สำหรับถังหมิงเซวียนแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือเขาอยากให้เจี่ยนอันอันได้เห็นจริงๆ ว่า ทักษะการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเจี่ยนอันอันเองก็ไม่พูดพล่ามต่อไป ให้ฉู่จวินสิงขับรถม้ากลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยถังหมิงเซวียนเองก็ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจี่ยนอันอันก็ลงจากรถม้าเป็นคนแรกนางผลักประตูใหญ่ของเรือนออกแล้วเดินเข้าไปวันนี้ขายผักไปได้ไม่น้อย อีกทั้งยังตามหาคนที่มีทักษะทางการแพทย์ได้ คราวนี้ขาของฉู่จวินหลุน ในที่สุดก็จะสามารถรักษาได้แล้วนางวิ่งไปหน้าห้องของฉู่จวินหลุน แล้วเคาะประตูไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงรถเข็นดังเลื่อนออกมาฉู่จวินหลุนเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว เขาก็ยิ้มให้“วันนี้เจ้ากับจวินสิงกลับมาเร็วนัก”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางว่า “ข้าหาหมอให้พี่ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ ให้เขารักษาขาให้ท่าน”ฉู่จวินหลุนมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางดูอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น สวมชุดสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยกคนผู้นี้จะส
เดิมทีเขาก็เป็นพวกที่ยิ่งมีคนมาคอยมองอยู่ด้านข้างก็ยิ่งอยากแสดงฝีมือออกมาต่อหน้าพวกเขาอยู่แล้วมือของถังหมิงเซวียนคลำไปยังบริเวณก้นกบของฉู่จวินหลุนแล้วก็คลำไปเจอตรงจุดหนึ่งมีของแหลมคมอยู่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นหัวลูกธนูที่ไม่ได้ดึงออกมาตำแหน่งของหัวลูกธนูนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หากคิดจะเอาออกมา คิดว่าคงจะกระทบเข้ากับเส้นประสาทตรงก้นกบเข้าหากว่าไม่ระวัง เกรงว่าคนผู้นี้อาจจะเจ็บปวดจนร่างกายเป็นอัมพาตก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าดึงหัวลูกธนูนี่ออกมา หมอทั่วไปแน่นอนว่าย่อมไม่มีความสามารถนี้ทว่าเขาแตกต่างออกไป เขาคือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นหนิงชวนการผ่าตัดนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเพียงแต่เขาไม่ได้นำมีดผ่าตัดติดตัวมาด้วย จึงต้องขอยืมจากเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนมาถึงด้านหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านนอก “แม่นางเจี่ยน ที่นี่มีมีดที่ใช้ผ่าตัดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงเกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจิ้นอ๋องของแคว้นไท่ยวนหากว่าเขารู้แล้ว เกรงว่าก็คงไม
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
ถังหมิงเซวียนบอกเจี่ยนอันอันว่าตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางหากว่าเจี่ยนอันอันคิดดีแล้ว ก็ให้ไปหาเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ถังหมิงเซวียนขึ้นขี่ม้า แล้วออกไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขายังคงตามหาเบาะแสของเหยียนซวงต่อไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อเจี่ยนอันอันเก็บล่วมยาเข้าไปในห้วงมิติ ก็เห็นฉู่จื่อซีกำลังวิ่งไล่แม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในสวนแม่ไก่ตัวนั้นวิ่งมาข้างเท้าของเจี่ยนอันอัน แล้วหลบอยู่ด้านหลังของนางฉู่จื่อซีชี้ไปยังแม่ไก่ที่ส่งเสียงขันออกมา“ท่านป้า เสี่ยวฮวาบอกว่ามันกำลังจะออกไข่ ข้าอยากดูมันออกไข่ แต่มันกลับไม่ยอมให้ข้าดู”เจี่ยนอันอันนึกถึงไก่พวกนั้นที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน มีแม่ไก่หกตัว ไก่ตัวผู้ตัวใหญ่หนึ่งตัวพวกมันล้วนแต่ได้ดื่มน้ำพุวิญญาณ ทำให้อ้วนท้วนเป็นอย่างมากเมื่อแม่ไก่ได้ยินคำของฉู่จื่อซี ก็รีบวิ่งออกจากข้างเท้าของเจี่ยนอันอันกลับไปยังรังของมันตอนนี้มันรอไม่ไหวที่จะออกไข่แล้ว และจำเป็นต้องไปออกที่รังของมันเท่านั้นเมื่อแม่ไก่ส่งเสียงร้อง “กะต๊าก” ดังขึ้น ไข่ฟองหนึ่งก็ถูกเบ่งออกมาฉู่จื่อซีปิดปากเล็กๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านป้า เ
