เซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าเหวินอิงกลับมา เขาก็เอื้อมมือออกไปคว้ามือของเหวินอิงเอาไว้เหวินอิงมองไปยังเซิ่งฟางด้วยความสงสัย นางกำลังจะดึงมือกลับมา กลับถูกอีกฝ่ายกุมเอาไว้แน่นเซิ่งฟางมองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาลึกซึ้ง แล้วก็มีท่าทีลังเลที่จะพูดออกมาเหวินอิงเกลียดท่าทีเช่นนี้ของเซิ่งฟางมากที่สุด นางรีบพูดออกมา “รีบพูดมาว่าตกลงแล้วมันเกิดอะไรขึ้น หากว่าไม่พูดออกมา ข้าก็จะไม่อยู่กับท่านแล้ว”เซิ่งฟางเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็รีบร้อนพูดออกมา “เหวินอิง หากว่าเจ้าได้ยินคำพูดของข้าหลังจากนี้แล้ว ห้ามโมโหเป็นอันขาดนะ”เมื่อเหวินอิงได้ยินคำนี้เข้า ก็ยิ่งร้อนรนเข้าไปอีกนางดึงมือออกมา แล้วจ้องเขม็งไปยังเซิ่งฟาง“ท่านมีอะไรก็รีบพูดออกมา ข้ารำคาญผู้ชายตัวใหญ่ที่พูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ มากที่สุด ช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ”เซิ่งฟางมองเห็นว่าในมือของตนเองว่างเปล่า ก็ถอนหายใจออกมาเงียบๆท้ายที่สุดแล้วเขาก็พูดความคิดในใจออกมา“พวกเราสองคนอาจจะต้องแยกจากกันระยะหนึ่ง!”เหวินอิงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ทันใดนั้นก็โกรธขึ้นมานางผุดลุกยืนขึ้นมาทันทีนางคว้าคอของเซิ่งฟางขึ้นมาโดยไม่สนใจคนอื่นๆ ที่อยู่ด้วย“เซิ่งฟาง ท่านพูด
นางหันกลับไปมองฉู่จวินสิง ก็พบว่าเขามีใบหน้าเรียบเฉยสงบนิ่งไม่ได้แสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจเพราะคำพูดของเซิ่งฟางเลยสักนิดเจี่ยนอันอันมองไปยังหานซื่อและทหารรักษาพระองค์คนอื่นๆ อีกครั้งก็พบว่าพวกเขากำลังหยิบถ้วยเหล้าขึ้นมา แล้วดื่มกันอย่างเงียบๆบรรยากาศดูจะแปลกประหลาดจนเกินไปอย่างไรเสียพวกหานซื่อก็ล้วนแต่เป็นทหารรักษาพระองค์ของราชวงศ์ เซิ่งฟางพูดออกมาต่อหน้าพวกเขา บอกว่าต้องการจับฮ่องเต้มาทรมานหากว่าคำพูดนี้ได้ยินเข้าหูของฮ่องเต้แล้ว จะต้องถูกประหารถึงเก้าชั่วโคตรทีเดียวเจ้าเมืองอินเป่ยคนก่อนหน้าผู้นี้ ไม่รู้ถึงผลดีผลเสียบ้างหรืออย่างไร?เหวินอิงไม่ได้คิดไกลถึงเพียงนั้นเมื่อนางได้ยินเซิ่งฟางพูดอธิบายสิ่งเหล่านี้ออกมาแล้ว ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกหดหู่ขึ้นมาหากว่าเซิ่งฟางจะติดตามไปยังเมืองอินเป่ยกับตระกูลของเยียนอ๋องแล้วจริงๆเกรงว่าพวกนางต่อให้ต้องการจะพบหน้ากับอีกครั้ง ก็คงจะเป็นเรื่องยากลำบากอย่างมากทว่านางเองก็รู้ว่าในใจของเซิ่งฟาง ไม่ได้อยู่ในค่ายโจรแห่งนี้เรื่องที่ใจเขาคิดจะกลับไปยังเมืองอินเป่ย เหวินอิงก็รู้ดีเรื่องที่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากที่สุด ก็เป็นเรื่อง
