เขาเม้มริมฝีปากน้อยๆ ท่าทีดูโกรธเคืองท่านพ่อเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปแม้แต่เขาก็จะตีในที่สุดเสิ่นคังก็ทนต่อไปไม่ไหว ขาเตะเข้าใส่เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หลบเท้าน้อยๆ ของเสิ่นคังไปเสิ่นคังเตะไม่โดนคน ยิ่งทำให้เขาโกรธจัดและเกลียดเจี่ยนอันอันสุดใจเขายกขาน้อยๆ ขึ้น แล้วเตะไปยังเจี่ยนอันอันติดต่อกันทว่าเขายังไม่ทันเตะโดนเจี่ยนอันอัน คนก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งหิ้วปีกขึ้น“ข้าว่าหากข้าไม่ลงโทษเจ้าสักที สักวันหนึ่งเจ้าก็คงจะลุกขึ้นมาพังบ้านเป็นแน่!”เสิ่นจือเจิ้งพูด มือข้างหนึ่งหิ้วคอเสื้อของเสิ่นคัง มืออีกข้างหนึ่งก็ตีก้นเขาอย่างแรงเสิ่นคังเจ็บเสียจนร้องออกมาเสียงดัง จนเจียงหว่านเอ๋อร์ที่มองอยู่ด้านข้างรู้สึกปวดใจ ทั้งยังรู้สึกโกรธเกลียดฉู่จวินสิงที่เดิมคิดจะสั่งสอนเด็กคนนี้ กลับไม่คิดเลยว่าจะถูกเสิ่นจือเจิ้งแย่งไปเสียก่อนเขาเหลือบมองเสิ่นจือเจิ้ง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเย็นชา ในตอนที่ตีลูกนั้นไม่ได้เบามือเลยแม้แต่น้อยฉู่จวินสิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “กล้าตีเจี่ยนอันอันของข้า เด็กนี่จะต้องสั่งสอนให้ดีๆ มิฉะนั้นแล้วต่อไปจะต้องกลายเป็นคนไม่ดีแน่!”หลังจากที่เสิ่นจือ
ท่านปู่เฉินพูด “ทั้งสองท่านรีบไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยเสียเถอะ อย่าได้มาปรากฏตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยอีก”เจียงหว่านเอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังไล่พวกนางแม่ลูกจากไปนางจูงมือน้อยของเสิ่นคังแล้วถลึงตามองทุกคนบริเวณนั้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ” เจียงหว่านเอ๋อร์ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ จากไป จนกระทั่งถึงหน้าประตูเรือน นางค่อยหันกลับมามองเจี่ยนอันอัน “ระหว่างเจ้ากับข้าไม่จบแค่นี้แน่ เจ้ารอดูไปเถอะ!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดจบก็จูงมือเสิ่นคังก้าวยาวๆ จากไปเสียงเสิ่นคังดังมาจากนอกเรือน “ท่านแม่ ต่อไปพวกเราจะไปไหนขอรับ?”“พวกเราไปที่ไหนก็เอาตัวรอดได้ทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไปจากที่นี่แล้วพวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้”“แต่ว่านะท่านแม่ พวกเราไปแล้ว ท่านพ่อก็จะอยู่กับนางปีศาจจิ้งจอกนั่นน่ะสิ ข้าไม่อยากให้นางปีศาจจิ้งจอกนั่นอยู่กับท่านพ่อ”เสิ่นคังคำก็นางปีศาจจิ้งจอกสองคำก็นางปีศาจจิ้งจอก ทำเอาเจี่ยนอันอันโมโหจนอยากเดินออกไปอัดเสิ่นคังสักยกเลยทีเดียวแต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น นางก้าวยาวๆ ออกจากเรือนมาจนถึงตรงหน้าเสิ่นคังรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้านาง ในมือมีขวดยาขนาดเล็กหนึ่งขวดเพิ่มมา
