ฮูหยินใหญ่ที่นั่งอยู่ข้างกายเจี่ยนอันอัน ก็รีบตบไปยังแผ่นหลังของเจี่ยนอันอัน เพื่อช่วยให้นางหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้นฉู่จวินสิงกลับขมวดคิ้วออกมา ก่อนจะพูดกับเจี่ยนอันอันเสียงเบา “เหล้านี้แรงมาก อย่าได้ดื่มอีก”เมื่อกระแอมไปชั่วครู่หนึ่ง ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้หยุดลงนางเงยหน้าขึ้นไปมองยังเหวินอิง ก็พบว่านางกำลังมองมายังตนเองด้วยรอยยิ้ม“น้องสาวช่างดื่มเหล้าได้เก่งจริงๆ ข้าขอดื่มให้เจ้าอีกชามหนึ่ง!”เหวินอิงพูดออกมา ก่อนจะรินเหล้าให้ตนเองอีกชามหนึ่ง และดื่มลงไปในไม่กี่อึดใจในชามตรงหน้าของเจี่ยนอันอันเองก็ถูกโจรภูเขารินให้จนเต็มชามใหญ่เหวินอิงยิ้มแล้วพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าดูข้าดื่มเหล้าไปจนหมดแล้ว น้องสาวเองก็ควรจะดื่มเหล้าในชามนั้นให้หมดเช่นกันไม่ใช่หรือ?”เจี่ยนอันอันในเวลานี้ บนใบหน้าเล็กมีริ้วแดงๆ ออกมาสองกลุ่มใหญ่แล้วนางรู้สึกได้ว่าศีรษะเริ่มวิงเวียน ก่อนจะรีบส่ายหัวอย่างเร็ว เพื่อที่จะให้ตนเองมีสติขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าเหวินอิงจับจ้องยังตนเองอยู่ตลอดเวลา หากว่านางไม่ยอมดื่มเหล้าถ้วยนี้ เกรงว่าคงจะทำให้อีกฝ่ายขบขันเอาได้เจี่ยนอันอันหยิบชามเหล้าตรงหน้าขึ้นมา และก
เหวินอิงประคองเจี่ยนอันอัน มายังที่ห่างไกลจากค่ายที่นั่นมีเรือนมุงจากตั้งตระหง่านอยู่ ดูเหมือนว่าจะเป็นห้องน้ำเจี่ยนอันอันไม่ได้ให้เหวินอิงตามเข้ามาด้วยนางเดินเข้าไป รีบเปิดยาแก้เมาค้างแล้วดื่มเข้าคำโตหลังจากที่ดื่มยาแก้เมาค้างแล้ว ไม่นานนัก นางก็เหมือนว่าจะสร่างเมาขึ้นมานางออกมาจากในห้องน้ำ ก็พบว่าเหวินอิงยืนอยู่สถานที่ไกลออกจากห้องน้ำไปเจี่ยนอันอันเดินก้าวใหญ่ออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เดิมทีเหวินอิงที่ก้มหน้าลง ก็พบเจี่ยนอันอันเดินตรงมาทางนางนางมองเห็นท่าทีของเจี่ยนอันอันที่เดินมา ก็ไม่โซเซเหมือนกับก่อนหน้านั้นมุมปากของเหวินอิงยกโค้งงดงามขึ้น“ดูเหมือนว่าเจ้าตอนนี้คงจะสร่างเมาแล้ว ไป พวกเราสองคนกลับไปดื่มกันต่ออีกสักเล็กน้อยเถอะ”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่ายังจะดื่มอีก นางก็รีบโบกไม้โบกมือพูดออกมา “ไม่ดื่มแล้วๆ เหล้าของพวกเจ้าแรงเกินไป ข้าไม่ไหวจริงๆ”เหวินอิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งกว้างขึ้นเรื่อยๆเหล้าในค่ายนั้นแรงจริงๆ นั่นไม่ใช่ของที่หญิงสาวทั่วไปจะดื่มได้หากไม่ใช่ว่านางเกิดมาแล้วดื่มเหล้าพันแก้วไม่เมาแล้ว เกรงว่านางก็คงจะทนเหล้ารุนแรงเช
เซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าเหวินอิงกลับมา เขาก็เอื้อมมือออกไปคว้ามือของเหวินอิงเอาไว้เหวินอิงมองไปยังเซิ่งฟางด้วยความสงสัย นางกำลังจะดึงมือกลับมา กลับถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้แน่นเซิ่งฟางมองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วก็มีท่าทีลังเลที่จะพูดออกมาเหวินอิงเกลียดท่าทีเช่นนี้ของเซิ่งฟางมากที่สุด นางรีบพูดออกมา “รีบพูดมาว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากว่าไม่พูดออกมา ข้าก็จะไม่อยู่กับท่านแล้ว”เซิ่งฟางเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบร้อนพูดออกมา “เหวินอิง หากว่าเจ้าได้ยินคำพูดของข้าหลังจากนี้แล้ว ห้ามโมโหเป็นอันขาดนะ”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้เข้า ก็ยิ่งร้อนรนเข้าไปอีกนางดึงมือออกมา แล้วจ้องเขม็งไปยังเซิ่งฟาง“ท่านมีอะไรก็รีบพูดออกมา ข้ารำคาญผู้ชายตัวใหญ่ที่พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ มากที่สุด ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ”เซิ่งฟางมองเห็นว่าในมือของตนเองว่างเปล่า ก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆท้ายที่สุดแล้วเขาก็พูดความคิดในใจออกมา“พวกเราสองคนอาจจะต้องแยกจากกันระยะหนึ่ง!”เหวินอิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมานางผุดลุกยืนขึ้นมาทันทีนางคว้าคอของเซิ่งฟางขึ้นมาโดยไม่สนใจคนอื่นๆ ที่อยู่ด้วย“เซิ่งฟาง ท่านพูด
นางหันกลับไปมองฉู่จวินสิง ก็พบว่าเขามีใบหน้าเรียบเฉยสงบนิ่งไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจเพราะคำพูดของเซิ่งฟางเลยสักนิดเจี่ยนอันอันมองไปยังหานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ อีกครั้งก็พบว่าพวกเขากำลังหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มกันอย่างเงียบๆบรรยากาศดูจะแปลกประหลาดจนเกินไปอย่างไรเสียพวกหานซื่อก็ล้วนแต่เป็นทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ เซิ่งฟางพูดออกมาต่อหน้าพวกเขา บอกว่าต้องการจับฮ่องเต้มาทรมานหากว่าคำพูดนี้ได้ยินเข้าหูของฮ่องเต้แล้ว จะต้องถูกประหารถึงเก้าชั่วโคตรทีเดียวเจ้าเมืองอินเป่ยคนก่อนหน้าผู้นี้ ไม่รู้ถึงผลดีผลเสียบ้างหรืออย่างไร?เหวินอิงไม่ได้คิดไกลถึงเพียงนั้นเมื่อนางได้ยินเซิ่งฟางพูดอธิบายสิ่งเหล่านี้ออกมาแล้ว ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาหากว่าเซิ่งฟางจะติดตามไปยังเมืองอินเป่ยกับตระกูลของเยียนอ๋องแล้วจริงๆเกรงว่าพวกนางต่อให้ต้องการจะพบหน้ากับอีกครั้ง ก็คงจะเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมากทว่านางเองก็รู้ว่าในใจของเซิ่งฟาง ไม่ได้อยู่ในค่ายโจรแห่งนี้เรื่องที่ใจเขาคิดจะกลับไปยังเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็รู้ดีเรื่องที่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากที่สุด ก็เป็นเรื่อง
หานซื่อเดิมทีก็ชื่นชมในความกล้าหาญและศิลปะการต่อสู้ของฉู่จวินสิงบวกกับตอนนี้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเขาหานซื่อลุกขึ้นแล้วกล่าว “ในเมื่อทุกคนต่างก็สนับสนุนข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอพูดความคิดเห็นของข้าออกมาแล้ว”เหล่าทหารรักษาพระองค์พากันมองไปยังหานซื่อโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอคำพูดต่อไปของเขามุมปากของเจี่ยนอันอันค่อยๆ ยกขึ้นเล็กน้อยนางพอจะคาดเดาได้ หานซื่อจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮ่องเต้สุนัขนั่นหานซื่อเปิดปากพูดออกมา “ข้าหานซื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ แต่ทว่าข้าเองก็รู้ดี ว่าเรื่องนี้ควรจะทำเช่นไรถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ขอให้เยียนอ๋องได้โปรดวางใจ เรื่องนี้ต่อให้ข้าจะต้องตายก็ไม่มีทางที่จะรายงานแก่ฮ่องเต้ หากว่าทุกคนต่างก็มีความเห็นเช่นเดียวกับข้า ก็ขอให้ดื่มเหล้าในชามนี้เสียให้หมด”เมื่อหานซื่อพูดจบ ก็หยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นเมื่อเห็นเข้า ก็ต่างทยอยกันลุกขึ้นยืนพวกเขาหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา ไม่พูดพล่ามอะไรก็พากันดื่มจนหมดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างแสดงออกมาอย่างเงียบเชียบว่าพวกเขาไม่มีทางนำเรื่อง
เซิ่งฟางเกาหัวไปมา มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาเป็นประกายเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เกรงว่าหากว่าพูดผิดไปจะไปยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์เอาได้เหวินอิงพูดออกมาด้วยความโกรธ “เหอะ ใครไปมีความสัมพันธ์กับเขากัน รอเขาจากไปเมื่อไรข้าก็จะไปจากค่ายนี่ ผู้ใดจะยินดีเป็นรองหัวหน้านี่ ให้ใครก็ได้เป็นไป อย่างไรเสียข้าก็ไม่เป็นแล้ว”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ของเหวินอิงทำให้ส่งเสียงหัวเราะออกมาในฐานะที่เป็นหญิงสาว แน่นอนว่าเจี่ยนอันอันรู้ว่าคำพูดนี้ของเหวินอัน ล้วนแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามนางเองก็มองออก ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาจนถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะแยกจากกันได้แล้วแต่คำพูดของเหวินอิง กลับทำให้หัวใจของเซิ่งฟางเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้งเซิ่งฟางคว้าข้อมือของเหวินอิงเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ได้ เจ้าจะไปจากค่ายไม่ได้ เจ้าคิดจะให้ข้ามีชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ!”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหวินอิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ทำไม มีเพียงแค่ท่านที่ออกไปจากค่ายแล้วไปเป็นเจ้าเมืองอินเป่ยของท่านได้ แต่ข้ากลับต้องคอยเฝ้าอยู่ที่ค่ายนี้เพียงคนเดียวจนตาย ไปที่ใดก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้ายังอายุน้
นางเคยได้ยินเซิ่งฟางพูดมาก่อนว่าต่อไปจะต้องทำให้นางได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเขาบอกว่าตนเองไม่อยากจะเป็นโจรภูเขาไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตนเองรักเป็นโจรภูเขาไปกับเขาตลอดชีวิตด้วยเหวินอิงในตอนนั้นก็เคยวาดฝันถึงกับเขามาก่อนเช่นกันหากว่าต่อไปเซิ่งฟางได้กลับไปยังเมืองอินเป่ย ไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งเช่นนั้นนางก็จะเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซิ่งฟางจะใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองอินเป่ยนางไม่อยากแยกออกจากเซิ่งฟางแล้วอยู่กันคนละที่โดยเฉพาะเมืองอินเป่ยในตอนนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถนางยากที่รับรองได้ว่า หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เซิ่งฟางจะไม่เปลี่ยนใจไปจากนางเจี่ยนอันอันมองออกว่าเหวินอิงกำลังกังวลเรื่องใดนางพูดเกลี้ยกล่อมออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ ข้าดูออกว่าหัวหน้าใหญ่รักเจ้ามาก เพียงแต่เขาเป็นคนหยาบกระด้าง จะรู้วิธีการปลอบประโลมผู้อื่นได้อย่างไรกัน ตรงจุดนี้รองหัวหน้าก็คงจะรู้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูด เหวินอิงก็พยักหน้าออกมาเจี่ยนอันอันพูดไม่ผิด ถึงแม้ว่าเซิ่งฟางจะเคยเป็นเจ้าเม
