูที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น ทำให้เจี่ยนอันอันอดวิเคราะห์อีกครั้งไม่ได้ว่า ผู้ที่ยิงมาคือใครกันแน่?และข้อความในกระดาษเขียนว่ามีคนจะมาเมืองอินเป่ยนั่นคือผู้ใดที่จะมาเมืองนี้ จึงทำให้มีคนต้องใช้วิธีนี้ส่งข่าวให้นางกับฉู่จวินสิงได้รู้เจี่ยนอันอันนอนคิดอยู่บนเตียงครู่หนึ่ง ก็ยังหาคำตอบไม่ได้นางจึงไม่อยากคิดมากต่อไปอีก เพราะอย่างไรถึงเวลาก็จะรู้เอง ว่าคือผู้ใดจะมาเมืองอินเป่ยเจี่ยนอันอันแต่งกายเรียบร้อยพร้อมลงจากเตียง ล้างหน้าล้างตาแล้วจึงไปกินอาหารเช้าที่ลานวันนี้นางยังต้องไปอำเภอไถหยางสักครั้ง ตั้งว่าจะซื้อลูกเป็ดลูกไก่มาให้เสิ่นจือเจิ้งเลี้ยงผักที่ปลูกได้เมื่อวาน จะได้นำไปขายในตลาดด้วยหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว เจี่ยนอันอันจึงให้บ่าวไพร่นำผักไปไว้ในรถม้า จากนั้นจึงเตรียมตัวออกเดินทางไปอำเภอไถหยางพร้อมกับฉู่จวินสิงทั้งคู่เพิ่งขึ้นนั่งในรถม้าไม่ทันไร พลันเห็นเหยียนซวงเดินมา“พวกท่านจะไปอำเภอไถหยางหรือ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่”เหยียนซวงกำลังคิดจะไปอำเภอไถ
เจี่ยนอันอันพยักหน้า นางเห็นด้วยกับความคิดของฉู่จวินสิง“ท่านกล่าวถูกต้อง ตอนนี้เมืองจิงโจวคงวุ่นวายยิ่งกว่าแต่ก่อน”“หากเราย้อนกลับไปตอนนี้ ไม่แน่อาจตกหลุมพรางฉู่ชางเหยียนก็เป็นได้”“บวกกับเจี่ยนกั๋วกงที่คิดปองร้ายเราอยู่ คงจะหาหนทางส่งคนมาอีก เพื่อตรวจสอบดูว่าพวกเราเสียชีวิตแล้วหรือยังกันแน่”เมื่อเจี่ยนอันอันกล่าวถึงตรงนี้ นัยน์ตาพลันหรี่เล็กน้อย“ถ้าให้ดีคือเขามาด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้นข้าจะให้เขามาได้ แต่กลับไปไม่ได้อีก”ฉู่จวินสิงมองดูเจี่ยนอันอันแสดงท่าทีคล้ายถือคติคุณธรรมประหารญาติ จึงเอื้อมมือไปขยับผ้าห่มให้นาง“อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ต่อให้เจี่ยนกั๋วกงส่งคนมาจริง ก็คงสืบไม่ได้ความอะไร”ทั้งคู่พูดคุยอีกครู่หนึ่ง จึงหลับตาลงเพื่อพักผ่อนจวบจนถึงเวลายามสาม จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็รู้สึกปวดท้องนางลืมตาขึ้นเร็วพลัน พร้อมรีบร้อนใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียง“เจ้าจะไปไหนกัน?” การเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอัน ทำให้ฉู่จวินสิงพลอยตื่นขึ้นเจี่ยนอันอันตอบโดยแทบไม่หันหน้ามา “ไปห้องปลดทุกข์”ฉู่จวินสิงก็รีบใส่เสื้อคลุมแล้วลงจากเตียงเช่นกัน เดินตามหลังเจี่ยนอันอันไปเพราะเขาไม่อยากให้นางถูกก
ถึงตอนนั้นเมื่อใด ยิ่งได้รับความช่วยเหลือจากแคว้นหนิงชวน การจะชิงอำนาจปกครองกลับคืนมาก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นเพียงแต่พวกเขาจะไปหาป้ายประกาศิตสวรรค์ได้จากที่ใด?หากกวนซินยอมเปิดเผยเรื่องป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาให้รู้ ก่อนที่พวกเขาจะไปเมืองจิงโจว พวกเขาก็อาจจะไปคุกหลวง ซักถามรัชทายาทฉู่เทียนหัวได้บ้างแต่บัดนี้พวกเขาได้กลับมาแล้ว คงไม่อาจย้อนกลับไปเมืองจิงโจวภายในเวลาอันสั้นอีกซ้ำที่นั่นก็กำลังวุ่นวายอยู่ หลังเกิดเหตุคลังหลวงถูกโจรกรรม ได้ทำให้ฉู่ชางเหยียนโกรธกริ้วเป็นอย่างมากบวกกับพวกเขาได้ช่วยเหลือบริวารที่อยู่ในคุกหลวงออกมาหมดผ่านไปหลายวัน