ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เจี่ยนอันอันก็ถูกเซิ่งฟางนำทางไปยังห้องขังจ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกขังอยู่ในห้องขัง เขานั่งอยู่บนเสื่อฟาง ในปากยังคาบฟางเอาไว้สองปีมานี้ เขาถูกขังคุกเพราะว่าทำผิดมาไม่น้อยสำหรับครั้งนี้ที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็เคยชินกับมันเสียแล้วอย่างไรเสียอย่างมากก็คุมขังเขาเพียงไม่กี่วัน ให้เขากินอาหารในคุกสองสามวัน แล้วก็ปล่อยเขาออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จ้าวลิ่วก็โผล่ออกไปดูด้านนอกห้องขังเห็นเพียงแค่นายอำเภอเซิ่งฟาง เดินเข้ามาหยุดด้านนอกห้องขังเขาให้หัวหน้าห้องคุมขังเปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป“จ้าวลิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองทำผิดอะไรไป?” เซิ่งฟางถามออกมาอย่างเย็นชาจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางเข้ามา ก็รีบคายฟางในปากออกมาเขายิ้มแล้วพูดกับเซิ่งฟางขึ้น “ท่านใต้เท้านายอำเภอ ข้ารู้ความผิดแล้ว”“ข้าไม่ควรขโมยเงินของท่านใต้เท้าเจ้าเมือง ขอท่านใต้เท้านายอำเภอได้โปรดปล่อยข้าออกไปด้วยเถิด”เซิ่งฟางส่งเสียงเย็นชาออกมา จ้าวลิ่วกลอกตาไปมา ทำหน้ายิ้มสนุกสนานออกมา“เจ้าเด็กนี่ช่างกล้ามาก กล้ามาทำชั่วต่อหน้าต่อตาของข้า ข้าตัดสินให้เจ้าถูกขังคุกไปตลอด”คำของเซิ่
จ้าวลิ่วถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันทำเสียโมโหจนทั่วทั้งกายสั่นเทา เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธจนแทบอยากจะกัดนางเสียให้ตาย เจี่ยนอันอันยังคงพูดจาเหน็บแนมออกมา “หากว่าเจ้าเป็นเพียงขอทานดีๆ ก็แล้วไป แต่ยังจะไปขโมยถุงเงินของท่านเจ้าเมืองอีก” “ขโมยถุงเงินเสร็จเจ้าก็รีบไปขายของที่ขโมยมาเสีย เจ้ายังไม่กลัวตายกล้าวิ่งมารีดไถเงินจากพวกข้าอีก” “หากว่าพี่ห้าของเจ้ารู้ว่าเจ้าทำเรื่องเช่นนี้ คิดว่าคงจะถูกเจ้าทำให้โมโหเข้าเป็นแน่”ประโยคสุดท้ายนั้นของเจี่ยนอันอัน ทำจนเขาลุกขึ้นร้องตะโกนออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ “นังผู้หญิงบ้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” จ้าวลิ่วพูดออกมา พร้อมจะกระโจนเข้าไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันไม่ได้ขยับเขยื้อน ทว่าจ้าวลิ่วกลับถูกเตะออกไป จนกระแทกเข้ากับผนังแล้วร่วงลงพื้นฉู่จวินสิงเก็บเท้ากลับมา แล้วมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยสายตาเย็นชา จ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกเตะจนกระอักเลือดออกมา เขานอนหอบหายใจแรงอยู่บนพื้น ตรงหน้าอกเจ็บแปลบขึ้นมาลูกเตะครั้งนี้เตะไปไม่เบา จ้าวลิ่วกุมหน้าอกเอาไว้ ปากก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมากล้าลงมือกับเจี่ยนอันอัน ฉู่จวินสิงย่อมไม่ออมมือให้จ้าวลิ่ว แล
