เหวินอิงนำเอาทองแท่งคืนให้เจี่ยนอันอัน “ช่างเถิด ข้าไม่เอาทองแท่งก้อนนี้ของเจ้าดีกว่า เจ้าอยากซื้อเนื้อ เช่นนั้นก็ตามข้ามา”เหวินอิงว่าพลางผลักประตูศิลาให้เปิดออกเจี่ยนอันอันเห็นว่าด้านหลังของประตูศิลาเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งหลังจากเดินตามเหวินอิงเข้ามาแล้ว เจี่ยนอันอันก็ถูกลมหนาวจากภายในโอบล้อมเสียจนหนาวยะเยือก หลังจากเหวินอิงจุดคบเพลิง ก็ส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณภายใน เจี่ยนอันอันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในนี้บรรจุผลึกน้ำแข็งเอาไว้มากมาย มิน่าข้างในจึงได้หนาวเย็นถึงเพียงนี้ เจี่ยนอันอันจามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นางตระกองแขนเข้าหากัน เดินตามเหวินอิงเข้ามาจนถึงจุดที่เก็บสัตว์ป่าเอาไว้ เหวินอิงชี้ไปยังสัตว์ป่าบนพื้นแล้วเอ่ยขึ้น “สัตว์ป่าทั้งหมดของค่ายเราล้วนอยู่ที่นี่หมด เจ้าชอบกินสัตว์ป่าชนิดไหนก็เอาไปเถิด” เจี่ยนอันอันเห็นว่าสัตว์ป่าพวกนั้นมีอย่างน้อยสามสิบกว่าตัว ในจำนวนนั้นมีกระต่ายป่าและไก่ภูเขาอยู่มากที่สุด ยังมีเนื้อวัว แพะ และหมาป่าอีกจำนวนหนึ่งเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดจะนำสัตว์ป่าของผู้อื่นไปมากจนเกินไป นางชี้นิ้วไปทางกระต่ายป่าและไก่ฟ้าไม่กี่ตัว“ข
เหวินอิงเห็นว่าเจี่ยนอันอันดึงดันเช่นนี้ นางก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้นางกล่าวกับพวกโจรภูเขาด้วยความเอือมระอาพลางโบกไม้โบกมือ “ยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเอากระต่ายป่ากับไก่ฟ้ามาอีก!” พวกโจรภูเขายกเนื้อวัวเนื้อแพะขึ้นด้วยความเบิกบานใจ รีบนำกลับไปเก็บยังชั้นใต้ดิน ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ยกเอากระต่ายป่าและไก่ฟ้าสิบกว่าตัว สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกมาเจี่ยนอันอันมองเสบียงอาหารบนพื้น มุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ นางอยากนำเอาเสบียงอาหารเหล่านี้ใส่เข้าในมิติเต็มแก่ แต่ทว่าไม่อาจทำเช่นนั้นต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ในที่สุดจึงนึกวิธีหนึ่งออกมาได้ นางเอ่ยถามเหวินอิง “รองหัวหน้า ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าในค่ายมีรถม้า เจ้าขายให้ข้าสักคันได้หรือไม่?” เหวินอิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอันอย่างรวดเร็ว นางมองทองแท่งสองก้อนแสนหนักอึ้งในมือ มือเล็กๆ ก็โบกไปทางโจรภูเขาทีหนึ่งพลางพูดขึ้น“พวกเจ้ารีบไปเอารถม้ามา นำเสบียงอาหารขนขึ้นรถม้าเสีย”พวกโจรภูเขาต่างก็เห็นทองแท่งในมือของเหวินอิงแล้ว พวกเขาคาดเดาว่าทองแท่งสองก้อนนี้จะต้องเป็นสิ่งที่เจี่ยนอันอันให้มาแน่ ทั้งหมดจึงรีบเอ่ยปากรับคำ ไปลากเอารถม้ามาอย่าง
เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับข้าวปลาสุราเมรัยแล้ว เซิ่งฟางก็จัดแจงให้ทุกคนเข้าพักผ่อนในค่ายจู่ๆ มีคนมากมายเช่นนี้ ห้องที่แต่เดิมนับว่ากว้างขวาง ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นคับแคบขึ้นมา เหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงถูกจัดให้อยู่กันภายในห้องห้องเดียว ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ถูกจัดไปยังอีกห้องหนึ่ง ทว่าเหล่าโจรภูเขาในค่าย กลับถูกไล่ที่ไปพักที่อื่นพวกโจรภูเขาต่างไม่กล้าปากมากทักท้วง อย่างไรเสียก็เป็นการจัดการของหัวหน้าใหญ่ มีเพียงเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงที่ถูกจัดแจงมายังห้องหับด้านข้างที่ซึ่งตัวห้องอยู่ถัดจากห้องหลัก แต่เดิมเป็นห้องที่เหวินอิงใช้พักอาศัยตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเข้าพัก เหวินอิงจึงทำได้เพียงตามมาพักอยู่กับเซิ่งฟาง เซิ่งฟางจัดสรรเช่นนี้ ก็มีจุดประสงค์ของตัวเขาเองแอบแฝงอยู่ คืนนี้เขาอยากรักถนอมเหวินอิงให้ดี รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาก็ต้องตามคนของจวนเยียนอ๋องทั้งตระกูลไปยังเมืองอินเป่ยแล้ว ร่างกายของฉู่จวินสิงไม่เอื้อต่อการเดินเหิน จึงต้องมีทหารรักษาพระองค์สองนายยกเขาขึ้นไปบนเตียง เจี่ยนอันอันยืนอยู่ข้างเตียง เห็นว่าในห้องนอกจากเตียงหลังเดียว ก็มีเก้
เจี่ยนอันอันเอนกายข้างฉู่จวินสิงเนื่องด้วยเตียงมีขนาดแคบเกินไป ต่อให้ฉู่จวินสิงนอนตะแคง ร่างของทั้งสองก็สัมผัสกันอยู่ดีเจี่ยนอันอันตกใจจนรีบพลิกตัว แล้วหันหลังให้ฉู่จวินสิง“ท่านนอนตะแคงเช่นนี้ไม่ดีต่อบาดแผล ท่านนอนราบดังเดิมเถิด”เจี่ยนอันอันเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของฉู่จวินสิง จึงเอ่ยปากเตือนฉู่จวินสิงไม่พูดไม่จา เขากำลังหลับตา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเจี่ยนอันอันหันมองแวบหนึ่ง พลันเห็นฉู่จวินสิงนอนหลับไปแล้วนางไม่กล้าพูดอีกต่อไป จึงถดตัวออกไปด้านนอกทว่าในขณะนั้นเอง กลับได้ยินเสียงฉู่จวินสิงเอ่ย “เจ้าอย่าขยับ เดี๋ยวตกลงไปจะแย่เอา”เดิมเจี่ยนอันอันนึกว่าฉู่จวินสิงนอนหลับไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว ร่างที่กำลังขยับของนางก็ชะงักไปเจี่ยนอันอันไม่กล้าขยับกายอีกผ่านไปสักครู่ นางจึงเอ่ยถาม “ท่านนอนหลับแล้วหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบ “ยังไม่หลับ”สายตาเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปที่เก้าอี้ตัวนั้น ในใจคิดว่านางไปนั่งที่เก้าอี้สักหนึ่งคืนดีกว่าแต่นางก็กลัวเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ จึงนอนด้วยใจกระวนกระวายอยู่ตรงนี้“ในเมื่อท่านยังไม่นอน พวกเราคุยกันดีหรือไม่?”เจี่ยนอ
