ยามนี้ขับไล่เจียงหว่านเอ๋อร์และเสิ่นคังไปแล้ว ก็ทำให้เซียงเสวี่ยสามารถสงบใจปรนนิบัติเสิ่นจือเจิ้งได้เสียทีเจี่ยนอันอันเรียกเสิ่นจือเจิ้งมากินขนมไหว้พระจันทร์“พี่ใหญ่ วันนี้ถึงวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินการเกษตรแล้ว ข้ากับสาวใช้ในบ้านทำขนมไหว้พระจันทร์จำนวนหนึ่ง พวกท่านรีบมากินเร็วเข้า”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางให้เซียงเสวี่ยยกขนมไหว้พระจันทร์ขึ้นโต๊ะเสิ่นจือเจิ้งเพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่นานจึงไม่รู้ว่าเป็นวันใดเวลาใดแล้วได้ยินเจี่ยนอันอันกล่าวเช่นนี้ถึงรู้ว่าวันนี้เป็นวันที่สิบห้าเดือนแปดตามปฏิทินจันทรคติเขาเห็นว่าขนมไหว้พระจันทร์จานนั้นเจี่ยนอันอันเป็นคนทำ จึงตรงเข้าไปหยิบหนึ่งชิ้นขึ้นมาเข้าปากเคี้ยวทันทีขนมไหว้พระจันทร์เพิ่งเข้าปากก็ส่งกลิ่นหอมหวานนุ่มละมุน ไส้ที่อยู่ในนั้นคืองาและถั่วลิสงเขาชูนิ้วโป้งให้เจี่ยนอันอัน “ฝีมือพัฒนาขึ้นนี่”ได้ยินพี่ใหญ่ชมตัวเองแล้ว เจี่ยนอันอันรู้สึกสุขใจมากจริงๆเสิ่นจืออวี้ก็เดินเข้ามาหยิบขนมไหว้พระจันทร์ชิ้นหนึ่งไปกินและชมเชยไม่ขาดปากเช่นกันเซียงเสวี่ยมองดูจนน้ำลายไหล นางอยากกินสักชิ้นเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าจะถูกเจี่ยนอันอันตำหนิเจี่ยนอ
นำหม้อต้มยาออกมา ใส่ฟืนไว้ใต้หม้อแล้วจุดไฟเริ่มต้มยาขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังตั้งใจปรุงยาพิษอยู่ กลิ่นหอมประหลาดระลอกหนึ่งก็โชยมาเข้าจมูกเมื่อเจี่ยนอันอันได้กลิ่นหอมนี้ก็ลอบอุทานในใจว่า “แย่แล้ว!”นางรู้สึกเพียงว่าทั่วร่างชาวาบไร้กำลังจึงรีบปิดจมูกเอาไว้ มือสั่นเทิ้มหยิบยาถอนพิษจากในมิติออกมากินหนึ่งเม็ดความรู้สึกชาวาบไร้กำลังพลันสลายไปเจี่ยนอันอันมองไปรอบๆ ด้วยแววตาขุ่นขึ้งก็เห็นฉู่จวินสิงก้าวยาวๆ เข้ามาหานางนางรีบร้องว่า “รีบกลั้นหายใจ!”ฉู่จวินสิงหัวใจหนักอึ้ง ทราบว่าเจี่ยนอันอันคงค้นพบอะไรบางอย่างเป็นแน่เขารีบกลั้นหายใจแล้วเดินมาถึงข้างกายเจี่ยนอันอันหลังจากเจี่ยนอันอันให้ฉู่จวินสิงกินยาถอนพิษไปหนึ่งเม็ด ฉู่จวินสิงค่อยถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”เจี่ยนอันอันมองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าตื่นตัว แต่ก็ยังคงไม่เห็นเงาร่างของกู้มั่วหลีนางจำได้ว่าเคยได้กลิ่นหอมประหลาดนี้ในห้องลับแห่งนั้นครั้นกลิ่นหอมนี้เข้าไปในร่างกายก็จะทำให้เป็นอัมพาตทั้งตัว สมองยังไม่ฟังคำสั่งโชคดีที่ตอนนั้นนางสังเกตพบจึงแอบกินยาถอนพิษ ทำให้ตนเองไม่ตกอยู่ในเงื้อมมืออีกฝ่ายในไม่ช้ากลิ่นหอมนั้นก็ถูกลมพัดกระจายห
ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันอย่างรักใคร่เอ็นดูเจี่ยนอันอันทำยาพิษอยู่หนึ่งชั่วยามกว่า ในที่สุดก็ทำยาพิษที่จำเป็นทั้งหมดเสร็จสิ้นนางเก็บหม้อต้มยาแล้วจัดการกับกองไฟนางหยัดร่างขึ้นปัดไม้ปัดมือ“ยาพิษทำเสร็จแล้ว ต่อไปถ้าคนบ้าผู้นั้นปรากฏตัวอีก ข้าจะต้องลองใช้กับเขาให้ได้เลย”เมื่อคนทั้งสองไปจากท้ายเรือนก็เห็นพวกจ้าวอู่สามคนมาเรียนวรยุทธ์อวี๋ว่านก็มากับพวกเขาด้วยเช่นกันอวี๋ว่านเห็นซ่างชิวมาที่เรือนตระกูลฉู่บ่อยๆ ไม่รู้ว่าเขามาทำอะไรอยู่ได้ทุกวันวันนี้เมื่อเขาเห็นซ่างชิวมาที่เรือนตระกูลฉู่อีกครั้งก็รีบร้องบอกให้อีกฝ่ายหยุดเมื่อได้รู้จากปากซ่างชิวว่าอีกฝ่ายมาเรียนวรยุทธ์ อวี๋ว่านก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมากหนนี้เขาจึงตามคนทั้งสามมาด้วยเพราะอยากเรียนวรยุทธ์ด้วยเหมือนกันเมื่ออวี๋ว่านเห็นซ่างชิวกับจ้าวอู่ซ้อมเตะอยู่ในลานเรือนขาของคนทั้งสองเตะได้สูงยิ่งนัก ลูกเตะแต่ละครั้งล้วนมีเสียงลมขวับเขวียวส่วนจ้าวลิ่วก็ยิ่งเรียนรู้ได้เร็วยิ่งกว่า เขากำลังซ้อมวรยุทธ์ระดับพื้นฐานอยู่อวี๋ว่านยิ่งอยากเรียนรู้ใจแทบขาดเขาเดินมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิง ประสานมือกล่าวกับทั้งสองว่า “ข
ท่านปู่เฉินไม่รู้จริงๆ ว่าโรคนี้สามารถติดต่อกันได้แต่ครั้นคิดว่าสองวันนี้ตนเองมักไอบ่อยๆ ประกอบกับเมื่อครู่เจี่ยนอันอันยังมอบยาหนึ่งเม็ดให้เขากินหรือเขาจะติดวัณโรคมาเสียแล้ว?คิดถึงตรงนี้ สีหน้าท่านปู่เฉินก็พลันเปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาลูกชายหญิงของเขาตายไปด้วยน้ำมือทหารตั้งแต่ตอนที่มีการฆ่าล้างเมืองในปีนั้นยามนี้ในบ้านเหลือเพียงเขากับภรรยาสองคนสองวันมานี้ไม่ได้มีแค่เขาที่ไอบ่อยๆ แม้แต่ภรรยาที่บ้านก็มักไอบ่อยๆ เช่นกันหรือเขานำวัณโรคกลับมาที่บ้านแล้วทำให้ภรรยาติดต่อไปด้วยเสียแล้ว?เจี่ยนอันอันถาม “ท่านปู่เฉิน สองวันนี้ท่านได้ไปมาหาสู่กับคนอื่นบ้างหรือไม่?”ท่านปู่เฉินส่ายหน้า “นอกจากบ้านคุณชายเสิ่น ข้าก็ไม่ได้ไปบ้านใครอีก”เจี่ยนอันอันระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เคราะห์ดีที่ท่านปู่เฉินเพิ่งติดวัณโรค ยังไม่หนักหนามากนักแค่ต้องกินยาต้มไม่กี่ชุดก็สามารถหายดีได้แล้วส่วนทางด้านเสิ่นจือเจิ้ง นางย่อมมียาเฉพาะทางไปรักษาท่านปู่เฉินไอติดต่อกันหลายทีอีกรอบก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้าลำบากใจ “แม่นางเจี่ยน ที่บ้านข้ายังมีภรรยาคนหนึ่ง สองวันนี้นางก็ไอบ่อยๆ เหมือนข้า นางคงไม่ได้ติดโรคเข้าแล้วห
เจี่ยนอันอันวางยาเม็ดหนึ่งลงในมือเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งได้ยินคำว่าวัณโรคก็ขมวดคิ้วเบาๆเขาไม่ได้พูดอะไร ใส่ยาเข้าปากและกลืนทันทีเสิ่นจืออวี้ได้ยินคำของเจี่ยนอันอันเช่นกัน ขณะที่กำลังถามว่าอะไรคือวัณโรค ก็เห็นเจี่ยนอันอันยื่นยาเม็ดให้ตัวเองเขามองยาเม็ดในมือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเจี่ยนอันอันจึงต้องให้เขากินด้วยเจี่ยนอันอันบอกเสิ่นจืออวี้เสียงเบา “หัวหน้าหมู่บ้านติดวัณโรค ก่อนหน้านี้เขาเคยมาที่นี่ ข้าจึงกลัวว่าพวกท่านจะติดไปด้วย ท่านเองก็รีบกินเสีย”เสียงของเจี่ยนอันอันเบามาก เซียงเสวี่ยไม่ได้ยินแต่อย่างใดเสิ่นจืออวี้รู้ว่าโรคนี้สามารถติดต่อกันได้ เขารีบกินยาเม็ดในมือโดยพลันเซียงเสวี่ยเห็นคุณชายทั้งสองของสกุลเสิ่นกินยาเม็ดก็คิดในใจว่า ฮูหยินน้อยรองคงไม่หลอกว่าเป็นลูกกวาดกระมังเจี่ยนอันอันเห็นทั้งสามคนกินยาเม็ดรักษาเฉพาะทางก็วางใจลงในที่สุดเคราะห์ดีที่นางยังเหลือยาเม็ดรักษาเฉพาะทางอยู่จำนวนหนึ่ง เพียงพอให้คนเหล่านี้กินหากท่านปู่เฉินไปที่บ้านนาง เช่นนั้นคงแพร่กระจายโรคให้กับทุกคนในตระกูลฉู่รวมไปถึงพวกจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วที่มาเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ถึงเวลานั้น ยาเม็ดรัก
ทั้งแปดคนตามหาทั่วหมู่บ้านชิงสุ่ยแต่ก็ไม่พบร่องรอยของเจี่ยนอันอันแต่อย่างใดท่าทีเคร่งเครียดของพวกเขาทำให้คนในหมู่บ้านชิงสุ่ยรู้สึกสงสัยตามไปด้วยหลินเซิงเดินเข้ามาหาอวี๋ว่านกับซ่างชิวและขวางทางพวกเขาไว้“เกิดอะไรขึ้น พวกเจ้ากำลังหาอะไรอยู่?”อวี๋ว่านบอกเล่าเรื่องที่เจี่ยนอันอันหายตัวไปให้ฟังหลินเซิงได้ฟังดังนี้ก็ร้อนใจเช่นกันเจี่ยนอันอันดีต่อครอบครัวของเขาไม่น้อยเลย นางไม่เพียงรักษาภรรยาของเขา แต่ยังช่วยขจัดพิษให้ทุกคนในครอบครัวเขาน้ำพุใสที่บ้านมีรสชาติดีกว่าน้ำบ่อเมื่อก่อนเป็นร้อยเท่าเขาไม่มีวันลืมบุญคุณนี้ไปตลอดชีวิตเมื่อตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับเจี่ยนอันอัน ตัวเขาย่อมมีหน้าที่ช่วยตามหาอีกแรง“ข้าจะไปช่วยตามหาด้วย” หลินเซิงว่าจบก็เดินไปตามหาที่อื่นร่วมกับอวี๋ว่านและซ่างชิวฉู่จวินสิงรู้สึกกังวลใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาแค่กลับห้องไปหยิบร่มเท่านั้นเวลาเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว เจี่ยนอันอันก็หายไปแล้วนอกจากกู้มั่วหลีแล้ว เขานึกไม่ออกว่าจะมีผู้ใดมีความสามารถมากพอที่จะจับตัวเจี่ยนอันอันไปได้อีกฉู่จวินสิงไปที่บ้านของเสิ่นจือเจิ้งเป็นที่แรก บอกเล่าเรื่องที่เจี่ยนอันอันหายตัวไป
เมื่อก่อนนี้ ไม่ว่าเจี่ยนหลิงเยว่จะปฏิบัติต่อร่างเดิมอย่างไรก็จะได้รับการให้อภัยจากร่างเดิมเสมอร่างเดิมมองว่าพวกนางเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่ต่างกันแค่มารดาน้องสาวคนนี้เพียงแต่ถูกฮูหยินรองตามใจจนเสียนิสัยเท่านั้น โดยเนื้อแท้แล้วไม่ได้เลวร้ายเลยด้วยเหตุนี้ เจี่ยนหลิงเยว่จึงมักจะรังแกร่างเดิมหนักขึ้นเรื่อยๆแต่แล้วท่าทีเย็นชาของเจี่ยนอันอันตอนนี้กลับทำให้เจี่ยนหลิงเยว่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยนี่ยังใช่พี่หญิงที่ถูกก่นด่าทุบตีโดยไม่ตอบโต้ผู้นั้นอยู่อีกหรือเหตุใดนางจึงดูเปลี่ยนเป็นคนละคนตั้งแต่ที่ถูกเนรเทศ?เจี่ยนหลิงเยว่ด่าเจี่ยนอันอันในใจว่าไม่รู้จักเห็นคุณค่า การได้รับอ้อมกอดจากนางถือเป็นพระคุณต่อเจี่ยนอันอันด้วยซ้ำใบหน้าของเจี่ยนหลิงเยว่ยังคงประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ“ท่านพี่ ข้าคือหลิงเยว่อย่างไรเล่า ท่านคงไม่ได้ลืมข้าแล้วกระมัง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น ต่อให้กลายเป็นเถ้าถ่าน นางก็ไม่มีทางลืมเจี่ยนหลิงเยว่แต่ไม่รู้ว่าเจี่ยนหลิงเยว่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร หรือว่านางจะแอบหนีออกจาจวนกั๋วกง?ความคิดนี้เพิ่งจะผุดขึ้นในหัวก็ถูกเจี่ยนอันอันสลัดทิ้งทันทีจอมหลงทางที่ไร้สมองแบบเจี่ยนหล
ในตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในไม่ช้าประตูก็เปิดออก เงาร่างของกู้มั่วหลีปรากฏสู่สายตาของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันรู้อยู่แล้วว่ากู้มั่วหลีเป็นคนจับนางมาตอนที่นางกำลังทำยารักษาเฉพาะทางของวัณโรคอยู่ที่สวนหลังบ้าน นางได้กลิ่นหอมประหลาดตอนนั้นเจี่ยนอันอันไม่ได้กินยาถอนพิษในทันที แต่ยอมปล่อยให้กู้มั่วหลีจับตัวนางมามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางได้เข้าใกล้กู้มั่วหลีนอกจากนี้ นางจะได้ทดลองยาพิษที่คิดค้นก่อนหน้านี้กับกู้มั่วหลีด้วยเช่นกันหากนางสามารถสังหารคนวิกลจริตแบบกู้มั่วหลีได้ด้วยมือตัวเอง คลังอาวุธก็จะสามารถเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วกู้มั่วหลีเห็นว่าเจี่ยนอันอันฟื้นแล้วก็ยกยิ้มเดินมาที่เบื้องหน้านาง“เหตุใดจึงฟื้นเร็วแบบนี้ ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหรือ”น้ำเสียงของกู้มั่วหลีนุ่มนวล เสมือนกำลังเอ่ยถ้อยคำเอาใจใส่กับภรรยาของตัวเองเจี่ยนอันอันแค่นเสียงก่อนจะพูดเสียงเย็น “ลองให้ข้าลักพาตัวเจ้าบ้างดีหรือไม่ จะได้เห็นว่าเจ้านอนต่อลงหรือเปล่า”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้กู้ม่อหลีเงยหน้าหัวเราะลั่น เจี่ยนหลิงเยว่ที่อยู่ด้านข้างเห็นทั้งสองคนมีท่าทีสนิทสนมกันก็มุ่นคิ้วเล็
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