เซิ่งฟางเกาหัวไปมา มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาเป็นประกายเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เกรงว่าหากว่าพูดผิดไปจะไปยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์เอาได้เหวินอิงพูดออกมาด้วยความโกรธ “เหอะ ใครไปมีความสัมพันธ์กับเขากัน รอเขาจากไปเมื่อไรข้าก็จะไปจากค่ายนี่ ผู้ใดจะยินดีเป็นรองหัวหน้านี่ ให้ใครก็ได้เป็นไป อย่างไรเสียข้าก็ไม่เป็นแล้ว”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ของเหวินอิงทำให้ส่งเสียงหัวเราะออกมาในฐานะที่เป็นหญิงสาว แน่นอนว่าเจี่ยนอันอันรู้ว่าคำพูดนี้ของเหวินอัน ล้วนแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามนางเองก็มองออก ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาจนถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะแยกจากกันได้แล้วแต่คำพูดของเหวินอิง กลับทำให้หัวใจของเซิ่งฟางเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้งเซิ่งฟางคว้าข้อมือของเหวินอิงเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ได้ เจ้าจะไปจากค่ายไม่ได้ เจ้าคิดจะให้ข้ามีชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ!”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหวินอิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ทำไม มีเพียงแค่ท่านที่ออกไปจากค่ายแล้วไปเป็นเจ้าเมืองอินเป่ยของท่านได้ แต่ข้ากลับต้องคอยเฝ้าอยู่ที่ค่ายนี้เพียงคนเดียวจนตาย ไปที่ใดก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้ายังอายุน้
นางเคยได้ยินเซิ่งฟางพูดมาก่อนว่าต่อไปจะต้องทำให้นางได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเขาบอกว่าตนเองไม่อยากจะเป็นโจรภูเขาไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตนเองรักเป็นโจรภูเขาไปกับเขาตลอดชีวิตด้วยเหวินอิงในตอนนั้นก็เคยวาดฝันถึงกับเขามาก่อนเช่นกันหากว่าต่อไปเซิ่งฟางได้กลับไปยังเมืองอินเป่ย ไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งเช่นนั้นนางก็จะเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซิ่งฟางจะใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองอินเป่ยนางไม่อยากแยกออกจากเซิ่งฟางแล้วอยู่กันคนละที่โดยเฉพาะเมืองอินเป่ยในตอนนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถนางยากที่รับรองได้ว่า หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เซิ่งฟางจะไม่เปลี่ยนใจไปจากนางเจี่ยนอันอันมองออกว่าเหวินอิงกำลังกังวลเรื่องใดนางพูดเกลี้ยกล่อมออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ ข้าดูออกว่าหัวหน้าใหญ่รักเจ้ามาก เพียงแต่เขาเป็นคนหยาบกระด้าง จะรู้วิธีการปลอบประโลมผู้อื่นได้อย่างไรกัน ตรงจุดนี้รองหัวหน้าก็คงจะรู้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูด เหวินอิงก็พยักหน้าออกมาเจี่ยนอันอันพูดไม่ผิด ถึงแม้ว่าเซิ่งฟางจะเคยเป็นเจ้าเม
ในตอนที่เหวินอิงพูดคำว่า ‘คลังเก็บอาวุธ’ ออกมานั้น ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้เข้าใจขึ้นมามิน่าเล่า ในตอนแรกที่นางพูดว่าต้องการจะไปเดินเล่น เหวินอิงถึงได้แสดงท่าทีป้องกันเอาไว้ที่แท้นางก็ระวังในเรื่องนี้เพียงแค่อาวุธโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เจี่ยนอันอันไม่ได้มองเห็นอาวุธพวกนี้อยู่ในสายตาเลยเพราะอย่างไรแล้วในห้องมิติของนาง ยังมีคลังเก็บอาวุธสมัยใหม่เอาไว้ที่นั่นไม่เพียงมีอาวุธโจมตีเท่านั้น ยังมีปืนของยุคสมัยใหม่อีกด้วยเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ายังคิดว่ารองหัวหน้าเป็นอะไรไป จู่ ๆ ถึงได้ใช้มีดกับข้า ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าข้าจะขโมยอาวุธในค่ายโจรไป”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก เหวินอิงก็ขมวดคิ้วยิ่งลึกขึ้นอาวุธเหล่านี้ พวกเขารวบรวมเก็บไว้ด้วยความยากลำบากเซิ่งฟางเก็บรวบรวมอาวุธไว้มากถึงขนาดนี้ ล้วนแต่เพื่อไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นต้องโจมตีเมืองอินเป่ยภายในภาคหน้าเหวินอิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเสแสร้งกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพูดออกมา พวกเจ้าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่? เยียนอ๋องอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้าล้วนแต่ปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวเยียนอ๋องนั่นม
เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมพูดถึงเรื่องป้ายคำสั่งพยัคฆ์ออกมาแล้ว นางก็ไม่อยากจะถามอะไรออกมาให้มากนักในตอนที่ทั้งสองคนกำลังกลับไปยังเส้นทางเดิมนั้น เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์สำคัญที่สุดในการที่มายังค่ายโจรครั้งนี้นางถาม “รองหัวหน้า ในค่ายโจรของพวกเจ้า อาหารและพืชผักทั้งหลายเก็บไว้ที่ใดกัน?”เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันถามนางถึงเรื่องนี้ นางจึงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก“ค่ายโจรของพวกเรามีห้องใต้ดินอยู่ อาหารและพืชผักเหล่านั้น และยังมีสัตว์บนเขาที่ล่ามาได้ ล้วนแต่เก็บเอาไว้ในห้องใต้ดิน”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่าค่ายโจรมีห้องใต้ดิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที“รองหัวหน้า พอจะนำข้าไปดูห้องใต้ดินได้หรือไม่?”เหวินอิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นางหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าระแวดระวัง“เจ้าคิดจะทำอะไรกัน? อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดจะขโมยอาหารของพวกเราไป”เจี่ยนอันอันยิ้มให้กับเหวินอิง ก่อนที่จะหยิบแท่งทองคำออกมาแท่งหนึ่ง“รองหัวหน้า ข้าอยากจะซื้ออาหารและพืชผักของพวกท่าน หากว่ามีเนื้อแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ยิ่งดี ท่านเองก็รู้ หา
เมื่อเห็นว่าเหวินอิงเข้าไปถ้ำแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบก้าวตามไปเพิ่งจะเดินเข้าไปในถ้ำ ความหนาวเย็นก็ปะทะใบหน้าเข้ามาเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา คิดในใจว่าถ้ำนี้ช่างหนาวจริงๆในถ้ำนี้มีทางแยกอยู่หลายทาง หากว่าเจี่ยนอันอันไม่ตามติดเหวินอิงไป ก็อาจจะหลงทางได้ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงยังห้องใต้ดินเหวินอิงย่อกายลง ก่อนจะเคาะที่พื้นดินจนเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นมานางยืนขึ้น ก่อนจะกดลงไปบนพนังไม่นานนักแผ่นหินบนพื้นแผ่นหนึ่งก็เปิดออกเหวินอิงพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าตามข้าลงมา ธัญพืชและพืชผักต่างก็อยู่ที่นี่”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมเดินก้าวใหญ่ลงบันไดไปเจี่ยนอันอันรีบตามติดมา ทั้งสองคนเดินมาไกล ในที่สุดถึงได้มาถึงชั้นล่างสุดเหวินอิงจุดคบเพลิงด้านใน ทำให้ทั่วทั้งห้องใต้ดินสว่างขึ้นมาเจี่ยนอันอันมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านในนั้น ตรงด้านข้างพนังนั้นล้วนแต่วางพืชผักธัญพืชเรียงรายเอาไว้อาหารเหล่านั้นล้วนแต่บรรจุเอาไว้ในถุงกระสอบเจี่ยนอันอันนับคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีอาหารมากกว่าหนึ่งร้อยกระสอบที่นี่ทั้งหนาวเย็นและแห้งมาก เป็นเหมือนกับตู้เย็นตามธรรมชาติพืชผักและธัญพืชมากมายเ
