นางหันกลับไปมองฉู่จวินสิง ก็พบว่าเขามีใบหน้าเรียบเฉยสงบนิ่งไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจเพราะคำพูดของเซิ่งฟางเลยสักนิดเจี่ยนอันอันมองไปยังหานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ อีกครั้งก็พบว่าพวกเขากำลังหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มกันอย่างเงียบๆบรรยากาศดูจะแปลกประหลาดจนเกินไปอย่างไรเสียพวกหานซื่อก็ล้วนแต่เป็นทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ เซิ่งฟางพูดออกมาต่อหน้าพวกเขา บอกว่าต้องการจับฮ่องเต้มาทรมานหากว่าคำพูดนี้ได้ยินเข้าหูของฮ่องเต้แล้ว จะต้องถูกประหารถึงเก้าชั่วโคตรทีเดียวเจ้าเมืองอินเป่ยคนก่อนหน้าผู้นี้ ไม่รู้ถึงผลดีผลเสียบ้างหรืออย่างไร?เหวินอิงไม่ได้คิดไกลถึงเพียงนั้นเมื่อนางได้ยินเซิ่งฟางพูดอธิบายสิ่งเหล่านี้ออกมาแล้ว ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาหากว่าเซิ่งฟางจะติดตามไปยังเมืองอินเป่ยกับตระกูลของเยียนอ๋องแล้วจริงๆเกรงว่าพวกนางต่อให้ต้องการจะพบหน้ากับอีกครั้ง ก็คงจะเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมากทว่านางเองก็รู้ว่าในใจของเซิ่งฟาง ไม่ได้อยู่ในค่ายโจรแห่งนี้เรื่องที่ใจเขาคิดจะกลับไปยังเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็รู้ดีเรื่องที่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากที่สุด ก็เป็นเรื่อง
หานซื่อเดิมทีก็ชื่นชมในความกล้าหาญและศิลปะการต่อสู้ของฉู่จวินสิงบวกกับตอนนี้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเขาหานซื่อลุกขึ้นแล้วกล่าว “ในเมื่อทุกคนต่างก็สนับสนุนข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอพูดความคิดเห็นของข้าออกมาแล้ว”เหล่าทหารรักษาพระองค์พากันมองไปยังหานซื่อโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอคำพูดต่อไปของเขามุมปากของเจี่ยนอันอันค่อยๆ ยกขึ้นเล็กน้อยนางพอจะคาดเดาได้ หานซื่อจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮ่องเต้สุนัขนั่นหานซื่อเปิดปากพูดออกมา “ข้าหานซื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ แต่ทว่าข้าเองก็รู้ดี ว่าเรื่องนี้ควรจะทำเช่นไรถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ขอให้เยียนอ๋องได้โปรดวางใจ เรื่องนี้ต่อให้ข้าจะต้องตายก็ไม่มีทางที่จะรายงานแก่ฮ่องเต้ หากว่าทุกคนต่างก็มีความเห็นเช่นเดียวกับข้า ก็ขอให้ดื่มเหล้าในชามนี้เสียให้หมด”เมื่อหานซื่อพูดจบ ก็หยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นเมื่อเห็นเข้า ก็ต่างทยอยกันลุกขึ้นยืนพวกเขาหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา ไม่พูดพล่ามอะไรก็พากันดื่มจนหมดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างแสดงออกมาอย่างเงียบเชียบว่าพวกเขาไม่มีทางนำเรื่อง
เซิ่งฟางเกาหัวไปมา มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาเป็นประกายเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เกรงว่าหากว่าพูดผิดไปจะไปยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์เอาได้เหวินอิงพูดออกมาด้วยความโกรธ “เหอะ ใครไปมีความสัมพันธ์กับเขากัน รอเขาจากไปเมื่อไรข้าก็จะไปจากค่ายนี่ ผู้ใดจะยินดีเป็นรองหัวหน้านี่ ให้ใครก็ได้เป็นไป อย่างไรเสียข้าก็ไม่เป็นแล้ว”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ของเหวินอิงทำให้ส่งเสียงหัวเราะออกมาในฐานะที่เป็นหญิงสาว แน่นอนว่าเจี่ยนอันอันรู้ว่าคำพูดนี้ของเหวินอัน ล้วนแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามนางเองก็มองออก ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาจนถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะแยกจากกันได้แล้วแต่คำพูดของเหวินอิง กลับทำให้หัวใจของเซิ่งฟางเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้งเซิ่งฟางคว้าข้อมือของเหวินอิงเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ได้ เจ้าจะไปจากค่ายไม่ได้ เจ้าคิดจะให้ข้ามีชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ!”