ในตอนที่เหวินอิงพูดคำว่า ‘คลังเก็บอาวุธ’ ออกมานั้น ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้เข้าใจขึ้นมามิน่าเล่า ในตอนแรกที่นางพูดว่าต้องการจะไปเดินเล่น เหวินอิงถึงได้แสดงท่าทีป้องกันเอาไว้ที่แท้นางก็ระวังในเรื่องนี้เพียงแค่อาวุธโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เจี่ยนอันอันไม่ได้มองเห็นอาวุธพวกนี้อยู่ในสายตาเลยเพราะอย่างไรแล้วในห้องมิติของนาง ยังมีคลังเก็บอาวุธสมัยใหม่เอาไว้ที่นั่นไม่เพียงมีอาวุธโจมตีเท่านั้น ยังมีปืนของยุคสมัยใหม่อีกด้วยเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ายังคิดว่ารองหัวหน้าเป็นอะไรไป จู่ ๆ ถึงได้ใช้มีดกับข้า ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าข้าจะขโมยอาวุธในค่ายโจรไป”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก เหวินอิงก็ขมวดคิ้วยิ่งลึกขึ้นอาวุธเหล่านี้ พวกเขารวบรวมเก็บไว้ด้วยความยากลำบากเซิ่งฟางเก็บรวบรวมอาวุธไว้มากถึงขนาดนี้ ล้วนแต่เพื่อไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นต้องโจมตีเมืองอินเป่ยภายในภาคหน้าเหวินอิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเสแสร้งกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพูดออกมา พวกเจ้าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่? เยียนอ๋องอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้าล้วนแต่ปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวเยียนอ๋องนั่นม
แม่นมหลี่ได้ยินอีกฝ่ายถามถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็รีบชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้“แม่นาง หมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ทางนั้น เดินไปอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ถึงแล้ว”แม่นางหลี่อยากรีบไปจากที่นี่ ย่อมตอบไปตามความจริงเหยียนซวงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและจดจำเส้นทางไว้“ข้าถามอีกเรื่อง ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนชื่อเจี่ยนอันอันหรือไม่?”แม่นมหลี่อดชะงักงันไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันนางนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะถามถึงเจี่ยนอันอันดูจากท่าทีแล้ว หรือว่าจะมีความแค้นกับเจี่ยนอันอัน?เหยียนซวงเห็นแม่นมหลี่ไม่ตอบก็ออกแรงบีบข้อมือของแม่นางหลี่แรงขึ้น“ตอบมา!”แม่นมหลี่ถูกบีบข้อมืออย่างแรง เจ็บจนตัวงอ“ข้าตอบ ข้าตอบแล้ว แม่นางเบามือหน่อย สังขารของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”แม่นมหลี่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลงคิดไม่ถึงว่าเหยียนซวงจะบีบแรงกว่าเดิมแม่นมหลี่รู้ว่าหากยังไม่พูดอีก เกรงว่าข้อมือนางคงได้ถูกบีบจนหักนางรีบตอบว่า “ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่ชื่อว่าเจี่ยนอันอันอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีความแค้นอะไรกับนางหรือ?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เหยียนซวงไม่คิดจะบอกจ
แม่นมหลี่ว่าจบก็ข่วนหน้าเตียวเฉียงไปหลายครั้งเดิมทีเตียวเฉียงก็ต้องอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ท่อนล่าง ไม่ทันได้หลบมือของแม่นมหลี่ใบหน้าของเขาถูกข่วนจนเลือดออกหลายแผลทันที“มารดามันเถอะ นี่กล้าข่วนข้างั้นรึ วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้จักกับจุดจบของการทำให้ข้าโมโห!”