หานซื่อเดิมทีก็ชื่นชมในความกล้าหาญและศิลปะการต่อสู้ของฉู่จวินสิงบวกกับตอนนี้อำนาจการตัดสินใจทุกอย่าง ล้วนแต่ขึ้นอยู่กับเขาหานซื่อลุกขึ้นแล้วกล่าว “ในเมื่อทุกคนต่างก็สนับสนุนข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ขอพูดความคิดเห็นของข้าออกมาแล้ว”เหล่าทหารรักษาพระองค์พากันมองไปยังหานซื่อโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด รอคำพูดต่อไปของเขามุมปากของเจี่ยนอันอันค่อยๆ ยกขึ้นเล็กน้อยนางพอจะคาดเดาได้ หานซื่อจะต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกับฮ่องเต้สุนัขนั่นหานซื่อเปิดปากพูดออกมา “ข้าหานซื่อ ถึงแม้ว่าจะเป็นหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ แต่ทว่าข้าเองก็รู้ดี ว่าเรื่องนี้ควรจะทำเช่นไรถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ขอให้เยียนอ๋องได้โปรดวางใจ เรื่องนี้ต่อให้ข้าจะต้องตายก็ไม่มีทางที่จะรายงานแก่ฮ่องเต้ หากว่าทุกคนต่างก็มีความเห็นเช่นเดียวกับข้า ก็ขอให้ดื่มเหล้าในชามนี้เสียให้หมด”เมื่อหานซื่อพูดจบ ก็หยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมดทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นเมื่อเห็นเข้า ก็ต่างทยอยกันลุกขึ้นยืนพวกเขาหยิบเหล้าบนโต๊ะขึ้นมา ไม่พูดพล่ามอะไรก็พากันดื่มจนหมดเมื่อเห็นว่าทุกคนต่างแสดงออกมาอย่างเงียบเชียบว่าพวกเขาไม่มีทางนำเรื่อง
เซิ่งฟางเกาหัวไปมา มองไปยังเหวินอิงด้วยสายตาเป็นประกายเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี เกรงว่าหากว่าพูดผิดไปจะไปยั่วยุให้อีกฝ่ายไม่สบอารมณ์เอาได้เหวินอิงพูดออกมาด้วยความโกรธ “เหอะ ใครไปมีความสัมพันธ์กับเขากัน รอเขาจากไปเมื่อไรข้าก็จะไปจากค่ายนี่ ผู้ใดจะยินดีเป็นรองหัวหน้านี่ ให้ใครก็ได้เป็นไป อย่างไรเสียข้าก็ไม่เป็นแล้ว”เจี่ยนอันอันถูกคำพูดนี้ของเหวินอิงทำให้ส่งเสียงหัวเราะออกมาในฐานะที่เป็นหญิงสาว แน่นอนว่าเจี่ยนอันอันรู้ว่าคำพูดนี้ของเหวินอัน ล้วนแต่เป็นคำพูดตรงกันข้ามนางเองก็มองออก ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนมาจนถึงขั้นที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจะแยกจากกันได้แล้วแต่คำพูดของเหวินอิง กลับทำให้หัวใจของเซิ่งฟางเป็นกังวลขึ้นมาอีกครั้งเซิ่งฟางคว้าข้อมือของเหวินอิงเอาไว้ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา “ไม่ได้ เจ้าจะไปจากค่ายไม่ได้ เจ้าคิดจะให้ข้ามีชีวิตอยู่เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ!”คำพูดของเซิ่งฟางทำให้เหวินอิงโกรธขึ้นมาอีกครั้ง“ทำไม มีเพียงแค่ท่านที่ออกไปจากค่ายแล้วไปเป็นเจ้าเมืองอินเป่ยของท่านได้ แต่ข้ากลับต้องคอยเฝ้าอยู่ที่ค่ายนี้เพียงคนเดียวจนตาย ไปที่ใดก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ข้ายังอายุน้