เซิ่งฟางหยิบถุงเงินออกมาจากอ้อมแขน แล้วส่งไปเบื้องหน้าของเจ้าเมืองตาน“นี่เป็นของที่ค้นมาจากตัวเขา ท่านลองดูว่าเป็นถุงเงินของท่านหรือไม่”เจ้าเมืองตานมองเพียงแค่ชั่วแวบก็จดจำได้ นั่นเป็นถุงเงินของตนเองเขารีบโค้งคำนับให้กับเซิ่งฟาง “เป็นถุงเงินของข้าจริงๆ ขอบคุณท่านนายอำเภอเซิ่งเป็นอย่างมาก”เจ้าเมืองตานเพิ่งจะรับถุงเงินกลับมา กลับพบว่าบนนั้นมีคราบเลือดเปื้อนอยู่เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังเซิ่งฟางด้วยความสงสัย “นายอำเภอเซิ่ง ทำไมบนนี้ถึงได้มีคราบเลือดเปื้อนอยู่ได้?”เซิ่งฟางถึงได้เพิ่งสังเกตเห็น ตนเองเมื่อวานนี้หลังจากที่ค้นถุงเงินมาจากกายของจ้าวลิ่ว ก็ยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเขาติดตามพวกฉู่จวินสิงมายังที่ว่าการมณฑลจงโจว แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดคราบเลือดนี้เป็นเพราะเปื้อนจากการที่เขาสังหารทหารเหล่านั้นของที่ว่าการมณฑลจงโจวเซิ่งฟางเหลือบมองไปยังฉู่จวินสิง ไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องลอบสังหารผู้ว่ามณฑลจงโจวออกไปดีหรือไม่ฉู่จวินสิงส่ายหัวออกมาเบาๆ บอกเขาว่าอย่าพูดออกมาเซิ่งฟางรีบหาข้ออ้าง “คราบเลือดนี้เป็นจ้าวลิ่วที่เพิ่งกระอักออกมา จนเปื้อนไปบนถุงเงิน”เจ้าเมืองตานเหลือบมองจ้าวล
นางพิงไปยังประตูเหล็ก แล้วพูดเย้ยหยันออกมา “เรื่องของถุงเงินถือว่าตัดสินแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าวิ่งมาทำเป็นนักต้มตุ๋นหน้ารถม้าของข้า พวกเรายังไม่ได้แก้ไขกันเลย”จ้าวลิ่วกระอักเลือดออกมาด้านข้าง แล้วพ่นเลือดในปากออกมาเดิมทีเขาก็เป็นกังวลกับเรื่องที่เจี่ยนอันอันพูดถึงเรื่องครอบครัวของเขาตอนนี้เจี่ยนอันอันยังพูดถึงเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวง เขาก็เลยมองเจี่ยนอันอันไม่เข้าตาผู้หญิงบ้านี่ ทำไมถึงได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยวาง“ข้าตอนนี้อยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก อย่างไรเสียต้องการเงินข้าไม่มี หากต้องการชีวิตก็มีเพียงแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น”จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าตนเองยังไงก็หลบหนีไม่พ้น อีกฝ่ายยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยเขายอมเป็นเหมือนหมูที่ตายไปแล้วไม่กลัวน้ำเดือดเจี่ยนอันอันลูบคาง แล้วยิ้มเย้ยหยันออกมา“ข้าเองคงไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแต่อยากจะนำเจ้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ย ให้พี่ห้าของเจ้าได้เห็นคุณธรรมของเจ้าตอนนี้”เหมือนดังคำที่ว่าฆ่าใจคน!เจี่ยนอันอันมองออกนานแล้ว จ้าวลิ่วกลัวว่านางจะพูดถึงเรื่องครอบครัวเขามากที่สุดแต่คำของเจี่ยนอันอัน ก็ทำให้จ้าวลิ่วตึ
เขาก้าวไปอย่างรวดเร็ว อย่างจะกระโจนเข้าไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงรีบขวางเอาไว้ด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน จ้องมองไปยังจ้าวลิ่วที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาจ้าวลิ่วตกใจเสียจนทั่วทั้งกายสั่นเทา รีบหยุดฝีเท้าลงทรวงอกของเขาจนกระทั่งตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบจนยากจะทนได้ ทว่าไม่อยากจะถูกเตะอีกครั้ง"พี่ห้าของข้าตกลงแล้วเป็นอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกข้ามา!"