หลังจากที่จูกังเลี่ยถูกมัดเอาไว้แล้ว กายของเขายังคงสั่นเทาไม่หยุดเมื่อได้ยินเสียงวิจารณ์จากเจ้าของแผงพูดคุยกัน จูกังเลี่ยก็ยิ่งเหมือนกับไก่ที่พ่ายแพ้ ปิดตาแล้วก้มหน้าลงไม่นานนักเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอัน ก็ปรากฏสัญญาณภารกิจของห้วงมิติขึ้นมา[ทำให้ตาของจูกังเลี่ยบอด คลังอาวุธระดับ +10]ในใจของเจี่ยนอันอันยินดียิ่งนัก ครั้งนี้ระดับคลังแสงอาวุธถือว่าเพิ่มสูงขึ้นเร็วสักเล็กน้อยนางหยิบเชือกมาลากคนกลุ่มนี้ เดินไปทางด้านรถม้าในตอนที่นางพบว่าเสิ่นจืออวี้ไม่ได้ตามมาด้วยนั้น ก็หันไปร้องตะโกนออกมา “เสิ่นจืออวี้ เจ้ายังจะไปด้วยหรือไม่?”เสิ่นจืออวี้ถึงได้มีสติขึ้นมา แล้วรีบเดินเข้ามาทันทีเจี่ยนอันอันนำคนกลุ่มนั้นมัดเอาไว้ด้านหลังรถม้าฉู่จวินสิงขึ้นรถม้า แล้วนำถุงเงินมอบให้เจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันเปิดออกดู ด้านในนั้นใส่เหรียญทองแดงเอาไว้เต็มถุงดูเหมือนว่าวันนี้คงจะได้กำไรมากไม่น้อย!รอจนเมื่อเสิ่นจืออวี้ตามมาถึงรถม้านั้น ฉู่จวินสิงขับรถม้า มุ่งหน้าเดินทางไปยังทิศทางของที่ว่าการอำเภอเขาจงใจขับรถม้าให้เร็วขึ้น ทำให้คนกลุ่มนั้นจำต้องวิ่งตามมาอยู่ด้านหลังจูกังเลี่ยที่เดิมทีนั้นเจ
คนกลุ่มนั้นคุกเข่าอยู่ในห้องพิจารณาคดี ส่วนเจี่ยนอันอันทั้งสามคนนั้นกลับยืนตัวตรงอยู่แน่นอนว่าเซิ่งฟางย่อมไม่ให้ทั้งสามคนคุกเข่าลง เพราะอย่างไรแล้วพวกเขาล้วนแต่เป็น “ผู้เคราะห์ร้าย”จูกังเลี่ยยังคงเจ็บปวดจนทั่วทั้งกายสั่นเทา เขาส่งเสียงร้องออกมา ตอนนี้น้ำเสียงที่พูดออกมาล้วนแต่แหบแห้งเป็นอย่างยิ่งเขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา แล้วพูดแหบแห้ง “ใต้เท้า พวกเราเพียงแค่อยากหาเลี้ยงชีพเท่านั้น ใต้เท้าโปรดให้อภัยพวกข้าด้วย”คนอื่นๆ ล้วนแต่พยักหน้าอย่างแรง ผู้ใดก็ไม่กล้าพูดจาไร้สาระออกมาแม้แต่ประโยคเดียวเซิ่งฟางตะคอกออกมา “หาเลี้ยงชีพแล้วจะต้องแสร้งแต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่ทำร้ายคนอย่างนั้นหรือ?”“ข้าว่าพวกเจ้าคงใจกล้ากินดีหมีมาอย่างนั้นหรือ ใครก็ได้เข้ามาจับพวกเขาเข้าไปขังคุกเสีย แล้วโบยให้หนักหนึ่งร้อยไม้”คนกลุ่มนี้เมื่อได้ยินว่าจะถูกโบยหนึ่งร้อยไม้ ก็ตกใจเสียจนทั่วทั้งกายสั่นอย่างแรงพวกเขาจะไปทนรับหนึ่งร้อยไม้นั้นได้อย่างไรกัน นี่ไม่ใช่ว่าจะต้องการชีวิตพวกเขาอย่างนั้นหรอกหรือ!“ใต้เท้า พวกเรารู้ความผิดแล้ว ขอใต้เท้าได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย!”“ใช่แล้วใต้เท้า พวกเราด้านบนมีแม่อายุแปดสิบ