นางเคยได้ยินเซิ่งฟางพูดมาก่อนว่าต่อไปจะต้องทำให้นางได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นเขาบอกว่าตนเองไม่อยากจะเป็นโจรภูเขาไปตลอดชีวิต ยิ่งไม่อยากจะให้ผู้หญิงที่ตนเองรักเป็นโจรภูเขาไปกับเขาตลอดชีวิตด้วยเหวินอิงในตอนนั้นก็เคยวาดฝันถึงกับเขามาก่อนเช่นกันหากว่าต่อไปเซิ่งฟางได้กลับไปยังเมืองอินเป่ย ไปเป็นเจ้าเมืองอีกครั้งเช่นนั้นนางก็จะเป็นฮูหยินท่านเจ้าเมืองแต่นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซิ่งฟางจะใช้วิธีการเช่นนี้ เพื่อกลับไปยังเมืองอินเป่ยนางไม่อยากแยกออกจากเซิ่งฟางแล้วอยู่กันคนละที่โดยเฉพาะเมืองอินเป่ยในตอนนี้ ยังอยู่ในสถานการณ์อันน่าอนาถนางยากที่รับรองได้ว่า หลังจากที่ทั้งสองแยกจากกันแล้ว เซิ่งฟางจะไม่เปลี่ยนใจไปจากนางเจี่ยนอันอันมองออกว่าเหวินอิงกำลังกังวลเรื่องใดนางพูดเกลี้ยกล่อมออกมาอีกครั้ง “ข้ารู้สึกว่าหัวหน้าใหญ่ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนใจ ข้าดูออกว่าหัวหน้าใหญ่รักเจ้ามาก เพียงแต่เขาเป็นคนหยาบกระด้าง จะรู้วิธีการปลอบประโลมผู้อื่นได้อย่างไรกัน ตรงจุดนี้รองหัวหน้าก็คงจะรู้เช่นกัน”เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันพูด เหวินอิงก็พยักหน้าออกมาเจี่ยนอันอันพูดไม่ผิด ถึงแม้ว่าเซิ่งฟางจะเคยเป็นเจ้าเม
ในตอนที่เหวินอิงพูดคำว่า ‘คลังเก็บอาวุธ’ ออกมานั้น ในที่สุดเจี่ยนอันอันถึงได้เข้าใจขึ้นมามิน่าเล่า ในตอนแรกที่นางพูดว่าต้องการจะไปเดินเล่น เหวินอิงถึงได้แสดงท่าทีป้องกันเอาไว้ที่แท้นางก็ระวังในเรื่องนี้เพียงแค่อาวุธโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เจี่ยนอันอันไม่ได้มองเห็นอาวุธพวกนี้อยู่ในสายตาเลยเพราะอย่างไรแล้วในห้องมิติของนาง ยังมีคลังเก็บอาวุธสมัยใหม่เอาไว้ที่นั่นไม่เพียงมีอาวุธโจมตีเท่านั้น ยังมีปืนของยุคสมัยใหม่อีกด้วยเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “ข้ายังคิดว่ารองหัวหน้าเป็นอะไรไป จู่ ๆ ถึงได้ใช้มีดกับข้า ที่แท้ก็เพราะกลัวว่าข้าจะขโมยอาวุธในค่ายโจรไป”เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจนัก เหวินอิงก็ขมวดคิ้วยิ่งลึกขึ้นอาวุธเหล่านี้ พวกเขารวบรวมเก็บไว้ด้วยความยากลำบากเซิ่งฟางเก็บรวบรวมอาวุธไว้มากถึงขนาดนี้ ล้วนแต่เพื่อไว้ใช้ในตอนที่จำเป็นต้องโจมตีเมืองอินเป่ยภายในภาคหน้าเหวินอิงพูดด้วยความโกรธ “เจ้าเสแสร้งกับข้าให้มันน้อยๆ หน่อย รีบพูดออกมา พวกเจ้าตกลงแล้วเป็นใครกันแน่? เยียนอ๋องอะไรกัน ข้าว่าพวกเจ้าล้วนแต่ปลอมตัวเป็นคนในครอบครัวเยียนอ๋องนั่นม
เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันไม่ยอมพูดถึงเรื่องป้ายคำสั่งพยัคฆ์ออกมาแล้ว นางก็ไม่อยากจะถามอะไรออกมาให้มากนักในตอนที่ทั้งสองคนกำลังกลับไปยังเส้นทางเดิมนั้น เจี่ยนอันอันก็ไม่ได้ลืมจุดประสงค์สำคัญที่สุดในการที่มายังค่ายโจรครั้งนี้นางถาม “รองหัวหน้า ในค่ายโจรของพวกเจ้า อาหารและพืชผักทั้งหลายเก็บไว้ที่ใดกัน?”เหวินอิงเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันถามนางถึงเรื่องนี้ นางจึงพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจนัก“ค่ายโจรของพวกเรามีห้องใต้ดินอยู่ อาหารและพืชผักเหล่านั้น และยังมีสัตว์บนเขาที่ล่ามาได้ ล้วนแต่เก็บเอาไว้ในห้องใต้ดิน”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่าค่ายโจรมีห้องใต้ดิน ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาทันที“รองหัวหน้า พอจะนำข้าไปดูห้องใต้ดินได้หรือไม่?”เหวินอิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันมีจุดประสงค์อะไรกันแน่นางหยุดฝีเท้าลง แล้วมองไปยังเจี่ยนอันอันด้วยใบหน้าระแวดระวัง“เจ้าคิดจะทำอะไรกัน? อย่าบอกข้านะว่า เจ้าคิดจะขโมยอาหารของพวกเราไป”เจี่ยนอันอันยิ้มให้กับเหวินอิง ก่อนที่จะหยิบแท่งทองคำออกมาแท่งหนึ่ง“รองหัวหน้า ข้าอยากจะซื้ออาหารและพืชผักของพวกท่าน หากว่ามีเนื้อแล้วล่ะก็ เช่นนั้นก็ยิ่งดี ท่านเองก็รู้ หา
เมื่อเห็นว่าเหวินอิงเข้าไปถ้ำแล้ว เจี่ยนอันอันก็รีบก้าวตามไปเพิ่งจะเดินเข้าไปในถ้ำ ความหนาวเย็นก็ปะทะใบหน้าเข้ามาเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขึ้นมา คิดในใจว่าถ้ำนี้ช่างหนาวจริงๆในถ้ำนี้มีทางแยกอยู่หลายทาง หากว่าเจี่ยนอันอันไม่ตามติดเหวินอิงไป ก็อาจจะหลงทางได้ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงยังห้องใต้ดินเหวินอิงย่อกายลง ก่อนจะเคาะที่พื้นดินจนเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้นมานางยืนขึ้น ก่อนจะกดลงไปบนพนังไม่นานนักแผ่นหินบนพื้นแผ่นหนึ่งก็เปิดออกเหวินอิงพูดกับเจี่ยนอันอัน “เจ้าตามข้าลงมา ธัญพืชและพืชผักต่างก็อยู่ที่นี่”เหวินอิงพูดออกมา พร้อมเดินก้าวใหญ่ลงบันไดไปเจี่ยนอันอันรีบตามติดมา ทั้งสองคนเดินมาไกล ในที่สุดถึงได้มาถึงชั้นล่างสุดเหวินอิงจุดคบเพลิงด้านใน ทำให้ทั่วทั้งห้องใต้ดินสว่างขึ้นมาเจี่ยนอันอันมองไปยังพื้นที่ขนาดใหญ่ด้านในนั้น ตรงด้านข้างพนังนั้นล้วนแต่วางพืชผักธัญพืชเรียงรายเอาไว้อาหารเหล่านั้นล้วนแต่บรรจุเอาไว้ในถุงกระสอบเจี่ยนอันอันนับคร่าวๆ อย่างน้อยก็มีอาหารมากกว่าหนึ่งร้อยกระสอบที่นี่ทั้งหนาวเย็นและแห้งมาก เป็นเหมือนกับตู้เย็นตามธรรมชาติพืชผักและธัญพืชมากมายเ
ยิ่งไปกว่านั้น ที่พวกเขายอมตอบตกลงที่จะไปตามหาคลังสมบัติด้วยกันก็เกิดจากความละโมบของพวกเขาเองหากไม่ใช่เพราะคนผู้นั้นเริ่มสังหารเฉียวว่านหลินก่อน พวกเขาก็คงไม่สู้กันในช่องทางลับไม่ต้องมาตายอยู่ในนั้นโดยที่ยังหาคลังสมบัติไม่เจอท่านปู่เฉินมองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเขาทั้งหมด และก็ด้วยเหตุนี้เช่นกัน เขาถึงได้ต้องจมอยู่กับความทรมานทุกวันขณะที่ท่านปู่เฉินกำลังคิดว่าจะแก้ตัวอย่างไร เจี่ยนอันอันก็พูดว่า “มาถึงขั้นนี้ ข้าว่าท่านอย่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านอีกเลย”ท่านปู่เฉินเงยหน้าขึ้น สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยมาหลายสิบปี จะต้องมาถูกปลดออกจากตำแหน่งทั้งอย่างนี้หรือ?