ตอนอยู่ในคุกหลวง เจี่ยนอันอันไม่ได้คิดมากนางนึกว่าตัวเองซ่อนตัวอย่างดีแล้ว เพราะคนอื่นๆ ล้วนมองไม่เห็นนางจึงคิดว่าฉู่จวินสิงก็มองไม่เห็นนางเช่นกันกลับนึกไม่ถึงว่านางที่กำลังอำพรางตัว จะเปิดเผยตัวตนต่อหน้าฉู่จวินสิงทั้งหมด“ข้า...ขอไม่ตอบคำถามทั้งสองข้อนี้ได้หรือไม่?” เจี่ยนอันอันลองถามหยั่งเชิงนางไม่อยากให้ฉู่จวินสิงเค้นถามอีกต่อไป ไม่อย่างนั้นนางคงปิดบังต่อไปไม่ได้แล้วฉู่จวินสิงไม่ให้โอกาสเจี่ยนอันอัน เขาเอ่ยเสียงเย็น“เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงสวมรอยเป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง แล้วปะปนเข้ามาในขบวนของพวกข้า?”เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าหากยังถูกเค้นถามต่อไป นางต้องถูกจับได้แน่นางเตรียมจะลุกจากเตียง ทว่ากลับรู้สึกถึงจุดชีพจรที่แผ่นหลังถูกคนออกแรงจี้ลงไปร่างกายนางแข็งทื่อ ไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย“เมื่อครู่ท่านสกัดจุดข้าหรือ?” เจี่ยนอันอันเอ่ยถามด้วยสีหน้าลนลานนางรู้ว่าเมื่อจุดชีพจรถูกสกัด ไม่เพียงร่างกายขยับเขยื้อนไม่ได้หากผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม นางจะเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่างหากไม่ถูกคลายจุดทันเวลา นางจะเจ็บปวดเช่นนี้ตลอดไปความรู้สึกเช่นนั้นทรมานยิ่งกว่าตายเจี่ยนอันอ
ฉู่จวินสิงนึกถึงตอนที่เขาหมดสติ เคยตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งตอนนั้นเขาเห็นเจี่ยนอันอันแอบลอบไปที่ทหารรักษาพระองค์ อีกทั้งยังแอบวางยาในถุงน้ำของทหารเหล่านั้นต่อมาทหารเหล่านั้นก็เริ่มท้องเสียขณะนั้นดูเหมือนทหารรักษาพระองค์จะมองไม่เห็นเจี่ยนอันอันยามนี้เมื่อลองนึกดู ขณะนั้นเจี่ยนอันอันน่าจะกำลังล่องหนอยู่เพียงแต่ฉู่จวินสิงเองก็ไม่เข้าใจ เหตุใดคนอื่นถึงไม่เห็นเจี่ยนอันอันที่กำลังล่องหน มีเพียงเขาที่มองเห็นเจี่ยนอันอันกระวนกระวายมาก กำลังรอให้ฉู่จวินสิงพูดขณะนี้นางถูกเขาสกัดจุด ทำให้แขนขาขยับไม่ได้สมองของนางโลดแล่นอย่างรวดเร็วนางควรใช้วิธีใด ถึงจะคลายจุดชีพจรได้?ในขณะที่เจี่ยนอันอันคิดเหลวไหล ในที่สุดฉู่จวินสิงได้เอ่ยขึ้น“ได้ ข้าเชื่อในสิ่งที่เจ้าพูด”เจี่ยนอันอันนึกไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะเชื่อนางเร็วขนาดนี้ในขณะที่นางกำลังจะผ่อนลมหายใจ ฉู่จวินสิงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “แล้วมิติที่เจ้ากล่าวถึง คือสิ่งใด?”เจี่ยนอันอันรีบอธิบาย “มิติแห่งนี้ข้าเป็นคนคิดค้นขึ้นมาเอง ด้านในสามารถบรรจุของได้ทุกสิ่ง เพียงชั่วความคิดของข้าเกิดขึ้น จะสามารถนำสิ่งที่อยู่ในมิติออกมาได้ หากท่านไม่เชื่อ ข