ยามนี้ขับไล่เจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นคังไปแล้ว ก็ทำให้เซียงเสวี่ยสามารถสงบใจปรนนิบัติเสิ่นจือเจิ้งได้เสียทีเจี่ยนอันอันเรียกเสิ่นจือเจิ้งมากินขนมไหว้พระจันทร์“พี่ใหญ่ วันนี้ถึงวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินการเกษตรแล้ว ข้ากับสาวใช้ในบ้านทำขนมไหว้พระจันทร์จำนวนหนึ่ง พวกท่านรีบมากินเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางให้เซียงเสวี่ยยกขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นโต๊ะเสิ่นจือเจิ้งเพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นานจึงไม่รู้ว่าเป็นวันใดเวลาใดแล้วได้ยินเจี่ยนอันอันกล่าวเช่นนี้ถึงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติเขาเห็นว่าขนมไหว้พระจันทร์จานนั้นเจี่ยนอันอันเป็นคนทำ จึงตรงเข้าไปหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเข้าปากเคี้ยวทันทีขนมไหว้พระจันทร์เพิ่งเข้าปากก็ส่งกลิ่นหอมหวานนุ่มละมุน ไส้ที่อยู่ในนั้นคืองาและถั่วลิสงเขาชูนิ้วโป้งให้เจี่ยนอันอัน “ฝีมือพัฒนาขึ้นนี่”ได้ยินพี่ใหญ่ชมตัวเองแล้ว เจี่ยนอันอันรู้สึกสุขใจมากจริงๆเสิ่นจืออวี้ก็เดินเข้ามาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นหนึ่งไปกินและชมเชยไม่ขาดปากเช่นกันเซียงเสวี่ยมองดูจนน้ำลายไหล นางอยากกินสักชิ้นเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจี่ยนอันอันตำหนิเจี่ยนอ
นำหม้อต้มยาออกมา ใส่ฟืนไว้ใต้หม้อแล้วจุดไฟเริ่มต้มยาขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังตั้งใจปรุงยาพิษอยู่ กลิ่นหอมประหลาดระลอกหนึ่งก็โชยมาเข้าจมูกเมื่อเจี่ยนอันอันได้กลิ่นหอมนี้ก็ลอบอุทานในใจว่า “แย่แล้ว!”นางรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างชาวาบไร้กำลังจึงรีบปิดจมูกเอาไว้ มือสั่นเทิ้มหยิบยาถอนพิษจากในมิติออกมากินหนึ่งเม็ดความรู้สึกชาวาบไร้กำลังพลันสลายไปเจี่ยนอันอันมองไปรอบๆ ด้วยแววตาขุ่นขึ้งก็เห็นฉู่จวินสิงก้าวยาวๆ เข้ามาหานางนางรีบร้องว่า “รีบกลั้นหายใจ!”ฉู่จวินสิงหัวใจหนักอึ้ง ทราบว่าเจี่ยนอันอันคงค้นพบอะไรบางอย่างเป็นแน่เขารีบกลั้นหายใจแล้วเดินมาถึงข้างกายเจี่ยนอันอันหลังจากเจี่ยนอันอันให้ฉู่จวินสิงกินยาถอนพิษไปหนึ่งเม็ด ฉู่จวินสิงค่อยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”เจี่ยนอันอันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าตื่นตัว แต่ก็ยังคงไม่เห็นเงาร่างของกู้มั่วหลีนางจำได้ว่าเคยได้กลิ่นหอมประหลาดนี้ในห้องลับแห่งนั้นครั้นกลิ่นหอมนี้เข้าไปในร่างกายก็จะทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว สมองยังไม่ฟังคำสั่งโชคดีที่ตอนนั้นนางสังเกตพบจึงแอบกินยาถอนพิษ ทำให้ตนเองไม่ตกอยู่ในเงื้อมมืออีกฝ่ายในไม่ช้ากลิ่นหอมนั้นก็ถูกลมพัดกระจายห
ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันอย่างรักใคร่เอ็นดูเจี่ยนอันอันทำยาพิษอยู่หนึ่งชั่วยามกว่า ในที่สุดก็ทำยาพิษที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จสิ้นนางเก็บหม้อต้มยาแล้วจัดการกับกองไฟนางหยัดร่างขึ้นปัดไม้ปัดมือ“ยาพิษทำเสร็จแล้ว ต่อไปถ้าคนบ้าผู้นั้นปรากฏตัวอีก ข้าจะต้องลองใช้กับเขาให้ได้เลย”เมื่อคนทั้งสองไปจากท้ายเรือนก็เห็นพวกจ้าวอู่สามคนมาเรียนวรยุทธ์อวี๋ว่านก็มากับพวกเขาด้วยเช่นกันอวี๋ว่านเห็นซ่างชิวมาที่เรือนตระกูลฉู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรอยู่ได้ทุกวันวันนี้เมื่อเขาเห็นซ่างชิวมาที่เรือนตระกูลฉู่อีกครั้งก็รีบร้องบอกให้อีกฝ่ายหยุดเมื่อได้รู้จากปากซ่างชิวว่าอีกฝ่ายมาเรียนวรยุทธ์ อวี๋ว่านก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมากหนนี้เขาจึงตามคนทั้งสามมาด้วยเพราะอยากเรียนวรยุทธ์ด้วยเหมือนกันเมื่ออวี๋ว่านเห็นซ่างชิวกับจ้าวอู่ซ้อมเตะอยู่ในลานเรือนขาของคนทั้งสองเตะได้สูงยิ่งนัก ลูกเตะแต่ละครั้งล้วนมีเสียงลมขวับเขวียวส่วนจ้าวลิ่วก็ยิ่งเรียนรู้ได้เร็วยิ่งกว่า เขากำลังซ้อมวรยุทธ์ระดับพื้นฐานอยู่อวี๋ว่านยิ่งอยากเรียนรู้ใจแทบขาดเขาเดินมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิง ประสานมือกล่าวกับทั้งสองว่า “ข
ท่านปู่เฉินไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้สามารถติดต่อกันได้แต่ครั้นคิดว่าสองวันนี้ตนเองมักไอบ่อยๆ ประกอบกับเมื่อครู่เจี่ยนอันอันยังมอบยาหนึ่งเม็ดให้เขากินหรือเขาจะติดวัณโรคมาเสียแล้ว?คิดถึงตรงนี้ สีหน้าท่านปู่เฉินก็พลันเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาลูกชายหญิงของเขาตายไปด้วยน้ำมือทหารตั้งแต่ตอนที่มีการฆ่าล้างเมืองในปีนั้นยามนี้ในบ้านเหลือเพียงเขากับภรรยาสองคนสองวันมานี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ไอบ่อยๆ แม้แต่ภรรยาที่บ้านก็มักไอบ่อยๆ เช่นกันหรือเขานำวัณโรคกลับมาที่บ้านแล้วทำให้ภรรยาติดต่อไปด้วยเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันถาม “ท่านปู่เฉิน สองวันนี้ท่านได้ไปมาหาสู่กับคนอื่นบ้างหรือไม่?”ท่านปู่เฉินส่ายหน้า “นอกจากบ้านคุณชายเสิ่น ข้าก็ไม่ได้ไปบ้านใครอีก”เจี่ยนอันอันระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เคราะห์ดีที่ท่านปู่เฉินเพิ่งติดวัณโรค ยังไม่หนักหนามากนักแค่ต้องกินยาต้มไม่กี่ชุดก็สามารถหายดีได้แล้วส่วนทางด้านเสิ่นจือเจิ้ง นางย่อมมียาเฉพาะทางไปรักษาท่านปู่เฉินไอติดต่อกันหลายทีอีกรอบก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “แม่นางเจี่ยน ที่บ้านข้ายังมีภรรยาคนหนึ่ง สองวันนี้นางก็ไอบ่อยๆ เหมือนข้า นางคงไม่ได้ติดโรคเข้าแล้วห