เตียวเฉียงว่าแล้วก็จะยกเท้าถีบแม่นมหลี่แม่นมหลี่ตกใจหน้าถอดสี นางรีบไปหลบที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังลูกเตะของเตียวเฉียงถีบเข้าที่ต้นไม้ใหญ่กิ่งไม้ส่ายไปมาและส่งเสียงซู่ซ่าในตอนนี้เอง มีเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหดังมาจากบนต้นไม้ “ผู้ใดกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าดีอย่างไรมาเตะต้นไม้ รบกวนการนอนของข้า”เตียวเฉียงกับแม่นมหลี่รีบมองขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงพบว่ามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนางหนึ่งกำลังนอนอยู่บนกิ่งก้านที่ใหญ่หนานางมองลงมาด้านล่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ สายตาจับจ้องไปที่หน้าของเตียวเฉียงเตียวเฉียวไม่เคยพบหญิงสาวนางนี้มาก่อน รู้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านชิงสุ่ย“เจ้าเป็นผู้ใด เป็นสาวเป็นนางแต่มานอนทำอะไรบนต้นไม้?”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนางนี้หน้าตาพอใช้ได้ เตียวเฉียงพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
ดูท่าว่าก่อนที่จะถูกเนรเทศ คนตระกูลเจี่ยนน่าจะให้เงินเจี่ยนอันอันไม่น้อยเลยแต่ไม่รู้ว่าเงินพวกนี้ถูกเจี่ยนอันอันเก็บไว้ที่ใดหลายวันมานี้เขามาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย คอยแอบดูทุกความเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอันและตระกูลฉู่ลำพังแค่อาหารที่กินก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยแล้วหากไม่ใช่เพราะแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงทำงานไม่ได้เรื่อง เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเงินค่าอาหารให้สองคนนั้นอีกหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็น แววตาเผยประกายละโมบเขาตัดสินใจที่จะให้เตียวเฉียงลักลอบเข้าไปในห้องของเจี่ยนอันอันคืนนี้ให้เตียวเฉียงขโมยทรัพย์สินของเจี่ยนอันอันมาปลอบโยนความยากลำบากของเขาในช่วงหลายวันมานี้หนิงเจิ้นเฝ้ามองอีกสักพักแล้วจากไปเขากลับไปยังที่พักก็เห็นเตียวเฉียงนอนยกเท้าไขว่ห้างอย่างสบายๆ อยู่บนเตียงส่วนแม่นมหลี่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด เตียวเฉิงเห็นหนิงเจิ้นกลับมาก็รีบลดขาลงและร้องโอดโอยว่าเจ็บช่วงล่างหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็นก่อนจะถีบเตียวเฉียงตกเตียง“กล้าแสร้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้า สงสัยจะอยากตายสินะ”หลังจากที่เตียวเฉียงร่วงตกพื้นก็ทำให้แผลที่ร่างกายท่อนล่างฉีกขาดความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามา เขาเจ็บจนตัว
กวนซินยังคงมองทุกคนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้นฟางอิ๋งเห็นกวนซินมีสีหน้ารู้สึกผิดก็ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่าย “น้องหญิงอย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย”“ตอนนี้จื่อซีไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทั้งยังทำให้พวกข้าได้รู้ด้วยว่าเขาต้านทานพิษได้”“ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”โชคดีที่คนตระกูลฉู่ไม่คิดจะเอาเรื่องนางและไม่คิดจะโทษฉู่ตั๋วตั่วภายในใจกวนซินรู้สึกอบอุ่นโดยพลันนางไม่รู้ว่าควรขอบคุณในความใจกว้างของคนตระกูลฉู่อย่างไรดีเนื่องจากเจี่ยนอันอันจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นในหมู่บ้านชิงสุ่ยเรื่องนี้จึงทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจเดิมทีแล้วภายในหมู่บ้านเงียบสงบ แต่แล้วตอนนี้กลับมีคนนอกย้ายเข้ามาอยู่อย่างไม่ขาดสายเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้ถือสาอะไรแต่หากจะสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะก็ พวกเขาไม่พอใจถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ดินของพวกเขา เพียงแค่คนนอกบอกว่าจะสร้างบ้านก็จะปล่อยให้สร้างตามใจชอบได้อย่างไรหากเป็นแบบนั้น พวกเขาเองก็อยากสร้างบ้านอีกหลายหลังให้กับตัวเองไม่ต้องเอาแต่อยู่ในบ้านหลังเล็กคับแคบและอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ข่าวนี้ลอยไปถึงหูท่านปู่เฉินซึ่
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่ดี”“ท่านทุ่มเทเพื่อพี่ใหญ่มากถึงขนาดนั้น เขาไม่มีทางเย็นชาแบบนี้ตลอดไป”เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกอัดอั้นในใจเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันชมว่านางเป็นผู้หญิงที่ดี นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้หมด“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว จือเจิ้งไม่ได้คิดแบบนี้”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าการทุ่มเทของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาเสิ่นจือเจิ้งเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน“พี่สะใภ้ต้องให้เวลาพี่ใหญ่สักหน่อย ตอนนี้เขาจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมวางตัวเย็นชาเป็นธรรมดา”“เมื่อวานนี้ข้าเองก็ต้องพูดอยู่นานมาก เขาถึงได้เข้าใจว่าข้าไม่ใช่น้องหญิงที่ตายไปแล้วของเขา”“แต่ข้ามองออกว่าพี่ใหญ่คิดถึงน้องหญิงคนนั้นมาโดยตลอด”“ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง”เจียงหว่านเอ๋อร์ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน ส่วนสายตาจับจ้องที่มือของอีกฝ่ายมือคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทั้งขาวกระจ่าง ทั้งนิ่มละเอียดเพียงมองก็รู้ว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ถึงได้มีมือที่งดงามเช่นนี้ผิดกับมือของนางที่หยาบกร้านเพราะทำงานบ้านมาเป็นเ
มองดูร่างกายผอมบางของเจียงหว่านเอ๋อร์สั่นเทิ้มเบาๆ เพราะร้องไห้เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปนั่งด้านข้างนางยกมือตบหลังเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา“พี่สะใภ้อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจข้าผิดเป็นแน่”ทว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ฟังคำว่าพี่สะใภ้แล้วกลับรู้สึกว่าไม่รื่นหูเอาเสียเลยนางนึกถึงคำพูดที่เสิ่นจือเจิ้งบอกนางเมื่อวาน บอกว่าเจี่ยนอันอันเป็นน้องหญิงของเขา บอกให้นางดีต่อเจี่ยนอันอันบัดนี้เจี่ยนอันอันยังจะมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะแน่นแฟ้นใกล้ชิดมากกว่าเดิม!เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ตัวนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอย่างเจี่ยนอันอันไม่ได้มีความสามารถแบบเจี่ยนอันอันที่สามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อได้แต่ถึงอย่างไรนางก็ให้กำเนิดทายาทเพื่อเสิ่นจือเจิ้ง ซ้ำยังล้มป่วยเพราะเหตุนี้หรือว่าการทุ่มเททั้งหมดของนางจะไม่มากพอ?ในทางกลับกัน เจี่ยนอันอันแค่ช่วยถอนวิชาไสยศาสตร์ให้เสิ่นจือเจิ้งด้วยซ้ำไปหลังจากที่เสิ่นจือเจิ้งคืนสติก็รักและทะนุถนอมเจี่ยนอันอันมากจะไม่ให้นางน้อยใจและว้าวุ่นใจได้อย่างไรเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของนา