นางเคยได้ยินเซิ่งฟางพูดมาก่อนว่าต่อไปจะต้องทำให้นางได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเขาบอกว่าตนเองไม่อยากจะเป็นโจรภูเขาไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตนเองรักเป็นโจรภูเขาไปกับเขาตลอดชีวิตด้วยเหวินอิงในตอนนั้นก็เคยวาดฝันถึงกับเขามาก่อนเช่นกันหากว่าต่อไปเซิ่งฟางได้กลับไปยังเมืองอินเป่ย ไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งเช่นนั้นนางก็จะเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซิ่งฟางจะใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองอินเป่ยนางไม่อยากแยกออกจากเซิ่งฟางแล้วอยู่กันคนละที่โดยเฉพาะเมืองอินเป่ยในตอนนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถนางยากที่รับรองได้ว่า หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เซิ่งฟางจะไม่เปลี่ยนใจไปจากนางเจี่ยนอันอันมองออกว่าเหวินอิงกำลังกังวลเรื่องใดนางพูดเกลี้ยกล่อมออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ ข้าดูออกว่าหัวหน้าใหญ่รักเจ้ามาก เพียงแต่เขาเป็นคนหยาบกระด้าง จะรู้วิธีการปลอบประโลมผู้อื่นได้อย่างไรกัน ตรงจุดนี้รองหัวหน้าก็คงจะรู้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูด เหวินอิงก็พยักหน้าออกมาเจี่ยนอันอันพูดไม่ผิด ถึงแม้ว่าเซิ่งฟางจะเคยเป็นเจ้าเม
ในตอนที่เหวินอิงพูดคำว่า ‘คลังเก็บอาวุธ’ ออกมานั้น ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้เข้าใจขึ้นมามิน่าเล่า ในตอนแรกที่นางพูดว่าต้องการจะไปเดินเล่น เหวินอิงถึงได้แสดงท่าทีป้องกันเอาไว้ที่แท้นางก็ระวังในเรื่องนี้เพียงแค่อาวุธโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เจี่ยนอันอันไม่ได้มองเห็นอาวุธพวกนี้อยู่ในสายตาเลยเพราะอย่างไรแล้วในห้องมิติของนาง ยังมีคลังเก็บอาวุธสมัยใหม่เอาไว้ที่นั่นไม่เพียงมีอาวุธโจมตีเท่านั้น ยังมีปืนของยุคสมัยใหม่อีกด้วยเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ายังคิดว่ารองหัวหน้าเป็นอะไรไป จู่ ๆ ถึงได้ใช้มีดกับข้า ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าข้าจะขโมยอาวุธในค่ายโจรไป”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก เหวินอิงก็ขมวดคิ้วยิ่งลึกขึ้นอาวุธเหล่านี้ พวกเขารวบรวมเก็บไว้ด้วยความยากลำบากเซิ่งฟางเก็บรวบรวมอาวุธไว้มากถึงขนาดนี้ ล้วนแต่เพื่อไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นต้องโจมตีเมืองอินเป่ยภายในภาคหน้าเหวินอิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเสแสร้งกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพูดออกมา พวกเจ้าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่? เยียนอ๋องอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้าล้วนแต่ปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวเยียนอ๋องนั่นม
เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมพูดถึงเรื่องป้ายคำสั่งพยัคฆ์ออกมาแล้ว นางก็ไม่อยากจะถามอะไรออกมาให้มากนักในตอนที่ทั้งสองคนกำลังกลับไปยังเส้นทางเดิมนั้น เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์สำคัญที่สุดในการที่มายังค่ายโจรครั้งนี้นางถาม “รองหัวหน้า ในค่ายโจรของพวกเจ้า อาหารและพืชผักทั้งหลายเก็บไว้ที่ใดกัน?”เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันถามนางถึงเรื่องนี้ นางจึงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก“ค่ายโจรของพวกเรามีห้องใต้ดินอยู่ อาหารและพืชผักเหล่านั้น และยังมีสัตว์บนเขาที่ล่ามาได้ ล้วนแต่เก็บเอาไว้ในห้องใต้ดิน”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่าค่ายโจรมีห้องใต้ดิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที“รองหัวหน้า พอจะนำข้าไปดูห้องใต้ดินได้หรือไม่?”เหวินอิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นางหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าระแวดระวัง“เจ้าคิดจะทำอะไรกัน? อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดจะขโมยอาหารของพวกเราไป”เจี่ยนอันอันยิ้มให้กับเหวินอิง ก่อนที่จะหยิบแท่งทองคำออกมาแท่งหนึ่ง“รองหัวหน้า ข้าอยากจะซื้ออาหารและพืชผักของพวกท่าน หากว่ามีเนื้อแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ยิ่งดี ท่านเองก็รู้ หา
เมื่อเห็นว่าเหวินอิงเข้าไปถ้ำแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบก้าวตามไปเพิ่งจะเดินเข้าไปในถ้ำ ความหนาวเย็นก็ปะทะใบหน้าเข้ามาเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา คิดในใจว่าถ้ำนี้ช่างหนาวจริงๆในถ้ำนี้มีทางแยกอยู่หลายทาง หากว่าเจี่ยนอันอันไม่ตามติดเหวินอิงไป ก็อาจจะหลงทางได้ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงยังห้องใต้ดินเหวินอิงย่อกายลง ก่อนจะเคาะที่พื้นดินจนเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นมานางยืนขึ้น ก่อนจะกดลงไปบนพนังไม่นานนักแผ่นหินบนพื้นแผ่นหนึ่งก็เปิดออกเหวินอิงพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าตามข้าลงมา ธัญพืชและพืชผักต่างก็อยู่ที่นี่”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมเดินก้าวใหญ่ลงบันไดไปเจี่ยนอันอันรีบตามติดมา ทั้งสองคนเดินมาไกล ในที่สุดถึงได้มาถึงชั้นล่างสุดเหวินอิงจุดคบเพลิงด้านใน ทำให้ทั่วทั้งห้องใต้ดินสว่างขึ้นมาเจี่ยนอันอันมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านในนั้น ตรงด้านข้างพนังนั้นล้วนแต่วางพืชผักธัญพืชเรียงรายเอาไว้อาหารเหล่านั้นล้วนแต่บรรจุเอาไว้ในถุงกระสอบเจี่ยนอันอันนับคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีอาหารมากกว่าหนึ่งร้อยกระสอบที่นี่ทั้งหนาวเย็นและแห้งมาก เป็นเหมือนกับตู้เย็นตามธรรมชาติพืชผักและธัญพืชมากมายเ
เหวินอิงนำเอาทองแท่งคืนให้เจี่ยนอันอัน “ช่างเถิด ข้าไม่เอาทองแท่งก้อนนี้ของเจ้าดีกว่า เจ้าอยากซื้อเนื้อ เช่นนั้นก็ตามข้ามา”เหวินอิงว่าพลางผลักประตูศิลาให้เปิดออกเจี่ยนอันอันเห็นว่าด้านหลังของประตูศิลาเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งหลังจากเดินตามเหวินอิงเข้ามาแล้ว เจี่ยนอันอันก็ถูกลมหนาวจากภายในโอบล้อมเสียจนหนาวยะเยือก หลังจากเหวินอิงจุดคบเพลิง ก็ส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณภายใน เจี่ยนอันอันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในนี้บรรจุผลึกน้ำแข็งเอาไว้มากมาย มิน่าข้างในจึงได้หนาวเย็นถึงเพียงนี้ เจี่ยนอันอันจามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นางตระกองแขนเข้าหากัน เดินตามเหวินอิงเข้ามาจนถึงจุดที่เก็บสัตว์ป่าเอาไว้ เหวินอิงชี้ไปยังสัตว์ป่าบนพื้นแล้วเอ่ยขึ้น “สัตว์ป่าทั้งหมดของค่ายเราล้วนอยู่ที่นี่หมด เจ้าชอบกินสัตว์ป่าชนิดไหนก็เอาไปเถิด” เจี่ยนอันอันเห็นว่าสัตว์ป่าพวกนั้นมีอย่างน้อยสามสิบกว่าตัว ในจำนวนนั้นมีกระต่ายป่าและไก่ภูเขาอยู่มากที่สุด ยังมีเนื้อวัว แพะ และหมาป่าอีกจำนวนหนึ่งเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดจะนำสัตว์ป่าของผู้อื่นไปมากจนเกินไป นางชี้นิ้วไปทางกระต่ายป่าและไก่ฟ้าไม่กี่ตัว“ข
เหวินอิงเห็นว่าเจี่ยนอันอันดึงดันเช่นนี้ นางก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้นางกล่าวกับพวกโจรภูเขาด้วยความเอือมระอาพลางโบกไม้โบกมือ “ยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเอากระต่ายป่ากับไก่ฟ้ามาอีก!” พวกโจรภูเขายกเนื้อวัวเนื้อแพะขึ้นด้วยความเบิกบานใจ รีบนำกลับไปเก็บยังชั้นใต้ดิน ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ยกเอากระต่ายป่าและไก่ฟ้าสิบกว่าตัว สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกมาเจี่ยนอันอันมองเสบียงอาหารบนพื้น มุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ นางอยากนำเอาเสบียงอาหารเหล่านี้ใส่เข้าในมิติเต็มแก่ แต่ทว่าไม่อาจทำเช่นนั้นต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ในที่สุดจึงนึกวิธีหนึ่งออกมาได้ นางเอ่ยถามเหวินอิง “รองหัวหน้า ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าในค่ายมีรถม้า เจ้าขายให้ข้าสักคันได้หรือไม่?” เหวินอิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอันอย่างรวดเร็ว นางมองทองแท่งสองก้อนแสนหนักอึ้งในมือ มือเล็กๆ ก็โบกไปทางโจรภูเขาทีหนึ่งพลางพูดขึ้น“พวกเจ้ารีบไปเอารถม้ามา นำเสบียงอาหารขนขึ้นรถม้าเสีย”พวกโจรภูเขาต่างก็เห็นทองแท่งในมือของเหวินอิงแล้ว พวกเขาคาดเดาว่าทองแท่งสองก้อนนี้จะต้องเป็นสิ่งที่เจี่ยนอันอันให้มาแน่ ทั้งหมดจึงรีบเอ่ยปากรับคำ ไปลากเอารถม้ามาอย่าง
เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับข้าวปลาสุราเมรัยแล้ว เซิ่งฟางก็จัดแจงให้ทุกคนเข้าพักผ่อนในค่ายจู่ๆ มีคนมากมายเช่นนี้ ห้องที่แต่เดิมนับว่ากว้างขวาง ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นคับแคบขึ้นมา เหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงถูกจัดให้อยู่กันภายในห้องห้องเดียว ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ถูกจัดไปยังอีกห้องหนึ่ง ทว่าเหล่าโจรภูเขาในค่าย กลับถูกไล่ที่ไปพักที่อื่นพวกโจรภูเขาต่างไม่กล้าปากมากทักท้วง อย่างไรเสียก็เป็นการจัดการของหัวหน้าใหญ่ มีเพียงเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงที่ถูกจัดแจงมายังห้องหับด้านข้างที่ซึ่งตัวห้องอยู่ถัดจากห้องหลัก แต่เดิมเป็นห้องที่เหวินอิงใช้พักอาศัยตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเข้าพัก เหวินอิงจึงทำได้เพียงตามมาพักอยู่กับเซิ่งฟาง เซิ่งฟางจัดสรรเช่นนี้ ก็มีจุดประสงค์ของตัวเขาเองแอบแฝงอยู่ คืนนี้เขาอยากรักถนอมเหวินอิงให้ดี รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาก็ต้องตามคนของจวนเยียนอ๋องทั้งตระกูลไปยังเมืองอินเป่ยแล้ว ร่างกายของฉู่จวินสิงไม่เอื้อต่อการเดินเหิน จึงต้องมีทหารรักษาพระองค์สองนายยกเขาขึ้นไปบนเตียง เจี่ยนอันอันยืนอยู่ข้างเตียง เห็นว่าในห้องนอกจากเตียงหลังเดียว ก็มีเก้
เจี่ยนอันอันเอนกายข้างฉู่จวินสิงเนื่องด้วยเตียงมีขนาดแคบเกินไป ต่อให้ฉู่จวินสิงนอนตะแคง ร่างของทั้งสองก็สัมผัสกันอยู่ดีเจี่ยนอันอันตกใจจนรีบพลิกตัว แล้วหันหลังให้ฉู่จวินสิง“ท่านนอนตะแคงเช่นนี้ไม่ดีต่อบาดแผล ท่านนอนราบดังเดิมเถิด”เจี่ยนอันอันเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของฉู่จวินสิง จึงเอ่ยปากเตือนฉู่จวินสิงไม่พูดไม่จา เขากำลังหลับตา ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอเจี่ยนอันอันหันมองแวบหนึ่ง พลันเห็นฉู่จวินสิงนอนหลับไปแล้วนางไม่กล้าพูดอีกต่อไป จึงถดตัวออกไปด้านนอกทว่าในขณะนั้นเอง กลับได้ยินเสียงฉู่จวินสิงเอ่ย “เจ้าอย่าขยับ เดี๋ยวตกลงไปจะแย่เอา”เดิมเจี่ยนอันอันนึกว่าฉู่จวินสิงนอนหลับไปแล้ว แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายกล่าว ร่างที่กำลังขยับของนางก็ชะงักไปเจี่ยนอันอันไม่กล้าขยับกายอีกผ่านไปสักครู่ นางจึงเอ่ยถาม “ท่านนอนหลับแล้วหรือ?”ฉู่จวินสิงตอบ “ยังไม่หลับ”สายตาเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปที่เก้าอี้ตัวนั้น ในใจคิดว่านางไปนั่งที่เก้าอี้สักหนึ่งคืนดีกว่าแต่นางก็กลัวเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ จึงนอนด้วยใจกระวนกระวายอยู่ตรงนี้“ในเมื่อท่านยังไม่นอน พวกเราคุยกันดีหรือไม่?”เจี่ยนอ
แม่นมหลี่ได้ยินอีกฝ่ายถามถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยก็รีบชี้ไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้“แม่นาง หมู่บ้านชิงสุ่ยอยู่ทางนั้น เดินไปอีกแค่ชั่วยามเดียวก็ถึงแล้ว”แม่นางหลี่อยากรีบไปจากที่นี่ ย่อมตอบไปตามความจริงเหยียนซวงมองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ นางหรี่ตาลงเล็กน้อยและจดจำเส้นทางไว้“ข้าถามอีกเรื่อง ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนชื่อเจี่ยนอันอันหรือไม่?”แม่นมหลี่อดชะงักงันไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันนางนึกไม่ถึงว่าหญิงสาวนางนี้จะถามถึงเจี่ยนอันอันดูจากท่าทีแล้ว หรือว่าจะมีความแค้นกับเจี่ยนอันอัน?เหยียนซวงเห็นแม่นมหลี่ไม่ตอบก็ออกแรงบีบข้อมือของแม่นางหลี่แรงขึ้น“ตอบมา!”แม่นมหลี่ถูกบีบข้อมืออย่างแรง เจ็บจนตัวงอ“ข้าตอบ ข้าตอบแล้ว แม่นางเบามือหน่อย สังขารของข้ารับไม่ไหวหรอกนะ”แม่นมหลี่คิดว่าคำพูดของตัวเองจะทำให้อีกฝ่ายผ่อนแรงลงคิดไม่ถึงว่าเหยียนซวงจะบีบแรงกว่าเดิมแม่นมหลี่รู้ว่าหากยังไม่พูดอีก เกรงว่าข้อมือนางคงได้ถูกบีบจนหักนางรีบตอบว่า “ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่ชื่อว่าเจี่ยนอันอันอยู่ ไม่ทราบว่าแม่นางมีความแค้นอะไรกับนางหรือ?”“เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง”เหยียนซวงไม่คิดจะบอกจ
แม่นมหลี่ว่าจบก็ข่วนหน้าเตียวเฉียงไปหลายครั้งเดิมทีเตียวเฉียงก็ต้องอดกลั้นต่อความเจ็บปวดที่ท่อนล่าง ไม่ทันได้หลบมือของแม่นมหลี่ใบหน้าของเขาถูกข่วนจนเลือดออกหลายแผลทันที“มารดามันเถอะ นี่กล้าข่วนข้างั้นรึ วันนี้ข้าจะสั่งสอนให้เจ้าได้รู้จักกับจุดจบของการทำให้ข้าโมโห!”เตียวเฉียงว่าแล้วก็จะยกเท้าถีบแม่นมหลี่แม่นมหลี่ตกใจหน้าถอดสี นางรีบไปหลบที่ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังลูกเตะของเตียวเฉียงถีบเข้าที่ต้นไม้ใหญ่กิ่งไม้ส่ายไปมาและส่งเสียงซู่ซ่าในตอนนี้เอง มีเสียงตวาดลั่นด้วยความโมโหดังมาจากบนต้นไม้ “ผู้ใดกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ กล้าดีอย่างไรมาเตะต้นไม้ รบกวนการนอนของข้า”เตียวเฉียงกับแม่นมหลี่รีบมองขึ้นไปบนต้นไม้เมื่อได้ยินเสียงพบว่ามีหญิงสาวในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนนางหนึ่งกำลังนอนอยู่บนกิ่งก้านที่ใหญ่หนานางมองลงมาด้านล่างด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ สายตาจับจ้องไปที่หน้าของเตียวเฉียงเตียวเฉียวไม่เคยพบหญิงสาวนางนี้มาก่อน รู้ว่านางไม่ใช่คนในหมู่บ้านชิงสุ่ย“เจ้าเป็นผู้ใด เป็นสาวเป็นนางแต่มานอนทำอะไรบนต้นไม้?”เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนางนี้หน้าตาพอใช้ได้ เตียวเฉียงพลันบังเกิดความคิดชั่วร้ายขึ้น
ดูท่าว่าก่อนที่จะถูกเนรเทศ คนตระกูลเจี่ยนน่าจะให้เงินเจี่ยนอันอันไม่น้อยเลยแต่ไม่รู้ว่าเงินพวกนี้ถูกเจี่ยนอันอันเก็บไว้ที่ใดหลายวันมานี้เขามาที่หมู่บ้านชิงสุ่ย คอยแอบดูทุกความเคลื่อนไหวของเจี่ยนอันอันและตระกูลฉู่ลำพังแค่อาหารที่กินก็เป็นจำนวนเงินที่ไม่น้อยแล้วหากไม่ใช่เพราะแม่นมหลี่กับเตียวเฉียงทำงานไม่ได้เรื่อง เขาก็คงไม่ต้องมาเสียเงินค่าอาหารให้สองคนนั้นอีกหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็น แววตาเผยประกายละโมบเขาตัดสินใจที่จะให้เตียวเฉียงลักลอบเข้าไปในห้องของเจี่ยนอันอันคืนนี้ให้เตียวเฉียงขโมยทรัพย์สินของเจี่ยนอันอันมาปลอบโยนความยากลำบากของเขาในช่วงหลายวันมานี้หนิงเจิ้นเฝ้ามองอีกสักพักแล้วจากไปเขากลับไปยังที่พักก็เห็นเตียวเฉียงนอนยกเท้าไขว่ห้างอย่างสบายๆ อยู่บนเตียงส่วนแม่นมหลี่ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด เตียวเฉิงเห็นหนิงเจิ้นกลับมาก็รีบลดขาลงและร้องโอดโอยว่าเจ็บช่วงล่างหนิงเจิ้นแค่นเสียงเย็นก่อนจะถีบเตียวเฉียงตกเตียง“กล้าแสร้งทำเป็นป่วยต่อหน้าข้า สงสัยจะอยากตายสินะ”หลังจากที่เตียวเฉียงร่วงตกพื้นก็ทำให้แผลที่ร่างกายท่อนล่างฉีกขาดความเจ็บปวดแสนสาหัสถาโถมเข้ามา เขาเจ็บจนตัว
กวนซินยังคงมองทุกคนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดนางไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี ได้แต่ยืนทำตัวไม่ถูกอยู่ตรงนั้นฟางอิ๋งเห็นกวนซินมีสีหน้ารู้สึกผิดก็ลุกขึ้นพูดกับอีกฝ่าย “น้องหญิงอย่าได้ตำหนิตัวเองอีกเลย”“ตอนนี้จื่อซีไม่ได้เป็นอะไรแล้ว ทั้งยังทำให้พวกข้าได้รู้ด้วยว่าเขาต้านทานพิษได้”“ถือได้ว่าเป็นความโชคดีในความโชคร้าย”โชคดีที่คนตระกูลฉู่ไม่คิดจะเอาเรื่องนางและไม่คิดจะโทษฉู่ตั๋วตั่วภายในใจกวนซินรู้สึกอบอุ่นโดยพลันนางไม่รู้ว่าควรขอบคุณในความใจกว้างของคนตระกูลฉู่อย่างไรดีเนื่องจากเจี่ยนอันอันจะสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นในหมู่บ้านชิงสุ่ยเรื่องนี้จึงทำให้ชาวบ้านส่วนหนึ่งไม่พอใจเดิมทีแล้วภายในหมู่บ้านเงียบสงบ แต่แล้วตอนนี้กลับมีคนนอกย้ายเข้ามาอยู่อย่างไม่ขาดสายเรื่องนี้พวกเขาไม่ได้ถือสาอะไรแต่หากจะสร้างบ้านใหม่แล้วล่ะก็ พวกเขาไม่พอใจถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นที่ดินของพวกเขา เพียงแค่คนนอกบอกว่าจะสร้างบ้านก็จะปล่อยให้สร้างตามใจชอบได้อย่างไรหากเป็นแบบนั้น พวกเขาเองก็อยากสร้างบ้านอีกหลายหลังให้กับตัวเองไม่ต้องเอาแต่อยู่ในบ้านหลังเล็กคับแคบและอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ข่าวนี้ลอยไปถึงหูท่านปู่เฉินซึ่
ทว่าฉู่จื่อซีกลับสามารถลุกขึ้นนั่ง เรื่องนี้อยู่เหนือความเข้าใจของทุกคนเจี่ยนอันอันรีบจับชีพจรให้ฉู่จื่อซีอีกครั้งดูจากชีพจรของเขา พิษสองชนิดที่อยู่ในตัวเขาได้สงบลงแล้วสามารถพูดได้ว่าฉู่จื่อซีใช้ความแข็งแกร่งของตัวเองเอาชนะพิษทั้งสองชนิด ฉู่ตั๋วตั๋วเห็นฉู่จื่อซีฟื้นแล้วก็หยุดร้องไห้ในที่สุดนางคว้ามือน้อยๆ ของฉู่จื่อซีพลางพูดด้วยเสียงเด็กน้อย “พี่จื่อซี ท่านปลอดภัยก็ดีแล้ว เมื่อครู่ข้าตกใจแทบแย่”ฉู่จื่อซีส่งยิ้มให้ฉู่ตั๋วตั่ว “ข้าสบายดี ยาพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”ฉู่ตั๋วตั่วยิ้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสาทั้งสองคนยิ้มอย่างไร้เดียงสา ทว่าผู้ใหญ่ที่อยู่รอบข้างกลับเป็นกังวลฮูหยินใหญ่รีบซักถาม “อันอัน จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วจริงหรือ?”เจี่ยนอันอันลุกขึ้น นางมองฉู่จื่อซีอีกครั้งจากนั้นพยักหน้าเบาๆ “จื่อซีไม่เป็นอะไรแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่า…”“แต่ว่าอะไร?” ทุกคนถามพร้อมกันโดยมิได้นัดหมายเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดต่อนางเองก็สงสัยเช่นกัน ตามหลักแล้ว หากวิธีต้มยาพิษของฉู่ตั๋วตั่วถูกต้องหลังจากที่ฉู่จื่อซีดื่มเข้าไปแล้ว พิษก็จะออกฤทธิ์ทันทีและทำให้เป็นอัมพาตทั้งร่างทว่าเมื่อดูอาการของ
จู่ๆ เจี่ยนอันอันก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานตัวเองมัวแต่ซื้อท่อนซุง แต่ไม่ได้ซื้อตะปูมาด้วยลำพังแค่ท่อนซุงอย่างเดียวจะสร้างบ้านได้อย่างไร?ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังคิดแบบนี้ นางก็เห็นจ้าวอู่กับจ้าวลิ่ววางเครื่องมือในมือลงทั้งสองคนนำไม้ที่เลื่อยเสร็จเรียบร้อยจากข้างกายมาต่อเข้าด้วยกันภาพนี้ทำให้เจี่ยนอันอันได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาทำการเลื่อยช่องสี่เหลี่ยมไว้ที่ปลายแต่ละด้านของไม้เพียงแค่ประกบไม้เข้าด้วยกันและยึดให้มั่นทั้งสองด้าน เท่านี้ก็จะได้เป็นโครงบ้านแล้วเจี่ยนอันอันรู้สึกว่าแค่นี้ยังไม่พอ ทางที่ดีนางควรจัดหาตะปูมาเสริมความแข็งแรงให้โครงไม้ด้วยเมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ทำการซื้อตะปูยาวจำนวนมากจากร้านค้ามาวางไว้ข้างทั้งสอง“ข้ามีตะปูอยู่ เมื่อครู่นี้ลืมหยิบออกมา”“พวกเจ้าสองคนทำงานได้ไม่เลว เอาไว้สร้างบ้านเสร็จแล้วข้าจะจ่ายค่าแรงที่เหมาะสมให้”จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วได้ยินว่ามีค่าแรงให้ด้วยก็ยิ่งตั้งใจทำงานมากขึ้นเจี่ยนอันอันพูดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆ ทุกคนต่างขานรับอย่างมีความสุขทุกคนทำงานกันอย่างขยันขันแข็งพวกเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันใจกว้างมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ไม่มีทางให้ค
นางยังบอกอีกว่าจะหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งและยกตำแหน่งเสิ่นฮูหยินให้เจี่ยนอันอันไม่สมควรเลยจริงๆ!“อันอัน ข้าขอเรียกเจ้าแบบนี้ได้หรือไม่?” เจียงหว่านเอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันอย่างเขินอายเล็กน้อยเจี่ยนอันอันเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์รับฟังคำพูดของตัวเองก็มีสีหน้าอ่อนโยนขึ้นมากนางฉีกยิ้มว่า “พี่สะใภ้อยากเรียกข้าอย่างไรก็ได้เจ้าค่ะ”“อันอัน เมื่อครู่นี้พี่สะใภ้ผิดต่อเจ้า”“ไม่นึกเลยว่าข้าจะพูดแบบนี้กับเจ้า เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะ?”เจียงหว่านเอ๋อร์หวังจากใจจริงว่าเจี่ยนอันอันจะไม่ถือโทษโกรธนางเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบาและยิ้มอย่างจริงใจ“พูดอะไรกันเจ้าคะ ข้าต้องไม่โกรธท่านอยู่แล้ว”“ข้ารู้ว่าเมื่อครู่เป็นคำพูดที่เกิดมาจากอารมณ์ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเจ้าค่ะ”เจียงหว่านเอ๋อร์มีรอยยิ้มในที่สุดนางรู้สึกว่าเจี่ยนอันอันไม่เพียงแต่รูปโฉมงดงาม แต่ยังจิตใจดีมากด้วยต่อแต่นี้นางห้ามอิจฉาริษยาอีกเด็ดขาด หลังจากปลอบใจเจียงหว่านเอ๋อร์เรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็กลับไปยังห้องด้านข้างตอนนี้ยาในขวดยาใกล้จะหมดลงแล้ว เจี่ยนอันอันนำเข็มออกแล้วเก็บขวดยาเข้าสู่ห้วงมิติเสิ่นจือเจิ้งรู้สึ