ฉู่จวินหลุนยิ้มเศร้าออกมา หัวลูกธนูนี้อยู่ในร่างกายของเขามานาน ในที่สุดก็ถูกนำออกมาแล้วดูเหมือนว่าในที่สุด ก็จะมีวันที่เขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่ต้องนั่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วเวินอี๋และเหยียนเซ่ากำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกจ้าวอู่ทั้งสามคนอยู่ในลานบ้านพวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เสียงเตะต่อยของพวกเขาลอยดังเข้ามาในหูของฉู่จวินหลุนเขาอยากจะลุกขึ้นให้ได้ในเร็ววัน แล้วไปฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกเขาเพียงแต่สองขาเป็นอัมพาตมานานหลายปี และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ ที่แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เตะเข้าเป้าฉู่จวินสิงมองความคิดของพี่ใหญ่ออก เขาตบลงไปบนไหล่ของฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่พักผ่อนให้สบายใจเถิด วันหน้าท่านจะต้องเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้แน่”ฉู่จวินหลุนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนนี้เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และไม่คิดที่จะพูดอะไรมากความฉู่จวินสิงมองไปยังหน้าผากของพี่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าพี่ใหญ่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินออกมาเขาเรียกเจี่ยนอันอัน
นอกจากนี้แล้ว ขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ จะอบอย่างไรกัน?นางคิดอยากจะซื้อเตาอบมาจากร้านค้าทว่าเตาอบยังต้องการเสียบปลั๊กถึงจะใช้ได้ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีไฟฟ้า ของสิ่งนั้นซื้อมาก็ไม่อาจใช้ได้นางมองไปยังขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำออกมาเสร็จแล้วบนโต๊ะ ก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ที่จวนเยียนอ๋องของพวกเจ้ากิน คงไม่ใช่ว่าไม่มีลวดลายหรอกกระมัง”สี่เอ๋อร์หัวเราะ “คิกๆ” ออกมา แล้วนำแม่พิมพ์ไม้ออกมาจากด้านล่างโต๊ะบนนั้นสลักลวดลายงดงามเอาไว้มากมายเจี่ยนอันอันเองก็ยินดี แล้วลอบตำหนิตนเองที่เมื่อครู่ถามคำถามโง่ๆ ออกไป“สี่เอ๋อร์ แม่พิมพ์พวกนี้เจ้าเอามาจากที่ใดกัน?”คงจะไม่ใช่สี่เอ๋อร์ที่สลักออกมาเองหรอกกระมังสี่เอ๋อร์มองไปยังซ่างชิวที่อยู่ด้านนอก แล้วพูด “ข้าขอให้พี่ซ่างชิวช่วยแกะสลักให้เจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฝีมืองานของซ่างชิวนั้นดีมาก ประตูเรือนที่เคยอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยติดตั้งให้ซ่างชิวเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะจริงๆ ไม่แน่ว่างานฝีมือของเขา ในภายหน้ายังคงจะมีประโยชน์ให้ได้ใช้สี่เอ๋อร์นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำเสร็จแล้ว วางใส่ในแม่พิมพ์แล้วกดลงไปไม่น
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันจะออกไป ก็รีบเดินเข้ามาเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันจะนำขนมไหว้พระจันทร์ไปส่งให้เสิ่นจือเจิ้งในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงยังด้านนอกเรือนของเสิ่นจือเจิ้ง ก็ได้ยินเสียงของเซียงเสวี่ยพูดดังลอยมาจากด้านใน“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปอีก หรือต้องให้ข้าใช้ไม้กวาดไล่พวกเจ้าออกไป?”เสิ่นจืออวี้เองก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านไปเสียเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย”ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาของเสิ่นจือเจิ้ง “ตอนนี้นางไม่ใช่พี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว หากว่าเจ้ายังคงคิดถึงนาง เจ้าก็ออกไปพร้อมกับนางเสียเถอะ”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินมาถึงตรงนี้ ก็รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นนางยกมือขึ้นไปเคาะประตูเรือน ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าลอยดังออกมาเซียงเสวี่ยเปิดประตู ก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง ในที่สุดใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มออกมา“นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง ในที่สุดพวกท่านก็มาแล้ว”เจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มองเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์จับมือเสิ่นคัง ยืนอยู่ในลานเรือนใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ยังเปื้อนไปด้วยน้ำตาในตอนที่เจียงหว่านเอ๋อร์เห็นเจี่ยนอันอัน นางก็กัดริมฝีปากอย่างแรงคนที่นางเกลียดมากที่สุดมาไ
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องลับที่เจี่ยนอันอันบอก กลับพบร่างผู้ตายสิบกว่าศพที่เริ่มเน่าเหม็นแล้วอีกทั้งในส่วนหน้าอกตรงหัวใจของทุกศพ ก็กลายเป็นรูโบ๋เต็มไปด้วยเลือดคั่งด้านบนยังมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยดูจากการแต่งกายของศพสิบกว่าศพนั้น ฉู่จวินสิงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางคงเป็นคนในครอบครัวผู้ว่าการแห่งจงโจวเป็นแน่โชคดีที่พวกเขากลับมาอำเภอไถหยางก็เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก่อนแล้วเพียงแต่ไม่นึกว่า สุดท้ายยังเกิดเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นนั่นคือเจี่ยนอันอันหลงกลกู้มั่วหลีเข้า จนเกือบถูกเขาวางยาพิษจนเสียชีวิตเจี่ยนอันอันตั้งใจฟังคำบอกเล่าของฉู่จวินสิงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นางก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีร่างกายที่สั่นระริก นั่นเพราะเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้นางประสบเคราะห์ร้ายฉู่จวินสิงกุบมือเจี่ยนอันอันไว้แน่น ด้วยเกรงว่าหากปล่อยมือ นางจะอันตรธานหายไปจากเขาอีกเจี่ยนอันอันเอาศีรษะซบที่ไหล่ฉู่จวินสิง มืออีกข้างหนึ่งยังโอบตัวเขาไว้ด้วยภาพที่ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด ทำเอาถังหมิงเซวียนนึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาว่าแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกรถม้าวิ่งไปในระยะท
เกิดทำให้พวกเขาติดเชื้อด้วย คงจะยิ่งไม่ดีหนำซ้ำยาป้องกันของนางก็มีไม่มากนัก ควรต้องใช้อย่างประหยัดหน่อยนางจึงหันไปมองฉู่จวินสิง พร้อมหารือกับเขา “ให้เหยียนเซ่ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก่อน พวกเราเข้าเมืองกันเองก็พอ”ฉู่จวินสิงไม่คัดค้าน เพราะถ้าไปกันหลายคนก็วุ่นวายเช่นกันโดยเฉพาะยังมีพวกจ้าวอู่ ยิ่งไม่ควรติดตามไปด้วยเพราะหากพบเจอกู้มั่วหลีเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกปองร้ายอีกฉู่จวินสิงจึงกล่าวต่อเหยียนเซ่า “เจ้าขับรถม้าพาคนเหล่านี้กลับไปก่อน พวกข้าจะเข้าเมืองไปสักครั้ง”เหยียนเซ่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไรในเมือง จึงคิดติดตามไปด้วย แต่กลับถูกฉู่จวินสิงยกมือขึ้นห้ามไว้“ทำตามคำสั่งข้า!” ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงเย็นชา เหยียนเซ่าจึงไม่กล้าพูดต่ออีกทุกคนพากันขึ้นรถม้า โดยมีเหยียนเซ่าเป็นคนขับ แล้วเดินทางจากไปเจี่ยนอันอันให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไปนำรถม้ามาอีกคัน และนางก็ให้เงินเถ้าแก่ไปก้อนหนึ่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรับเงินไปด้วยความดีใจ เพียงไม่นานก็นำรถม้ามาคันหนึ่ง“ท่านต้องการสิ่งใดอีก เชิญสั่งข้ามาได้เลยขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถ้าเจี่ยนอันอันมีงานใช้ใ
สวีจงฉือเห็นสภาพอ่อนแอของเจี่ยนอันอัน พร้อมใบหน้าซีดเซียวของนาง พลันรู้สึกปวดใจยิ่งหากว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลนางตลอดก็คือเขา คงจะดีไม่น้อยยามนี้เขารู้สึกริษยาฉู่จวินสิงเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกไม่กล้าแสดงสีหน้าผิดปกติออกมาให้ใครเห็นเจี่ยนอันอันเหลียวมองสวีจงฉือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตามมาด้วยแต่ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพักผ่อนสักครู่รอให้ร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติดีแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลีใหม่เพราะตอนนี้นางรู้แล้วว่า ตราบใดที่กู้มั่วหลียังอยู่ บัญชีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสะสางกับเขาให้ดีแน่เจี่ยนอันอันค่อยๆ ปิดตาลง นางบอกให้พวกฉู่จวินสิงสามคนอย่าได้รบกวนนางชายหนุ่มทั้งสามจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆผ่านไปครู่ใหญ่ เจี่ยนอันอันจึงค่อยลืมตาขึ้นมานางรู้สึกฟื้นฟูกำลังแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่ง“ข้าจะเข้าเมืองไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลี!”บังอาจใช้ยาพิษร้ายแรงกับนาง นางจะไม่ยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเจี่ยนอันอันพูดพลางกัดฟันกรอด พร้อมลงจากเตียงถังหมิงเซวียนเพิ่งสบโอกาสได้เอ่ยปากพูดบ้าง “แม่นางเจี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าไปซื้อสมุนไพรในตัวเมือง เห็นผู้คนที่นั่นล้ว
เจี่ยนหลิงเยว่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ใบหน้าซึ่งเดิมก็ถูกเกาจนผิวแตกเป็นริ้วๆ บัดนี้ยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่เจี่ยนอันอันมิได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เพราะคนบ้าคลั่งเช่นกู้มั่วหลี เป็นไปไม่ได้ที่จะดีต่อเจี่ยนหลิงเยว่อยู่แล้วและตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดกู้มั่วหลีจึงพาเจี่ยนหลิงเยว่มาที่นี่สาเหตุเพราะเจี่ยนหลิงเยว่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนาง จึงถูกกู้มั่วหลีหมายปองเข้าเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปยังกู้มั่วหลี ก็สังเกตเห็นว่าดูเหมือนเขาจะถอนพิษในตัวได้แล้วซึ่งข้อนี้ทำให้นางไม่สบายใจเป็นอย่างมากนั่นแสดงว่ายาพิษที่นางปรุงออกมา สำหรับกู้มั่วหลีแล้ว ฤทธิ์ยายังเบาเกินไปและทันใดนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็ได้เสียงฉู่จวินสิงเรียกนางอยู่“อันอัน รีบตื่นขึ้นมาเถิด อย่านอนอีกเลย”เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงเรียกของฉู่จวินสิง พลันร่างกายคล้ายถูกผลักดันด้วยพลังบางอย่างนางยังคิดจะอยู่ดูเรื่องสนุกต่ออีก แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเสียแล้วนางจึงรีบออกจากห้องนั้นมา ฉับพลันเบื้องหน้าก็เห็นแสงสว่างจ้าเจี่ยนอันอันต้องรีบหลับตาลง จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จึงพบว่าได้กลับมาสู่ร่างกายของตนอีกครั้ง