“แม่นางเจี่ยน ข้าขอโอกาสไถ่โทษสักครั้งได้หรือไม่?”“ข้ายินดีมอบเงินออมทั้งหมดให้ภรรยาและลูกชายของเฉียวว่านหลิน”สิ่งที่เขาพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีแค่นี้ในบรรดาสี่คนนั้น มีแค่เฉียวว่านหลินที่มีลูกและภรรยา ส่วนอีกสามคนเป็นพวกกล้าตายถึงแม้จะตายไปก็ไม่มีผู้ใดช่วยเก็บศพ เจี่ยนอันอันมองว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางมากนักนางเป็นแค่คนที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่นี่ หากบีบให้ท่านป
เมื่อสามปีก่อน ท่านปู่เฉินได้รู้ว่าเมืองอินเป่ยมีคลังสมบัติจากปากของเฉินหย่งเหนียนเหตุสังหารหมู่เมื่อตอนนั้นเกิดขึ้นเพราะคลังสมบัตินี้เช่นกันแต่พวกคนของราชวงศ์ไม่พบตำแหน่งของคลังสมบัติแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้จึงเปิดฉากสังหารอย่างโจ่งแจ้งบรรดาผู้ที่สังหารหมู่ทำการสังหารคนชรา คนป่วยและคนพิการทิ้งทั้งหมดเหลือไว้เพียงคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อนี้คนในหมู่บ้านชิงสุ่ยต้องใช้ชีวิตแบบอดมื้อกินมื้อหลังจากที่ท่านปู่เฉินได้ยินเรื่องคลังสมบัติในเมืองอินเป่ย เขาก็เกิดความคิดที่จะตามหามันแต่ลำพังแค่เขาเพียงคนเดียวคงไม่มีทางเจอตำแหน่งของคลังสมบัติเพราะขนาดคนของราชวงศ์ก็ยังหาไม่เจอ เช่นนั้นตัวเขาที่เป็นแค่หัวหน้าหมู่บ้านชิงสุ่ยจะหาเจอได้อย่างไรด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้มีการรวบรวมคนจำนวนหนึ่งเพื่อไปตามหาที่ตั้งของคลังสมบัติด้วยกันหากเจอคลังสมบัติจริงๆ เขาก็สามารถใช้เงินพวกนั้นมาช่วยให้หมู่บ้านชิงสุ่ยผ่านพ้นจากวิกฤตและพวกชาวบ้านก็จะได้ไม่ต้องทนถูกครอบครัวของจางต้ากลั่นแกล้งอีกต่อไปเดิมทีแล้วเขามีเจตนาที่ดี แต่นึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นการทำร้ายเฉียวว่านหลินตอนนั้นพวกเขาห้าคนช่วยกันตา
ลูกเตะทลายเมฆาของฉู่จวินสิงไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนจะรับมือได้ท่านปู่เฉินเห็นดังนี้ก็หมุนตัวหลบเท้าของฉู่จวินสิงเตะถูกต้นไม้ด้านหลัง ลำต้นส่ายไหวอย่างรุนแรงหลายครั้งและเกือบถูกถอนออกทั้งราก“แม่นางเจี่ยน นี่พวกท่านหมายความว่าอย่างไรกัน ช่วยอธิบายให้กระจ่างได้หรือไม่?”ท่านปู่เฉินไม่อยากเป็นศัตรูกับพวกเขามาตั้งแต่แรก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้ลงมือต่อสู้กับฉู่จวินสิงทว่าภาพที่เขาหลบการโจมตีของฉู่จวินสิงได้อย่างคล่องแคล่วปราดเปรียวล้วนตกอยู่ในสายตาของเจี่ยนอันอันลูกเตะของฉู่จวินสิงรวดเร็วมาก หากเป็นคนธรรมดาก็ไม่มีทางที่จะหลบพ้น แต่นี่ท่านปู่เฉินกลับหลบได้อย่างว่องไว เรื่องนี้พิสูจน์ว่าศิลปะการต่อสู้ของเขาไม่ได้อ่อนแอ นางพูดกับฉู่จวินสิงว่า “ท่านพี่ พอแล้วเจ้าค่ะ”ฉู่จวินสิงกลับไปยืนข้างเจี่ยนอันอันและมองนางอย่างไม่เข้าใจเช่นกันเจี่ยนอันอันยิ้มว่า “ท่านปู่เฉิน ท่านไม่ได้อ่อนแอแบบที่เห็น”“ท่านเก็บซ่อนศิลปะการต่อสู้ของตัวเองมาโดยตลอด ข้าคิดว่าท่านเป็นคนธรรมดาเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆ เสียอีก”ท่านปู่เฉินคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะทำแบบนี้เพื่อดูว่าเขามีศิลปะการต่อสู้หรือไม่หากเขาไม่มีศิ