เจี่ยนอันอันวางยาเม็ดหนึ่งลงในมือเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งได้ยินคำว่าวัณโรคก็ขมวดคิ้วเบาๆเขาไม่ได้พูดอะไร ใส่ยาเข้าปากและกลืนทันทีเสิ่นจืออวี้ได้ยินคำของเจี่ยนอันอันเช่นกัน ขณะที่กำลังถามว่าอะไรคือวัณโรค ก็เห็นเจี่ยนอันอันยื่นยาเม็ดให้ตัวเองเขามองยาเม็ดในมือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงต้องให้เขากินด้วยเจี่ยนอันอันบอกเสิ่นจืออวี้เสียงเบา “หัวหน้าหมู่บ้านติดวัณโรค ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่ ข้าจึงกลัวว่าพวกท่านจะติดไปด้วย ท่านเองก็รีบกินเสีย”เสียงของเจี่ยนอันอันเบามาก เซียงเสวี่ยไม่ได้ยินแต่อย่างใดเสิ่นจืออวี้รู้ว่าโรคนี้สามารถติดต่อกันได้ เขารีบกินยาเม็ดในมือโดยพลันเซียงเสวี่ยเห็นคุณชายทั้งสองของสกุลเสิ่นกินยาเม็ดก็คิดในใจว่า ฮูหยินน้อยรองคงไม่หลอกว่าเป็นลูกกวาดกระมังเจี่ยนอันอันเห็นทั้งสามคนกินยาเม็ดรักษาเฉพาะทางก็วางใจลงในที่สุดเคราะห์ดีที่นางยังเหลือยาเม็ดรักษาเฉพาะทางอยู่จำนวนหนึ่ง เพียงพอให้คนเหล่านี้กินหากท่านปู่เฉินไปที่บ้านนาง เช่นนั้นคงแพร่กระจายโรคให้กับทุกคนในตระกูลฉู่รวมไปถึงพวกจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วที่มาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ถึงเวลานั้น ยาเม็ดรัก
ทั้งแปดคนตามหาทั่วหมู่บ้านชิงสุ่ยแต่ก็ไม่พบร่องรอยของเจี่ยนอันอันแต่อย่างใดท่าทีเคร่งเครียดของพวกเขาทำให้คนในหมู่บ้านชิงสุ่ยรู้สึกสงสัยตามไปด้วยหลินเซิงเดินเข้ามาหาอวี๋ว่านกับซ่างชิวและขวางทางพวกเขาไว้“เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้ากำลังหาอะไรอยู่?”อวี๋ว่านบอกเล่าเรื่องที่เจี่ยนอันอันหายตัวไปให้ฟังหลินเซิงได้ฟังดังนี้ก็ร้อนใจเช่นกันเจี่ยนอันอันดีต่อครอบครัวของเขาไม่น้อยเลย นางไม่เพียงรักษาภรรยาของเขา แต่ยังช่วยขจัดพิษให้ทุกคนในครอบครัวเขาน้ำพุใสที่บ้านมีรสชาติดีกว่าน้ำบ่อเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่าเขาไม่มีวันลืมบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิตเมื่อตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเจี่ยนอันอัน ตัวเขาย่อมมีหน้าที่ช่วยตามหาอีกแรง“ข้าจะไปช่วยตามหาด้วย” หลินเซิงว่าจบก็เดินไปตามหาที่อื่นร่วมกับอวี๋ว่านและซ่างชิวฉู่จวินสิงรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแค่กลับห้องไปหยิบร่มเท่านั้นเวลาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว เจี่ยนอันอันก็หายไปแล้วนอกจากกู้มั่วหลีแล้ว เขานึกไม่ออกว่าจะมีผู้ใดมีความสามารถมากพอที่จะจับตัวเจี่ยนอันอันไปได้อีกฉู่จวินสิงไปที่บ้านของเสิ่นจือเจิ้งเป็นที่แรก บอกเล่าเรื่องที่เจี่ยนอันอันหายตัวไป
ซางหมิงโบกมือไปมา “เจ้ากับข้าเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมาก่อน ไม่จำเป็นต้องมากพิธีเช่นนี้”“แต่ข้าเห็นว่าหน้ากากที่แม่นางผู้นี้สวมอยู่ประณีตมากทีเดียว สามารถถอดลงมาให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”ซางหมิงดูออกแต่แรกแล้วว่าหน้ากากที่คนทั้งสองสวมอยู่ทำมาจากหนังมนุษย์แต่ไม่รู้ว่าหน้ากากหนังมนุษย์นั้นใช้น้ำยาอะไรแช่จึงดูเกลี้ยงเกลาอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นนั้นเจี่ยนอันอันคิดในใจว่าในเมื่อนางกับฉู่จวินสิงมีเรื่องมาขอร้องผู้วิเศษซาง นางจึงตอบรับคำขอของฝ่ายตรงข้ามเจี่ยนอันอันถอดหน้ากากหนังมนุษย์ลงมา เผยให้เห็นโฉมหน้าดั้งเดิมของนางเมื่อซางหมิงเห็นรูปโฉมที่แท้จริงของเจี่ยนอันอันแล้วก็พลันประทับใจในความงามของนางฉู่จวินสิงไม่ได้แต่งแม่หนูผู้นี้เสียเปล่าจริงๆ นางไม่เพียงขวัญกล้าเกินคน แต่ยังมีรูปโฉมงดงามปานนี้เหมาะสมกับฉู่จวินสิงมากทีเดียวเมื่อซางหมิงรับหน้ากากหนังมนุษย์ไปก็อดถามไม่ได้ว่า “แม่หนู เจ้าชื่อว่าอะไรรึ ยินดีเรียนรู้วิชาแปลงโฉมกับข้าหรือไม่?”เจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าผู้วิเศษซางผู้นี้ยังคิดจะสอนวิชาแปลงโฉมให้นางอีกด้วยนางย่อมยินดีอยู่แล้ว“ศิษย์เจี่ยนอันอันคารวะอาจารย์เจ้าค่ะ”
ภายในห้องรกไปหมด กระทั่งพื้นที่จะวางเท้าสักที่ก็ยังไม่มีภาชนะแก้ววางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นบรรจุของเหลวสีเขียวและสีม่วงเอาไว้ของเหลวนั้นพ่นควันปุดๆ ควันขาวลอยฉุยออกมาจากภาชนะซางหมิงเห็นว่าคนทั้งสองยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ เขาจึงคว่ำปากเอ็ดว่า “ตรงนั้นก็นั่งได้ไม่ใช่เรอะ ยังไม่รีบนั่งลงอีก”ฉู่จวินสิงไม่ได้โกรธเคืองเพราะความเฉยชาของอีกฝ่ายแม้แต่น้อยเขาจูงมือเจี่ยนอันอันก้าวข้ามกระดาษที่กระจายอยู่บนพื้นไปถึงบริเวณที่ซางหมิงพูดถึงแล้วจึงเห็นเบาะนั่งสองเบาะใต้กองกระดาษถ้าไม่ได้รับการชี้แนะจากซางหมิง พวกเขาก็คงดูไม่ออกจริงๆ ว่าตรงนี้มีบริเวณที่สามารถนั่งได้อยู่หลังจากทั้งสองคนนั่งลงแล้วก็ไม่มีใครส่งเสียง รอให้ซางหมิงจัดการงานในมือเสร็จค่อยบอกกล่าวจุดประสงค์การมา“เรื่องของเจ้าข้ารู้แล้ว เจ้ากลับมาคราวนี้คิดจะโค่นราชสำนักของฮ่องเต้อย่างนั้นหรือ?”ซางหมิงกล่าวโดยไม่ได้เงยหน้า มือยังคงทำหน้ากากต่อไปฉู่จวินสิงก็ไม่คิดจะปิดบัง บอกเล่าแผนการที่กลับมาคราวนี้ออกมารอบหนึ่งซางหมิงแช่หน้ากากที่บางเบาดุจปีกจักจั่นในน้ำยาแล้วเงยหน้าขึ้นมองคนทั้งสอง“ท่านนี้คือผู้ใต้บังคับบัญชาที่เจ้าพามาด้ว