ฉู่จวินสิงเอ่ยถามอีกครั้ง “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่คนของโลกนี้ เหตุใดต้องมาทนถูกเนรเทศไปพร้อมกับข้าด้วย? เจ้าสามารถแอบหนีไปให้ไกลได้นี่”เจี่ยนอันอันถอนหายใจอย่างระอา นางเองก็อยากหนีไปให้ไกลแต่ภารกิจของห้วงมิติ กลับผูกชะตาของนางกับฉู่จวินสิงไว้ด้วยกันนางจะทำอย่างไรได้ดวงตาของเจี่ยนอันอันหมุนวน จากนั้นยื่นมือออกไปหนึ่งข้างแล้วนับนิ้วมือกลางอากาศ จากนั้นทำท่าลึกลับ “ความจริงข้าทำนายแบบนับนิ้วได้ ข้าทำนายได้ว่าท่านจะได้กลับมาผงาดอีกครั้ง ท่านไม่เพียงกลับมาอยู่ในตำแหน่งเยียนอ๋องอีกครั้ง ยังสามารถโค่นล้มราชวงศ์ปัจจุบันแล้วกลายเป็นฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นไท่ยวน”ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันแสร้งทำท่าลึกลับ พลันรู้ทันทีว่านางพูดจาเหลวไหลในดวงตาของฉู่จวินสิง มีแววขบขันแวบผ่านอย่างรวดเร็วเขาอยากรู้ว่าเจี่ยนอันอันยังอยากพูดอะไรอีกฉู่จวินสิงแสร้งเอ่ยขึ้นขึงขัง “ข้าวสามารถกินไปเรื่อยได้ แต่จะพูดจาส่งเดชไม่ได้ เจ้าคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดเมื่อครู่นี้ของเจ้าหรือ?”เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงไม่เชื่อนาง จึงกำลังคิดว่าจะโต้แย้งเขาอย่างไรดีทันใดนั้นตรงหน้านางได้มีภาพปรากฏขึ้นกะทันหันพรุ่งนี้ช่วง
เจี่ยนอันอันดึงข้อมือของฉู่จวินสิงขึ้นเพื่อตรวจชีพจรให้เขานางพบว่าเลือดลมของฉู่จวินสิงกำลังวิ่งพล่านไปทั่วร่างหากรักษาไม่ทันการณ์ เกรงว่าเขาคงต้องหมดสติอีกครั้งเจี่ยนอันอันรีบนำยาที่ทำให้เลือดลมสงบออกมาจากมิติหนึ่งเม็ด แล้วยัดเข้าปากฉู่จวินสิงทันทีจากนั้นนางก็ซื้อน้ำแร่อีกหนึ่งขวดจากร้านค้าในมิติ แล้วพยุงฉู่จวินสิงให้ลุกขึ้น ค่อยๆ ป้อนน้ำให้เขาดื่มฉู่จวินสิงกลืนยาในปากลงคอพร้อมกับน้ำดื่มเมื่อเขาหายใจสะดวกแล้ว จึงหันมองขวดน้ำแร่ที่อยู่ในมือเจี่ยนอันอัน“นี่คือสิ่งใด?” ฉู่จวินสิงเอ่ยถามด้วยสีหน้าฉงนเจี่ยนอันอันไม่คิดจะปิดบังเขาอีกต่อไปนางจึงบอกไปตามความจริง “นี่คือน้ำแร่ในโลกที่ข้าอยู่ ดื่มแล้วมีประโยชน์ต่อร่างกาย”ฉู่จวินสิงไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงจ้องมองขวดน้ำแร่ที่อยู่ในมือเจี่ยนอันอันหากเมื่อครู่เขายังสงสัยในคำพูดเหล่านั้นของเจี่ยนอันอันมาถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็เชื่อว่าเจี่ยนอันอันไม่ใช่คนในโลกนี้เฉกเช่นเขาหลังจากกินยาที่ทำให้เลือดลมสงบเข้าไป ฉู่จวินสิงรู้สึกว่าเลือดลมภายในร่างกายค่อยๆ สงบลงแต่เมื่อนึกถึงวันพรุ่งนี้ที่จะมีคนกลุ่มหนึ่งมาลอบสังหารครอบครัวเขา ฉู่จ
พวกเขาไม่ยอมลงมาเสียที คงกลัวจะถูกคนของทางการพบเห็นว่ามาพักอยู่ที่นี่ไม่นานก็มีเสี่ยวเอ้อยกอาหารออกมา แล้วเดินขึ้นชั้นบนไปเขาเคาะประตู ครู่หนึ่งจึงมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมา พร้อมรับเอาถาดอาหารเข้าไปคนในห้องยังได้พูดจาบางอย่างกับเสี่ยวเอ้อ เห็นเพียงเสี่ยวเอ้อพยักหน้าหงึกหงัก หลังจากรับเงินมาแล้วจึงเดินลงชั้นล่างไปเมื่อมั่นใจว่าพวกเขายังอยู่ในห้อง เพียงไม่ได้ปรากฏตัวเท่านั้นฉู่จวินสิงจึงค่อยๆ กินข้าวช้าลงด้วยรอจนกระทั่งทั้งคู่กินข้าวเสร็จ ผู้คนในโถงกินข้าวก็ได้ออกไปกว่าครึ่งแล้วเจี่ยนอันอันซับคราบน้ำมันที่มุมปาก พลางกล่าวด้วยความพึงพอใจ “อาหารโรงเตี๊ยมนี้ช่างถูกปากข้านัก”ฉู่จวินสิงยิ้มๆ มิได้พูดจาทั้งคู่เดินขึ้นชั้นบนไป แต่มิได้กลับเข้าห้องของตน กลับเดินมาหยุดที่หน้าห้องหม่าลู่และเฉินเช่อแทนฉู่จวินสิงยกมือขึ้นเคาะประตู ไม่นานในห้องก็มีเสียงคล้ายหวาดระแวงของเฉินเช่อ“ใคร?”ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงต่ำ “เฉินเช่อ เปิดประตู เป็นข้าเองฉู่จวินสิง”ขาดคำมิทันไร จึงได้ยินในห้องมีเสียงฝีเท้าคนเดินและไม่นานประตูก็ถูกแง้มออกเป็นซอกเล็กเมื่อเฉินเช่อเห็นผู้ที่มายืนอยู่ด้านนอก มิใช
ฉู่จวินสิงกล่าวจบ จึงปล่อยมือเจี่ยนอันอันแล้วลุกขึ้นเดินออกไปเจี่ยนอันอันเอนกายนอนลงบนเตียงเช่นเดิม มือกุมที่หน้าท้องแบนราบลูกคนนี้มาเร็วเกินไป จนนางไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจแต่มาหวนคิดอีกที เมื่อเด็กเลือกที่จะมาอยู่กับพวกเขา นางจึงมีหน้าที่ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอให้ลูกลืมตาดูโลกเมื่อใด นางจะเลี้ยงดูให้ใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนตนเองเจี่ยนอันอันนำยาบำรุงจากห้วงมิติออกมาแล้วกินเข้าไป พลันอาการหน้ามืดวิงเวียนค่อยบรรเทาลงบ้างนางลงจากเตียง เดินมาถึงนอกประตู จึงเห็นฉู่จวินสิงยืนอยู่ด้านนอกผู้เดียว คล้ายรับลมเย็นอยู่เจี่ยนอันอันเดินมาข้างกาย พลางเรียกเบาๆ “ท่านพี่”ฉู่จวินสิงกำลังใช้ความคิดบางอย่างอยู่ แม้กระทั่งเจี่ยนอันอันเดินออกมา เขาก็ยังไม่รู้ตัวเมื่อถูกนางเรียกเข้า จึงได้ตั้งสติกลับมาโชคดีที่บริเวณนี้ไม่มีคนนอกอยู่ด้วย มิเช่นนั้นหากให้ใครได้ยินเข้า ชายหนุ่มผู้หนึ่งเรียกหนุ่มอีกคนว่าท่านพี่ คงได้ตกใจจนตาถลนออกนอกเบ้าเป็นแน่แท้ ฉู่จวินสิงมองไปยังชั้นล่าง ยังไม่เห็นวี่แววลูกน้องสองคนจะมาถึงเขาจึงดึงตัวเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไป“เหตุใดเจ้าจึงไม่นอนพักอี