เจี่ยนอันอันไม่ได้กรีดร้อง นางหยิบตะบันไฟออกมาเพื่อส่องแสงสว่างอย่างสงบนิ่งนางเห็นว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนสะพานแห่งหนึ่ง ใต้สะพานมีสายน้ำไหลเอื่อย พร้อมเสียงน้ำที่กระทบดังซ่า ๆในหัวของเจี่ยนอันอันปรากฏคำว่า ‘สะพานไน่เหอ[1]’ ขึ้นมาในทันทีแต่นางก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปเจี่ยนอันอันเดินลงจากสะพาน มุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วไม่นาน นางก็เห็นแสงสว่างส่องอยู่ไกล ๆนางรีบเดินไปยังทิศทางของแสงนั้น เมื่อไปถึงจุดสว่าง ก็เห็นประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่แสงสว่างทั้งหมดส่องลอดออกมาจากด้านในของประตูเจี่ยนอันอันดีใจ นางคิดว่าหากเปิดประตูบานนี้ได้ อาจจะสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้เจี่ยนอันอันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักประตู เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือลานเรือนกว้างใหญ่เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าลานเรือนแห่งนี้ดูคุ้นตา ราวกับว่านางเคยมาเยือนที่นี่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังขึ้น“คุณชายกู้ ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันเดินตามเสียงนั้นไป นางพบว่าตัวเองสามารถเดินทะลุกำแพงได้ไม่นานนางก็เข้าไปในห้องแห่งหนึ่
ถังหมิงเซวียนมาถึงเรือนหลัง เขานำหม้อต้มยาออกมาวางลงบนพื้นจากนั้นหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อออกมา ใส่ลงในหม้อต้มยา แล้วจุดไฟใต้เตาเพื่อเริ่มการต้มยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นถังหมิงเซวียนต้มยาที่เรือนหลัง จึงเอ่ยว่า “เจ้าต้มยาก็ระวัง ๆ หน่อยนะ อย่าให้โรงเตี๊ยมของข้าติดไฟ”ถังหมิงเซวียนเหลือบตามองเจ้าของโรงเตี๊ยมโดยไม่พูดอะไรกระบวนการต้มยานั้นยุ่งยากและซับซ้อน เขาต้องแบ่งสมุนไพรใส่ทีละส่วนความร้อนก็ต้องควบคุมให้พอเหมาะ หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ยาจะไหม้ได้อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อรวมกับไอร้อนจากกองไฟ ผ่านไปไม่นานหน้าผากของถังหมิงเซวียนมีเหงื่อไหลซึมออกมาเขาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อไม่ละสายตาจากหม้อต้มยาแม้แต่น้อยหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดยาถอนพิษก็ปรุงสำเร็จถังหมิงเซวียนขอถ้วยใบหนึ่งจากเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วเทยาถอนพิษลงในถ้วยเขาจัดเก็บหม้อต้มยา ใช้น้ำดับไฟให้สนิท แล้วเตะกองไฟที่ดับแล้วไปที่มุมหนึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ถือถ้วยยาขึ้นไปยังชั้นสองสวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนกลับมาแล้ว ในมือของเขาถือถ้วยยาสีดำสนิทสวีจงฉือช่วยเคาะประตูเรียกเมื่อฉู่จวินสิงเปิดประตูออก
สวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนไม่พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่สมุนไพรเขาจึงคิดไปเองว่าถังหมิงเซวียนอาจกังวลว่าสมุนไพรแพงเกินไป ไม่มีเงินพอที่จะซื้อสมุนไพรมากขนาดนั้นเขารีบพูดขึ้นว่า “คุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา ร้านยาจี้เฉ่าถังแห่งนี้เป็นของเจี่ยนอันอัน ท่านเพียงบอกชื่อสมุนไพรมาข้าจะจัดให้”ถังหมิงเซวียนไม่คาดคิดเลยว่าร้านขายยาจี้เฉ่าถังที่ใหญ่ขนาดนี้จะเป็นของเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสวีจงฉือกำลังจะหยิบสมุนไพรเพิ่ม เขาจึงรีบกล่าวว่า “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มากไปจะเป็นการสิ้นเปลือง”ถังหมิงเซวียนร้อนใจอยากจะนำสมุนไพรกลับไป จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกับสวีจงฉือเพิ่มเติมเขาหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อแล้วหันหลังเตรียมจะออกไป“คุณชายโปรดรอก่อน” สวีจงฉือรีบรุดออกมาจากด้านหลังโต๊ะคิดเงินเขาเรียกถังหมิงเซวียนไว้ กล่าวอย่างไม่แน่ใจนักว่า “คุณชายช่วยพาข้าไปยังอำเภอไถหยางด้วยได้หรือไม่ ข้าอยากไปดูว่าเถ้าแก่ของข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ถังหมิงเซวียนคิดในใจว่าร้านจี้เฉ่าถังเป็นของเจี่ยนอันอัน แถมสมุนไพรทั้งหมดนี้เขายังไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเดียวเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย“ได้สิ ถ้าเช่นนั้