ยามนี้ขับไล่เจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นคังไปแล้ว ก็ทำให้เซียงเสวี่ยสามารถสงบใจปรนนิบัติเสิ่นจือเจิ้งได้เสียทีเจี่ยนอันอันเรียกเสิ่นจือเจิ้งมากินขนมไหว้พระจันทร์“พี่ใหญ่ วันนี้ถึงวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินการเกษตรแล้ว ข้ากับสาวใช้ในบ้านทำขนมไหว้พระจันทร์จำนวนหนึ่ง พวกท่านรีบมากินเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางให้เซียงเสวี่ยยกขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นโต๊ะเสิ่นจือเจิ้งเพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นานจึงไม่รู้ว่าเป็นวันใดเวลาใดแล้วได้ยินเจี่ยนอันอันกล่าวเช่นนี้ถึงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติเขาเห็นว่าขนมไหว้พระจันทร์จานนั้นเจี่ยนอันอันเป็นคนทำ จึงตรงเข้าไปหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเข้าปากเคี้ยวทันทีขนมไหว้พระจันทร์เพิ่งเข้าปากก็ส่งกลิ่นหอมหวานนุ่มละมุน ไส้ที่อยู่ในนั้นคืองาและถั่วลิสงเขาชูนิ้วโป้งให้เจี่ยนอันอัน “ฝีมือพัฒนาขึ้นนี่”ได้ยินพี่ใหญ่ชมตัวเองแล้ว เจี่ยนอันอันรู้สึกสุขใจมากจริงๆเสิ่นจืออวี้ก็เดินเข้ามาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นหนึ่งไปกินและชมเชยไม่ขาดปากเช่นกันเซียงเสวี่ยมองดูจนน้ำลายไหล นางอยากกินสักชิ้นเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจี่ยนอันอันตำหนิเจี่ยนอ
เจี่ยนอันอันยังคงงัวเงีย รู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับมือของนางและบังคับให้นางกดนิ้วลงบนบางสิ่งบางอย่างนางตอบสนองทันทีด้วยการฟาดฝ่ามือกลับไปเต็มแรงทันใดนั้นก็มีเสียง ‘เพียะ’ ดังขึ้นตามด้วยเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราดของชายวัยกลางคน“นังเด็กอกตัญญู กล้าดียังไงมาทำร้ายบิดาของเจ้า! ข้าจะส่งเจ้าไปหามารดาที่ตายไปแล้วของเจ้าเดี๋ยวนี้!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินคำพูดนั้น หัวใจของนางพลันเย็นเยียบทันทีคนบ้าอะไรกล้าด่าแม่ของนางเช่นนี้ รนหาที่ตาย!เจี่ยนอันอันลืมตาขึ้นทันที เห็นชายแปลกหน้าในชุดโบราณกำลังเงื้อมมือขึ้นหมายจะฟาดหน้านางเจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะเตะเข้าที่ท้องของชายคนนั้นเต็มแรงชายคนนั้นถูกเตะจนถอยหลังไปหลายก้าวกว่าจะหยุดลงได้ในฐานะที่เป็นกั๋วกงแห่งแคว้นไท่ยวน ถูกบุตรีแท้ ๆ ทำร้าย ซ้ำยังถูกทำร้ายต่อหน้าธารกำนัลเช่นนี้อีกใบหน้าของเจี่ยนกั๋วกงเขียวคล้ำด้วยความโกรธ เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยดวงตาแดงก่ำเขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว หมายจะบีบคอเจี่ยนอันอันให้ตายทันใดนั้น ฮูหยินรองก็รีบพูดขึ้นว่า “นายท่าน ตอนนี้ยังฆ่านางไม่ได้นะเจ้าคะ”“หากนางตาย ใครจะไปแต่งกับเยียน