รอจนเมื่อคนกลุ่มนั้นถูกคุมตัวออกไปแล้ว เซิ่งฟางถึงได้หัวเราะแล้วออกจากห้องพิจารณาคดีไปเขาเดินก้าวใหญ่เข้ามา แล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “อันอัน จวินสิง พวกเจ้ากินอาหารเช้ากันแล้วหรือยัง?”เจี่ยนอันอันยังไม่ทันได้พูดออกมา ท้องก็ส่งเสียงร้องคำรามดังขึ้น ตอบกลับเซิ่งฟางเจี่ยนอันอันลูบท้อง ยิ้มแล้วพูดออกมา “พี่เซิ่ง พวกเราไปขายผักที่ตลาดตั้งแต่เช้า ไม่ได้กินข้าวเช้ามาจริงๆ”“เช่นนั้นก็ดี เมื่อครู่นี้ห้องครัวเพิ่งจะทำอาหารเสร็จ พวกท่านก็มากินข้าวด้วยกันกับข้า”เซิ่งฟางนำทั้งสามคนมายังห้องทานอาหารอย่างกระตือรือร้นเหล่าสาวใช้ในตอนนี้วางอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนรีบนั่งลงเจี่ยนอันอันหยิบชามและตะเกียบขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แล้วเริ่มกินฉู่จวินสิงตักเนื้อให้เจี่ยนอันอัน แล้วใส่ลงไปในชามของนางเซิ่งฟางมองไปยังท่าทีรักใคร่ของทั้งสองคน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาเห็นเสิ่นจืออวี้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนขึ้น “เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ มาแล้วก็ทำตัวเหมือนกับอยู่ที่เรือนของเจ้าเถอะ”เสิ่นจืออวี้เป็นครั้งแรกที่มากินข้าวที่ที่ว่าการอำเภอเขาก
เขาพบว่านักโทษเหล่านั้น มีส่วนใหญ่ที่ถูกนายอำเภอคนก่อนกล่าวโทษผิดๆ ไปนายอำเภอคนก่อนสนใจเพียงแต่รับเงิน ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านแม้แต่น้อยส่วนนักโทษที่ถูกกล่าวโทษเหล่านั้น เป็นเพราะที่บ้านยากจน มอบเงินให้ไม่ได้ จึงถูกนายอำเภอตัดสินโทษ แล้วนำตัวเข้าไปขังคุกพวกเขาถูกคุมขังอยู่หลายปีมีนักโทษที่เคยถูกกล่าวโทษหลายคน ที่ถูกนายอำเภอคนก่อนตัดสินให้ตัดหัวเซิ่งฟางรีบตรวจสอบ แล้วนำตัวผู้ที่กระทำผิดตัวจริงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเพราะเซิ่งฟางตัดสินคดีความได้ดี นักโทษที่ถูกกล่าวโทษเหล่านั้น ล้วนแต่ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาพวกเขาเองก็เป็นเพราะเหตุนี้ ถึงได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเซิ่งฟางไปเซิ่งฟางบอกกับพวกเขา เขาไม่เคยขายเมืองอินเป่ย ประกาศเหล่านั้นก็เป็นของปลอมทั้งหมดเป็นเพราะมีคนจงใจใส่ร้ายเขาเมื่อผ่านการกระทำหลายวันมานี้ของเซิ่งฟาง ก็ทำให้ชาวบ้านในอำเภอไถหยางรู้ว่า พวกเขาทั้งหมดเข้าใจเขาผิดไป ทำให้ช่วงเวลาถัดมาของเซิ่งฟางดีขึ้นมากเจี่ยนอันอันได้ยินเซิ่งฟางอธิบายออกมา ในใจรู้สึกชื่นชมเขาเมื่อนางเห็นว่าที่นี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วบอกลาเซิ่งฟางส่