เหวินอิงนำเอาทองแท่งคืนให้เจี่ยนอันอัน “ช่างเถิด ข้าไม่เอาทองแท่งก้อนนี้ของเจ้าดีกว่า เจ้าอยากซื้อเนื้อ เช่นนั้นก็ตามข้ามา”เหวินอิงว่าพลางผลักประตูศิลาให้เปิดออกเจี่ยนอันอันเห็นว่าด้านหลังของประตูศิลาเป็นพื้นที่ว่างแห่งหนึ่งหลังจากเดินตามเหวินอิงเข้ามาแล้ว เจี่ยนอันอันก็ถูกลมหนาวจากภายในโอบล้อมเสียจนหนาวยะเยือก หลังจากเหวินอิงจุดคบเพลิง ก็ส่องสว่างไปทั่วอาณาบริเวณภายใน เจี่ยนอันอันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าภายในนี้บรรจุผลึกน้ำแข็งเอาไว้มากมาย มิน่าข้างในจึงได้หนาวเย็นถึงเพียงนี้ เจี่ยนอันอันจามออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ นางตระกองแขนเข้าหากัน เดินตามเหวินอิงเข้ามาจนถึงจุดที่เก็บสัตว์ป่าเอาไว้ เหวินอิงชี้ไปยังสัตว์ป่าบนพื้นแล้วเอ่ยขึ้น “สัตว์ป่าทั้งหมดของค่ายเราล้วนอยู่ที่นี่หมด เจ้าชอบกินสัตว์ป่าชนิดไหนก็เอาไปเถิด” เจี่ยนอันอันเห็นว่าสัตว์ป่าพวกนั้นมีอย่างน้อยสามสิบกว่าตัว ในจำนวนนั้นมีกระต่ายป่าและไก่ภูเขาอยู่มากที่สุด ยังมีเนื้อวัว แพะ และหมาป่าอีกจำนวนหนึ่งเจี่ยนอันอันเองก็ไม่ได้คิดจะนำสัตว์ป่าของผู้อื่นไปมากจนเกินไป นางชี้นิ้วไปทางกระต่ายป่าและไก่ฟ้าไม่กี่ตัว“ข
เหวินอิงเห็นว่าเจี่ยนอันอันดึงดันเช่นนี้ นางก็ไม่อาจพูดสิ่งใดได้นางกล่าวกับพวกโจรภูเขาด้วยความเอือมระอาพลางโบกไม้โบกมือ “ยืนนิ่งกันอยู่ทำไม ยังไม่รีบไปเอากระต่ายป่ากับไก่ฟ้ามาอีก!” พวกโจรภูเขายกเนื้อวัวเนื้อแพะขึ้นด้วยความเบิกบานใจ รีบนำกลับไปเก็บยังชั้นใต้ดิน ผ่านไปไม่นาน พวกเขาก็ยกเอากระต่ายป่าและไก่ฟ้าสิบกว่าตัว สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกมาเจี่ยนอันอันมองเสบียงอาหารบนพื้น มุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ นางอยากนำเอาเสบียงอาหารเหล่านี้ใส่เข้าในมิติเต็มแก่ แต่ทว่าไม่อาจทำเช่นนั้นต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ในที่สุดจึงนึกวิธีหนึ่งออกมาได้ นางเอ่ยถามเหวินอิง “รองหัวหน้า ข้าคลับคล้ายคลับคลาว่าในค่ายมีรถม้า เจ้าขายให้ข้าสักคันได้หรือไม่?” เหวินอิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอันอย่างรวดเร็ว นางมองทองแท่งสองก้อนแสนหนักอึ้งในมือ มือเล็กๆ ก็โบกไปทางโจรภูเขาทีหนึ่งพลางพูดขึ้น“พวกเจ้ารีบไปเอารถม้ามา นำเสบียงอาหารขนขึ้นรถม้าเสีย”พวกโจรภูเขาต่างก็เห็นทองแท่งในมือของเหวินอิงแล้ว พวกเขาคาดเดาว่าทองแท่งสองก้อนนี้จะต้องเป็นสิ่งที่เจี่ยนอันอันให้มาแน่ ทั้งหมดจึงรีบเอ่ยปากรับคำ ไปลากเอารถม้ามาอย่าง
เมื่อทุกคนอิ่มหนำสำราญกับข้าวปลาสุราเมรัยแล้ว เซิ่งฟางก็จัดแจงให้ทุกคนเข้าพักผ่อนในค่ายจู่ๆ มีคนมากมายเช่นนี้ ห้องที่แต่เดิมนับว่ากว้างขวาง ก็พลันแปรเปลี่ยนเป็นคับแคบขึ้นมา เหล่าครอบครัวของฉู่จวินสิงถูกจัดให้อยู่กันภายในห้องห้องเดียว ทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น ถูกจัดไปยังอีกห้องหนึ่ง ทว่าเหล่าโจรภูเขาในค่าย กลับถูกไล่ที่ไปพักที่อื่นพวกโจรภูเขาต่างไม่กล้าปากมากทักท้วง อย่างไรเสียก็เป็นการจัดการของหัวหน้าใหญ่ มีเพียงเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงที่ถูกจัดแจงมายังห้องหับด้านข้างที่ซึ่งตัวห้องอยู่ถัดจากห้องหลัก แต่เดิมเป็นห้องที่เหวินอิงใช้พักอาศัยตอนนี้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงเข้าพัก เหวินอิงจึงทำได้เพียงตามมาพักอยู่กับเซิ่งฟาง เซิ่งฟางจัดสรรเช่นนี้ ก็มีจุดประสงค์ของตัวเขาเองแอบแฝงอยู่ คืนนี้เขาอยากรักถนอมเหวินอิงให้ดี รอจนถึงพรุ่งนี้เช้า เขาก็ต้องตามคนของจวนเยียนอ๋องทั้งตระกูลไปยังเมืองอินเป่ยแล้ว ร่างกายของฉู่จวินสิงไม่เอื้อต่อการเดินเหิน จึงต้องมีทหารรักษาพระองค์สองนายยกเขาขึ้นไปบนเตียง เจี่ยนอันอันยืนอยู่ข้างเตียง เห็นว่าในห้องนอกจากเตียงหลังเดียว ก็มีเก้