บ่าวรับใช้รับคำสั่ง รีบหยิบเชือกออกมาเพื่อจะมัดตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันกลับคว้าเชือกไว้ได้ ก่อนจะก้าวอาด ๆ มาตรงหน้าเจี่ยนกั๋วกงนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเจี่ยนกั๋วกงไม่ทันตั้งตัว และเชือกก็ถูกคล้องเข้าที่ลำคอของเขาแล้วเจี่ยนอันอันดึงเชือกจนแน่น ทำให้เจี่ยนกั๋วกงหายใจไม่ออกทันทีนางตวาดเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าน่ารังเกียจ! หนังสือตัดขาดนั่นเจ้าเก็บรักษาไว้ให้ดี อย่าทำหายเสียเล่า”“จำคำพูดของเจ้าวันนี้ไว้ให้ดี วันหน้าเมื่อข้าโบยบินขึ้นสูง เจ้าก็อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายขอคืนดีกับข้าแล้วกัน!”สิ้นประโยค เจี่ยนอันอันก็เตะเจี่ยนกั๋วกงจนล้มลงกับพื้นฮูหยินรองรีบวิ่งมาพยุงเจี่ยนกั๋วกง ก่อนจะหันมาถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน“เจี่ยนอันอัน นังลูกทรพี! เจ้ากล้าตบตีบิดาแท้ ๆ ของเจ้าได้อย่างไร”“พวกข้าดูแลเจ้าให้เติบโตมาแท้ ๆ แต่เจ้ากลับไม่รู้จักบุญคุณ แถมยังคิดฆ่าบิดาของเจ้าอีก!”“จวนกั๋วกงของเรา ไยจึงเลี้ยงดูเด็กเนรคุณเช่นเจ้าออกมาได้”ในขณะเดียวกัน เจี่ยนหลิงเยว่บุตรสาวของฮูหยินรองก็เดินเข้ามานางด่าเจี่ยนอันอันอย่างโกรธจัด “เจี่ยนอันอัน ทางที่ดีเจ้าไปตายอยู่ข้างนอกเสีย แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”
ในตอนนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้านางบนหน้าจอนั้นมีข้อความว่า [ต้องผูกชะตากับเยียนอ๋องเท่านั้นจึงจะเปิดมิติได้ มิเช่นนั้นมิติจะระเบิดภายในสิบวินาที][ไม่ทราบว่าจะทำการผูกชะตาหรือไม่?]เจี่ยนอันอันที่เพิ่งยิ้มแย้มอย่างสดใส ยามนี้หน้าถอดสีทันทีเมื่อเห็นว่าการนับถอยหลังของมิติเริ่มขึ้น เจี่ยนอันอันไม่มีเวลาคิดมาก รีบตะโกนในใจว่า “ผูกสิ ข้าจะผูกชะตา!”การนับถอยหลังของมิติหยุดลง และมีข้อความปรากฏขึ้นอีกครั้งว่า [ผูกชะตาสำเร็จ มิติถูกเปิดแล้ว]เจี่ยนอันอันรีบดึงยาชนิดใหม่ออกมาจากมิติและโยนเข้าปากทันทีโดยไม่คิดลังเลในเมื่อหนีการแต่งงานไม่ได้ นางก็ต้องเริ่มวางแผนสำหรับวันข้างหน้าก่อนอื่นนางต้องสะสมเสบียงจำนวนมาก เพื่อให้ในวันที่ถูกเนรเทศ จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานไปกับคนในครอบครัวของจวนเยียนอ๋องในเมื่อบิดาของร่างเดิมตั้งใจจะตัดขาดกับนาง เช่นนั้นนางก็จะขนทรัพย์สินของจวนกั๋วกงไปให้หมดก่อนเจี่ยนอันอันหลับตาแล้วกล่าวในใจว่า “ล่องหน ไปยังคลังสมบัติของจวนกั๋วกง”ทันใดนั้นร่างกายของนางก็หายไป วินาทีถัดมานางก็มาปรากฏตัวในคลังสมบัติของจวนกั๋วกงผ้าไหมแพรพรร
เพื่อที่จะไล่พ่อครัวหลวงเหล่านี้ออกไป เจี่ยนอันอันจึงหยิบผงยาถ่ายออกจากมิติแล้วโปรยใส่หน้าพวกเขาหลังจากพ่อครัวหลวงหลายคนสูดผงยาระบายเข้าไปได้ไม่นาน พวกเขาก็เริ่มบ่นปวดท้อง แล้วรีบกุมท้องวิ่งออกจากห้องเครื่องกันไปหมดเจี่ยนอันอันฮัมเพลงไปพลาง กินขนมไปพลาง พร้อมกับโยนขนมและอาหารจากห้องครัวหลวงทั้งหมดเข้าไปในมิติของนางนางเหลือบมองผักและธัญพืชที่วางเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมถึงเนื้อที่ถูกหั่นไว้แล้วเจี่ยนอันอันคิดว่าต้องนำวัตถุดิบเหล่านี้ไปด้วยถึงจะดีเมื่อถูกเนรเทศ นางจะได้ใช้วัตถุดิบเหล่านี้ทำอาหารอร่อย ๆ ได้เมื่อคิดได้ดังนั้น เจี่ยนอันอันก็รีบขนวัตถุดิบทั้งหมดลงในมิติทันทีหลังจากเจี่ยนอันอันออกจากห้องเครื่องหลวง นางก็คิดว่าควรจะลองไปดูเยียนอ๋องผู้นั้นสักหน่อยวินาทีต่อมา นางก็ปรากฏตัวในคุกโดยพลันในขณะนั้น ฉู่จวินสิงซึ่งก็คือเยียนอ๋องกำลังถูกทรมานอย่างหนักร่างกายของเขาถูกทุบตีจนหนังเปิดเนื้อแตก เสื้อผ้าอาภรณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยโลหิตจนแดงฉานแม้จะเป็นเช่นนั้น ฉู่จวินสิงก็ไม่ส่งเสียงครวญครางแม้แต่น้อยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะยกนิ้วโป้งให้เขานางรู้สึกชื่นชมเขาจากใจจริงว่
ผู้คุมหลายคนได้กลิ่นเหม็นรุนแรงจากการผายลม แต่พวกเขาไม่กล้าอุดจมูกหรือหลบเลี่ยงทำได้เพียงกลั้นใจและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกขันทีใหญ่ก็วิ่งตามออกมาด้วย ขณะเดินตามหลังฮ่องเต้ก็มีสีหน้ากังวลเขากลัวจริง ๆ ว่าฮ่องเต้อาจพลาดปล่อยลมออกมา แล้วเผลอทำเลอะในกางเกงเจี่ยนอันอันที่ล่องหนอยู่ มองเห็นท่าทางน่าสมเพชของฮ่องเต้สุนัขที่ดูเหมือนจะถ่ายไม่หยุด นางก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ยาระบายที่นางใช้ไม่มีทางแก้ได้ พอจะทำให้ฮ่องเต้สุนัขนี้ถ่ายไม่หยุดถึงเจ็ดวันเจ็ดคืนเมื่อเห็นว่าเวลาได้ที่แล้ว เจี่ยนอันอันก็ออกจากวังหลวงแล้วกลับมาที่เกี้ยวแต่งงานในทันทีในเวลานี้ เกี้ยวแต่งงานได้หยุดอยู่หน้าจวนเยียนอ๋องแล้วไร้เงาของชายฉกรรจ์สี่คนที่หามเกี้ยวมาเจี่ยนอันอันดึงผ้าคลุมหน้าสีแดงออก ก่อนจะเปิดม่านเกี้ยวแล้วก้าวออกมาอย่างมั่นใจนางเห็นว่าหน้าจวนเยียนอ๋องได้ถูกล้อมโดยทหารรักษาพระองค์แล้วเสียงร้องไห้และเสียงด่าทอดังมาจากภายในจวนเยียนอ๋องเจี่ยนอันอันไม่สนใจทหารรักษาพระองค์เหล่านั้น นางก้าวเดินเข้าไปในจวนเยียนอ๋องอย่างไม่ลังเลทันทีที่นางเดินเข้าไปก็เห็นว่าภายในจวนเยียนอ
หลังจากที่คนในตระกูลคนอื่นได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ ก็รู้สึกประหลาดใจในตัวตนคุณหนูใหญ่ของเจี่ยนอันอันเป็นอย่างมากนางไม่ใช่คุณหนูรองที่ฮ่องเต้พระราชทานสมรสให้หรอกหรือนี่แต่หลังจากได้ยินเจี่ยนอันอันยืนกรานว่าจะไม่แต่งด้วยหากไม่ใช่เยียนอ๋อง พวกเขาก็รู้สึกประทับใจในความจริงใจของเจี่ยนอันอันช่างเป็นแม่นางที่จิตใจดีงามเหลือเกิน ยอมออกเรือนแทนน้องสาวของตัวเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เลือกแต่งเข้ามาในจวนเยียนอ๋องของพวกเขายอมรับโทษเนรเทศไปตกระกำลำบากกับพวกตนอาศัยเพียงความจริงใจนี้ของนาง พวกเขาก็จะปฏิบัติต่อนางเสมือนสมาชิกในครอบครัวของตัวเองแล้วขณะนั้นเอง เหล่าทหารรักษาพระองค์ที่ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจค้นก็กลับมากันแล้วพวกเขายืนเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ รายงานต่อหัวหน้าทหารรักษาพระองค์ว่า “รายงานท่านหัวหน้า คลังสมบัติในจวนเยียนอ๋องว่างเปล่าขอรับ”“ในห้องของเยียนอ๋องก็ว่างเปล่าเช่นกัน”“ในห้องของคนอื่นๆ ในตระกูลก็ว่างเปล่าเช่นกันขอรับ”หัวหน้าทหารรักษาพระองค์นิ่งอึ้งไป คนในจวนเยียนอ๋องต่างก็อึ้งเช่นกันนี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเก็บทรัพย์สินไว้ที่เดิมโดยไม่ได้ไปแตะต้องเลยนี่ แต่กลับไม่