นางหยิบเงินก้อนเล็กสองอันออกมาจากด้านใน มอบให้เจ้าของแผงเจ้าของแผงรับเงินมือหนึ่งด้วยความยินดี อีกมือหนึ่งก็ส่งมอบกระต่ายเจี่ยนอันอันรับกรงเหล็กมา หมุนกายขึ้นรถม้าไปในตอนที่พวกเขากำลังออกไปจากที่นั่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนออกมา “แม่นางเจี่ยน เป็นท่านจริงๆ!”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่ามีคนเรียกนาง ก็หันไปมอง สวีจงฉือลงมาจากรถม้า เดินก้าวใหญ่มาทางด้านนางใบหน้าของสวีจงฉือแต้มไปด้วยรอยยิ้มหลายวันมานี้ร่างกายของเขาฟื้นฟูไปได้มาก เมื่อวานนี้จึงได้ออกมาจากที่ว่าการอำเภอเพียงแต่ในใจเขา กลับคอยคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าจะได้พบกับเจี่ยนอันอันอีกเมื่อไหร่กันวันนี้เขาว่าจ้างรถม้า คิดจะไปหาเจี่ยนอันอันที่หมู่บ้านชิงสุ่ยเมื่อครู่นี้ในตอนที่รถม้าผ่านมานั้น เขาก็เปิดม่านขึ้นโดยบังเอิญ แล้วมองเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยเข้า กำลังนั่งยองซื้อกระต่ายน้อยที่นั่นนี่เป็นร่างเงาที่เขาไม่เคยลืมเลือน ในใจก็ยินดีขึ้นมา เขารีบให้คนขับรถหยุดลงทันทีเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังจะจากไป สวีจงฉือก็รีบลงจากรถม้าแล้วร้องเรียกนางเอาไว้เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสีหน้าของสวีจงฉือฟื้นตัวได้ดีขึ้น ดูเหมือนว
เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา จึงทำได้เพียงแค่ถอยไปด้านข้างเจี่ยนอันอันพูดกับฉู่จวินสิงขึ้น “ท่านพี่ พวกเรากลับไปกันเถอะ”ฉู่จวินสิงส่งเสียงตอบรับ แล้วขับรถม้าจากไปสวีจงฉือมองไปยังแผ่นหลังของเจี่ยนอันอัน ในใจรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาไม่นานนักรถม้าก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยเจี่ยนอันอันไม่ได้กลับเรือน แต่ไปยังที่พักของเสิ่นจือเจิ้งแทนวันนี้ไม่เพียงแต่นางทำกำไรได้ แล้วยังได้รับทรัพย์พิเศษมาอีกด้วยแน่นอนว่าย่อมต้องนำเงินที่ได้มาเพิ่มนั้น ให้พี่ใหญ่ถึงจะถูกในตอนที่เจี่ยนอันอันเคาะประตูเรือนนั้น เซียงเสวี่ยยังคิดว่าเป็นเจียงหว่านเอ๋อร์มาก่อเรื่องอีกเมื่อนางทำหน้าเย็นชาไปเปิดประตูนั้น ถึงได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูกลับเป็นพวกของเจี่ยนอันอันทั้งสามคนใบหน้าของเซียงเสวี่ย ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาทันที“นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง พวกท่านกลับมาแล้ว”เซียงเสวี่ยพูดขึ้น พร้อมให้ทั้งสามคนเข้ามาด้านในนางนำเรื่องที่เจียงหว่านเอ๋อร์มาก่อเรื่องเมื่อเช้านี้ พูดให้ทั้งสามคนฟังเจี่ยนอันอันพอใจกับผลงานของเซียงเสวี่ยเป็นอย่างมาก นางหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญออกมาจากถุงผ้า มอบให้เซียงเสวี่ย