ป่านนี้ฉู่ชางเหยียนคงรับรู้เรื่องราวแล้วย่อมต้องเพิ่มความเข้มงวดในการคุ้มกันคุกหลวงให้มากขึ้นอีกหากทั้งคู่บุ่มบ่ามกลับไปยังคุกหลวงอีกครั้ง ดีไม่ดีอาจถูกฉู่ชางเหยียนจับกุมตัวได้เรื่องนี้เห็นทีจะต้องวางแผนให้รอบคอบก่อนเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงต่างสบตากัน ทั้งคู่ล้วนเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายจากสายตาที่จ้องมองเจี่ยนอันอันหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาผืนหนึ่ง ยื่นส่งให้กวนซิน“พี่กวนซินวางใจได้ เรื่องนี้ข้ากับจวินสิงจะไม่เปิดเผยแม้แต่คำเดียว”
หลังจากบริวารถอยออกไปไกลแล้ว อดีตฮ่องเต้จึงตรัสอย่างมีนัยลึกซึ้งว่า “สุขภาพของเราไม่เหมือนวันวานอีกแล้ว เกรงว่าคงมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน”ฉู่เทียนหัวได้ยินดังนั้นก็ลงมาจากหลังม้า คุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์อดีตฮ่องเต้ทันที“เสด็จพ่อ สุขภาพท่านแข็งแรงมาโดยตลอด อย่าพูดเช่นนี้เลยพ่ะย่ะค่ะ”อดีตฮ่องเต้โบกมือเบาๆ “ร่างกายเรา เรารู้ดีที่สุด”“สิ่งที่เราอยากบอกก็คือ ด้วยนิสัยของฉู่ชางเหยียน จะต้องแสร้งเป็นมาเยี่ยมเราในวังในยามที่เราป่วยหนักเป็นแน่”“เจ้าจะปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนยึดอำนาจชิงบัลลังก์ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด หากเขากล้าคิดก่อกบฏชิงบัลลังก์”“เจ้าห้ามเมตตาใจอ่อนต่อเขาเป็นอันขาด เข้าใจหรือไม่?”ฉู่เทียนหัวรีบตอบรับว่า “เสด็จพ่อ ลูกเข้าใจแล้ว”อดีตฮ่องเต้ดูออกว่ารัชทายาทฉู่เทียนหัวหาได้มีจิตใจโหดเหี้ยมเหมือนฉู่ชางเหยียนไม่เขากังวลเหลือเกินว่าภายภาคหน้าฉู่เทียนหัวจะรับมือฉู่ชางเหยียนไม่ได้อดีตฮ่องเต้ล้วงป้ายประกาศิตสวรรค์ออกมาจากในอกเสื้อแล้วกล่าวกับฉู่เทียนหัวว่า “หากวันหนึ่งเราไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว เจ้าจะต้องรักษาบัลลังก์เอาไว้ให้ได้ ห้ามปล่อยให้ฉู่ชางเหยียนแย่งชิงไปได้โดยเด็ดขาด”
“อันอัน พวกเจ้าทำเพื่อข้ากับรัชทายาทมามากพอแล้ว ข้าไม่รู้เลยว่าจะขอบคุณเจ้ากับคุณชายฉู่อย่างไรดี”กวนซินว่าแล้วก็ลุกขึ้น คุกเข่าลงตรงหน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงเสียงดัง“ข้าไม่อาจทำอันใดเพื่อพวกเจ้าได้เลย ทำได้แค่โขกศีรษะไม่กี่ครั้งเพื่อตอบแทนบุญคุณของพวกเจ้า”กวนซินว่าแล้วก็ตั้งท่าจะโขกศีรษะให้คนทั้งสองอย่างหนักหน่วงเจี่ยนอันอันเห็นดังนั้นก็รีบเข้ามาประคองกวนซิน“พี่หญิงกวน ท่านอย่าทำเช่นนี้ ท่านโขกศีรษะให้พวกข้า จะทำให้พวกข้าอายุสั้นเอานะ”กวนซินได้เจี่ยนอันอันช่วยประคองขึ้นมา จมูกแสบร้อน น้ำตาไหลพรากลงมาอีกครั้งแม้ว่ารัชทายาทจะถูกขังไว้ในคุกหลวง แต่ยังดีที่เขายังไม่ถูกบั่นศีรษะส่วนสาเหตุที่เขาแกล้งเสียสติ จะต้องเป็นเพราะไม่ต้องการบอกความลับเรื่องนั้นต่อฉู่ชางเหยียนเป็นแน่ขณะที่คนที่รัชทายาทรักมากที่สุดก็คือกวนซิน ความลับอันใดล้วนบอกนางจนหมดสิ้นน่าเสียดายที่รัชทายาทไม่ใช่คนโหดร้ายอำมหิตเหมือนฉู่ชางเหยียนที่คิดแต่จะแย่งชิงอำนาจและก็เป็นเพราะรัชทายาทใจไม่เหี้ยมพอนี่เอง จึงทำให้เขาตกอยู่ในสภาพปัจจุบันเรื่องมาถึงขั้นนี้ กวนซินก็ไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไปนางนั่งลงข้างกา