ฮูหยินใหญ่เห็นดังนั้นก็คิดจะปราดเข้าไปขวางตรงหน้าฉู่จวินสิงนั่นคือลูกชายคนเล็กของนาง ยามนี้ถูกฮ่องเต้ทำร้ายจนถึงขนาดนี้แล้วตอนนี้แม้แต่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาช่างเหมือนดังคำกล่าวที่ว่าเสือตกที่นั่งลำบากยังถูกสุนัขรังแกโดยแท้ตอนนี้ถึงต้องแลกด้วยชีวิต นางก็จะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำร้ายลูกชายนางเด็ดขาดเจี่ยนอันอันเห็นฮูหยินใหญ่จะพุ่งเข้าไปก็รีบดึงตัวอีกฝ่ายไว้“ฮูหยินใหญ่เจ้าคะ อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่นเจ้าค่ะ” เจี่ยนอันอันกระซิบข้างหูฮูหยินใหญ่ฮูหยินใหญ่หันกลับมามองเจี่ยนอันอัน ไม่เข้าใจว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงขัดขวางตนเองขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูดอยู่นั้นก็ตั้งท่าเตรียมจะซัดเข็มเงินอีกเล่มใส่หัวหน้าทหารรักษาพระองค์เข็มเงินในมือนางเล่มนี้เคลือบยาพิษเอาไว้ พอทิ่มแทงลงไปก็จะทำให้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ผู้นี้เป็นอัมพาตทั่วร่างทันทีถึงตอนนั้นนางก็สามารถใช้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์มาบีบบังคับทหารรักษาพระองค์เหล่านี้ได้หัวหน้าทหารรักษาพระองค์ในยามนั้นเห็นว่ายังคงไม่มีใครก้าวออกมาเขาเงื้อดาบในมือขึ้นแล้วฟันลงบนร่างฉู่จวินสิงทันทีเห็นกับตาว่าคมดาบกำลังจะฟันล
ยามนี้ขับไล่เจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นคังไปแล้ว ก็ทำให้เซียงเสวี่ยสามารถสงบใจปรนนิบัติเสิ่นจือเจิ้งได้เสียทีเจี่ยนอันอันเรียกเสิ่นจือเจิ้งมากินขนมไหว้พระจันทร์“พี่ใหญ่ วันนี้ถึงวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินการเกษตรแล้ว ข้ากับสาวใช้ในบ้านทำขนมไหว้พระจันทร์จำนวนหนึ่ง พวกท่านรีบมากินเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางให้เซียงเสวี่ยยกขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นโต๊ะเสิ่นจือเจิ้งเพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นานจึงไม่รู้ว่าเป็นวันใดเวลาใดแล้วได้ยินเจี่ยนอันอันกล่าวเช่นนี้ถึงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติเขาเห็นว่าขนมไหว้พระจันทร์จานนั้นเจี่ยนอันอันเป็นคนทำ จึงตรงเข้าไปหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเข้าปากเคี้ยวทันทีขนมไหว้พระจันทร์เพิ่งเข้าปากก็ส่งกลิ่นหอมหวานนุ่มละมุน ไส้ที่อยู่ในนั้นคืองาและถั่วลิสงเขาชูนิ้วโป้งให้เจี่ยนอันอัน “ฝีมือพัฒนาขึ้นนี่”ได้ยินพี่ใหญ่ชมตัวเองแล้ว เจี่ยนอันอันรู้สึกสุขใจมากจริงๆเสิ่นจืออวี้ก็เดินเข้ามาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นหนึ่งไปกินและชมเชยไม่ขาดปากเช่นกันเซียงเสวี่ยมองดูจนน้ำลายไหล นางอยากกินสักชิ้นเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจี่ยนอันอันตำหนิเจี่ยนอ
ท่านปู่เฉินพูด “ทั้งสองท่านรีบไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยเสียเถอะ อย่าได้มาปรากฏตัวในหมู่บ้านชิงสุ่ยอีก”เจียงหว่านเอ๋อร์คิดไม่ถึงเลยว่าแม้แต่หัวหน้าหมู่บ้านก็ยังไล่พวกนางแม่ลูกจากไปนางจูงมือน้อยของเสิ่นคังแล้วถลึงตามองทุกคนบริเวณนั้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ” เจียงหว่านเอ๋อร์ว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ จากไป จนกระทั่งถึงหน้าประตูเรือน นางค่อยหันกลับมามองเจี่ยนอันอัน “ระหว่างเจ้ากับข้าไม่จบแค่นี้แน่ เจ้ารอดูไปเถอะ!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดจบก็จูงมือเสิ่นคังก้าวยาวๆ จากไปเสียงเสิ่นคังดังมาจากนอกเรือน “ท่านแม่ ต่อไปพวกเราจะไปไหนขอรับ?”“พวกเราไปที่ไหนก็เอาตัวรอดได้ทั้งนั้น ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไปจากที่นี่แล้วพวกเราจะใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้”“แต่ว่านะท่านแม่ พวกเราไปแล้ว ท่านพ่อก็จะอยู่กับนางปีศาจจิ้งจอกนั่นน่ะสิ ข้าไม่อยากให้นางปีศาจจิ้งจอกนั่นอยู่กับท่านพ่อ”เสิ่นคังคำก็นางปีศาจจิ้งจอกสองคำก็นางปีศาจจิ้งจอก ทำเอาเจี่ยนอันอันโมโหจนอยากเดินออกไปอัดเสิ่นคังสักยกเลยทีเดียวแต่นางไม่ได้ทำเช่นนั้น นางก้าวยาวๆ ออกจากเรือนมาจนถึงตรงหน้าเสิ่นคังรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้านาง ในมือมีขวดยาขนาดเล็กหนึ่งขวดเพิ่มมา
เขาเม้มริมฝีปากน้อยๆ ท่าทีดูโกรธเคืองท่านพ่อเปลี่ยนไปแล้ว เปลี่ยนไปแม้แต่เขาก็จะตีในที่สุดเสิ่นคังก็ทนต่อไปไม่ไหว ขาเตะเข้าใส่เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันถอยหลังไปก้าวหนึ่ง หลบเท้าน้อยๆ ของเสิ่นคังไปเสิ่นคังเตะไม่โดนคน ยิ่งทำให้เขาโกรธจัดและเกลียดเจี่ยนอันอันสุดใจเขายกขาน้อยๆ ขึ้น แล้วเตะไปยังเจี่ยนอันอันติดต่อกันทว่าเขายังไม่ทันเตะโดนเจี่ยนอันอัน คนก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งหิ้วปีกขึ้น“ข้าว่าหากข้าไม่ลงโทษเจ้าสักที สักวันหนึ่งเจ้าก็คงจะลุกขึ้นมาพังบ้านเป็นแน่!”เสิ่นจือเจิ้งพูด มือข้างหนึ่งหิ้วคอเสื้อของเสิ่นคัง มืออีกข้างหนึ่งก็ตีก้นเขาอย่างแรงเสิ่นคังเจ็บเสียจนร้องออกมาเสียงดัง จนเจียงหว่านเอ๋อร์ที่มองอยู่ด้านข้างรู้สึกปวดใจ ทั้งยังรู้สึกโกรธเกลียดฉู่จวินสิงที่เดิมคิดจะสั่งสอนเด็กคนนี้ กลับไม่คิดเลยว่าจะถูกเสิ่นจือเจิ้งแย่งไปเสียก่อนเขาเหลือบมองเสิ่นจือเจิ้ง ก็เห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าเย็นชา ในตอนที่ตีลูกนั้นไม่ได้เบามือเลยแม้แต่น้อยฉู่จวินสิงพูดขึ้นอย่างเย็นชา “กล้าตีเจี่ยนอันอันของข้า เด็กนี่จะต้องสั่งสอนให้ดีๆ มิฉะนั้นแล้วต่อไปจะต้องกลายเป็นคนไม่ดีแน่!”หลังจากที่เสิ่นจือ
ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันจะออกไป ก็รีบเดินเข้ามาเขารู้ว่าเจี่ยนอันอันจะนำขนมไหว้พระจันทร์ไปส่งให้เสิ่นจือเจิ้งในตอนที่ทั้งสองคนมาถึงยังด้านนอกเรือนของเสิ่นจือเจิ้ง ก็ได้ยินเสียงของเซียงเสวี่ยพูดดังลอยมาจากด้านใน“ทำไมเจ้าถึงยังไม่ไปอีก หรือต้องให้ข้าใช้ไม้กวาดไล่พวกเจ้าออกไป?”เสิ่นจืออวี้เองก็พูดขึ้น “พี่สะใภ้ ท่านไปเสียเถอะ อย่ามาที่นี่อีกเลย”ตามมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาของเสิ่นจือเจิ้ง “ตอนนี้นางไม่ใช่พี่สะใภ้ของเจ้าแล้ว หากว่าเจ้ายังคงคิดถึงนาง เจ้าก็ออกไปพร้อมกับนางเสียเถอะ”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินมาถึงตรงนี้ ก็รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้นนางยกมือขึ้นไปเคาะประตูเรือน ไม่นานนักก็มีเสียงฝีเท้าลอยดังออกมาเซียงเสวี่ยเปิดประตู ก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันมาพร้อมกับฉู่จวินสิง ในที่สุดใบหน้าของนางก็เผยรอยยิ้มออกมา“นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง ในที่สุดพวกท่านก็มาแล้ว”เจี่ยนอันอันเดินเข้ามา ก็มองเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์จับมือเสิ่นคัง ยืนอยู่ในลานเรือนใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ยังเปื้อนไปด้วยน้ำตาในตอนที่เจียงหว่านเอ๋อร์เห็นเจี่ยนอันอัน นางก็กัดริมฝีปากอย่างแรงคนที่นางเกลียดมากที่สุดมาไ
นอกจากนี้แล้ว ขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ จะอบอย่างไรกัน?นางคิดอยากจะซื้อเตาอบมาจากร้านค้าทว่าเตาอบยังต้องการเสียบปลั๊กถึงจะใช้ได้ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีไฟฟ้า ของสิ่งนั้นซื้อมาก็ไม่อาจใช้ได้นางมองไปยังขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำออกมาเสร็จแล้วบนโต๊ะ ก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ที่จวนเยียนอ๋องของพวกเจ้ากิน คงไม่ใช่ว่าไม่มีลวดลายหรอกกระมัง”สี่เอ๋อร์หัวเราะ “คิกๆ” ออกมา แล้วนำแม่พิมพ์ไม้ออกมาจากด้านล่างโต๊ะบนนั้นสลักลวดลายงดงามเอาไว้มากมายเจี่ยนอันอันเองก็ยินดี แล้วลอบตำหนิตนเองที่เมื่อครู่ถามคำถามโง่ๆ ออกไป“สี่เอ๋อร์ แม่พิมพ์พวกนี้เจ้าเอามาจากที่ใดกัน?”คงจะไม่ใช่สี่เอ๋อร์ที่สลักออกมาเองหรอกกระมังสี่เอ๋อร์มองไปยังซ่างชิวที่อยู่ด้านนอก แล้วพูด “ข้าขอให้พี่ซ่างชิวช่วยแกะสลักให้เจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฝีมืองานของซ่างชิวนั้นดีมาก ประตูเรือนที่เคยอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยติดตั้งให้ซ่างชิวเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะจริงๆ ไม่แน่ว่างานฝีมือของเขา ในภายหน้ายังคงจะมีประโยชน์ให้ได้ใช้สี่เอ๋อร์นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำเสร็จแล้ว วางใส่ในแม่พิมพ์แล้วกดลงไปไม่น
ฉู่จวินหลุนยิ้มเศร้าออกมา หัวลูกธนูนี้อยู่ในร่างกายของเขามานาน ในที่สุดก็ถูกนำออกมาแล้วดูเหมือนว่าในที่สุด ก็จะมีวันที่เขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่ต้องนั่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วเวินอี๋และเหยียนเซ่ากำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกจ้าวอู่ทั้งสามคนอยู่ในลานบ้านพวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เสียงเตะต่อยของพวกเขาลอยดังเข้ามาในหูของฉู่จวินหลุนเขาอยากจะลุกขึ้นให้ได้ในเร็ววัน แล้วไปฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกเขาเพียงแต่สองขาเป็นอัมพาตมานานหลายปี และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ ที่แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เตะเข้าเป้าฉู่จวินสิงมองความคิดของพี่ใหญ่ออก เขาตบลงไปบนไหล่ของฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่พักผ่อนให้สบายใจเถิด วันหน้าท่านจะต้องเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้แน่”ฉู่จวินหลุนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนนี้เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และไม่คิดที่จะพูดอะไรมากความฉู่จวินสิงมองไปยังหน้าผากของพี่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าพี่ใหญ่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินออกมาเขาเรียกเจี่ยนอันอัน
ถังหมิงเซวียนบอกเจี่ยนอันอันว่าตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางหากว่าเจี่ยนอันอันคิดดีแล้ว ก็ให้ไปหาเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ถังหมิงเซวียนขึ้นขี่ม้า แล้วออกไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขายังคงตามหาเบาะแสของเหยียนซวงต่อไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อเจี่ยนอันอันเก็บล่วมยาเข้าไปในห้วงมิติ ก็เห็นฉู่จื่อซีกำลังวิ่งไล่แม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในสวนแม่ไก่ตัวนั้นวิ่งมาข้างเท้าของเจี่ยนอันอัน แล้วหลบอยู่ด้านหลังของนางฉู่จื่อซีชี้ไปยังแม่ไก่ที่ส่งเสียงขันออกมา“ท่านป้า เสี่ยวฮวาบอกว่ามันกำลังจะออกไข่ ข้าอยากดูมันออกไข่ แต่มันกลับไม่ยอมให้ข้าดู”เจี่ยนอันอันนึกถึงไก่พวกนั้นที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน มีแม่ไก่หกตัว ไก่ตัวผู้ตัวใหญ่หนึ่งตัวพวกมันล้วนแต่ได้ดื่มน้ำพุวิญญาณ ทำให้อ้วนท้วนเป็นอย่างมากเมื่อแม่ไก่ได้ยินคำของฉู่จื่อซี ก็รีบวิ่งออกจากข้างเท้าของเจี่ยนอันอันกลับไปยังรังของมันตอนนี้มันรอไม่ไหวที่จะออกไข่แล้ว และจำเป็นต้องไปออกที่รังของมันเท่านั้นเมื่อแม่ไก่ส่งเสียงร้อง “กะต๊าก” ดังขึ้น ไข่ฟองหนึ่งก็ถูกเบ่งออกมาฉู่จื่อซีปิดปากเล็กๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านป้า เ
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้