ฉู่จวินสิงพาเจี่ยนอันอันมาถึงตำหนักที่เขาเคยอยู่เจี่ยนอันอันไม่เข้าใจเลย ฉู่จวินสิงพานางมาที่นี่ทำไม?ที่นี่ว่างเปล่าโหวงเหวง อย่าว่าแต่โต๊ะเก้าอี้ แม้แต่เตียงนอนก็ยังถูกทหารที่มาริบทรัพย์ขนไปหมดแล้วฉู่จวินสิงคงไม่ได้มาที่นี่เพื่อหวนรำลึกถึงสิ่งที่เขาเคยมีหรอกนะขณะที่เจี่ยนอันอันลอบครุ่นคิดก็เห็นว่าฉู่จวินสิงไปหยุดยืนอยู่หน้าผนังด้านหนึ่งเขาออกแรงกดลงบนมุมหนึ่งของผนัง ผนังด้านนั้นไม่มีร่องใดอยู่เลยแม้แต่น้อยแต่กลับมีเสียง ‘ครืด’ ดังขึ้น ต่อจากนั้นผนังก็เริ่มขยับอุโมงค์ลับที่มืดสนิทปรากฏขึ้นเบื้องหน้าคนทั้งสองในที่สุดเจี่ยนอันอันก็เข้าใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าในจวนเยียนอ๋องจะซุกซ่อนสถานที่ลึกลับเช่นนี้เอาไว้ฉู่จวินสิงจูงมือเจี่ยนอันอันเดินเข้าไปในอุโมงค์ลับแห่งนั้นผนังด้านหลังปิดลงเสียงดัง ‘ครืด’ อย่างรวดเร็วเจี่ยนอันอันหยิบตะบันไฟออกมาจุด มองดูเปลวไฟที่ถูกลมจุดขึ้นบนตะบันไฟ นางก็รู้ว่าที่นี่จะต้องมีทางลับอื่นๆ อยู่ด้วยแน่นอนคนทั้งสองเดินลงบันได มาได้ไกลพอสมควรก็ถูกผนังที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลขวางทางไปเอาไว้ฉู่จวินสิงใช้ตะบันไฟส่องไปที่ผนังด้านนั้นแล้วหาปุ่มกดเจอได้ในทั
เจี่ยนอันอันถือโอกาสที่ทหารอีกสามคนหลับสนิทอยู่ จัดการป้อนยาสมานแผลใส่ปากให้เช่นกันเผื่อว่าเมื่อตื่นขึ้นมา ร่างกายจะได้บรรเทาความเจ็บปวดลงบ้างฉู่จวินสิงกำชับอีกหลายประโยค จึงติดตามเจี่ยนอันอันออกจากห้องขังไปการที่พวกเขาจู่ๆ หายตัวไปเช่นนั้น ย่อมทำให้ทหารสามคนที่บาดเจ็บสาหัส เกิดความตกใจจนอ้าปากค้างเดิมทีการปรากฏตัวกะทันหันของฉู่จวินสิง ก็ทำให้พวกเขาตกใจมากพอแล้วมิคาดว่าเขายังสามารถหายตัวไปต่อหน้าต่อตาพวกเขาอีกแล้วสิ่งที่พวกเขามองเห็น คือมนุษย์หรือภูตผีกันแน่?แต่เมื่อรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆ ดีขึ้น ทั้งสามก็เชื่อว่าที่เห็นนั้น คือเยียนอ๋องตัวจริงแน่นอนเพราะหากว่าเป็นภูตผี แล้วจะมาป้อนยาให้พวกเขาได้อย่างไร?ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันกลับมายังบ้านพักของอิ่นเจียง ร่วมหารือว่าลำดับต่อไปควรจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างไรเจี่ยนอันอันกล่าว “เมื่อครู่ข้าเห็นสภาพของเหล่าทหาร นอกจากสามคนที่บาดเจ็บสาหัสนั่นแล้ว ที่เหลือหลังจากกินยาไป ไม่เกินสองวันน่าจะหายเป็นปกติ”“เพียงแต่สามคนนั้นอาการหนักมาก ต่อให้กินยาสมานแผลไปจริง ก็อาจจะเดินเหินลำบาก”“ถ้าเราจะช่วยพวกเขาออกมา ก็อาจต้องเผชิญกับทหารร
หลังจากกำชับอีกหลายคำ ฉู่จวินสิงกับเจี่ยนอันอันจึงหายตัวไปทั้งคู่เดินไปยังด้านในสุดของเรือนจำการที่พวกเขาจู่ๆ อันตรธานหายไปเช่นนี้ ย่อมทำให้หลี่ว์ซางกับพวกต่างตกใจไม่น้อยทุกคนต่างพากันนั่งลง พร้อมวิจารณ์ไปต่างๆทหารอายุน้อยเอ่ยปากขึ้นก่อน “ท่านอ๋องของเราคงมิใช่ไปฝึกเวทมนตร์คาถาชนิดใดมาหรอกนะแล้วไฉนจึงปุบปับก็โผล่มา พริบตาก็หายวับไปเช่นนั้นได้?”หลี่ว์ซางตบท้ายทอยทหารรุ่นน้องอีกครั้ง “อย่าพูดเหลวไหล โลกนี้จะมีคาถากระไรได้?”