รอจนเมื่อคนกลุ่มนั้นถูกคุมตัวออกไปแล้ว เซิ่งฟางถึงได้หัวเราะแล้วออกจากห้องพิจารณาคดีไปเขาเดินก้าวใหญ่เข้ามา แล้วพูดอย่างอารมณ์ดี “อันอัน จวินสิง พวกเจ้ากินอาหารเช้ากันแล้วหรือยัง?”เจี่ยนอันอันยังไม่ทันได้พูดออกมา ท้องก็ส่งเสียงร้องคำรามดังขึ้น ตอบกลับเซิ่งฟางเจี่ยนอันอันลูบท้อง ยิ้มแล้วพูดออกมา “พี่เซิ่ง พวกเราไปขายผักที่ตลาดตั้งแต่เช้า ไม่ได้กินข้าวเช้ามาจริงๆ”“เช่นนั้นก็ดี เมื่อครู่นี้ห้องครัวเพิ่งจะทำอาหารเสร็จ พวกท่านก็มากินข้าวด้วยกันกับข้า”เซิ่งฟางนำทั้งสามคนมายังห้องทานอาหารอย่างกระตือรือร้นเหล่าสาวใช้ในตอนนี้วางอาหารลงบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ทั้งสี่คนรีบนั่งลงเจี่ยนอันอันหยิบชามและตะเกียบขึ้นอย่างไม่เกรงใจ แล้วเริ่มกินฉู่จวินสิงตักเนื้อให้เจี่ยนอันอัน แล้วใส่ลงไปในชามของนางเซิ่งฟางมองไปยังท่าทีรักใคร่ของทั้งสองคน ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาเห็นเสิ่นจืออวี้ที่นั่งอยู่ตรงนั้นอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนขึ้น “เจ้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเกรงใจ มาแล้วก็ทำตัวเหมือนกับอยู่ที่เรือนของเจ้าเถอะ”เสิ่นจืออวี้เป็นครั้งแรกที่มากินข้าวที่ที่ว่าการอำเภอเขาก
เขาพบว่านักโทษเหล่านั้น มีส่วนใหญ่ที่ถูกนายอำเภอคนก่อนกล่าวโทษผิดๆ ไปนายอำเภอคนก่อนสนใจเพียงแต่รับเงิน ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านแม้แต่น้อยส่วนนักโทษที่ถูกกล่าวโทษเหล่านั้น เป็นเพราะที่บ้านยากจน มอบเงินให้ไม่ได้ จึงถูกนายอำเภอตัดสินโทษ แล้วนำตัวเข้าไปขังคุกพวกเขาถูกคุมขังอยู่หลายปีมีนักโทษที่เคยถูกกล่าวโทษหลายคน ที่ถูกนายอำเภอคนก่อนตัดสินให้ตัดหัวเซิ่งฟางรีบตรวจสอบ แล้วนำตัวผู้ที่กระทำผิดตัวจริงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและเพราะเซิ่งฟางตัดสินคดีความได้ดี นักโทษที่ถูกกล่าวโทษเหล่านั้น ล้วนแต่ได้รับความยุติธรรมกลับคืนมาพวกเขาเองก็เป็นเพราะเหตุนี้ ถึงได้เปลี่ยนความคิดที่มีต่อเซิ่งฟางไปเซิ่งฟางบอกกับพวกเขา เขาไม่เคยขายเมืองอินเป่ย ประกาศเหล่านั้นก็เป็นของปลอมทั้งหมดเป็นเพราะมีคนจงใจใส่ร้ายเขาเมื่อผ่านการกระทำหลายวันมานี้ของเซิ่งฟาง ก็ทำให้ชาวบ้านในอำเภอไถหยางรู้ว่า พวกเขาทั้งหมดเข้าใจเขาผิดไป ทำให้ช่วงเวลาถัดมาของเซิ่งฟางดีขึ้นมากเจี่ยนอันอันได้ยินเซิ่งฟางอธิบายออกมา ในใจรู้สึกชื่นชมเขาเมื่อนางเห็นว่าที่นี้ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็ลุกขึ้นแล้วบอกลาเซิ่งฟางส่