ฉู่จวินสิงถือโอกาสกดตัวไปข้างหน้าและจุมพิตนับครั้งไม่ถ้วนลงที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอัน ในตอนนี้เอง มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียงของสี่เอ๋อร์ดังเข้ามา “นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง อาหารเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรีบผลักฉู่จวินสิงออก นางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งออกไปโชคดีว่าสี่เอ๋อร์มาเคาะประตูได้ถูกเวลามาก มิเช่นนั้นประเดี๋ยวนางคงได้กลายเป็นขนมแป้งทอดที่ถูกฉู่จวินสิงพลิกไปมามุมปากของฉู่จวินสิงมีรอยยิ้มประดับ เขาสวมเสื้อผ้าแล้วตามออกไปเช่นกัน หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เรียกฉู่จื่อซีมาคุยด้วยนางยังไม่ลืมเรื่องที่จะส่งนกพิราบสื่อสารสองตัวไปให้เซิ่งฟาง “อาสะใภ้รอง ท่านมีธุระอะไรกับข้าหรือขอรับ?”ฉู่จือซีกะพริบดวงตาคู่โตของตัวเองเงยหน้ามองเจี่ยนอันอัน เจี่ยนอันอันลูบศีรษะน้อยๆ ของเขาพลางยิ้มว่า “จื่อซีช่วยเรียกนกพิราบมาให้สักสองตัวได้หรือไม่ ข้ามีเรื่องต้องใช้งาน”ฉู่จื่อซีว่ามีเรื่องที่จะได้ใช้ความสามารถของตัวเองในที่สุดก็วิ่งออกไปด้วยรอยยิ้มทันทีไม่นาน บนบ่าของเขาก็มีนกพิราบสีขาวกับสีเทาบินมาเกาะฉู่จื่อซีพานกพิราบกลับมาหาเจี่ยนอันอัน “อาสะ
สี่เอ๋อร์เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก็วิ่งไปทำอาหารที่ห้องครัวอย่างมีความสุขนางเองก็เป็นห่วงมานานเช่นกัน ตอนนี้สามารถเบาใจลงในที่สุดสี่เอ๋อร์กับสาวใช้อีกสองคนทำอาหารเสร็จแล้วยกออกมาวางบนโต๊ะในลานบ้าน ทั้งครอบครัวนั่งทานอาหารร่วมกัน ฮูหยินใหญ่ถามเจี่ยนอันอันว่าสองวันนี้ไปพบเรื่องราวอะไรมาบ้างเจี่ยนอันอันเล่าเรื่องราวให้ฟังอย่างง่ายๆ ทุกคนฟังแล้วอกสั่นขวัญหายนึกไม่ถึงว่าเจี่ยนอันอันจะถูกเจ้าคนที่มีนามว่ากู้มั่วหลีจับตัวไปหากนางไม่ได้หนีออกมาจากห้องลับนั่นจะทำอย่างไร?ไม่แน่ว่าเมื่อได้พบกันอีกครั้ง นางจะกลายเป็นศพไปแล้วฮูหยินใหญ่ยิ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเมื่อคิดถึงตรงนี้นางดึงมือเจี่ยนอันอันมาจับพลางพูดด้วยความเป็นห่วง “อันอัน ต่อไปอย่าอยู่ห่างจากจวินสิงอีก”“ข้ากลัวว่าคนผู้นั้นจะลงมือต่อเจ้าซ้ำสอง”เจี่ยนอันอันส่งรอยยิ้มปลอบประโลมให้ฮูหยินใหญ่ “ท่านแม่วางใจเถิด ข้ารู้ว่าควรทำอย่างไรเจ้าค่ะ”เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ฉู่จวินสิงตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เช่นกันไม่ว่าต่อไปนี้เจี่ยนอันอันจะไปที่ใด เขาก็จะไม่อยู่ห่างแม้แต่ครึ่งก้าวหลังจากกินข้าวเสร็จ เจี่ยนอันอันก็กลับเ
