หากเจียงหว่านเอ๋อร์ต้องการมาสร้างปัญหาให้เสิ่นจือเจิ้ง เช่นนั้นแค่เซียงเสวี่ยคนเดียวก็รับมือได้แล้วเซียงเสวี่ยไม่ได้คัดค้านอะไร นางรู้ว่าฐานะตัวเองต้อยต่ำ การได้รับมอบหมายให้ไปรับใช้คนก็สื่อความเชื่อมั่นที่เจี่ยนอันอันมีต่อนางเซียงเสวี่ยย่อมตั้งใจปรนนิบัติรับใช้อย่างสุดความสามารถเจี่ยนอันอันใช้ช่วงที่เสิ่นจืออวี้ยังตามมาไม่ถึงมาย้ายผักในห้วงมิติไปไว้บนรถม้าเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้น เสิ่นจืออวี้ก็เดินสืบเท้าเข้ามาทั้งสามคนขึ้นนั่งรถม้าเดินทางสู่อำเภอไถหยางโดยมีฉู่จวินสิงเป็นคนขับเซียงเสวี่ยที่ถูกเจี่ยนอันอันส่งตัวไปไม่ทำให้นางผิดหวังแต่อย่างใดเซียงเสวี่ยมาถึงบ้านหลังแรกที่สร้างใหม่ เห็นเสิ่นจือเจิ้งนั่งอยู่ในลานบ้านเสิ่นจือเจิ้งเงยหน้าขึ้นมาเห็นเซียงเสวี่ย จังหวะที่กำลังจะถามว่านางเป็นผู้ใดก็ได้ยินเซียงเสวี่ยแนะนำตัว“สวัสดีเจ้าค่ะคุณชายเสิ่น ข้ามีนามว่าเซียงเสวี่ย เป็นสาวใช้ของตระกูลฉู่ เจี่ยนอันอันส่งข้ามาปรนนิบัติท่าน”เสิ่นจือเจิ้งได้ยินมาเจี่ยนอันอันเป็นคนส่งมาก็พยักหน้าเขารู้อยู่แล้วว่าเจี่ยนอันอันไม่วางใจที่จะให้เขาอยู่บ้านคนเดียวสำหรับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว เซียง
มีความเป็นไปได้สูงมากที่สาวใช้นางนี้จะถูกเจี่ยนอันอันส่งมาภายในใจเจียงหว่านเอ๋อร์ไม่พอใจมาก ทว่าสีหน้าที่แสดงออกมากลับดูอ่อนแอ“น้องสาวผู้นี้ ข้าไม่เคยพบเจ้ามาก่อน ไม่ทราบว่าเป็นลูกบ้านใดหรือ”“ข้าดูแล้วพวกเราสองคนถูกชะตากันไม่น้อยเลย ไปนั่งเล่นที่บ้านข้าสักหน่อยดีหรือไม่?”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดถึงตรงนี้ก็จะเข้ามาจับมือเซียงเสวี่ยแต่กลับถูกเซียงเสวี่ยสะบัดออก“มีอันใดก็พูดมา ไม่ต้องจับไม้จับมือ”นางไม่หลงกลเจียงหว่านเอ๋อร์นางเคยพบเคยเห็นผู้หญิงที่ต่อหน้าอย่างหนึ่งลับหลังอีกอย่างหนึ่งประเภทนี้มาเยอะแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ถูกปฏิเสธแบบนี้ก็ยิ่งโกรธแค้นเจี่ยนอันอันหนักกว่าเดิมเจี่ยนอันอันผู้นี้ กระทั่งสาวใช้ที่ถูกนางส่งมาก็ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีเหมือนกันเจียงหว่านเอ๋อร์ยิ้มแล้วหดมือกลับนางยังไม่มีท่าทีจะจากไป พูดกับเจียงเสวี่ยว่า “ข้าดูแล้วเจ้าคงกำลังทำอาหารสินะ ให้ข้าช่วยดีกว่า”“จือเจิ้งยังไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เช้า พวกเราสองคนช่วยกันทำจะได้เสร็จเร็วขึ้น”เซียงเสวี่ยเห็นเจียงหว่านเอ๋อร์แสร้งทำตัวแสนดีก็ยิ้มเยาะ“หากว่าเมื่อครู่นี้ข้าไม่ได้ฟังผิดแล้วล่ะก็ คุณชายเสิ่นกับท่านหย่
นางไม่ได้ลับฝีปากกับใครมานานแล้วหากต่อไปเจียงหว่านเอ๋อร์กล้ามาอีก นางจะต้องด่าให้หลาบจำทางฝั่งเจี่ยนอันอัน รถม้าของนางเดินทางมาครึ่งชั่วยาม จนมาถึงตลาดในอำเภอไถหยางการมาของทั้งสามคน ทำให้เจ้าของแผงลอยคนอื่นในตลาดรู้สึกหวาดกลัวอยู่ไม่น้อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน พวกเขาไม่มีใครกล้าหาเรื่องเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงอีกกุ้ยเหมยเมื่อเห็นเจี่ยนอันอัน นางถึงกับตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้เมื่อวานนางถูกเจี่ยนอันอันเย็บปากจนเจ็บปวดถึงขั้นสลบไปเมื่อนางฟื้นขึ้นมา ตลาดก็วายไปแล้วพวกเจ้าของแผงลอยในตลาด ไม่มีใครช่วยนางเลยสักเลยหรือแม้แต่จะช่วยไปตามหมอให้นางก็ไม่มีกุ้ยเหมยหารู้ไม่ว่าสาเหตุที่ไม่มีใครช่วยเหลือนาง เป็นเพราะนิสัยหยิ่งยโสและก้าวร้าวที่นางแสดงออกมาตลอด เจ้าของแผงลอยคนอื่นในตลาดล้วนเคยถูกนางด่ามาก่อนนางจ่ายเงินค่าคุ้มครองให้กับพวกเจ้าหน้าที่ปลอมมากที่สุด ด้วยเหตุนี้ นางจึงวางอำนาจไม่เห็นหัวเจ้าของแผงลอยคนอื่นนางมักจะยุยงลูกค้าไม่ให้ซื้อผักกาดของเจ้าของแผงลอยรายอื่น และให้มาซื้อเฉพาะผักกาดของนางนางยังกล่าวหาว่าผักกาดของคนอื่นมีหนอน มีแค่ผักของร้านนางที่ไม่มีหนอนเมื่
ไม่นาน ผักบนแผงก็ถูกขายไปกว่าครึ่งหนึ่งแล้วเสิ่นจืออวี้รู้สึกภูมิใจในตัวเองมาก นี่เป็นครั้งแรกที่เขาออกมาขายผัก และเป็นครั้งแรกที่มาตลาดด้วย เขาไม่คิดว่าจะสนุกถึงเพียงนี้ขณะที่ทั้งสามคนกำลังยุ่งอยู่กับการขายผัก พลันมีเสียงตะโกนดังลั่นขึ้นมา“พี่ใหญ่ พวกเขานี่แหละ เมื่อวานไม่เพียงแต่ไม่จ่ายค่าคุ้มครอง ยังอัดพวกเราอีกสามคนจนเละ!”ชายที่นำกลุ่มคนมาหรี่ตามองพวกของเจี่ยนอันอันทั้งสามคน“พวกเรา วันนี้ถ้าพวกเจ้าไม่ทำให้พวกมันพิการ พวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้กลับไปกินข้าว!”จูกังเลี่ยผู้ที่เป็นหัวหน้าตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พร้อมกับเดินตรงมาที่แผงผักของเจี่ยนอันอันเขาเตะลูกค้าคนหนึ่งที่กำลังซื้อผักจนกระเด็น พร้อมกับตวาดเสียงเกรี้ยว “ไสหัวไปให้พ้นทางข้าเดี๋ยวนี้!”“ตอนนี้เจ้าหน้าที่มาทำคดี หากใครยังกล้าซื้อผักจากแผงนี้ ก็เท่ากับเป็นศัตรูกับทางการ!”คำพูดของจูกังเลี่ยทำให้เหล่าลูกค้าที่กำลังซื้อผักต่างรีบถอยห่างออกไปเจี่ยนอันอันเหลือบมองจูกังเลี่ย ก็เห็นว่าใบหน้าของเขาคล้ายกับพื้นรองเท้า เวลาพูดปากก็บิดเบี้ยวไปด้วย“พวกเจ้าคือคนที่ไม่จ่ายค่าคุ้มครอง แล้วยังอัดพี่น้องข้าจนเจ็บใช่หรือไม
เสิ่นจืออวี้ไม่อยากให้เจี่ยนอันอันเข้ามายุ่งเกี่ยว เขากลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บอย่างไรเสียมีเขากับฉู่จวินสิงอยู่ ก็เพียงพอแล้วแต่เจี่ยนอันอันกลับคิดต่าง นางต้องการเลื่อนขั้นคลังอาวุธของตนเอง และนางต้องแก้แค้นแทนเหยียนซวงการต่อสู้ครั้งนี้นางต้องเข้าร่วม!