ทหารอีกคนอดไม่ได้ที่จะแทรกขึ้น “แต่ข้าว่าน้องชายผู้นั้นร้ายกาจยิ่งกว่า ยาที่เขาให้พวกเรากิน ทำให้ข้ารู้สึกร่างกายดีขึ้นมาก”ทหารผู้น้อยทนเงียบไม่ไหว จึงได้กล่าวขึ้นอีก “ข้าว่าคงเพราะน้องชายผู้นั้นเก่งกล้าสามารถ เป็นคนถ่ายทอดอิทธิฤทธิ์ให้ท่านอ๋องของเรา”หลี่ว์ซางเกรงว่าเสียงพูดคุยของพวกเขา จะดังไปถึงหูผู้คุมเข้าจึงรีบเอ่ยปากห้ามปราม “เอาเถิด ทุกคนอย่าพูดอีกเลย ระวังผู้คุมจะมาได้ยินเข้า”“ยามนี้สำคัญคือพักฟื้นร่างกาย แล้วรอให้เยียนอ๋องมาช่วยพวกเราออกไป”ในที่สุดทุกคนจึงได้ยอมหุบปาก นั่งลงที่พื้นเพื่อปรับสภาพร่างกายฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูด
เขาถูกจองจำในคุกหลวงมาหลายวัน ไม่ว่าคนเหล่านั้นจะใช้วิธีทรมานอย่างหนักหน่วงเพียงใด เขาก็ไม่เคยคิดอ่อนข้อแม้แต่สักครั้งเดียวเฝ้ารอแล้วรอเล่ามาหลายวัน จนกระทั่งได้พบฉู่จวินสิงจริงๆ กลับแทบไม่เชื่อสายตาตนเองฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “เจ้าดูไม่ผิดหรอก ข้าคือฉู่จวินสิง”หลี่ว์ซางจำเสียงของฉู่จวินสิงได้ เขาตื้นตันจนไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไรได้แต่มือหนึ่งจับซี่กรงไม้ของห้องขังไว้ นิ้วมือกำแน่น“ท่านอ๋อง ท่านเข้ามาได้อย่างไร ทหารข้างนอกมิได้พบเห็นท่านหรอกหรือ?”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง สายตาคอยเหลียวมองออกไปด้านนอกดีที่พวกเขาพูดคุยเสียงเบามาก จึงไม่ถูกผู้คุมได้ยินเข้าข้างในอีกสี่คนนั้น ต่างก็ตื้นตันใจเช่นกันผู้ที่อายุน้อยหน่อย ถึงขั้นยกแขนเสื้อขึ้นมาซับน้ำตาในที่สุดก็รอจนเยียนอ๋องมาถึง พวกเขามีหวังได้รอดชีวิตแล้วฉู่จวินสิงต้องปลอบให้พวกเขาสงบสติอารมณ์ พลางถามหลี่ว์ซาง “มีแต่พวกเจ้าที่ถูกจับมากระนั้นหรือ?”หลี่ว์ซางรีบกล่าวตอบ “ยังมีอีกแปดคนของรับ แต่ถูกแยกขังไว้อีกห้องหนึ่ง”หลี่ว์ซางกล่าวพลาง ชี้นิ้วไปยังห้องที่อยู่ด้านในสุดหลังจากกล่าวจบ จึงได้ถอนหายใจหนักหน่วง“หากท่านอ๋องมาช่
แต่เขาถูกเนรเทศยกครัวไปอยู่เมืองอินเป่ยแล้ว เหตุใดจึงมีเสียงมาปรากฏที่คุกหลวงได้อีกหรือว่า หลายวันนี้ที่เขาแสร้งทำเป็นสติวิปลาส เพื่อหลีกหนีการลงทัณฑ์ที่แสนสาหัสกลับกลายเป็นภาพหลอนเกิดขึ้นกับตนแล้วหรือไร?เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองหน้าฉู่เทียนหัวซึ่งยืนตาค้าง แต่ไม่ไปสนใจเขา กลับเดินเข้าไปด้านในคุกหลวงอีกพร้อมสำรวจแต่ละห้องอย่างละเอียด ผู้ที่ถูกคุมขังอยู่ภายในนั้น บ้างก็นั่งบ้างก็นอน พักผ่อนไปตามเรื่องแต่ตามร่างกายของแต่ละคน ล้วนเต็มไปด้วยคราบเลือดมากมายและขณะที่ทั้งคู่เดินลึกไปยังด้านใน พลันมีเสียงพูดคุยกระซิบกระซาบ แว่วเข้ามาในโสตประสาท“ป่านนี้พวกแม่ทัพเฉินคงหนีไปถึงเมืองอินเป่ยแล้วกระมัง?”“ขอเพียงพวกเขาได้พบเจอกับเยียนอ๋อง เราก็จะมีหวังรอดชีวิต”“ยามนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นกับชะตาของพวกแม่ทัพเฉิน หวังว่าจะสามารถหลบหนีการตามล่าของเหล่าทหาร จนได้พบเยียนอ๋องโดยเร็ว”“เฮ้ พวกเราอยู่ในนี้แทบไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้ว”“ช่างเถิด รีบนอนเสีย พรุ่งนี้อาจถูกทรมานหนักหน่วงอีกหนึ่งวัน”“แต่ขอให้ทุกคนอดทนไว้ ตราบใดที่เยียนอ๋องไม่มาช่วยพวกเรา เราจะไม่ย