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหวินอิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ทำไม มีเพียงแค่ท่านที่ออกไปจากค่ายแล้วไปเป็นเจ้าเมืองอินเป่ยของท่านได้ แต่ข้ากลับต้องคอยเฝ้าอยู่ที่ค่ายนี้เพียงคนเดียวจนตาย ไปที่ใดก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้ายังอายุน้
นางเคยได้ยินเซิ่งฟางพูดมาก่อนว่าต่อไปจะต้องทำให้นางได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเขาบอกว่าตนเองไม่อยากจะเป็นโจรภูเขาไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตนเองรักเป็นโจรภูเขาไปกับเขาตลอดชีวิตด้วยเหวินอิงในตอนนั้นก็เคยวาดฝันถึงกับเขามาก่อนเช่นกันหากว่าต่อไปเซิ่งฟางได้กลับไปยังเมืองอินเป่ย ไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งเช่นนั้นนางก็จะเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซิ่งฟางจะใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองอินเป่ยนางไม่อยากแยกออกจากเซิ่งฟางแล้วอยู่กันคนละที่โดยเฉพาะเมืองอินเป่ยในตอนนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถนางยากที่รับรองได้ว่า หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เซิ่งฟางจะไม่เปลี่ยนใจไปจากนางเจี่ยนอันอันมองออกว่าเหวินอิงกำลังกังวลเรื่องใดนางพูดเกลี้ยกล่อมออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ ข้าดูออกว่าหัวหน้าใหญ่รักเจ้ามาก เพียงแต่เขาเป็นคนหยาบกระด้าง จะรู้วิธีการปลอบประโลมผู้อื่นได้อย่างไรกัน ตรงจุดนี้รองหัวหน้าก็คงจะรู้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูด เหวินอิงก็พยักหน้าออกมาเจี่ยนอันอันพูดไม่ผิด ถึงแม้ว่าเซิ่งฟางจะเคยเป็นเจ้าเม
ในตอนที่เหวินอิงพูดคำว่า ‘คลังเก็บอาวุธ’ ออกมานั้น ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้เข้าใจขึ้นมามิน่าเล่า ในตอนแรกที่นางพูดว่าต้องการจะไปเดินเล่น เหวินอิงถึงได้แสดงท่าทีป้องกันเอาไว้ที่แท้นางก็ระวังในเรื่องนี้เพียงแค่อาวุธโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เจี่ยนอันอันไม่ได้มองเห็นอาวุธพวกนี้อยู่ในสายตาเลยเพราะอย่างไรแล้วในห้องมิติของนาง ยังมีคลังเก็บอาวุธสมัยใหม่เอาไว้ที่นั่นไม่เพียงมีอาวุธโจมตีเท่านั้น ยังมีปืนของยุคสมัยใหม่อีกด้วยเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ายังคิดว่ารองหัวหน้าเป็นอะไรไป จู่ ๆ ถึงได้ใช้มีดกับข้า ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าข้าจะขโมยอาวุธในค่ายโจรไป”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก เหวินอิงก็ขมวดคิ้วยิ่งลึกขึ้นอาวุธเหล่านี้ พวกเขารวบรวมเก็บไว้ด้วยความยากลำบากเซิ่งฟางเก็บรวบรวมอาวุธไว้มากถึงขนาดนี้ ล้วนแต่เพื่อไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นต้องโจมตีเมืองอินเป่ยภายในภาคหน้าเหวินอิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเสแสร้งกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพูดออกมา พวกเจ้าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่? เยียนอ๋องอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้าล้วนแต่ปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวเยียนอ๋องนั่นม
เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมพูดถึงเรื่องป้ายคำสั่งพยัคฆ์ออกมาแล้ว นางก็ไม่อยากจะถามอะไรออกมาให้มากนักในตอนที่ทั้งสองคนกำลังกลับไปยังเส้นทางเดิมนั้น เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์สำคัญที่สุดในการที่มายังค่ายโจรครั้งนี้นางถาม “รองหัวหน้า ในค่ายโจรของพวกเจ้า อาหารและพืชผักทั้งหลายเก็บไว้ที่ใดกัน?”เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันถามนางถึงเรื่องนี้ นางจึงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก“ค่ายโจรของพวกเรามีห้องใต้ดินอยู่ อาหารและพืชผักเหล่านั้น และยังมีสัตว์บนเขาที่ล่ามาได้ ล้วนแต่เก็บเอาไว้ในห้องใต้ดิน”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่าค่ายโจรมีห้องใต้ดิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที“รองหัวหน้า พอจะนำข้าไปดูห้องใต้ดินได้หรือไม่?”เหวินอิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นางหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าระแวดระวัง“เจ้าคิดจะทำอะไรกัน? อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดจะขโมยอาหารของพวกเราไป”เจี่ยนอันอันยิ้มให้กับเหวินอิง ก่อนที่จะหยิบแท่งทองคำออกมาแท่งหนึ่ง“รองหัวหน้า ข้าอยากจะซื้ออาหารและพืชผักของพวกท่าน หากว่ามีเนื้อแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ยิ่งดี ท่านเองก็รู้ หา
เมื่อเห็นว่าเหวินอิงเข้าไปถ้ำแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบก้าวตามไปเพิ่งจะเดินเข้าไปในถ้ำ ความหนาวเย็นก็ปะทะใบหน้าเข้ามาเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา คิดในใจว่าถ้ำนี้ช่างหนาวจริงๆในถ้ำนี้มีทางแยกอยู่หลายทาง หากว่าเจี่ยนอันอันไม่ตามติดเหวินอิงไป ก็อาจจะหลงทางได้ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงยังห้องใต้ดินเหวินอิงย่อกายลง ก่อนจะเคาะที่พื้นดินจนเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นมานางยืนขึ้น ก่อนจะกดลงไปบนพนังไม่นานนักแผ่นหินบนพื้นแผ่นหนึ่งก็เปิดออกเหวินอิงพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าตามข้าลงมา ธัญพืชและพืชผักต่างก็อยู่ที่นี่”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมเดินก้าวใหญ่ลงบันไดไปเจี่ยนอันอันรีบตามติดมา ทั้งสองคนเดินมาไกล ในที่สุดถึงได้มาถึงชั้นล่างสุดเหวินอิงจุดคบเพลิงด้านใน ทำให้ทั่วทั้งห้องใต้ดินสว่างขึ้นมาเจี่ยนอันอันมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านในนั้น ตรงด้านข้างพนังนั้นล้วนแต่วางพืชผักธัญพืชเรียงรายเอาไว้อาหารเหล่านั้นล้วนแต่บรรจุเอาไว้ในถุงกระสอบเจี่ยนอันอันนับคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีอาหารมากกว่าหนึ่งร้อยกระสอบที่นี่ทั้งหนาวเย็นและแห้งมาก เป็นเหมือนกับตู้เย็นตามธรรมชาติพืชผักและธัญพืชมากมายเ
เหวินอิงนำเอาทองแท่งคืนให้เจี่ยนอันอัน “ช่างเถิด ข้าไม่เอาทองแท่งก้อนนี้ของเจ้าดีกว่า เจ้าอยากซื้อเนื้อ เช่นนั้นก็ตามข้ามา”เหวินอิงว่าพลางผลักประตูศิลาให้เปิดออกเจี่ยนอันอันเห็นว่าด้านหลังของประตูศิลาเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งหลังจากเดินตามเหวินอิงเข้ามาแล้ว เจี่ยนอันอันก็ถูกลมหนาวจากภายในโอบล้อมเสียจนหนาวยะเยือก หลังจากเหวินอิงจุดคบเพลิง ก็ส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณภายใน เจี่ยนอันอันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในนี้บรรจุผลึกน้ำแข็งเอาไว้มากมาย มิน่าข้างในจึงได้หนาวเย็นถึงเพียงนี้ เจี่ยนอันอันจามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นางตระกองแขนเข้าหากัน เดินตามเหวินอิงเข้ามาจนถึงจุดที่เก็บสัตว์ป่าเอาไว้ เหวินอิงชี้ไปยังสัตว์ป่าบนพื้นแล้วเอ่ยขึ้น “สัตว์ป่าทั้งหมดของค่ายเราล้วนอยู่ที่นี่หมด เจ้าชอบกินสัตว์ป่าชนิดไหนก็เอาไปเถิด” เจี่ยนอันอันเห็นว่าสัตว์ป่าพวกนั้นมีอย่างน้อยสามสิบกว่าตัว ในจำนวนนั้นมีกระต่ายป่าและไก่ภูเขาอยู่มากที่สุด ยังมีเนื้อวัว แพะ และหมาป่าอีกจำนวนหนึ่งเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดจะนำสัตว์ป่าของผู้อื่นไปมากจนเกินไป นางชี้นิ้วไปทางกระต่ายป่าและไก่ฟ้าไม่กี่ตัว“ข