ในมือของเจี่ยนอันอันปรากฏกริชเล่มหนึ่ง นางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “ท่านพี่ ท่านอยู่ขายผักต่อ ข้าไปจัดการคนพวกนี้เอง”ขณะที่เจี่ยนอันอันพูดอยู่ มีคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหมายจะชกหน้านางแต่เจี่ยนอันอันไม่แม้แต่จะหันไปมอง นางยกมือขึ้นและใช้กริชกรีดที่ข้อมือของคนผู้นั้นคนผู้นั้นเจ็บปวดจนต้องกลั้นหายใจ รีบยกมือกุมแผลพลางถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างรวดเร็วฉู่จวินสิงกังวลว่าเจี่ยนอันอันอาจได้รับอันตราย จึงไม่อยากให้นางเข้าร่วมการต่อสู้แต่คำพูดต่อมาของเจี่ยนอันอันทำให้เขาจำต้องยอม“ท่านพี่ วันนี้ข้ารู้สึกคันไม้คันมือ ถ้าไม่ได้อัดพวกมัน ข้าคงรู้สึกไม่สบายใจ”หลังจากเตะคนหนึ่งกระเด็นออกไป ฉู่จวินสิงจึงกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ระวังตัวด้วย!”เจี่ยนอันอันยิ้มเผยฟันเล็กน้อย ไม่พูดอะไรอีกหลังจากที่นางฟันข้อมือชายคนหนึ่ง นางก็เห็นข้อความภาร
เมื่อคนกลุ่มนั้นคิดจะเข้าไปช่วยจูกังเลี่ย พวกเขาก็ถูกเจี่ยนอันอันขวางไว้“ใครกล้าข้ามา ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้เห็นดวงตะวันในวันพรุ่งนี้”เจี่ยนอันอันพูดพลางแทงมีดสั้นในมือเข้าไปที่ท้องของหนึ่งในพวกนั้นทันใดนั้น ภารกิจของห้วงมิติก็แสดงข้อความขึ้นอีกครั้ง[ระดับคลังอาวุธ +0.5]เจี่ยนอันอันเข้าใจทันทีว่า หากเพียงแค่ทำร้ายพวกลูกสมุน ระดับของคลังอาวุธจะเพิ่มขึ้นช้าเหมือนเต่าคลานดูเหมือนนางจะต้องจัดการกับหัวหน้ากลุ่มนี้ในขณะนั้นเอง คนที่ยังไม่ถูกแทงก็พุ่งเข้ามารุมโจมตีเจี่ยนอันอันพร้อมกันพวกเขาเหวี่ยงดาบใหญ่ในมือ ฟันตรงมาที่เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันกลับไม่มีทีท่าหวาดกลัวแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงประดับด้วยรอยยิ้มเหี้ยมโหดนางหยิบผงสลายศพออกมาจากมิติ แล้วโปรยใส่ดาบใหญ่ในมือของคนพวกนั้นทันทีที่ผงสลายศพสัมผัสดาบ ดาบสิบกว่าด้ามก็ละลายกลายเป็นน้ำในพริบตาพวกนั้นต่างยืนอึ้งอยู่กับที่ มองมือของตัวเองสลับกับแอ่งน้ำบนพื้นเกิดอะไรขึ้น ดาบของพวกเขาหายไปไหน?ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง เจี่ยนอันอันก็หยิบเข็มเงินชุบยาพิษออกมาจากมิติแล้วปาเข็มเงินพุ่งไปบนร่างของคนเหล่านั้นเมื่อคนพวกนั้นโด
เมื่อเห็นปลายกริชพุ่งเข้ามาใกล้ดวงตาของเขา จูกังเลี่ยรู้สึกถึงความร้อนชื้นที่ขาทั้งสองข้างกลิ่นเหม็นฉุนของปัสสาวะลอยคลุ้งในอากาศ เขาถึงกับถูกเจี่ยนอันอันขู่จนปัสสาวะรดกางเกง“แม่ประคุณทูลหัว ได้โปรดไว้ชีวิต ข้ารู้ว่าผิดไปแล้ว อย่าแทงตาข้าเลย”ในตอนนี้จูกังเลี่ยตัวสั่น น้ำตาไหลอาบหน้า เขาไม่สนใจแล้วว่าตัวเองจะปัสสาวะรดกางเกงหรือไม่ สิ่งเดียวที่เขาคิดคือการขอให้เจี่ยนอันอันปล่อยเขาไปเจี่ยนอันอันทำเสียงจิ๊ปากสองครั้ง พลางยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “ข้าน่ะ ไม่ชอบฟังคำร้องขอชีวิตจากใครเลยจริง ๆ ยิ่งเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งอยากจะทำมากขึ้น”พูดจบ นางก็แทงกริชในมือไปที่ดวงตาข้างหนึ่งของจูกังเลี่ยทันทีความเจ็บปวดอย่างรุนแรงถาโถมเข้าใส่ จูกังเลี่ยเจ็บถึงกับตัวสั่นระริกด้วยความกลัวเสียงร้องโหยหวนที่แหบพร่าของจูกังเลี่ยดังลั่น มันช่างน่าสลดใจราวกับเสียงสุกรถูกเชือดพี่น้องในกลุ่มของเขาที่ตามมา ต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงหน้าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมถึงสามารถทำเรื่องโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้?แม้แต่เสิ่นจืออวี้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังถูกท่าทางอันดุดันของเจี่ยนอันอันทำให้ตกใจนี่เป็นครั
หลังจากที่จูกังเลี่ยถูกมัดเอาไว้แล้ว กายของเขายังคงสั่นเทาไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์จากเจ้าของแผงพูดคุยกัน จูกังเลี่ยก็ยิ่งเหมือนกับไก่ที่พ่ายแพ้ ปิดตาแล้วก้มหน้าลงไม่นานนักเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอัน ก็ปรากฏสัญญาณภารกิจของห้วงมิติขึ้นมา[ทำให้ตาของจูกังเลี่ยบอด คลังอาวุธระดับ +10]ในใจของเจี่ยนอันอันยินดียิ่งนัก ครั้งนี้ระดับคลังแสงอาวุธถือว่าเพิ่มสูงขึ้นเร็วสักเล็กน้อยนางหยิบเชือกมาลากคนกลุ่มนี้ เดินไปทางด้านรถม้าในตอนที่นางพบว่าเสิ่นจืออวี้ไม่ได้ตามมาด้วยนั้น ก็หันไปร้องตะโกนออกมา “เสิ่นจืออวี้ เจ้ายังจะไปด้วยหรือไม่?”เสิ่นจืออวี้ถึงได้มีสติขึ้นมา แล้วรีบเดินเข้ามาทันทีเจี่ยนอันอันนำคนกลุ่มนั้นมัดเอาไว้ด้านหลังรถม้าฉู่จวินสิงขึ้นรถม้า แล้วนำถุงเงินมอบให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันเปิดออกดู ด้านในนั้นใส่เหรียญทองแดงเอาไว้เต็มถุงดูเหมือนว่าวันนี้คงจะได้กำไรมากไม่น้อย!รอจนเมื่อเสิ่นจืออวี้ตามมาถึงรถม้านั้น ฉู่จวินสิงขับรถม้า มุ่งหน้าเดินทางไปยังทิศทางของที่ว่าการอำเภอเขาจงใจขับรถม้าให้เร็วขึ้น ทำให้คนกลุ่มนั้นจำต้องวิ่งตามมาอยู่ด้านหลังจูกังเลี่ยที่เดิมทีนั้นเจ
นอกจากนี้แล้ว ขนมไหว้พระจันทร์มากขนาดนี้ จะอบอย่างไรกัน?นางคิดอยากจะซื้อเตาอบมาจากร้านค้าทว่าเตาอบยังต้องการเสียบปลั๊กถึงจะใช้ได้ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีไฟฟ้า ของสิ่งนั้นซื้อมาก็ไม่อาจใช้ได้นางมองไปยังขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำออกมาเสร็จแล้วบนโต๊ะ ก็ถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ที่จวนเยียนอ๋องของพวกเจ้ากิน คงไม่ใช่ว่าไม่มีลวดลายหรอกกระมัง”สี่เอ๋อร์หัวเราะ “คิกๆ” ออกมา แล้วนำแม่พิมพ์ไม้ออกมาจากด้านล่างโต๊ะบนนั้นสลักลวดลายงดงามเอาไว้มากมายเจี่ยนอันอันเองก็ยินดี แล้วลอบตำหนิตนเองที่เมื่อครู่ถามคำถามโง่ๆ ออกไป“สี่เอ๋อร์ แม่พิมพ์พวกนี้เจ้าเอามาจากที่ใดกัน?”