“พี่รอง พี่สะใภ้รอง ในที่สุดก็หาพวกท่านเจอ” ฉู่อันเจ๋อวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจเมื่อวานนี้ฉู่จวินสิงออกมาตามหา แต่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพาเจี่ยนอันอันกลับมาเสียทีคนที่บ้านต่างเป็นกังวล ฮูหยินใหญ่จึงให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าออกมาตามหาเหยียนเซ่าทำความเคารพเมื่อมาถึงเบื้องหน้าฉู่จวินสิง“นายน้อย ข้ากับนายน้อยอันเจ๋อตามหาพวกท่านมาตลอดทั้งสาย”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าการออกมาข้างนอกครั้งหนึ่งของตัวเองจะทำให้คนเป็นห่วงมากมายขนาดนี้นางส่งยิ้มให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าด้วยความขอโทษแต่ไม่ได้พูดอะไรฉู่จวินสิงถามว่า “ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นที่บ้านใช่หรือไม่?”เหยียนเซ่าตอบด้วยความเคารพ “ที่บ้านไม่ได้มีเรื่องอะไรขอรับ เพียงแต่กำลังรอให้พวกท่านกลับไปอยู่”เจี่ยนอันอันเห็นว่าทั้งสองคนเดินเท้ามา เกรงว่าคงเหนื่อยจากการเดินนางรีบร้อนที่จะตามหารถม้าของบ้านตัวเองมากขึ้นฉู่จวินสิงเดินออกมาด้วยกันกับนาง ไม่ได้จูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งออกมาด้วยเมื่อนึกได้ว่ารถม้าคันนั้นยังจอดอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอนางก็ให้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าไปที่ที่ว่าการอำเภอเพื่อจูงรถม้าของบ้านเสิ่นจือเจิ้งมาก หลังจากที
เมื่อครู่นี้เขาวิ่งออกไปตักน้ำจากบ่อที่ที่ลานวัดร้างมาราดใส่ตัวน้ำบ่อเย็นยะเยียบทำให้เขาตัวสั่นเทิ้มด้วยความหนาวหลังจากราดน้ำใส่ไปหลายถัง สิ่งสกปรกบนใบหน้าเขาก็ถูกล้างสะอาดในที่สุดมุมปากของเจี่ยนอันอันกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเห็นเฉียวอี้กลับมาในสภาพตัวเปียกโชก นี่เขาไม่ถอดเสื้อผ้าเวลาอาบน้ำหรือ?เฉียวอี้ไม่สนใจแม้แต่น้อย เขาเคยชินกับการล้างตัวแบบนี้มานานแล้วเจี่ยนอันอันพูดว่า “เจ้าถอดเสื้อผ้าออกเถิด ข้าจะดูว่าร่างกายเจ้ามีการติดเชื้อเป็นบริเวณกว้างหรือไม่”เฉียวอี้มองแม่ของตัวเองปราดหนึ่ง เห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้ เขาถอดเสื้อผ้าออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในโชคดีว่าบริเวณที่ติดเชื้อของเฉียวอี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่บริเวณหลังไปถึงลำคอมีพื้นขนาดใหญ่ที่แสดงถึงการเป็นหนองเจี่ยนอันอันนำกระเป๋าเข็มออกมาแล้วพูดกับเฉียวอี้ “ข้าจะทำการฝังเข็มที่หลังเจ้า ทนเจ็บหน่อยนะ”เฉียวอี้ได้ยินว่าจะฝังเข็มให้ก็กัดฟันทันที “ข้าทนได้ ท่านลงมือเถิด”ขอเพียงรักษาโรคเรื้อนได้ เขาจะไม่กลัวการถูกฝังเข็มเจี่ยนอันอันฝังเข็มสิบกว่าเล่มลงที่หลังและคอของเฉียวอี้เฉียวอี้หน้าตาบ
นางไม่ได้ถามออกไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ว่า “ท่านปู่เฉินสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บแม้แต่น้อย”“เหอะ…” เฉียวซื่อหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง “ตัวเขาสุขสบายดีแต่กลับทำร้ายสามีของข้า”มือทั้งสองข้างของนางกำแน่นเป็นหมัด ปากกัดริมฝีปากล่างแน่น แววตาเปี่ยมด้วยความเกลียดชังเจี่ยนอันสงสัยหนักเข้าไปอีก สามีของเฉียวซื่อไปรู้จักกับท่านปู่เฉินได้อย่างไร?เจี่ยนอันอันถามด้วยความสงสัย “บอกข้าได้หรือไม่ว่าระหว่างสามีของท่านกับท่านปู่เฉินมีความแค้นอะไรกัน?”เฉียวซื่อกัดฟันแน่นก่อนจะเล่าเรื่องของสามีออกมาในที่สุดสามีของนางเฉียวมีนามว่าเฉียวว่านหลิน เปิดร้านตีเหล็กแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางแม้ฐานะครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็พอจะมีเงินเก็บอยู่บ้าง เมื่อสามปีก่อน ท่านปู่เฉินจากหมู่บ้านชิงสุ่ยได้มาซื้อเครื่องมือเหล็กที่อำเภอไถหยางและได้พบกับร้านของสกุลเฉียวการได้พูดคุยกันทำให้ทั้งสองคนค่อยๆ สนิทกันมากขึ้นท่านปู่เฉินบอกว่าเขาต้องการสร้างอาวุธที่เข้ามือเขาต้องการไปตามหาคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเฉียวว่านหลินเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของคลังสมบัติที่เมืองอินเป่ยเช่นกันแต่เขามองว่ามันเป
เจี่ยนอันอันรู้ว่าเฉียวอี้กังวลเรื่องอะไรแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของเฉียวอี้ไม่ให้แพร่กระจายสู่คนอื่นต่อ นางจำเป็นต้องทำแบบนี้“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแต่รักษาอาการป่วยของเจ้า ไม่ได้จะทำอันตราย”คำพูดของเจี่ยนอันอันเป็นดังเสียงวิเศษที่ทำให้เฉียวอี้ซึ่งเป็นกังวลค่อยๆ ผ่อนคลายลงเฉียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอย่างเขินอายว่า “เนื้อตัวข้าสกปรก ให้ข้าไปล้างตัวก่อนค่อยรักษาดีกว่า”เขาว่าจบก็วิ่งออกไป ฉู่จวินสิงตามออกจากวัดร้างเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเฉียวซื่อร้องเรียกมาจากห้องด้านหลัง“แม่นาง ท่านช่วยมาที่นี่สักครู่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเลิกม่านประตูเดินเข้าไปพบว่าเฉียวซื่อได้ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความซับซ้อน“มีอะไรหรือ ไม่สบายที่ใดหรือ?”เจี่ยนอันอันถามแล้วก็จะจับชีพจรให้เฉียวซื่อเฉียวซื่อส่ายหน้ายิ้ม “ข้ามองออกว่าแม่นางเป็นคนดี ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสมควรที่ต้องตอบแทน”“เมื่อครู่นี้ข้าตัดสินใจได้แล้ว ข้าไม่คิดที่จะเก็บหยกพกชิ้นนั้นไว้ ขอมอบให้ท่านดีกว่า”เฉียวซื่อพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกะเผลกออกไปเจี่ยนอันอันไม่เข้าใ