เซียงเสวี่ยเดินเข้ามา โค้งคำนับเสิ่นจืออวี้“คุณชายรองเสิ่น ข้าเป็นสาวใช้ที่ฮูหยินน้อยรองส่งมาคอยดูแลรับใช้คุณชายใหญ่เสิ่น ต่อไปข้าจะพักอยู่ที่นี้แล้ว”เสิ่นจืออวี้ส่งเสียง “ออ” ออกมา แล้วถึงได้สติขึ้นมาเขาพยักหน้าให้เซียงเสวี่ย แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องของตนเองในตอนที่เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงกลับไปถึงเรือนของตนนั้น คนที่เรือนก็กินอาหารเช้ากันไปแล้วฉู่จื่อซีย่อกายอยู่ในสวน จ้องมองไปยังมันเทศที่ปลูกไว้เจี่ยนอันอันมองออกว่าฉู่จื่อซีอยากกินมันเทศเผาอีกครั้งนางยิ้มแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะนำกระต่ายน้อยสองตัวที่ซื้อมาในวันนี้ กวัดแกว่งไปมาเบื้องหน้าของฉู่จื่อซีเมื่อฉู่จื่อซีมองเห็นกระต่ายน้อย ก็รีบหันหน้ามาทันที“อาสะใภ้รอง กระต่ายน้อยนี่ไปได้มาจากที่ใดกัน น่ารักมาก”ฉู่จื่อซียังคงพูดด้วยเสียงเด็กน้อย เขาชอบสัตว์ตัวเล็กๆ พวกนี้มากที่สุดแล้วเจี่ยนอันอันลูบไปยังหัวเล็กๆ ของฉู่จื่อซี ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ข้าซื้อมันมาจากอำเภอไถหยาง ต่อไปพวกมันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแล้ว”ฉู่จื่อซีลุกขึ้นยืน กอดกรงเหล็กน้อยเอาไว้ด้วยความดีใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้างออกมา“อาสะใภ
ฉู่จวินสิงเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้กินมันเทศเผา เดิมทีเขายังปฏิเสธกับของสิ่งนี้อยู่ เพราะอย่างไรแล้วในตอนที่กินมันเทศในวัดที่ผุพังนั้น สำลักจนอีกเพียงนิดก็เกือบตายไปแล้วทว่ามันเทศที่ปลูกขึ้นมาเองนั้น กลับทั้งหอมทั้งหวานสกุลฉู่คนอื่นๆ เอง ก็พากันชื่นชมมันเทศอย่างไม่ขาดปากเจี่ยนอันอันได้ยินคำชมของทุกคน ในใจก็รู้สึกมีความสุขนางกินมันเทศเสร็จแล้วก็คิดจะไปเก็บหญ้าหมูซวีมาให้กระต่ายน้อยฉู่จวินสิงรีบตามไปทันทีเจี่ยนอันอันบอกกับฉู่จวินสิง ว่าหญ้าชนิดใดคือหญ้าหมูซวีทั้งสองคนเก็บกลับมาตะกร้าใหญ่ เพียงพอให้กระต่ายน้อยทั้งสองตัวกินได้หลายวันเพราะว่าฮูหยินใหญ่และฉู่จื่อซี ต่างก็ชื่นชอบกระต่ายน้อยกันมากเรื่องป้อนหญ้าหมูซวีให้พวกมันนั้น ก็มอบให้ทั้งสองคนแล้วเจี่ยนอันอันหยิบถุงผ้าออกมา แล้วนำถุงเงินเหล่านั้นเก็บเข้าไปในห้วงมิติเหรียญทองแดงที่เหลือนั้นก็เตรียมจะแบ่งให้กับทุกคนครั้งนี้ คนสกุลฉู่ไม่ได้ปฏิเสธออกมาอีกพวกเขาแต่ละคนต่างก็ได้รับส่วนแบ่งกัน แม้แต่เด็กรับใช้และเหล่าสาวใช้ ล้วนแต่ได้รับเงินส่วนแบ่งทุกคนรับเงิน อย่างยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขามายังที่นี่แล
สีหน้าของเจี่ยนอันอันมืดครึ้มลง ดูแล้วสตรีอ้วนนางนี้คงจะลืมความเจ็บปวดจากบทเรียนไปแล้วสินะนางควรกรอกยาพิษใส่ปากกุ้ยเหมยให้เป็นใบ้ ต่อไปจะได้พูดอะไรไม่ได้อีกกุ้ยเหมยเห็นลูกค้าที่ซื้อผักมีท่าทีไม่เชื่อก็พูดทันที “พวกเจ้าไม่รู้อะไร เมื่อวานข้าซื้อผักจากร้านพวกเขา หลังจากได้กินก็มีอาการถ่ายท้อง”เจ้าของแผงขายของคนอื่นๆ พากันเอะอะโวยวายตาม“กุ้ยเหมยพูดถูก เมื่อวานข้าก็ซื้อผักจากร้านพวกเขาเช่นกัน ตอนแรกคิดว่าผักสดใหม่มาก ทว่ากินไปแล้วกลับถ่ายท้อง”“พวกข้าล้วนแต่เป็นเหยื่อ ขอแนะนำให้พวกเจ้าอย่าซื้อผักของพวกเขาจะดีกว่า”บรรดาคนที่ซื้อผักได้ฟังดังนี้ก็มีสีหน้าไม่สู้ดีตอนนี้พวกเขาไม่รู้ว่าควรซื้อหรือไม่ควรซื้อดี กุ้ยเหมยใช้โอกาสนี้พูดต่ออีกว่า “ข้าจะบอกความจริงให้พวกเจ้าฟัง ผักของร้านนี้ถูกทำอะไรบางอย่าง”“ถึงแม้ว่าหลังจากที่พวกเจ้ากินจะไม่ได้มีอาการถ่ายท้อง แต่ยิ่งกินก็ยิ่งเสพติดใช่หรือไม่?”บรรดาคนที่ซื้อผักหันไปมองหน้ากันเมื่อได้ยินดังนี้ทุกคนต่างมีความรู้สึกเช่นนี้ นับแต่ที่พวกเขาซื้อผักของร้านนี้ เป็นความจริงที่กินแล้วติดใจเสมือนว่าหากไม่ได้กินผักของร้านนี้แม้เพียงมื้อเดีย
เมื่อทั้งสองคนกลับถึงบ้านก็เห็นฉู่จวินสิงกระโดดลงมาจากหลังคาเจี่ยนอันอันตะลึงงันไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นนางหยอกล้อว่า “ท่านขึ้นไปทำอะไรบนหลังคา คงไม่ใช่ขึ้นไปอาบแดดกระมัง”ฉู่จวินสิงพูดเสียงต่ำทุ้ม “ข้ากลัวเจ้าจะมีอันตราย”เจี่ยนอันอันหัวเราะ “พรืด” ออกมา มีหรือที่นางจะไม่รู้ความคิดของเขานางไม่ได้หยอกล้อฉู่จวินสิงต่อ แต่จูงมือฉู่ตั๋วตั่วเดินไปอยู่ใต้ร่มเงา นางบอกฉู่ตั๋วตั่วว่าต้องใช้กำลังไฟอย่างไรในการหลอมสมุนไพรสามชนิดนี้ฉู่ตั๋วตั่วฟังด้วยความตั้งใจและจดจำวิธีการไว้ในสมองหลังจากที่ฉู่ตั๋วตั่วเรียนรู้วิธีการหลอมเสร็จเรียบร้อย นางก็กลับไปพร้อมกับกวนซินเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องไปปิดตาเอนตัวลง จิตสำนึกของนางเข้าสู่ห้วงมิติทันทียาพิษที่หลอมอยู่ในเตาหลอมยาหลอมเสร็จเรียบร้อยนานแล้วนางสูดดมกลิ่นยาพิษ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยมาปะจมูก ในนั้นมีกลิ่นหอมของบุปผาพิเศษนานาชนิดผสมผสานอยู่ เจี่ยนอันอันยิ้ม ทำการเทยาพิษในเตาหลอมลงในขวด นี่เป็นยาพิษที่นางเพิ่งหลอมขึ้นใหม่ แม้จะมีกลิ่นหอมปะจมูก ทว่าความเป็นพิษกลับรุนแรงกว่ายาพิษชนิดอื่นเป็นร้อยเท่าตัวเจี่ยนอันอั
ฉู่ตั๋วตั่วเงยหน้าขึ้นมองเจี่ยนอันอัน “ท่านน้า ดูเหมือนสมุนไพรที่นี่จะไม่ได้มีมากนะเจ้าคะ”เจี่ยนอันอันจูงมือน้อยๆ ของฉู่ตั๋วตั่วตอบว่า “พวกเราไปดูที่อื่นกันเถอะ”ฉู่ตั๋วตั่วตอบตกลงด้วยความยินดี ยามที่ทั้งสองคนมาถึงพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับทุ่งนาของบ้านซ่างชิว เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเสียง “ฟ่อๆ” ดังมาจากไม่ไกลนางรีบดึงให้ฉู่ตั๋วตั่วให้ถอยออกมา “ระวังด้วยตั๋วตั่ว ที่นี่มีงูพิษ”เมื่อฉู่ตั๋วตั่วได้ยินว่ามีงูพิษ ใบหน้าดวงน้อยของนางก็ตึงเครียดขึ้นมาโดยพลันแม้ปากนางจะบอกว่าไม่กลัวงูพิษ ทว่าภายในใจก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ดีนางเคยเห็นภาพเหตุการณ์ที่มีคนถูกงูฉกที่จวนรัชทายาท