คงจะไม่ใช่สี่เอ๋อร์ที่สลักออกมาเองหรอกกระมังสี่เอ๋อร์มองไปยังซ่างชิวที่อยู่ด้านนอก แล้วพูด “ข้าขอให้พี่ซ่างชิวช่วยแกะสลักให้เจ้าค่ะ”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฝีมืองานของซ่างชิวนั้นดีมาก ประตูเรือนที่เคยอยู่อาศัยก่อนหน้านั้นก็ล้วนเป็นเขาที่ช่วยติดตั้งให้ซ่างชิวเป็นช่างฝีมือที่มีทักษะจริงๆ ไม่แน่ว่างานฝีมือของเขา ในภายหน้ายังคงจะมีประโยชน์ให้ได้ใช้สี่เอ๋อร์นำขนมไหว้พระจันทร์ที่ทำเสร็จแล้ว วางใส่ในแม่พิมพ์แล้วกดลงไปไม่น
ฉู่จวินหลุนยิ้มเศร้าออกมา หัวลูกธนูนี้อยู่ในร่างกายของเขามานาน ในที่สุดก็ถูกนำออกมาแล้วดูเหมือนว่าในที่สุด ก็จะมีวันที่เขาจะสามารถลุกขึ้นยืนได้ ไม่ต้องนั่งเคลื่อนไหวไปมาอยู่บนเก้าอี้รถเข็นแล้วเวินอี๋และเหยียนเซ่ากำลังสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับพวกจ้าวอู่ทั้งสามคนอยู่ในลานบ้านพวกเขาเรียนรู้อย่างรวดเร็ว เสียงเตะต่อยของพวกเขาลอยดังเข้ามาในหูของฉู่จวินหลุนเขาอยากจะลุกขึ้นให้ได้ในเร็ววัน แล้วไปฝึกซ้อมศิลปะการต่อสู้เช่นเดียวกับพวกเขาเพียงแต่สองขาเป็นอัมพาตมานานหลายปี และก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นได้หรือไม่ ที่แต่ละกระบวนท่าล้วนแต่เตะเข้าเป้าฉู่จวินสิงมองความคิดของพี่ใหญ่ออก เขาตบลงไปบนไหล่ของฉู่จวินหลุน“พี่ใหญ่พักผ่อนให้สบายใจเถิด วันหน้าท่านจะต้องเป็นเหมือนกับก่อนหน้านั้นที่แข็งแกร่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังได้แน่”ฉู่จวินหลุนยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาตอนนี้เขากำลังอดทนต่อความเจ็บปวดของร่างกาย และไม่คิดที่จะพูดอะไรมากความฉู่จวินสิงมองไปยังหน้าผากของพี่ใหญ่ที่เต็มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าพี่ใหญ่กำลังอดทนต่อความเจ็บปวด เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินออกมาเขาเรียกเจี่ยนอันอัน
ถังหมิงเซวียนบอกเจี่ยนอันอันว่าตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งในอำเภอไถหยางหากว่าเจี่ยนอันอันคิดดีแล้ว ก็ให้ไปหาเขาที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้น ถังหมิงเซวียนขึ้นขี่ม้า แล้วออกไปจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างรวดเร็วเขายังคงตามหาเบาะแสของเหยียนซวงต่อไป ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อเจี่ยนอันอันเก็บล่วมยาเข้าไปในห้วงมิติ ก็เห็นฉู่จื่อซีกำลังวิ่งไล่แม่ไก่ตัวหนึ่งอยู่ในสวนแม่ไก่ตัวนั้นวิ่งมาข้างเท้าของเจี่ยนอันอัน แล้วหลบอยู่ด้านหลังของนางฉู่จื่อซีชี้ไปยังแม่ไก่ที่ส่งเสียงขันออกมา“ท่านป้า เสี่ยวฮวาบอกว่ามันกำลังจะออกไข่ ข้าอยากดูมันออกไข่ แต่มันกลับไม่ยอมให้ข้าดู”เจี่ยนอันอันนึกถึงไก่พวกนั้นที่เลี้ยงไว้ที่บ้าน