เขาตื่นเต้นจนนั่งลงที่เตียง พร้อมจับมือเจี่ยนอันอันไว้ วางที่ริมฝีปากแล้วจุมพิตเบาๆ“ขอบคุณสวรรค์ ในที่สุดเราสองคนก็จะมีทายาทแล้ว”“แสดงว่าสิ่งที่ข้าทำไปก่อนหน้านี้ นับว่าไม่เสียเปล่า”เจี่ยนอันอันมองดูสีหน้าตื่นเต้นยินดีของฉู่จวินสิง นางกลับไม่ยินดียินร้ายและไม่นานก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“เมื่อครู่นี้ท่านหมายความว่ากระไร อะไรคือสิ่งที่ทำไม่เสียเปล่า?”หรือว่าก่อนหน้านี้ฉู่จวินสิงนำยาคุมกำเนิดของนาง ไปสับเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่น?แต่ความคิดนี้ผุดขึ้น พลันถูกเจี่ยนอันอันลบทิ้งไปเขามิใช่คนในยุคปัจจุบันเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่ายังมียาชนิดอื่นทดแทนยาคุมกำเนิดได้แล้วฉับพลันเจี่ยนอันอันก็นึกขึนได้ว่า ครั้งแรกที่นางมีอะไรกับฉู่จวินสิง ตอนนั้นนางไม่ได้กินยาคำนวณเวลาดูแล้ว ห่างจากตอนนั้นถึงตอนนี้ ก็ประมาณหนึ่งเดือนจริงๆเจี่ยนอันอันพลันนิ่งอึ้ง นางนึกเสียใจที่วันนั้นเหตุใดจึงไม่กินยาก่อน?แต่ตอนนี้ไม่ว่าพูดอย่างไรก็สายเกินแก้ นางไม่ต้องการมีลูกเร็วขนาดนี้ แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้วฉู่จวินสิงมองหน้าเจี่ยนอันอัน ประเดี๋ยวก็คิ้วขมวด ประเดี๋ยวก็ให้หมดอาลัยตายอยากเขารู้สึกห่อเหี่ยวลง
ยามนี้เจี่ยนอันอันรู้สึกคล้ายวิงเวียนศีรษะ เห็นทีต้องกลับไปพักเอาแรงเสียหน่อยแล้วระหว่างทางกลับโรงเตี๊ยม เจี่ยนอันอันถามฉู่จวินสิง “ท่านรู้สึกเวียนศีรษะบ้างหรือไม่?”ฉู่จวินสิงส่ายหน้า เป็นเชิงว่าตนมิได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใดแต่เขากลับรู้สึกว่า มือของเจี่ยนอันอันค่อนข้างเย็น“เจ้าเป็นอะไร ร่างกายไม่สบายใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าเบาๆ นางกำลังรู้สึกว่าเวลาเดินคล้ายตัวลอยอย่างไรชอบกลสองเท้าเหมือนดั่งย่ำอยู่บนปุยนุ่น มีความทรมานนักฉู่จวินสิงเห็นท่าไม่สู้ดี จึงก้มตัวลงต่อหน้านาง“ขึ้นมา ข้าจะแบกเจ้ากลับไป”เจี่ยนอันอันมิได้โต้แย้ง เพราะนางรู้สึกไม่ใคร่สบายจริงๆ จึงไม่คิดขัดขืน พลางแนบลงแผ่นหลังฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแบกนางแล้วเดินต่อ ระหว่างทางยังถอยถามไถ่อาการเป็นระยะเจี่ยงอันอันเพียงคิดว่าอาจเพราะเมื่อครู่ฆ่าคนมากเกินไป และสูดกลิ่นคาวเลือดมากไปด้วยบวกกับยาเม็ดนั้น นางใช้เวลาอันสั้นในการปรุงออกมาสรรพคุณของยาคงไม่ดีเท่ายาที่ผลิตได้ในยุคปัจจุบันนางซบอยู่แผ่นหลังฉู่จวินสิง พร้อมนำความคิดตนพูดให้เขาฟังฉู่จวินสิงเริ่มใช้วิชาตัวเบา ทำให้การเดินเท้ารวดเร็วกว่าเมื่อคร