นางหยิบเงินก้อนเล็กสองอันออกมาจากด้านใน มอบให้เจ้าของแผงเจ้าของแผงรับเงินมือหนึ่งด้วยความยินดี อีกมือหนึ่งก็ส่งมอบกระต่ายเจี่ยนอันอันรับกรงเหล็กมา หมุนกายขึ้นรถม้าไปในตอนที่พวกเขากำลังออกไปจากที่นั่น ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนร้องตะโกนออกมา “แม่นางเจี่ยน เป็นท่านจริงๆ!”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินว่ามีคนเรียกนาง ก็หันไปมอง สวีจงฉือลงมาจากรถม้า เดินก้าวใหญ่มาทางด้านนางใบหน้าของสวีจงฉือแต้มไปด้วยรอยยิ้มหลายวันมานี้ร่างกายของเขาฟื้นฟูไปได้มาก เมื่อวานนี้จึงได้ออกมาจากที่ว่าการอำเภอเพียงแต่ในใจเขา กลับคอยคิดอยู่ตลอดเวลา ว่าจะได้พบกับเจี่ยนอันอันอีกเมื่อไหร่กันวันนี้เขาว่าจ้างรถม้า คิดจะไปหาเจี่ยนอันอันที่หมู่บ้านชิงสุ่ยเมื่อครู่นี้ในตอนที่รถม้าผ่านมานั้น เขาก็เปิดม่านขึ้นโดยบังเอิญ แล้วมองเห็นร่างเงาที่คุ้นเคยเข้า กำลังนั่งยองซื้อกระต่ายน้อยที่นั่นนี่เป็นร่างเงาที่เขาไม่เคยลืมเลือน ในใจก็ยินดีขึ้นมา เขารีบให้คนขับรถหยุดลงทันทีเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังจะจากไป สวีจงฉือก็รีบลงจากรถม้าแล้วร้องเรียกนางเอาไว้เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าสีหน้าของสวีจงฉือฟื้นตัวได้ดีขึ้น ดูเหมือนว
เขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา จึงทำได้เพียงแค่ถอยไปด้านข้างเจี่ยนอันอันพูดกับฉู่จวินสิงขึ้น “ท่านพี่ พวกเรากลับไปกันเถอะ”ฉู่จวินสิงส่งเสียงตอบรับ แล้วขับรถม้าจากไปสวีจงฉือมองไปยังแผ่นหลังของเจี่ยนอันอัน ในใจรู้สึกว่างเปล่าขึ้นมาไม่นานนักรถม้าก็กลับมาถึงหมู่บ้านชิงสุ่ยเจี่ยนอันอันไม่ได้กลับเรือน แต่ไปยังที่พักของเสิ่นจือเจิ้งแทนวันนี้ไม่เพียงแต่นางทำกำไรได้ แล้วยังได้รับทรัพย์พิเศษมาอีกด้วยแน่นอนว่าย่อมต้องนำเงินที่ได้มาเพิ่มนั้น ให้พี่ใหญ่ถึงจะถูกในตอนที่เจี่ยนอันอันเคาะประตูเรือนนั้น เซียงเสวี่ยยังคิดว่าเป็นเจียงหว่านเอ๋อร์มาก่อเรื่องอีกเมื่อนางทำหน้าเย็นชาไปเปิดประตูนั้น ถึงได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ด้านนอกประตูกลับเป็นพวกของเจี่ยนอันอันทั้งสามคนใบหน้าของเซียงเสวี่ย ปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมาทันที“นายน้อยรอง ฮูหยินน้อยรอง พวกท่านกลับมาแล้ว”เซียงเสวี่ยพูดขึ้น พร้อมให้ทั้งสามคนเข้ามาด้านในนางนำเรื่องที่เจียงหว่านเอ๋อร์มาก่อเรื่องเมื่อเช้านี้ พูดให้ทั้งสามคนฟังเจี่ยนอันอันพอใจกับผลงานของเซียงเสวี่ยเป็นอย่างมาก นางหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญออกมาจากถุงผ้า มอบให้เซียงเสวี่ย
เซียงเสวี่ยเดินเข้ามา โค้งคำนับเสิ่นจืออวี้“คุณชายรองเสิ่น ข้าเป็นสาวใช้ที่ฮูหยินน้อยรองส่งมาคอยดูแลรับใช้คุณชายใหญ่เสิ่น ต่อไปข้าจะพักอยู่ที่นี้แล้ว”เสิ่นจืออวี้ส่งเสียง “ออ” ออกมา แล้วถึงได้สติขึ้นมาเขาพยักหน้าให้เซียงเสวี่ย แล้วไม่ได้พูดอะไรออกมา กลับเข้าไปพักผ่อนในห้องของตนเองในตอนที่เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงกลับไปถึงเรือนของตนนั้น คนที่เรือนก็กินอาหารเช้ากันไปแล้วฉู่จื่อซีย่อกายอยู่ในสวน จ้องมองไปยังมันเทศที่ปลูกไว้เจี่ยนอันอันมองออกว่าฉู่จื่อซีอยากกินมันเทศเผาอีกครั้งนางยิ้มแล้วเดินเข้ามา ก่อนจะนำกระต่ายน้อยสองตัวที่ซื้อมาในวันนี้ กวัดแกว่งไปมาเบื้องหน้าของฉู่จื่อซีเมื่อฉู่จื่อซีมองเห็นกระต่ายน้อย ก็รีบหันหน้ามาทันที“อาสะใภ้รอง กระต่ายน้อยนี่ไปได้มาจากที่ใดกัน น่ารักมาก”ฉู่จื่อซียังคงพูดด้วยเสียงเด็กน้อย เขาชอบสัตว์ตัวเล็กๆ พวกนี้มากที่สุดแล้วเจี่ยนอันอันลูบไปยังหัวเล็กๆ ของฉู่จื่อซี ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ข้าซื้อมันมาจากอำเภอไถหยาง ต่อไปพวกมันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงของเจ้าแล้ว”ฉู่จื่อซีลุกขึ้นยืน กอดกรงเหล็กน้อยเอาไว้ด้วยความดีใจ ใบหน้าเผยรอยยิ้มกว้างออกมา“อาสะใภ
ฉู่จวินสิงเป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้กินมันเทศเผา เดิมทีเขายังปฏิเสธกับของสิ่งนี้อยู่ เพราะอย่างไรแล้วในตอนที่กินมันเทศในวัดที่ผุพังนั้น สำลักจนอีกเพียงนิดก็เกือบตายไปแล้วทว่ามันเทศที่ปลูกขึ้นมาเองนั้น กลับทั้งหอมทั้งหวานสกุลฉู่คนอื่นๆ เอง ก็พากันชื่นชมมันเทศอย่างไม่ขาดปากเจี่ยนอันอันได้ยินคำชมของทุกคน ในใจก็รู้สึกมีความสุขนางกินมันเทศเสร็จแล้วก็คิดจะไปเก็บหญ้าหมูซวีมาให้กระต่ายน้อยฉู่จวินสิงรีบตามไปทันทีเจี่ยนอันอันบอกกับฉู่จวินสิง ว่าหญ้าชนิดใดคือหญ้าหมูซวีทั้งสองคนเก็บกลับมาตะกร้าใหญ่ เพียงพอให้กระต่ายน้อยทั้งสองตัวกินได้หลายวันเพราะว่าฮูหยินใหญ่และฉู่จื่อซี ต่างก็ชื่นชอบกระต่ายน้อยกันมากเรื่องป้อนหญ้าหมูซวีให้พวกมันนั้น ก็มอบให้ทั้งสองคนแล้วเจี่ยนอันอันหยิบถุงผ้าออกมา แล้วนำถุงเงินเหล่านั้นเก็บเข้าไปในห้วงมิติเหรียญทองแดงที่เหลือนั้นก็เตรียมจะแบ่งให้กับทุกคนครั้งนี้ คนสกุลฉู่ไม่ได้ปฏิเสธออกมาอีกพวกเขาแต่ละคนต่างก็ได้รับส่วนแบ่งกัน แม้แต่เด็กรับใช้และเหล่าสาวใช้ ล้วนแต่ได้รับเงินส่วนแบ่งทุกคนรับเงิน อย่างยินดีเป็นอย่างยิ่งหลังจากที่พวกเขามายังที่นี่แล