มีแม่ไก่หกตัว ไก่ตัวผู้ตัวใหญ่หนึ่งตัวพวกมันล้วนแต่ได้ดื่มน้ำพุวิญญาณ ทำให้อ้วนท้วนเป็นอย่างมากเมื่อแม่ไก่ได้ยินคำของฉู่จื่อซี ก็รีบวิ่งออกจากข้างเท้าของเจี่ยนอันอันกลับไปยังรังของมันตอนนี้มันรอไม่ไหวที่จะออกไข่แล้ว และจำเป็นต้องไปออกที่รังของมันเท่านั้นเมื่อแม่ไก่ส่งเสียงร้อง “กะต๊าก” ดังขึ้น ไข่ฟองหนึ่งก็ถูกเบ่งออกมาฉู่จื่อซีปิดปากเล็กๆ ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านป้า เ
โชคดีที่ฝีมือของเขานั้นแม่นยำ เพียงแค่ไม่กี่ครั้งก็เย็บปิดบาดแผลของฉู่จวินหลุนเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาเช็ดคราบเลือดออกจากบาดแผลแล้ว ถึงได้ขอให้ฉู่จวินสิงช่วยสวมกางเกงให้ฉู่จวินหลุน หัวลูกธนูที่หักนั้นถูกถังหมิงเซวียนห่อเอาไว้ในผ้าพันแผล ก่อนจะส่งให้กับฉู่จวินสิง “อีกเดี๋ยวคุณชายฉู่ฟื้นขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นร่างกายจะต้องมีความรู้สึกเจ็บปวดเป็นแน่ ท่านต้องให้เขากินยาแก้ปวด ข้าคิดว่าที่แม่นางเจี่ยนจะต้องมีแน่นอน”ฉู่จวินสิงรับผ้าพันแผลที่ห่อหัวลูกธนูอยู่มา รอให้ฉู่จวินหลุนฟื้นขึ้นมา เขายังต้องนำออกมาให้อีกฝ่ายดู“หลังจากนำหัวลูกธนูออกมาแล้ว พี่ใหญ่ของข้าก็จะเดินได้แล้วใช่หรือไม่?” สายตาของฉู่จวินสิงจ้องเขม็งไปยังถังหมิงเซวียนหากว่าเป็นเจี่ยนอันอันที่มารักษาให้ฉู่จวินหลุน เขาไม่มีทางถามคำถามเช่นนี้ออกมาถังหมิงเซวียนถอนหายใจยาว ถึงได้พูดออกมา “หัวลูกธนูถูกนำออกมาแล้ว ส่วนเรื่องที่ว่าต่อไปจะสามารถเดินได้หรือไม่นั้น ยังต้องดูความตั้งใจของเขาเองด้วย”“เพราะอย่างไรแล้วเขาก็เป็นอัมพาตมานาน กล้ามเนื้อขาทั้งคู่ก็ฝ่อไปหมดแล้ว บวกกับการผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก หากไม่ร
โชคดีที่วันนี้เขาบังเอิญพบกับเจี่ยนอันอันเข้า จึงรู้ว่าเจี่ยนอันอันรู้จักอีกฝ่ายเขาย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปถังหมิงเซวียนพูดต่อ “หากว่าข้านำล่วมยามาด้วย ก็มีความมั่นใจมากถึงเจ็ดส่วนที่จะสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ท่านให้หายดีได้”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ในใจคิดว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโวอีกแล้วนางอยากจะลองดูว่าถังหมิงเซวียนกำลังคุยโวใหญ่โตหรือไม่“ที่ข้ามีล่วมยาอยู่ หากว่าเจ้าสามารถรักษาขาของพี่ใหญ่ข้าได้จริง ข้าก็จะบอกเบาะแสของคนที่เจ้ากำลังตามหาอยู่ให้”“หากว่าเจ้ารักษาไม่ได้ เช่นนั้นก็อย่าโทษที่ข้าลงมือโหดเหี้ยม”เจี่ยนอันอันพูดพลางหักกระดูกนิ้วจนส่งเสียง “กร๊อบแกร็บ” ดังออกมาเมื่อเห็นว่านางกำลังกำหมัดเตรียมพร้อม ในใจถังหมิงเซวียนก็เป็นกังวลขึ้นมาเขานึกถึงภาพที่เจี่ยนอันอันตบปากกุ้ยเหมยขึ้นมา ก็รู้สึกว่าใบหน้าของตนเองเจ็บปวดขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาชายหนุ่มคนหนึ่ง เป็นถึงผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมอเทวดาของแคว้นหนิงชวน คงไม่อาจถูกเจี่ยนอันอันตบปากได้หากว่าเรื่องนี้แพร่ไปถึงแคว้นหนิงชวน จะต้องเป็นที่ขบขันของทุกคนเป็นแน่“ท่านวางใจได้ ขอเพียงแค่มีล่วมยา ข้าก็จะไม่ให้