หลังจากที่บ่าวรับใช้คนนั้นถูกงูฉก เพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็สิ้นใจตายจวบจนถึงตอนนี้ ภาพนั้นก็ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของฉู่ตั๋วตั่วเจี่ยนอันอันเก็บกิ่งไม้แห้งมาแหวกหญ้าแห้งบนพื้นเห็นว่าห่างจากพวกนางออกไปไม่ไกล มีงูลายขาวตัวหนาเท่านิ้วหัวแม่มือตัวหนึ่งกำลังเลื้อยมาทางพวกนางและที่ด้านหลังงูตัวนี้ก็มีเทียนหมาดำขึ้นอยู่หลายต้นเจี่ยนอันอันดีใจเมื่อเห็นดังนี้ เทียนหมาดำเป็นสมุนไพรมีพิษ ทั้งยังเป็นสมุนไพรที่ฉู่ตั๋ว
นางจะต้องปรุงยาพิษที่ฤทธิ์แรงกว่านี้ออกมาให้ได้ถึงจะดีจิตใต้สำนึกของเจี่ยนอันอันเข้าไปในห้วงมิติ หยิบสมุนไพรที่มีพิษร้ายแรงออกมาจากในคลังยาแล้วเริ่มปรุงยาพิษขณะที่นางกำลังปรุงยาพิษอยู่ก็มีคนมาเคาะประตูฉู่จวินสิงเดินไปเปิดประตูก็เห็นสี่เอ๋อร์ยืนอยู่หน้าประตูนางกล่าวกับฉู่จวินสิงว่า “นายน้อยรอง กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วมาเจ้าค่ะ”ฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าสองคนนี้มาทำอะไร?เขาหันกลับไปมองเจี่ยนอันอันก็เห็นว่านางยังคงนอนหลับตาอยู่บนเตียงท่าทางแบบนี้คงจะหลับไปแล้วฉู่จวินสิงเดินมาถึงลานเรือน กวนซินรีบเดินเข้ามาหาทันทีนางยอบกายคารวะฉู่จวินสิง “คุณชายฉู่ ตั๋วตั่วลูกข้ามาหาอันอันเพื่อเรียนปรุงยาพิษ ไม่ทราบว่านางสะดวกหรือไม่?”ฉู่จวินสิงเหลือบมองฉู่ตั๋วตั่วแวบหนึ่งก็เห็นว่านางกำลังนั่งยองลูบกระต่ายสองตัวอยู่บนพื้นฉู่จื่อซีพูดอะไรอยู่ข้างๆ บอกว่ากระต่ายสองตัวนี้ชื่อเสี่ยวไป๋กับเสี่ยวฮุยฉู่จวินสิงเอ่ยเสียงเรียบ “อันอันพักผ่อนอยู่ รอจนนางตื่นแล้วค่อยสอนฉู่ตั๋วตั่วก็แล้วกัน”กวนซินไม่ได้พูดอะไรอีก นางก็ไม่อยากรบกวนเจี่ยนอันอันเหมือนกันจึงจูงมือฉู่ตั๋วตั่วจากไปในเวลานั้นเจี่ยนอันอันได้ยิ
แต่ฉู่จวินสิงลืมคิดไปว่าถ้าเขายังโกรธเสิ่นจือเจิ้งต่อไปก็จะทำให้เจี่ยนอันอันที่อยู่ตรงกลางลำบากใจไม่รอให้ฉู่จวินสิงเอ่ยปาก เจี่ยนอันอันก็พูดต่อไปว่า “เรื่องนี้วันหลังข้าจะบอกกับพี่เองว่าอย่าทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น”ฉู่จวินสิงเข้าใจเจตนาของเจี่ยนอันอันแล้ว เขายอมรับว่าเมื่อครู่ตนเองทำไม่เหมาะสมคนทั้งสองคุยกันรู้เรื่องแล้ว ความอึดอัดคับข้องใจก็พลันสลายไปทั้งคู่เดินตรงไปยังแปลงผัก พ่อบ้านหลิวก็เดินตามหลังพวกเขาเขาเห็นทั้งสองคนเริ่มพูดคุยหัวเราะก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกพ่อบ้านหลิวเห็นฉู่จวินสิงมาตั้งแต่เล็กจนโตย่อมรู้นิสัยของฉู่จวินสิงดีเดิมทีเขายังกังวลว่าทั้งคู่จะทะเลาะกันเพราะเรื่องเมื่อครู่ตอนนี้ดูแล้ว