“ข้าสัมผัสได้ว่าพี่สะใภ้เป็นสตรีที่ดี”“ท่านทุ่มเทเพื่อพี่ใหญ่มากถึงขนาดนั้น เขาไม่มีทางเย็นชาแบบนี้ตลอดไป”เจียงหว่านเอ๋อร์รู้สึกอัดอั้นในใจเมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันชมว่านางเป็นผู้หญิงที่ดี นางก็พ่นลมหายใจออกมายาวๆระบายความอัดอั้นในใจออกไปให้หมด“แต่เมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว จือเจิ้งไม่ได้คิดแบบนี้”เจียงหว่านเอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าการทุ่มเทของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าในสายตาเสิ่นจือเจิ้งเจี่ยนอันอันตบหลังมือเจียงหว่านเอ๋อร์เบาๆ พลางปลอบประโลมอย่างอ่อนโยน“พี่สะใภ้ต้องให้เวลาพี่ใหญ่สักหน่อย ตอนนี้เขาจำผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้น ย่อมวางตัวเย็นชาเป็นธรรมดา”“เมื่อวานนี้ข้าเองก็ต้องพูดอยู่นานมาก เขาถึงได้เข้าใจว่าข้าไม่ใช่น้องหญิงที่ตายไปแล้วของเขา”“แต่ข้ามองออกว่าพี่ใหญ่คิดถึงน้องหญิงคนนั้นมาโดยตลอด”“ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงนับอีกฝ่ายเป็นพี่น้อง”เจียงหว่านเอ๋อร์ฟังถ้อยคำของเจี่ยนอันอัน ส่วนสายตาจับจ้องที่มือของอีกฝ่ายมือคู่นี้ช่างงดงามยิ่งนัก ทั้งขาวกระจ่าง ทั้งนิ่มละเอียดเพียงมองก็รู้ว่าเป็นบุตรสาวจากตระกูลใหญ่ ถึงได้มีมือที่งดงามเช่นนี้ผิดกับมือของนางที่หยาบกร้านเพราะทำงานบ้านมาเป็นเ
มองดูร่างกายผอมบางของเจียงหว่านเอ๋อร์สั่นเทิ้มเบาๆ เพราะร้องไห้เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปนั่งด้านข้างนางยกมือตบหลังเจียงหว่านเอ๋อร์อย่างแผ่วเบา“พี่สะใภ้อย่าร้องไห้อีกเลย ข้าคิดว่าท่านคงเข้าใจข้าผิดเป็นแน่”ทว่าเจียงหว่านเอ๋อร์ฟังคำว่าพี่สะใภ้แล้วกลับรู้สึกว่าไม่รื่นหูเอาเสียเลยนางนึกถึงคำพูดที่เสิ่นจือเจิ้งบอกนางเมื่อวาน บอกว่าเจี่ยนอันอันเป็นน้องหญิงของเขา บอกให้นางดีต่อเจี่ยนอันอันบัดนี้เจี่ยนอันอันยังจะมาเรียกนางว่าพี่สะใภ้อีกหรือว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะแน่นแฟ้นใกล้ชิดมากกว่าเดิม!เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ ตัวนางไม่ได้มีรูปโฉมงดงามอย่างเจี่ยนอันอันไม่ได้มีความสามารถแบบเจี่ยนอันอันที่สามารถถอนวิชาไสยศาสตร์ของเฉียนซื่อได้แต่ถึงอย่างไรนางก็ให้กำเนิดทายาทเพื่อเสิ่นจือเจิ้ง ซ้ำยังล้มป่วยเพราะเหตุนี้หรือว่าการทุ่มเททั้งหมดของนางจะไม่มากพอ?ในทางกลับกัน เจี่ยนอันอันแค่ช่วยถอนวิชาไสยศาสตร์ให้เสิ่นจือเจิ้งด้วยซ้ำไปหลังจากที่เสิ่นจือเจิ้งคืนสติก็รักและทะนุถนอมเจี่ยนอันอันมากจะไม่ให้นางน้อยใจและว้าวุ่นใจได้อย่างไรเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่ร่างกายของนา