เมื่อเห็นว่าผักที่พวกเขาวางเอาไว้ ไม่มีใครซื้อเลยส่วนแผงขายผักของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงนั้น กลับค้าขายได้ดีเป็นอย่างยิ่งเจ้าของแผงถึงแม้ว่าจะไม่กล้าพูดออกมา ในใจกลับโมโหเป็นอย่างยิ่งรอจนเมื่อหลังจากตลาดเลิกแล้ว เจ้าของแผงเหล่านี้มารวมตัวกัน“ข้าว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ผักของข้าขายไม่ได้มาหลายวันแล้ว ผักก็ล้วนแต่เน่าเสียหมดแล้ว”“ผักของข้าเองก็เป็นเหมือนกัน ถูกวางเน่าเสียอยู่เต็มในสวน อย่าพูดว่าจะนำออกมาขายเลย ข้าเองก็ยังไม่อยากกินมันด้วยซ้ำ”“เป็นเพราะความผิดของคนที่มาใหม่ทั้งสองคนนั่น หากว่าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาขายผักสดใหม่เช่นนั้น ผักของพวกเราทำไมจะขายไม่ออกกัน”เจ้าของแผงต่างก็พากันร้องบ่นออกมากุ้ยเหมยเมื่อได้ยินเข้า ก็อดที่จะเย้ยหยันออกมาไม่ได้“ฮึ ในตอนนั้นที่ข้าออกมาต่อต้านกับพวกเขา พวกเจ้ามีใครที่ออกมาผายลมบ้าง?”“มาตอนนี้ดีแล้ว รู้ว่าผักของทั้งสองคนนั่นขายดีมาก กระทบการค้าของทุกคนแล้ว”“พวกเจ้าถึงได้มาพูดถึงเรื่องนี้ที่นี่ จะมีประโยชน์อะไร!”คำของกุ้ยเหมย ทำให้เจ้าของแผงคนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองไปยังนางถังก่วงหนึ่งในเจ้าของแผง เหลือบมองไปยังปากของกุ้ยเหม
กุ้ยเหมยเมื่อเห็นว่าถังก่วงไม่ส่งเสียงพูดออกมา นางคิดว่าถังก่วงจะต้องกลัวตนเองนางส่งเสียงเย้ยหยันออกมา แล้วพูดกับเจ้าของแผงคนอื่นๆ “สองคนที่มาใหม่นั่นไม่กำจัดไปไม่ได้ ข้ามีความคิดหนึ่ง พวกเจ้าอยากจะลองฟังหรือไม่?”กุ้ยเหมยเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยุดลง แล้วมองไปยังเจ้าของแผงเหล่านั้นเจ้าของแผงถึงแม้ว่าจะเกลียดกุ้ยเหมยเป็นอย่างมาก แต่พวกเขาตอนนี้ต้องรวมเป็นหนึ่งเพื่อต่อต้านภายนอกเมื่อเทียบกับกุ้ยเหมยแล้ว เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงต่างหากถึงจะเป็นคนที่พวกเขาควรกำจัดทิ้งแน่นอนว่าย่อมอยากฟังว่ากุ้ยเหมยจะพูดอะไรออกมา“ข้าว่ากุ้ยเหมย เจ้าอย่ามัวมาโอ้เอ้อยู่เลย รีบพูดออกมา!”เจ้าของแผงต่างก็เริ่มจะไม่อดทนต่อแล้ว คิดเพียงอยากจะให้กุ้ยเหมยรีบพูดออกมากุ้ยเหมยเปิดปากหัวเราะออกมา ทว่าทันทีที่นางอ้าปาก แผลที่เดิมทีนั้นสมานกันแล้วก็เริ่มมีเลือดออกมานางเจ็บปวดจนร้อง “ไอ้หยา” ดังขึ้น แล้วรีบปิดปากท่าทีน่าอับอายนั้นของนาง ทำให้ถังก่วงรู้สึกในใจว่านี่เป็นการแก้แค้นกุ้ยเหมยเช็ดเลือดตรงปาก ก็เห็นว่าทุกคนรอเพียงข้อเสนอแนะของนาง ไม่มีใครจะห่วงใยว่าปากของนางจะเจ็บหรือไม่ในใจกุ้ยเหมยคิด ไม่ต
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร
แน่นอนว่าซางหมิงไม่เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอันเพราะสมัยก่อนกู้มั่วหลีได้วางยาพิษในร่างของเขาไม่น้อย แต่กลับไม่ต้องการให้เขาถูกพิษจนเสียชีวิตทุกครั้งที่เห็นเขาทุกข์ทรมานด้วยยาพิษ มักบอกว่าพิษนั้นยังไม่เพียงพอกู้มั่วหลีคล้ายคนเสียสติ แทนที่จะใช้ร่างกายเขาหาวิธีถอนพิษ กลับใช้เป็นที่ลองยามากขึ้นอีกซึ่งทำให้ซางหมิงถูกทรมานไม่หยุดหย่อนบัดนี้เจี่ยนอันอันกลับบอกว่าพิษในตัวเขาสามารถถอนได้ เพียงแค่ลมปากลอยๆ เขาย่อมไม่เชื่อแน่นอนแม้ว่านางจะมีความกล้าเหนือผู้อื่น ถึงขั้นติดตามฉู่จวินสิงกลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้งแต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่า นางจะสามารถขจัดพิษในร่างกายของเขาได้อีกทั้งเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ว่าพระชายาเยียนอ๋องรู้วิชาแพทย์ด้วย“ข้าว่าพระชายาเชิญกลับไปเสียดีกว่า ข้าต้องการพักผ่อน” ซางหมิงกล่าวพร้อมกับเอนกายลง “ก่อนออกไปอย่าลืมเป่าเทียนให้ดับด้วย”เจี่ยนอันอันเบะปากเล็กน้อย ถ้าตอนนี้เป็นผู้อื่น นางไม่สนใจนานแล้วแต่หลายวันนี้ซางหมิงสอนให้นางได้เรียนรู้หลายอย่าง จึงไม่อยากจากไปง่ายๆ เช่นนี้เจี่ยนอันอันกล่าวตอบเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นท่านพักผ่อนก่อน พรุ่งนี้ข้าจะถอนพิษในตัวให้”เจ
ซางหมิงได้ยินดังนี้กลับทำเสียงฮึในลำคอ สองมือกำเป็นหมัดแน่น“หากข้าเป็นพี่น้องกับกู้มั่วหลีจริง คนแรกที่จะเอาชีวิตก็คือมัน!”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น เห็นทีซางหมิงก็น่าจะรู้จักกู้มั่วหลีเช่นกันและระหว่างเขากับกู้มั่วหลี ก็น่าจะมีเรื่องบาดหมางด้วยแต่ถ้าเขาไม่ใช่กู้มั่วหลี ก็อาจพูดง่ายขึ้นสักหน่อยซางหมิงเห็นเจี่ยนอันอันยังคงยืนเฉยอยู่ที่เดิม จึงกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง “ยังไม่รีบไปอีก จะให้ข้าเฉดหัวเจ้าหรืออย่างไร?”เจี่ยนอันอันแม้จะรู้สึกขัดแย้งในใจ แต่นางยังไม่ต้องการไปจากที่นี่เร็วนักจึงรีบร้อนกล่าวอธิบาย “ท่านผู้วิเศษซาง ที่ข้าพบว่าท่านผ่านการแปลงโฉมมา ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ต้องการดูใบหน้าที่แท้จริงของท่าน”“แต่มิคาดฝันว่าท่านจะมีใบหน้าคล้ายคลึงกับศัตรูของข้ากู้มั่วหลี่ถึงเพียงนี้”“เมื่อครู่ที่ล่วงเกินไป ต้องขออภัยด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางโค้งคำนับให้แก่ซางหมิงซางหมิงจึงเพิ่งเข้าใจว่าที่แท้เจี่ยนอันอันก็เหมือนเขา มีความแค้นกับกู้มั่วหลีเขากล่าวพร้อมกัดฟันกรอด “เจ้ากู้มั่วหลียังมีชีวิตอยู่ สวรรค์ช่างลำเอียงโดยแท้!”เมื่อเจี่ยงอันอันเห็นซางหมิงโกรธแค้นต่อกู้มั่ว