เขาคงกังวลใจมากเกินไปเองทั้งสามมาถึงแปลงผักก็เห็นว่าพืชผักเติบโตเต็มที่แล้วจ้าวอู่กับจ้าวลิ่วนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ดูเหมือนกำลังช่วยดูแลผักเหล่านี้อยู่เห็นพวกเขาเดินมาก็รีบร้อนลุกขึ้น“แม่นางเจี่ยน คุณชายฉู่ ในที่สุดพวกท่านก็มาเสียที”จ้าวอู่ว่าพลางเกาท้ายทอยก่อนหน้านี้เขากับจ้าวลิ่วอยากมาดูที่ทุ่งนาบ้านตัวเองว่าข้าวที่ปลูกไว้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็มาเห็นว่าพืชผ
เสิ่นจือเจิ้งย่อมรู้ว่าเจี่ยนอันอันชอบกินหม้อไฟเขามองท่าทางยิ้มแย้มของเจี่ยนอันอันแล้วก็ยื่นมือไปลูบศีรษะนางอย่างเป็นธรรมชาตินี่เป็นท่าทางที่มักทำบ่อยๆ ตอนทั้งคู่อยู่ที่บ้านแต่คนเหล่านั้นกลับมองเสิ่นจือเจิ้งด้วยสีหน้าตกอกตกใจมีเพียงฉู่จวินสิงที่ตีหน้าเย็นชา ท่าทางเหมือนอยากจะฆ่าคนเขาปัดมือเสิ่นจือเจิ้งออกแล้วจ้องมองฝ่ายตรงข้ามอย่างขุ่นเคืองเสิ่นจือเจิ้งเหลือบมองฉู่จวินสิงด้วยแววตาเย็นชาหาใดเปรียบดุจเดียวกันเขาจะลูบหัวน้องสาวตัวเองก็ต้องให้ฉู่จวินสิงอนุญาตอย่างนั้นรึ?เห็นท่าทางตึงเครียดของคนทั้งสองแล้ว มุมปากเจี่ยนอันอันก็กระตุกยิกสองคนนี้ทำไมทำตัวเหมือนเด็กสามขวบอย่างไรอย่างนั้นคนอื่นๆ เห็นอย่างนั้นก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นมา“หม้อไฟวันนี้อร่อยจริงๆ”“ใช่แล้ว วันนี้แสงแดดก็ยังเปรี้ยงอีกต่างหาก”“ต่อไปพวกเราต้องกินหม้อไฟกันบ่อยๆ นะ รสชาติแบบนี้จะโอชาเกินไปแล้ว”พวกเขาไม่กล้าพูดห้ามปรามคนทั้งสองจึงคิดหาคำพูดมาผ่อนคลายบรรยากาศเจี่ยนอันอันใช้ผ้าแพรเช็ดหน้าซับมุมปากแล้วลุกขึ้นทำท่าจะจากไป“ข้าจะไปดูผักในแปลงผักสักหน่อย ป่านนี้ผักพวกนั้นคงโตได้ที่แล้วกระมัง”ฉู่จวินสิงเ
สี่เอ๋อร์เพิ่งจะเคยเห็นอุปกรณ์ทำหม้อไฟแบบนี้เป็นครั้งแรกนางเทน้ำลงในหม้อตามคำสั่ง จากนั้นก็เห็นเจี่ยนอันอันหยิบฟืนจำนวนหนึ่งมาใส่ใต้หม้อแล้วจุดไฟสาวใช้คนอื่นๆ ล้างผักเสร็จแต่แรกแล้ว พวกนางยกผักกับเนื้อวัวที่ซอยเสร็จเรียบร้อยเดินมาทางนี้เมื่อพวกนางเห็นอุปกรณ์ทำหม้อไฟก็อึ้งไปทันทีเหมือนกันนี่มันคืออะไรกัน น้ำในนั้นผ่านไปไม่ทันไรก็เดือดแล้วเจี่ยนอันอันไปที่ครัวแล้วนำน้ำจิ้มกับเครื่องเทศสำหรับทำหม้อไฟปริมาณมากออกมาจากในมิตินางเทน้ำจิ้มลงในชามใหญ่ใบหนึ่งแล้วยกชามเดินออกมา“ในชามนี้คือน้ำจิ้มสำหรับหม้อไฟ อีกประเดี๋ยวจะได้ใช้ตอนกินหม้อไฟ ของพวกนี้เป็นเครื่องเทศสำหรับทำหม้อไฟ ต้องเทใส่ในหม้อ”เจี่ยนอันอันว่าพลางเทเครื่องเทศสำหรับทำหม้อไฟลงไปในหม้อกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของหม้อไฟโชยออกมาอย่างรวดเร็วคนตระกูลฉู่ได้กลิ่นหอมนั้นก็เดินออกมาจากในห้องพวกเขาเดินมาตรงหน้าโต๊ะก็เห็นผักและเนื้อสัตว์เต็มโต๊ะ“อันอัน เจ้าทำทั้งหมดนี่เลยหรือ?” ฮูหยินใหญ่สูดกลิ่นหอมกรุ่นนั้นพลางมองไปทางเจี่ยนอันอันอย่างค่อนข้างสงสัยในความคิดของนาง ของแปลกประหลาดแบบนี้ก็มีแต่เจี่ยนอันอันเท่านั้นแหละถึงจ