หลังจากทั้งคู่กินข้าวเสร็จ กลับไม่ได้พักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยมหลังจากออกไปข้างนอก ก็มาอยู่ในมุมๆ หนึ่งซึ่งปลอดคนในใจรีบท่องชื่อว่านผิงพร้อมกัน และไม่นานก็หายตัวไปจากซอกมุมนั้นเมื่อพวกเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง จึงเห็นว่านผิงกับพวกกำลังเที่ยวจับคนอยู่ทุกครั้งที่จับชายคนหนึ่งได้ ก็จะหยิบภาพเขียนออกมาเปรียบเทียบดูใบหน้าทำเอาผู้คนบนท้องถนนต่างตกใจเป็นการใหญ่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังอยู่ในสภาพอำพรางกายอยู่ ว่านผิงกับพวกจึงไม่รู้ว่ามีคนมาคอยติดตามและพวกเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น กลับเดินตามพวกว่านผิงไปเรื่อยๆโดยตั้งใจว่าจะหาโอกาสเหมาะ ค่อยลงมือเสียทีเดียวเพราะถ้าอยู่ท้องถนนแล้วลงมือฆ่าคน อาจทำให้ชาวบ้านตื่นตระหนกเป็นอย่างมากพวกเขาจับคนมาหลายคน แต่ล้วนไม่ใช่คนในภาพเขียนทำเอาว่านผิงโกรธจนกำหมัดแน่น มองหน้าลูกน้องพร้อมกล่าวเสียงดุ “พวกมันยังอยู่ในเมืองหลี่จง รีบไปค้นหาให้ทั่ว อย่าได้ปล่อยผ่านแม้แต่คนเดียว!”“ขอรับ ท่านหัวหน้า”ลูกน้องรับคำโดยพร้อมเพรียง และตามหาต่อไปเมื่อพวกเขามาถึงที่เงียบสงบแห่งหนึ่ง พลันเห็นข้างหน้ามีบ้านเล็กหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ดูจากประตูที่เก่าโทร
ว่านผิงส่งสายตาให้เหล่าลูกน้อง ทุกคนรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไปต่างถือเอาภาพเหมือนออกมา พร้อมเปรียบเทียบบนใบหน้าแขกทีละคน เมื่อเห็นว่าล้วนไม่ใช่คนที่ตนต้องการจะหา อีกทั้งมองดูในห้อง จนแน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่ จึงลงไปยังชั้นล่าง“หัวหน้า ชั้นบนไม่มีคนที่เราจะหา”ว่านผิงเหลียวมองคนที่นั่งกินอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยม มองดูแต่ละคนแล้วสำรวจขึ้นลง สุดท้ายไปจับจ้องอยู่ที่ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันเขาเห็นคนทั้งคู่ต่างก้มหน้ากินข้าว แทบไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเสียด้วยซ้ำจึงผละจากเถ้าแก่ เดินจ้ำอ้าวไปทางฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอัน“เงยหน้าขึ้นมา” ว่านผิงกล่าวเสียงตะคอก กระบี่ในมือชี้ที่ลำคอฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงแทบไม่นำพาต่อกระบี่ที่พาดคอ พลางวางตะเกียบลง หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “ว่าอย่างไร เจ้าคิดลงมือกับข้าด้วยรึ?”ฉู่จวินสิงเลียนแบบน้ำเสียงของอิ่นเจียง พลางเหลือบตาขึ้นมองว่านผิงทันทีที่ว่านผิงเห็นหน้าฉู่จวินสิงชัดเจน จึงตกใจจนตัวสั่น พลางรีบเก็บกระบี่ขึ้น“ข้าน้อยไม่รู้ว่าใต้เท้ามาอยู่นี่ เมื่อครู่ล่วงเกินไป ขอท่านโปรดอภัยด้วย”ว่านผิงยืนอยู่ด้านข้างฉู่จวินสิง ในใจรู้สึกขนลุกขนชัน
ฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันในที่สุดก็ลืมตาขึ้น จึงได้กล่าวกับนาง “เมื่อครู่ข้าเรียกเจ้าอยู่หลายที เจ้าก็ไม่ขานตอบ ข้ายังนึกว่าเกิดอะไรขึ้นเสียอีก”เจี่ยนอันอันเพิ่งจะนึกได้ เมื่อครู่นางกำลังเพ่งมองภาพในมิติอยู่ ข้างโสตได้ยินเสียงคนเรียกชื่อนางจริงๆเพียงแต่ความสนใจของนาง ล้วนไปอยู่ในภาพนั้นหมดสิ้น จึงไม่ได้ใส่ใจการเรียกหาของฉู่จวินสิงนางจึงยอมให้ฉู่จวินสิงมานั่งด้านข้าง พร้อมนำภาพที่เห็น บอกเล่าให้เขาฟัง“จากที่เจ้าเล่ามา ชายสองคนที่เห็นนั้น อาจเป็นลูกน้องข้าก็ได้”เจี่ยนอันอันก็นึกถึงข้อนี้เช่นกัน หากชายสองคนนั้นไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาจริง เบื้องหน้านางคงไม่ปรากฏภาพเช่นนั้นออกมา“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็รออยู่ในโรงเตี๊ยมนี้แหละ เพราะที่ๆ สองคนนั้นจะมาพักก็คือโรงเตี๊ยมแห่งนี้”ฉู่จวินสิงได้ยินดังนี้ พลันเกิดความคิดในใจขอเพียงชายสองคนนั้นปรากฏตัวขึ้น เขาก็จะได้สมทบกับพวกเขาทันทีเพียงแต่ไม่รู้ว่าพวกเขาทั้งห้าคนหลบหนีพร้อมกัน เหตุใดจึงได้พลัดหลงกันเช่นนี้?หรือว่าลูกน้องอีกสามคนได้ถูกคนของฉู่ชางเหยียนจับกลับไปเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วมุ่น นางจึงเอ่ยปาก “อย่าเพ
ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงก้อง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะให้เวลาท่านสามวันในการสืบเรื่องนี้”“ถ้าไม่ได้ตัวผู้ก่อเหตุมา ข้าจะทำตามรับสั่งของฝ่าบาท สั่งประหารพวกท่านทั้งครอบครัว”คำพูดของฉู่จวินสิง ทำให้เจ้าเมืองข่งสะดุ้งอย่างแรงจนแม้แต่สะใภ้รองที่คุกเข่าอยู่ด้านข้าง ก็พลอยหวาดกลัวจนตัวสั่นไปด้วยนางแอบเหลียวมองเจ้าเมืองข่ง เห็นอีกฝ่ายก้มหน้าก้มตา ไม่รู้ว่าจะตามหาคนผู้นั้นได้พบหรือไม่หลังจากฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันจากไปแล้ว เจ้าเมืองข่งค่อยทรุดตัวลงกับพื้นเขาหายใจหอบแรง หวังจะช่วยระงับความหวาดหวั่นในใจบ้างสะใภ้รองได้ยินว่าโทษถึงขั้นประหารชีวิต ทำให้นางร้อนใจจนเดือดพล่านยิ่งกว่ามดที่อยู่บนฝาหม้อร้อน น้ำตาก็ยิ่งไหลรินไม่หยุด“ท่านพ่อ ข้ายังไม่อยากตาย โรคของซีเอ๋อร์ยังไม่ทันรักษาให้หายขาด เขาจะถูกประหารเช่นนี้ไม่ได้ ท่านต้องรีบจับกุมผู้แอบอ้างชื่อผู้นั้นให้ได้นะเจ้าคะ!”เจ้าเมืองข่งมีแผนการในใจอยู่แล้ว จึงถลึงตาใส่สะใภ้รอง พลางกล่าว “เลิกร้องไห้เสียที รีบไปดูซีเอ๋อร์ก่อนว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”สะใภ้รองรีบซับน้ำตาที่นองหน้าอยู่ พลางลุกขึ้นแล้วเดินไปข้างเตียงมองดูซีเอ๋อร์ขณะนั้นมีสาวใ
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก