ในตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้นในไม่ช้าประตูก็เปิดออก เงาร่างของกู้มั่วหลีปรากฏสู่สายตาของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันรู้อยู่แล้วว่ากู้มั่วหลีเป็นคนจับนางมาตอนที่นางกำลังทำยารักษาเฉพาะทางของวัณโรคอยู่ที่สวนหลังบ้าน นางได้กลิ่นหอมประหลาดตอนนั้นเจี่ยนอันอันไม่ได้กินยาถอนพิษในทันที แต่ยอมปล่อยให้กู้มั่วหลีจับตัวนางมามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้นางได้เข้าใกล้กู้มั่วหลีนอกจากนี้ นางจะได้ทดลองยาพิษที่คิดค้นก่อนหน้านี้กับกู้มั่วหลีด้วยเช่นกันหากนางสามารถสังหารคนวิกลจริตแบบกู้มั่วหลีได้ด้วยมือตัวเอง คลังอาวุธก็จะสามารถเลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วกู้มั่วหลีเห็นว่าเจี่ยนอันอันฟื้นแล้วก็ยกยิ้มเดินมาที่เบื้องหน้านาง“เหตุใดจึงฟื้นเร็วแบบนี้ ไม่นอนต่ออีกสักหน่อยหรือ”น้ำเสียงของกู้มั่วหลีนุ่มนวล เสมือนกำลังเอ่ยถ้อยคำเอาใจใส่กับภรรยาของตัวเองเจี่ยนอันอันแค่นเสียงก่อนจะพูดเสียงเย็น “ลองให้ข้าลักพาตัวเจ้าบ้างดีหรือไม่ จะได้เห็นว่าเจ้านอนต่อลงหรือเปล่า”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้กู้ม่อหลีเงยหน้าหัวเราะลั่น เจี่ยนหลิงเยว่ที่อยู่ด้านข้างเห็นทั้งสองคนมีท่าทีสนิทสนมกันก็มุ่นคิ้วเล็
เจี่ยนหลิงเยว่ยืนอยู่ด้านนอก นางทาบหูกับประตูเพื่อแอบฟังบทสนทนาด้านในแต่เสียงพูดของทั้งสองคนเบามาก นางไม่ได้ยินอะไรแม้แต่คำเดียวในตอนนี้เอง ประตูห้องได้เปิดออกเมื่อประตูเปิดออก ร่างกายของเจี่ยนหลิงเยว่ก็เซเข้าสู่อ้อมอกของกู้มั่วหลีเพราะเสียการทรงตัวเจี่ยนหลิงเยว่รีบผละออกจากร่างเขาด้วยความตกใจ นางก้มหน้าอธิบายว่า “คุณชายกู้ ข้าเพียงอยากรู้เท่านั้นว่าท่านจะออกมาเมื่อไร ไม่ได้แอบฟังแม้แต่น้อย”กู้มั่วหลีดึงมือเจี่ยนหลิงเยว่และพานางออกจากที่นี่เจี่ยนหลิงเยว่คิดว่าตัวเองจะถูกกู้มั่วหลีดุด่า นึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดนางลอบยินดีในใจ ดูแล้วกู้มั่วหลีคงประทับใจในความงามของนางเป็นแน่แล้วตอนนี้เขามีแต่จะทะนุถนอมนางด้วยซ้ำ จะดุด่าลงได้อย่างไรกู้มั่วหลีไม่ได้พูด ทว่าความเย็นยะเยียบภายในแววตาเขากลับเพิ่มขึ้นหลายส่วนทั้งที่เกิดจากบิดาคนเดียวกันแท้ๆ ทว่าอุปนิสัยของทั้งสองคนกลับต่างกันราวฟ้ากับเหวเขาชอบหญิงสาวแบบเจี่ยนอันอัน ทุกครั้งที่พบกันจะต้องปากคอเราะร้ายเสมอ ไม่เคยแสดงความอ่อนแอผิดกับเจี่ยนหลิงเยว่ที่แสร้งทำตัวใสซื่อไร้เดียงสาทั้งยังคิดว่าตัวเองงดงามปา
เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันอยู่สองสามวินาทีก่อนจะปล่อยตัวนาง“ในเมื่ออยากเห็นหน้าตาของข้ามากขนาดนั้น เช่นนั้นเจ้าก็ช่วยถอดหน้ากากให้ข้าเองเถอะ”เจี่ยนอันอันใช้มือข้างหนึ่งปิดปากกู้มั่วหลี ไม่อยากให้เขาฉวยโอกาสจุมพิตนางแต่มืออีกข้างกำลังถือขวดยาพิษไว้อยู่ หากจะถอดหน้ากากก็ต้องเก็บขวดยาพิษก่อนเจี่ยนอันอันลังเลครู่หนึ่ง ตัดสินใจเก็บขวดยาพิษกลับสู่ห้วงมิตินางถอดหน้ากากของกู้มั่วหลีอย่างรวดเร็วด้วยมือข้างเดียวดวงหน้าที่หล่อเหลาจนปวงชนทั่วหล้าต้องตกตะลึงปรากฏสู่สายตาของเจี่ยนอันอันแต่ดวงหน้านี้มีความชั่วร้ายเจืออยู่หลายส่วนกู้มั่วหลีเห็นเจี่ยนอันอันจ้องมองตัวเองด้วยท่าทีตื่นตะลึงมุมปากของเขายกโค้ง จุมพิตในฝ่ามือเจี่ยนอันอันอย่างแผ่วเบาเจี่ยนอันอันสะอิดสะเอียนจนเกือบจะอาเจียนออกมานางโยนหน้ากากลงพื้น ขวดยาพิษที่เปิดฝาแล้วปรากฏในมือ“เป็นอย่างไร เคลิบเคลิ้มหลงใหลไปกับใบหน้าของข้าแล้วใช่หรือไม่?”กู้มั่วหลีคิดว่าเจี่ยนอันอันหลงใหลในตัวเอง ภายในดวงตาเย็นยะเยียบของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเจี่ยนอันอันมีรอยยิ้มบนใบหน้าเช่นกัน แต่รอยยิ้มนี้กลับเจือด้วยโหดเหี้ยมกระหายเลือดนางกล่าวด้วยรอ
เสียงของกู้มั่วหลีดังขึ้นอีกครั้ง “น้องสาวของเจ้าจะมีชีวิตได้อีกไม่นาน หากเจ้ารีบนักก็ตามไปอยู่เป็นเพื่อนนางเลยเถิด”ขณะที่กู้มั่วหลีพูด แววตาของเขาทอประกายชั่วร้ายเหี้ยมโหดมือของเขาบีบแรงขึ้น บีบจนเจี่ยนอันอันหายใจไม่ออกหนักกว่าเดิมเจี่ยนอันอันกำกริชในมือไว้แน่น เตรียมจะแทงเข้าที่คอของกู้มั่วหลีแต่ในจังหวะนี้เอง จู่ๆ มือที่กำลังบีบคอนางก็คลายออกกู้มั่วหลีก้าวถอยหลังสองสามก้าว มุมปากมีโลหิตสายหนึ่งไหลออกมาเจี่ยนอันอันรีบหายใจสูดอากาศคำโตเมื่อได้รับอิสรภาพครั้นเงยหน้ามองไปทางกู้มั่วหลีก็พบว่าเขาหน้าซีดไม่ต่างจากกระดาษโลหิตที่ไหลออกมาทางมุมปากมีปริมาณมากยิ่งขึ้นดูเหมือนเม็ดยาพิษน่าจะออกฤทธิ์แล้วเจ้าหมอนี่บอกว่ายาพิษใช้ไม่ได้ผลกับตัวเองมิใช่หรือ ตอนนี้คงได้ลิ้มรสความรู้สึกของการถูกพิษร้ายกัดกินแล้วใช่หรือไม่?กู้มั่วหลีกุมหน้าอกกระอักโลหิตอย่างแรงเรียวคิ้วเขาขมวดกันแน่น แววตาฉายแววประหลาดใจหลายปีมานี้ เขาคอยคิดค้นและพัฒนายาพิษอยู่ตลอดเพื่อทดสอบประสิทธิภาพของยาพิษแล้ว เขาจะทดลองยาพิษทุกตัวที่คิดค้นกับร่างกายตัวเองสามารถพูดได้ว่า เขาฝึกฝนจนมีคุณสมบัติร่างกายที่สา
เจี่ยนหลิงเยว่กัดฟันด้วยความเคียดแค้น ตอนนี้นางเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งร่างจนพูดอะไรไม่ออกสายตาจ้องมองไปทางประตู ทว่ากู้มั่วหลีกลับไม่ปรากฏกายแต่อย่างใดเจี่ยนอันอันรู้ว่าเจี่ยนหลิงเยวี่ยคิดอะไร นางหัวเราะเบาๆ ว่า “กู้มั่วหลีหนีไปแล้ว อย่าหวังว่าเขาจะมาช่วยเจ้า”เจี่ยนอันอันว่าพลางโน้มตัวลงไปตบให้เจี่ยนหลิงเยว่หันหน้ามาจากนั้นโรยผงยาพิษลงบนใบหน้าของเจี่ยนหลิงเยว่ เจี่ยนหลิงเยว่หลบไม่ทัน นางรู้สึกคันบนใบหน้าทันที“กรี๊ด หน้าข้า!” เจี่ยนหลิงเยว่กรีดร้องพลางยกมือขึ้นเกาหน้าอย่างแรงรอยโลหิตหลายรอยปรากฏบนใบหน้าอย่างรวดเร็วเดิมทีเจี่ยนหลิงเยว่ก็เจ็บปวดจนแทบเจียนตายอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาถูกเจี่ยนอันอันโรยผงยาพิษใส่อีกตอนนี้นางแทบจะอยากตายให้พ้นๆ ไปด้วยซ้ำแต่นางจะตายไม่ได้ กว่าจะมาถึงเมืองอินเป่ยไม่ใช่ง่ายๆ แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ยังไม่เคยพบ จะยอมตายง่ายแบบนี้ได้อย่างไรเจี่ยนหลิงเยว่ตัวสั่นเทิ้ม นางถลึงตาใส่เจี่ยนอันอัน “เจ้าโรยอะไรใส่ข้ากันแน่?”เจี่ยนอันอันยักไหล่ “ก็ไม่ได้มีอะไร ก็แค่ผงยาพิษที่ข้าคิดค้นขึ้นมาใหม่ ทดลองใช้กับหน้าเจ้าดูว่าได้ผลหรือไม่”ถ้อยคำของเจี่ยนอันอันทำให้เจี่ยน
เมื่อเจี่ยนอันอันปรากฏตัวอีกครั้ง นางก็พบว่าตัวเองไม่ได้กลับมาที่หมู่บ้านชิงสุ่ยแต่อย่างใดแต่มาอยู่ที่อำเภอไถหยางเจี่ยนอันอันไม่เข้าใจ เหตุใดฟังก์ชันเคลื่อนย้ายมวลสสารของนางถึงได้ค่อยๆ เสื่อมประสิทธิภาพเคราะห์ดีที่นางออกจากจวนเป่าจวิ้นได้อย่างรวดเร็ว ไม่ถูกกู้มั่วหลีเจอตัวในตอนนี้เอง เจี่ยนอันอันสังเกตเห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการจากที่ว่าการอำเภอเหมือนกำลังตามหาอะไรกันอยู่ครั้นพวกเขาหันมาเห็นเจี่ยนอันอันก็รีบวิ่งเข้ามาหา“แม่นางเจี่ยน ท่านหายไปที่ใดมา พวกข้าตามหากันแทบแย่”บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการหอบหายใจ แต่ละคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกเพียงแค่ตามหาตัวเจี่ยนอันอันพบ พวกเขาก็จะกลับไปรายงานกับท่านนายอำเภอได้แล้วเจี่ยนอันอันรู้ว่าการหายตัวไปอย่างฉับพลันของตัวเองคงทำให้ฉู่จวินสิงออกมาตามหาอีกแล้วเป็นแน่นางกำลังจะพูดอะไรก็ได้ยินเสียงรถม้าในไม่ช้าก็เห็นเงาร่างที่มีทีท่าร้อนใจของฉู่จวินสิงบนรถม้าไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว แต่ยังมีพวกจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วด้วยดูแล้วการหายตัวไปของนางน่าจะเป็นที่รับรู้ของคนอื่นๆ ในหมู่บ้านชิงสุ่ยเช่นกันทุกคนต่างออกมาช่วยตามหากันหมดเมื่อฉู่จวินสิง
เจี่ยนอันอันไม่รู้ว่าบริเวณคอที่ถูกกู้มั่วหลีบีบได้กลายเป็นสีดำเมื่อความรู้สึกชาเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เจี่ยนอันอันก็รู้สึกหายใจไม่ออกเวลานี้ รถม้าได้เดินทางมาถึงเนินเขาสือหลี่เจี่ยนอันอันหายใจคำโต อยากให้ความความรู้สึกหายใจไม่ออกเช่นนี้ผ่านพ้นไปโดยเร็วฉู่จวินสิงสังเกตเห็นอาการผิดปกติของเจี่ยนอันอัน เขารีบคว้าแขนทั้งสองข้างของนาง“อันอัน เจ้าเป็นอะไร?”เจี่ยนอันอันอยากพูด แต่นางกลับพบว่าตัวเองเปล่งเสียงอะไรไม่ออกนางนำยาถอนพิษออกมาจากห้วงมิติด้วยมือสั่นเทิ้ม ขณะที่กำลังจะใส่เข้าปากก็รู้สึกว่าภาพเบื้องหน้ามืดดับเจี่ยนอันอันสบถในใจ นางนั้นวูบหมดสติไปยาเม็ดที่อยู่ในมือกลิ้งออกจากรถม้าไม่มีผู้ใดมองเห็นยาถอนพิษเม็ดนั้น ทุกคนตื่นตกใจกับอาการของเจี่ยนอันอัน“อันอัน!”“แม่นางเจี่ยน!”ทุกคนบนรถม้ารู้สึกตกใจกับอาการของเจี่ยนอันอันทุกคนร้องเรียกชื่อของเจี่ยนอันอัน ทว่านางกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อยฉู่จวินสิงตะโกนด้วยความร้อนใจ “เลี้ยวกลับ กลับไปที่อำเภอไถหยาง”เหยียนเซ่าซึ่งรับหน้าที่ขับรถม้าเห็นเจี่ยนอันอันหมดสติก็เลี้ยวรถม้ากลับไปทางอำเภอไถหยางทันทีหัวใจของฉู่จวินสิงกระด
ฉู่จวินสิงก้าวเท้าเร็วรี่เข้ามายืนตรงหน้าถังหมิงเซวียน เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “คุณชายถัง เจ้ารีบดูเถิดว่าอันอันเป็นอะไรไป?”ถังหมิงเซวียนมองเจี่ยนอันอันที่อยู่ในอ้อมแขนของฉู่จวินสิง เห็นนางหลับตาสนิท ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากดำคล้ำแม้แต่บริเวณลำคอของนาง ยังปรากฏรอยดำปื้นใหญ่ถังหมิงเซวียนรู้ได้ทันทีว่าเจี่ยนอันอันถูกพิษร้ายแรง“รีบอุ้มนางไปห้องของข้าเร็วเข้า”ถังหมิงเซวียนกล่าวจบก็วิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองฉู่จวินสิงรีบตามไปติด ๆ ส่วนคนอื่น ๆ ต่างรออยู่หน้าโรงเตี๊ยม“อันอันเป็นอะไรไป?”เมื่อเข้าไปในห้อง ฉู่จวินสิงจึงวางเจี่ยนอันอันลงบนเตียงใบหน้าของเขาฉายแววร้อนรน หวังให้ผู้ที่หมดสติในยามนี้เป็นตัวเขาเอง ไม่ใช่เจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนตรวจชีพจรของเจี่ยนอันอัน เมื่อสัมผัสได้ถึงพิษในร่างของนางที่กำลังคืบคลานเข้าสู่หัวใจเขารีบหันไปบอกฉู่จวินสิงให้ออกไป เขาต้องรักษาเจี่ยนอันอันทันทีฉู่จวินสิงไม่ยอมออกไปอย่างเด็ดขาด เจี่ยนอันอันคือภรรยาของเขา เขาต้องการเห็นเจี่ยนอันอันฟื้นขึ้นมาด้วยตาของตนเองถังหมิงเซวียนเห็นฉู่จวินสิงไม่ยอมออกไป เขาจึงได้แต่กล่าวอย่างอ่อนใจว่า “ตอนนี้แม
ขณะที่ถังหมิงเซวียนได้ยินเจี่ยนอันอันเอ่ยชื่อสมุนไพรหลายชนิดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วเบาๆเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าสมุนไพรเหล่านี้จะนำมาปรุงเป็นยาเม็ดได้หรืออาจกล่าวได้ว่าสรรพคุณของสมุนไพรเหล่านี้ ไม่สามารถที่จะปรุงเป็นยาชนิดใดได้ต่อให้นำมาผสมรวมกัน ก็ไม่เกิดสรรพคุณในการรักษาโรคใดๆแต่เมื่อเห็นท่าทีมั่นอกมั่นใจของเจี่ยนอันอัน ถังหมิงเซวียนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากเพราะอย่างน้อยเขาก็เห็นกับตา ยาที่เมื่อครู่เจี่ยนอันอันมอบให้ชาวบ้านกินนั้น ล้วนเห็นผลอย่างชัดเจนทุกคนหลังจากกินยาแล้ว ต่างก็ไม่มีอาการไออีกเขาจึงถือโอกาสที่สวีจงฉือกลับไปเอาสมุนไพร ตรวจชีพจรให้ชาวบ้านไปพลางนั่นยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ ที่อาการของวัณโรคเริ่มดีขึ้นตามลำดับทั้งคู่จึงนั่งยองๆ ที่ข้างทาง คอยคุมไฟเอาไว้ เพื่อปรุงยาให้ชาวบ้านผู้คนที่ยืนรออยู่ด้านข้าง ต่างก็จ้องมองหม้อต้มยาสองใบตาไม่กะพริบเช่นกันมีคนแอบพูดเสียงเบา “ทีนี้ยิ่งดีใหญ่ มีหมอเทวดาสองคนมาช่วยเรา โรคของพวกเรามีหวังหายแล้ว”เจี่ยนอันอันต้มยาไปพลาง เงยหน้าขึ้นมองสวีจงฉือ“รบกวนคุณชายสวีไปเรียกคนมาเพิ่มอีก”เจี่ยนอันอันกล่าวพร้อมยื่นลำโพงขยายเสียงให้แก่
บางคนปิดจมูกเดินออกมา พลางคิดในใจ ผู้หญิงที่ไหนหนอช่างมีเสียงดังถึงเพียงนี้ขนาดพวกเขาอยู่ในบ้านแท้ๆ ยังได้ยินชัดเจนและแม่นางผู้นั้นยังกล่าวอะไรอีก บอกว่าหากไม่รีบรักษา อีกสามวันจะต้องเสียชีวิตแน่นอนทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญแขวนจนต้องรีบวิ่งออกจากบ้านมา จึงได้เห็นในมือเจี่ยนอันอันถือสิ่งของที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตและเสียงก้องกังวานก็มาจากสิ่งนี้นี่เองทุกคนที่ออกมานั้นต่างมีอาการไอเกิดขึ้นบางคนไอจนหน้าดำหน้าแดง คล้ายเจียนสำลักตายอยู่รอมร่อ“ท่านแม่ เราจะตายจริงหรือ?” มีเด็กชายผู้หนึ่งเดินออกมา แต่เพิ่งกล่าวจบก็ไอหนักเช่นกันใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ผู้เป็นมารดารีบก้มตัวลง พร้อมตบหลังของเด็กชายแต่อาการนางก็ใช่ว่าจะดีกว่า ตบได้ไม่กี่ที ตนเองก็ไอตามลูกบ้างเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้ใช้ได้ผล เริ่มมีคนทยอยออกจากบ้านมาเรื่อยๆและต่างก็รุมล้อมเข้ามา เพื่อจะดูว่าเจี่ยนอันอันจะพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันปิดเสียงลำโพงก่อน จึงได้ตะโกนต่อหน้าทุกคน “ข้ากับคุณชายท่านนี้ล้วนเป็นหมอ มาเพื่อช่วยรักษาโรคของพวกท่าน”หลายคนต่างไม่เชื่อ เพราะพวกเขาไอมาหลายวันแล้ว อีกทั้งเข้าเมือง
และเมื่อพวกเขาไปถึงห้องลับที่เจี่ยนอันอันบอก กลับพบร่างผู้ตายสิบกว่าศพที่เริ่มเน่าเหม็นแล้วอีกทั้งในส่วนหน้าอกตรงหัวใจของทุกศพ ก็กลายเป็นรูโบ๋เต็มไปด้วยเลือดคั่งด้านบนยังมีหนอนชอนไชยั้วเยี้ยดูจากการแต่งกายของศพสิบกว่าศพนั้น ฉู่จวินสิงค่อนข้างมั่นใจว่าพวกนางคงเป็นคนในครอบครัวผู้ว่าการแห่งจงโจวเป็นแน่โชคดีที่พวกเขากลับมาอำเภอไถหยางก็เห็นเจี่ยนอันอันกลับมาก่อนแล้วเพียงแต่ไม่นึกว่า สุดท้ายยังเกิดเรื่องที่เขาไม่ต้องการให้เกิดขึ้นนั่นคือเจี่ยนอันอันหลงกลกู้มั่วหลีเข้า จนเกือบถูกเขาวางยาพิษจนเสียชีวิตเจี่ยนอันอันตั้งใจฟังคำบอกเล่าของฉู่จวินสิงแม้ว่าเขาจะพูดด้วยท่าทีสบายๆ แต่นางก็สัมผัสได้ว่าอีกฝ่ายมีร่างกายที่สั่นระริก นั่นเพราะเขาหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่อยากให้นางประสบเคราะห์ร้ายฉู่จวินสิงกุบมือเจี่ยนอันอันไว้แน่น ด้วยเกรงว่าหากปล่อยมือ นางจะอันตรธานหายไปจากเขาอีกเจี่ยนอันอันเอาศีรษะซบที่ไหล่ฉู่จวินสิง มืออีกข้างหนึ่งยังโอบตัวเขาไว้ด้วยภาพที่ทั้งคู่อิงแอบแนบชิด ทำเอาถังหมิงเซวียนนึกอิจฉาตาร้อนขึ้นมาว่าแล้วก็หันหน้าไปทางอื่น ไม่กล้ามองพวกเขาตรงๆ อีกรถม้าวิ่งไปในระยะท
เกิดทำให้พวกเขาติดเชื้อด้วย คงจะยิ่งไม่ดีหนำซ้ำยาป้องกันของนางก็มีไม่มากนัก ควรต้องใช้อย่างประหยัดหน่อยนางจึงหันไปมองฉู่จวินสิง พร้อมหารือกับเขา “ให้เหยียนเซ่ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยก่อน พวกเราเข้าเมืองกันเองก็พอ”ฉู่จวินสิงไม่คัดค้าน เพราะถ้าไปกันหลายคนก็วุ่นวายเช่นกันโดยเฉพาะยังมีพวกจ้าวอู่ ยิ่งไม่ควรติดตามไปด้วยเพราะหากพบเจอกู้มั่วหลีเข้า ไม่แน่พวกเขาอาจจะถูกปองร้ายอีกฉู่จวินสิงจึงกล่าวต่อเหยียนเซ่า “เจ้าขับรถม้าพาคนเหล่านี้กลับไปก่อน พวกข้าจะเข้าเมืองไปสักครั้ง”เหยียนเซ่าไม่เข้าใจว่าพวกเขาจะไปทำอะไรในเมือง จึงคิดติดตามไปด้วย แต่กลับถูกฉู่จวินสิงยกมือขึ้นห้ามไว้“ทำตามคำสั่งข้า!” ฉู่จวินสิงกล่าวเสียงเย็นชา เหยียนเซ่าจึงไม่กล้าพูดต่ออีกทุกคนพากันขึ้นรถม้า โดยมีเหยียนเซ่าเป็นคนขับ แล้วเดินทางจากไปเจี่ยนอันอันให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมไปนำรถม้ามาอีกคัน และนางก็ให้เงินเถ้าแก่ไปก้อนหนึ่งเถ้าแก่โรงเตี๊ยมรับเงินไปด้วยความดีใจ เพียงไม่นานก็นำรถม้ามาคันหนึ่ง“ท่านต้องการสิ่งใดอีก เชิญสั่งข้ามาได้เลยขอรับ” เถ้าแก่โรงเตี๊ยมมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถ้าเจี่ยนอันอันมีงานใช้ใ
สวีจงฉือเห็นสภาพอ่อนแอของเจี่ยนอันอัน พร้อมใบหน้าซีดเซียวของนาง พลันรู้สึกปวดใจยิ่งหากว่าผู้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลนางตลอดก็คือเขา คงจะดีไม่น้อยยามนี้เขารู้สึกริษยาฉู่จวินสิงเป็นอย่างมาก แต่ภายนอกไม่กล้าแสดงสีหน้าผิดปกติออกมาให้ใครเห็นเจี่ยนอันอันเหลียวมองสวีจงฉือ ไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงตามมาด้วยแต่ตอนนี้นางไม่อยากคิดอะไรทั้งสิ้น เพียงต้องการพักผ่อนสักครู่รอให้ร่างกายฟื้นฟูเป็นปกติดีแล้ว ค่อยไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลีใหม่เพราะตอนนี้นางรู้แล้วว่า ตราบใดที่กู้มั่วหลียังอยู่ บัญชีนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องสะสางกับเขาให้ดีแน่เจี่ยนอันอันค่อยๆ ปิดตาลง นางบอกให้พวกฉู่จวินสิงสามคนอย่าได้รบกวนนางชายหนุ่มทั้งสามจึงได้แต่ยืนอยู่ในห้องเงียบๆผ่านไปครู่ใหญ่ เจี่ยนอันอันจึงค่อยลืมตาขึ้นมานางรู้สึกฟื้นฟูกำลังแล้ว จึงรีบลุกขึ้นนั่ง“ข้าจะเข้าเมืองไปคิดบัญชีกับกู้มั่วหลี!”บังอาจใช้ยาพิษร้ายแรงกับนาง นางจะไม่ยอมปล่อยเขาเด็ดขาดเจี่ยนอันอันพูดพลางกัดฟันกรอด พร้อมลงจากเตียงถังหมิงเซวียนเพิ่งสบโอกาสได้เอ่ยปากพูดบ้าง “แม่นางเจี่ยน ก่อนหน้านี้ข้าไปซื้อสมุนไพรในตัวเมือง เห็นผู้คนที่นั่นล้ว
เจี่ยนหลิงเยว่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ใบหน้าซึ่งเดิมก็ถูกเกาจนผิวแตกเป็นริ้วๆ บัดนี้ยิ่งดูน่าเกลียดเข้าไปใหญ่เจี่ยนอันอันมิได้รู้สึกแปลกใจแม้แต่น้อย เพราะคนบ้าคลั่งเช่นกู้มั่วหลี เป็นไปไม่ได้ที่จะดีต่อเจี่ยนหลิงเยว่อยู่แล้วและตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่า เหตุใดกู้มั่วหลีจึงพาเจี่ยนหลิงเยว่มาที่นี่สาเหตุเพราะเจี่ยนหลิงเยว่มีใบหน้าที่คล้ายคลึงกับนาง จึงถูกกู้มั่วหลีหมายปองเข้าเมื่อเจี่ยนอันอันมองไปยังกู้มั่วหลี ก็สังเกตเห็นว่าดูเหมือนเขาจะถอนพิษในตัวได้แล้วซึ่งข้อนี้ทำให้นางไม่สบายใจเป็นอย่างมากนั่นแสดงว่ายาพิษที่นางปรุงออกมา สำหรับกู้มั่วหลีแล้ว ฤทธิ์ยายังเบาเกินไปและทันใดนั้นเอง เจี่ยนอันอันก็ได้เสียงฉู่จวินสิงเรียกนางอยู่“อันอัน รีบตื่นขึ้นมาเถิด อย่านอนอีกเลย”เจี่ยนอันอันได้ยินเสียงเรียกของฉู่จวินสิง พลันร่างกายคล้ายถูกผลักดันด้วยพลังบางอย่างนางยังคิดจะอยู่ดูเรื่องสนุกต่ออีก แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังคำสั่งเสียแล้วนางจึงรีบออกจากห้องนั้นมา ฉับพลันเบื้องหน้าก็เห็นแสงสว่างจ้าเจี่ยนอันอันต้องรีบหลับตาลง จนกระทั่งลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง จึงพบว่าได้กลับมาสู่ร่างกายของตนอีกครั้ง
เจี่ยนอันอันไม่ได้กรีดร้อง นางหยิบตะบันไฟออกมาเพื่อส่องแสงสว่างอย่างสงบนิ่งนางเห็นว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนสะพานแห่งหนึ่ง ใต้สะพานมีสายน้ำไหลเอื่อย พร้อมเสียงน้ำที่กระทบดังซ่า ๆในหัวของเจี่ยนอันอันปรากฏคำว่า ‘สะพานไน่เหอ[1]’ ขึ้นมาในทันทีแต่นางก็รีบปัดความคิดนั้นออกไปเจี่ยนอันอันเดินลงจากสะพาน มุ่งหน้าไปยังเบื้องหน้าอย่างรวดเร็วไม่นาน นางก็เห็นแสงสว่างส่องอยู่ไกล ๆนางรีบเดินไปยังทิศทางของแสงนั้น เมื่อไปถึงจุดสว่าง ก็เห็นประตูบานใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่แสงสว่างทั้งหมดส่องลอดออกมาจากด้านในของประตูเจี่ยนอันอันดีใจ นางคิดว่าหากเปิดประตูบานนี้ได้ อาจจะสามารถออกจากที่แห่งนี้ได้เจี่ยนอันอันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักประตู เสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นก่อนที่ประตูบานใหญ่จะเปิดออกภาพที่ปรากฏตรงหน้าคือลานเรือนกว้างใหญ่เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าลานเรือนแห่งนี้ดูคุ้นตา ราวกับว่านางเคยมาเยือนที่นี่ไม่นานนางก็ได้ยินเสียงของเจี่ยนหลิงเยว่ดังขึ้น“คุณชายกู้ ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว ท่านได้โปรดเมตตาข้าด้วยเถิด”เจี่ยนอันอันเดินตามเสียงนั้นไป นางพบว่าตัวเองสามารถเดินทะลุกำแพงได้ไม่นานนางก็เข้าไปในห้องแห่งหนึ่
ถังหมิงเซวียนมาถึงเรือนหลัง เขานำหม้อต้มยาออกมาวางลงบนพื้นจากนั้นหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อออกมา ใส่ลงในหม้อต้มยา แล้วจุดไฟใต้เตาเพื่อเริ่มการต้มยาเจ้าของโรงเตี๊ยมเห็นถังหมิงเซวียนต้มยาที่เรือนหลัง จึงเอ่ยว่า “เจ้าต้มยาก็ระวัง ๆ หน่อยนะ อย่าให้โรงเตี๊ยมของข้าติดไฟ”ถังหมิงเซวียนเหลือบตามองเจ้าของโรงเตี๊ยมโดยไม่พูดอะไรกระบวนการต้มยานั้นยุ่งยากและซับซ้อน เขาต้องแบ่งสมุนไพรใส่ทีละส่วนความร้อนก็ต้องควบคุมให้พอเหมาะ หากไม่ระวังเพียงนิดเดียว ยาจะไหม้ได้อากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อรวมกับไอร้อนจากกองไฟ ผ่านไปไม่นานหน้าผากของถังหมิงเซวียนมีเหงื่อไหลซึมออกมาเขาใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อไม่ละสายตาจากหม้อต้มยาแม้แต่น้อยหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ในที่สุดยาถอนพิษก็ปรุงสำเร็จถังหมิงเซวียนขอถ้วยใบหนึ่งจากเจ้าของโรงเตี๊ยม แล้วเทยาถอนพิษลงในถ้วยเขาจัดเก็บหม้อต้มยา ใช้น้ำดับไฟให้สนิท แล้วเตะกองไฟที่ดับแล้วไปที่มุมหนึ่งเมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็ถือถ้วยยาขึ้นไปยังชั้นสองสวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนกลับมาแล้ว ในมือของเขาถือถ้วยยาสีดำสนิทสวีจงฉือช่วยเคาะประตูเรียกเมื่อฉู่จวินสิงเปิดประตูออก
สวีจงฉือเห็นถังหมิงเซวียนไม่พูดอะไร เพียงแต่มองไปที่สมุนไพรเขาจึงคิดไปเองว่าถังหมิงเซวียนอาจกังวลว่าสมุนไพรแพงเกินไป ไม่มีเงินพอที่จะซื้อสมุนไพรมากขนาดนั้นเขารีบพูดขึ้นว่า “คุณชายไม่ต้องกังวลเรื่องค่ายา ร้านยาจี้เฉ่าถังแห่งนี้เป็นของเจี่ยนอันอัน ท่านเพียงบอกชื่อสมุนไพรมาข้าจะจัดให้”ถังหมิงเซวียนไม่คาดคิดเลยว่าร้านขายยาจี้เฉ่าถังที่ใหญ่ขนาดนี้จะเป็นของเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสวีจงฉือกำลังจะหยิบสมุนไพรเพิ่ม เขาจึงรีบกล่าวว่า “เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว มากไปจะเป็นการสิ้นเปลือง”ถังหมิงเซวียนร้อนใจอยากจะนำสมุนไพรกลับไป จึงไม่ได้พูดคุยอะไรกับสวีจงฉือเพิ่มเติมเขาหยิบห่อสมุนไพรหลายห่อแล้วหันหลังเตรียมจะออกไป“คุณชายโปรดรอก่อน” สวีจงฉือรีบรุดออกมาจากด้านหลังโต๊ะคิดเงินเขาเรียกถังหมิงเซวียนไว้ กล่าวอย่างไม่แน่ใจนักว่า “คุณชายช่วยพาข้าไปยังอำเภอไถหยางด้วยได้หรือไม่ ข้าอยากไปดูว่าเถ้าแก่ของข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ถังหมิงเซวียนคิดในใจว่าร้านจี้เฉ่าถังเป็นของเจี่ยนอันอัน แถมสมุนไพรทั้งหมดนี้เขายังไม่ต้องเสียเงินสักอีแปะเดียวเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของอีกฝ่าย“ได้สิ ถ้าเช่นนั้