ฉู่จวินสิงนั่งอยู่บนขอบเตียง มองท่าทางนับเงินอย่างจริงจังของเจี่ยนอันอันแล้วใบหน้าก็เผยรอยยิ้มออกมาเจี่ยนอันอันเงยใบหน้าดวงน้อยนั้นขึ้นมาเอ่ยอย่างเบิกบานใจว่า “ท่านพี่ วันนี้พวกเราขายของได้เงินมากขนาดนี้ก็ต้องกินดีๆ หน่อยถึงจะถูก”“เจ้าอยากกินอะไร?” ฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าเอ็นดูเจี่ยนอันอันหัวเราะคิกคัก “วันนี้ข้าอยากกินหม้อไฟแล้วดื่มสุราผลไม้สักหน่อย”ฉู่จวินสิงเลิกคิ้ว หม้อไฟคืออันใด เขาไม่เคยกินมาก่อนครั้นเจี่ยนอันอันคิดถึงว่าอีกหน่อยจะได้กินหม้อไฟ นางก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่อยู่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ นางไม่ได้กินหม้อไฟหอมกรุ่นมานานแล้ว“หม้อไฟที่เจ้าว่าอร่อยปานนั้นเชียว?” ฉู่จวินสิงถามอย่างสงสัยเจี่ยนอันอันคิดไม่ถึงว่าฉู่จวินสิงจะไม่เคยกินหม้อไฟมาก่อนแต่พอครุ่นคิดดูก็พบว่าไม่แปลก คนในโลกนี้ไม่เหมือนราชวงศ์ต่างๆ ที่นางรู้จักบางทีคนที่นี่อาจไม่เคยกินหม้อไฟมาก่อนเลยก็เป็นได้เจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟัน “ประเดี๋ยวท่านก็จะได้รู้แล้วว่าหม้อไฟเลิศรสปานไหน”เจี่ยนอันอันบอกว่าจะทำก็ทำเลย นางรุดออกไปเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำหม้อไฟทันทีนางมาที่ชั้นใต้ดิน หยิบผักและเนื้อสัต
กุ้ยเหมยเมื่อเห็นว่าถังก่วงไม่ส่งเสียงพูดออกมา นางคิดว่าถังก่วงจะต้องกลัวตนเองนางส่งเสียงเย้ยหยันออกมา แล้วพูดกับเจ้าของแผงคนอื่นๆ “สองคนที่มาใหม่นั่นไม่กำจัดไปไม่ได้ ข้ามีความคิดหนึ่ง พวกเจ้าอยากจะลองฟังหรือไม่?”กุ้ยเหมยเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยุดลง แล้วมองไปยังเจ้าของแผงเหล่านั้นเจ้าของแผงถึงแม้ว่าจะเกลียดกุ้ยเหมยเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาตอนนี้ต้องรวมเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านภายนอกเมื่อเทียบกับกุ้ยเหมยแล้ว เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงต่างหากถึงจะเป็นคนที่พวกเขาควรกำจัดทิ้งแน่นอนว่าย่อมอยากฟังว่ากุ้ยเหมยจะพูดอะไรออกมา“ข้าว่ากุ้ยเหมย เจ้าอย่ามัวมาโอ้เอ้อยู่เลย รีบพูดออกมา!”เจ้าของแผงต่างก็เริ่มจะไม่อดทนต่อแล้ว คิดเพียงอยากจะให้กุ้ยเหมยรีบพูดออกมากุ้ยเหมยเปิดปากหัวเราะออกมา ทว่าทันทีที่นางอ้าปาก แผลที่เดิมทีนั้นสมานกันแล้วก็เริ่มมีเลือดออกมานางเจ็บปวดจนร้อง “ไอ้หยา” ดังขึ้น แล้วรีบปิดปากท่าทีน่าอับอายนั้นของนาง ทำให้ถังก่วงรู้สึกในใจว่านี่เป็นการแก้แค้นกุ้ยเหมยเช็ดเลือดตรงปาก ก็เห็นว่าทุกคนรอเพียงข้อเสนอแนะของนาง ไม่มีใครจะห่วงใยว่าปากของนางจะเจ็บหรือไม่ในใจกุ้ยเหมยคิด ไม่ต