เดิมทีเขาก็เป็นพวกที่ยิ่งมีคนมาคอยมองอยู่ด้านข้างก็ยิ่งอยากแสดงฝีมือออกมาต่อหน้าพวกเขาอยู่แล้วมือของถังหมิงเซวียนคลำไปยังบริเวณก้นกบของฉู่จวินหลุนแล้วก็คลำไปเจอตรงจุดหนึ่งมีของแหลมคมอยู่ดูเหมือนว่าคงจะเป็นหัวลูกธนูที่ไม่ได้ดึงออกมาตำแหน่งของหัวลูกธนูนั้นค่อนข้างจะยุ่งยาก หากคิดจะเอาออกมา คิดว่าคงจะกระทบเข้ากับเส้นประสาทตรงก้นกบเข้าหากว่าไม่ระวัง เกรงว่าคนผู้นี้อาจจะเจ็บปวดจนร่างกายเป็นอัมพาตก็ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครกล้าดึงหัวลูกธนูนี่ออกมา หมอทั่วไปแน่นอนว่าย่อมไม่มีความสามารถนี้ทว่าเขาแตกต่างออกไป เขาคือหมอเทวดาที่มีชื่อเสียงไปทั่วแคว้นหนิงชวนการผ่าตัดนี้สำหรับเขาแล้วนั้น ถือว่าเป็นเพียงแค่การผ่าตัดเล็กๆ เท่านั้นเพียงแต่เขาไม่ได้นำมีดผ่าตัดติดตัวมาด้วย จึงต้องขอยืมจากเจี่ยนอันอันถังหมิงเซวียนมาถึงด้านหน้าประตูห้อง แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันที่ยืนอยู่ด้านนอก “แม่นางเจี่ยน ที่นี่มีมีดที่ใช้ผ่าตัดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกว่าเจ้าหมอนี่ช่างกล้าหาญเสียจริงเกรงว่าเขาคงไม่รู้ว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคือจิ้นอ๋องของแคว้นไท่ยวนหากว่าเขารู้แล้ว เกรงว่าก็คงไม
สำหรับถังหมิงเซวียนแล้ว นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงฝีมือเขาอยากให้เจี่ยนอันอันได้เห็นจริงๆ ว่า ทักษะการแพทย์ของเขานั้นยอดเยี่ยม ไม่ได้ด้อยไปกว่านางเจี่ยนอันอันเองก็ไม่พูดพล่ามต่อไป ให้ฉู่จวินสิงขับรถม้ากลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยถังหมิงเซวียนเองก็ขี่ม้าตามอยู่ด้านหลังรถม้าไม่นานนักทั้งสามคนก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ย เมื่อมาถึงหน้าประตูบ้าน เจี่ยนอันอันก็ลงจากรถม้าเป็นคนแรกนางผลักประตูใหญ่ของเรือนออกแล้วเดินเข้าไปวันนี้ขายผักไปได้ไม่น้อย อีกทั้งยังตามหาคนที่มีทักษะทางการแพทย์ได้ คราวนี้ขาของฉู่จวินหลุน ในที่สุดก็จะสามารถรักษาได้แล้วนางวิ่งไปหน้าห้องของฉู่จวินหลุน แล้วเคาะประตูไม่นาน ด้านในห้องก็มีเสียงรถเข็นดังเลื่อนออกมาฉู่จวินหลุนเปิดประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกลับมาแล้ว เขาก็ยิ้มให้“วันนี้เจ้ากับจวินสิงกลับมาเร็วนัก”เจี่ยนอันอันยิ้มพลางว่า “ข้าหาหมอให้พี่ใหญ่ได้แล้วเจ้าค่ะ ให้เขารักษาขาให้ท่าน”ฉู่จวินหลุนมองไปยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลังฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายท่าทางดูอายุเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น สวมชุดสีขาว ใบหน้าอ่อนโยนราวกับหยกคนผู้นี้จะส
ถังหมิงเซวียนไม่อยากบอกว่าตนเองแย่งหนังสือผ่านทางมาจากผู้อื่นเขายิ้มบางๆ แล้วพูดเสียงเรียบ “ข้าย่อมมีวิธีการของตนเอง”เจี่ยนอันอันแค่นเสียง คิดในใจว่าหากเจ้าไม่พูด ข้าก็จะไม่บอกเบาะแสของเหยียนซวงกับเจ้า“ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ” เจี่ยนอันอันไม่คิดจะเสวนากับถังหมิงเซวียนต่อ จึงเร่งให้ฉู่จวินสิงขับรถม้าออกไปเมื่อถังหมิงเซวียนเห็นทั้งสองคนกำลังจะจากไป ก็รีบควบม้าไปด้านหน้าของรถม้า บังคับให้รถม้าหยุดสีหน้าของฉู่จวินสิงเย็นชา ท่าทางราวกับจะลงมือกับถังหมิงเซวียน“หากเจ้ายังไม่ยอมไปอีก ก็อย่าโทษที่ข้าไร้ปรานี”ถังหมิงเซวียนถูกพลังอำนาจของฉู่จวินสิงทำให้ตกใจจนหัวใจบีบรัด ทว่าเขาก็ไม่อยากละทิ้งโอกาสอันดีนี้ไปเขามองออกว่าสองคนนี้จะต้องรู้จักแม่นางที่ยังไม่ได้เข้าพิธีวิวาห์กับเขาผู้นั้นแน่นอนเขารีบพูด “ทั้งสองท่านอย่าเพิ่งรีบไป ข้ายอมพูดก็ได้”ที่แท้แล้ว เมื่อถังหมิงเซวียนมาถึงด้านนอกเมืองอินเป่ย เขาก็เห็นประตูเมืองเปิดออก มีชายคนหนึ่งเดินออกมาจากในเมืองขณะที่เขากำลังจะวิ่งเข้าไป กลับพบว่าประตูเมืองปิดสนิทอีกแล้วทหารที่อยู่ด้านบนหอประตูเมืองตะโกนเสียงดังใส่เขา “หากไม่มีหนังสือผ
มาถึงเมืองอินเป่ยหลายวันแล้ว ถังหมิงเซวียนก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบของที่นี่ดีแล้วผู้ใดที่เข้าสู่เมืองอินเป่ย จะไม่สามารถออกจากที่นี่ได้โดยง่ายเขาเพียงแค่ต้องค้นหาอย่างละเอียด ก็จะพบอีกฝ่ายอย่างแน่นอนในขณะเดียวกัน เจี่ยนอันอันที่นั่งอยู่ในรถม้าก็ได้นำถุงเงินและเห็ดหูหนูทั้งหมดเก็บเข้าไปในมิติจากนั้นนางกระซิบที่ข้างหูฉู่จวินสิงว่า “ท่านหิวหรือไม่ พวกเราไปหาอะไรอร่อย ๆ กินกันดีหรือไม่?”ฉู่จวินสิงหันมายิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินอะไร หรืออยากกลับไปกินที่โรงเตี๊ยมเดิมอีก?”เจี่ยนอันอันส่ายหัวเบา ๆ อาหารที่โรงเตี๊ยมแห่งนั้นอร่อยก็จริง แต่ก็ยังไม่ถูกปากนางนัก“ข้าอยากกินเนื้อย่างเสียบไม้ ไม่รู้ว่าในอำเภอไถหยางจะมีร้านขายเนื้อย่างหรือไม่”ขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงกีบม้าดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง ก็เห็นถังหมิงเซวียนควบม้ามุ่งหน้ามาทางพวกนางเจี่ยนอันอันคิดในใจ ไม่ใช่ว่าเจ้าหมอนี้ไปอีกทางแล้วหรือ เหตุใดถึงได้ตามมาอีกเล่า?ไม่นานนัก ถังหมิงเซวียนก็ตามมาทัน เขาจงใจควบม้าให้ช้าลง เพื่อให้เดินขนาบข้างกับรถม้าเขาหันไปกล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “แม่นางเจี่ย