“คนที่บ้านกลับไปหมดแล้วรึ?”“อึม ไปหมดแล้ว”“พวกเขาไปที่ใด?”“ไปเล่นดินเล่นทรายอยู่ข้างนอก”ฉู่เทียนหัวบ่นพึมพำด้วยประโยคเหล่านี้ซ้ำซาก เขาพูดเองเออเอง ทั้งยังเอาศีรษะโขกกำแพงอีกหลายทีจากนั้นก็หัวเราะเสียงดังฮ่าๆ ออกมาเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงมองดูฉู่เทียนหัวแทบไม่กะพริบตา เพื่อจะดูว่าเขาเสียสติจริงหรือเสแสร้งกันแน่ฉู่เทียนหัวโขกศีรษะไปครู่หนึ่ง จึงได้หันกลับมาอีกเขาเดินไปยังหน้าประตูห้องขัง พร้อมเอามือจับซี่กรงแล้วโยกแรงๆ อยู่หลายทีเจี่ยนอันอันพอดียืนอยู่ตรงนั้น เมื่อเห็นมือที่ยื่นออกมาเบื้องหน้า จึงรีบถอยหลังเร็วพลันเสียงฝีเท้านางแม้ว่าจะแผ่วเบา แต่ยังคงเข้าหูฉู่เทียนหัวอยู่ดีสายตาของฉู่เทียนหัวผุดแววฉงนที่ผ่านไปเพียงวูบหนึ่งไม่นานก็คืนสู่ภาวะปกติ โดยเอามือไขว่คว้ากลางอากาศ พร้อมใส่เข้าปากเคี้ยวกินหนุบหนับร่างกายยังคงสั่นเทาเป็นระยะ เคี้ยวอากาศไปพลาง ปากก็บ่นพึมพำไปเรื่อย“ข้าคือโอรสแห่งสวรรค์ สวรรค์จะไม่ปล่อยให้ข้าอดอยาก สวรรค์ประทานของดีแก่ข้ามากมาย ฮี่ๆๆ...”แต่แววฉงนที่ปรากฏในดวงตาฉู่เทียนหัวเมื่อครู่ กลับตกอยู่ในสายตาของคนทั้งสองฉู่จวินสิงดูออกในฉับพลัน
หากผู้ที่กลับมาเมื่อวานไม่ใช่อิ่นเจียงตัวจริง ฮ่องเต้ย่อมต้องกำจัดคนผู้นั้นเป็นแม่นมั่นถึงตอนนั้นเมื่อใด ฮ่องเต้ก็จะส่งคนไปเมืองอินเป่ยเพื่อตรวจสอบอีกครั้งและถ้าครอบครัวฉู่จวินสิงยังไม่ตายจริง ก็จะสามารถกวาดล้างทีเดียวให้สิ้นซากแต่สิ่งที่เจี่ยนกั๋วกงไม่คาดคิดก็คือ ผลลัพธ์ออกมากลับกลายเป็นตรงข้ามฮ่องเต้ไม่เพียงไม่เข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ ยังจ้องมองด้วยพระเนตรดุดันอีก“ในเมื่อเกิดเหตุมาหลายวันแล้ว มาบอกข้าตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ช่างไม่เอาไหนนัก”ฉู่ชางเหยียนตำหนิเจี่ยนกั๋วกงอย่างรุนแรงไม่ไว้หน้า พร้อมทั้งโบกมือด้วยความหงุดหงิด เป็นเชิงบอกให้เขาถอยไปทำให้ถึงที่สุดแล้ว เจี่ยนกั๋วกงก็ไม่อาจกล่าวถึงจุดประสงค์แท้จริงของตนได้หลังจากรับคำว่า “พ่ะย่ะค่ะ” แล้ว จึงถอยกลับไปอยู่ที่เดิมเจี่ยนอันอันมองผ่านกล้องรูเข็ม เห็นสีหน้าเจี่ยนกั๋วกงบ่งบอกถึงความไม่พอใจยิ่งแสดงว่าเจี่ยนกั๋วกงไม่เชื่อนางกับฉู่จวินสิง เขาคงอยากให้ฉู่ชางเหยียนส่งคนไปสืบที่เมืองอินเป่ยซ้ำอีกตาแก่รกโลกสมควรตายผู้นี้ คิดอาฆาตหมายสังหารครอบครัวฉู่จวินสิงให้หมดสิ้นจริงๆ!เจี่ยนอันอันกลับไปมองภาพเหตุการณ