เขาตอนนี้เหลือเพียงแค่จ้าวอู่ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ที่สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้แค่สองคนทว่าเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น จ้าวลิ่วเพื่อที่จะต่อลมหายใจให้กับตระกูลจ้าว จึงตัดสินใจออกมาจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวแต่เขากลับละเลยพี่ห้าของเขาหลังจากที่ตัวเองจากมาแล้วเอาไว้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ว่าจะถูกครอบครัวของจางต้ารังแกหรือไม่ตอนนี้มาได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจ้าวอู่อีกเพียงนิดก็เกือบจะเสียชีวิตแล้ว เขาก็ยิ่งร้อนรนเสียยิ่งกว่ามดบนกระทะร้อนพี่ห้าของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาไม่อยากจะสูญเสียคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปอีกเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าจ้าวลิ่วเป็นห่วงจ้าวอู่ถึงเพียงนี้ นางจึงเก็บรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าไว้"เจ้าเป็นห่
เพื่อที่จะทรมานจ้าวลิ่วอีก หลังจากที่เจี่ยนอันอันพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็มองไปยังฉู่จวินสิง"สามี พวกเราไปเดินเล่นกันดีกว่า ข้ายังมีของอีกตั้งมากที่อยากจะซื้อ"ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็เข้ามาจูงมือของเจี่ยนอันอันแล้วเดินออกจากห้องขังไป"ช้าก่อน พวกท่านอย่าเพิ่งไป!"จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจะออกจากห้องขังไป ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนออกมาเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลง หันไปมองจ้าวลิ่วที่อยู่ในห้องขัง"ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยหรอกหรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่คอยไตร่ตรองให้ดีเถิด"เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจจ้าวลิ่วอีก เดินก้าวใหญ่ออกจากห้องขังไปจ้าวลิ่วเองก็อยากจะตามออกไป แต่กลับถูกหัวหน้าผู้คุมขังผลักกลับไป"กลับไปอยู่ในนั้นเสีย ท่านใต้เท้ายังไม่ได้ปล่อยเจ้าไป ก็อย่าคิดจะออกไปจากที่นี้แม้แต่ครึ่งก้าว"หัวหน้าผู้คุมขังปิดล็อคประตูเหล็ก แล้วหันหลังจากไปจ้าวลิ่วเป็นกังวลกับความปลอดภัยของจ้าวอู่ เขาตอนนี้เป็นกังวลอย่างมาก เริ่มคิดเสียใจเรื่องที่ปฏิเสธกลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยซ้ำไปซ้ำมาเจี่ยนอันอันปล่อยให้ฉู่จวินสิงกุมมือนางตามแ
ทั้งสองคนนั่งลง แล้วสั่งซาลาเปาเนื้อมาสองลูกเจี่ยนอันอันที่อยากกินมานานแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลายวันมานี้ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีเรื่องราวมากมายมาพัวพันบวกกับข้าวสารและแป้งที่เอามาจากค่ายเทียนอวิ๋น ก็กินไปจนเกือบหมดแล้วที่บ้านมีคนอยู่จำนวนยมาก แป้งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะทำซาลาเปาโชคดีที่นางปลูกธัญพืชทั้งห้าขึ้นมาแล้ว วันนี้ยังซื้อเครื่องโม่หินมาบดแป้งอีกรอเมื่อกลับไปแล้ว นางก็จะให้เด็กรับใช้โม่บดแป้งออกมา ทำอาหารของทุกคนให้ดียิ่งขึ้นไม่นานซาลาเปาเนื้อก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ เจี่ยนอันอันรีบหยิบซาลาเปาขึ้นมาในขณะที่ยังร้อนอยู่ แล้วยัดเขาปากไปฉู่จวินสิงนั่งลงด้านข้าง แล้วพูดออกมาเสียงเบา “กินช้าๆ หน่อย อย่าให้ลวกเข้า”เสียงของเขาเพิ่งจะหยุดลง ก็พบว่าเจี่ยนอันอันถูกซาลาเปาเนื้อร้อนๆ ลวกจนน้ำตาไหลออกมาเจี่ยนอันอันรีบกลืนซาลาเปาร้อนๆ นั้นลงท้องไป นางอ้าปากกว้าง แล้วใช้มือเป็นพัดลมให้กับตัวเอง“สวรรค์ ซาลาเปานี้ร้อนมากจริงๆ ปากของข้าแทบจะพองออกมาแล้ว”ฉู่จวินสิงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดคราบมันตรงมุมปากให้เจี่ยนอันอัน“บอกแล้วว่าให้เจ้ากิน
ผ่านไปไม่นานนัก ก็พบว่าทั้งสองคนกินซาลาเปาทั้งสองเข่งไปจนหมดเจี่ยนอันอันวางเงินลงบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เดินออกไปพวกเขาขึ้นไปบนรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังอีกร้านหนึ่งเจี่ยนอันอันซื้อของที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แล้วยังมีผักและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากของพวกนี้วางจนเต็มรถม้าทุกครั้งในตอนที่ซื้อของนั้น เจี่ยนอันอันมักจะมอบเงินให้เถ้าแก่เป็นอีกเท่าหนึ่งของราคาฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันที่ใช้เงินอย่างใจกว้างเช่นนี้ ก็ไม่ได้คัดค้านใดอย่างไรเสียในห้วงมิติของเจี่ยนอันอัน ก็มีเงินทองและเครื่องประดับอยู่เป็นจำนวนมากค่าใช้จ่ายของในชีวิตประจำวันเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเงินทองเครื่องประดับเหล่านั้นแล้ว ก็มีจำนวนที่น้อยมากจนเทียบไม่ได้รอจนเมื่อซื้อของเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันถึงได้พูดถึงเรื่องกลับที่ว่าการอำเภอกันเซิ่งฟางตอนนี้ยังคงตัดสินคดีอยู่ ดูเหมือนว่าคดีนี้จะวุ่นวายมาก เพียงแค่ชั่วครู่ก็ไม่อาจตัดสินเสร็จหลังจากที่ทั้งสองคนไปหาเหยียนเซ่าแล้ว ก็ไปยังห้องขังจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาอีกครั้งก็รีบมายังลูกกรงเหล็กอย่างตื่นเต้น“พวกท่านพาข้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยด้วย ข้าอยากจะไ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร
อีกอย่าง ลานบ้านที่นี่ก็ไม่ได้ใหญ่ เพียงพอแค่สำหรับวางโต๊ะหินหนึ่งตัวกับเก้าอี้อีกสองสามตัวไม่มีที่ว่างสำหรับม้าสองตัวทั้งสองคนก้าวเข้าไปในบ้าน เจี่ยนอันอันได้กลิ่นอับชื้นฉุนจมูกทันทีภายในห้องมืดสนิท ไม่มีแม้แต่หน้าต่างที่จะช่วยให้อากาศถ่ายเทครั้นลองลูบเครื่องนอนบนเตียงก็พบว่าพวกมันเปียกชื้นและขาดหลุดลุ่ย ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของหม่าจั๋วอยู่ที่นี่ได้อย่างไรเห็นได้ว่าครอบครัวของพ่อแม่หม่าจั๋วยากจนมากผู้อาวุโสทั้งสองน่าจะล้มป่วยมานานแต่ไม่มีเงินรักษา ด้วยเหตุนี้จึงได้จากโลกนี้ไปทั้งคู่เจี่ยนอันอันเดินออกจากบ้านไปดูด้านนอกนางจำได้อย่างรวดเร็วว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านที่นางกับฉู่จวินสิงเคยมาด้วยกันก่อนหน้านี้แต่ที่นางรู้สึกแปลกก็คือ เหตุใดหมู่บ้านนี้จึงไม่มีผู้ใดออกมาเดินข้างนอกเลย?ในละแวกใกล้เคียงนี้ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย เสมือนเป็นหมู่บ้านร้างก็มิปานเจี่ยนอันอันเพิ่งจะมีความคิดเช่นนี้ ภายในบ้านฝั่งตรงข้ามก็มีความเคลื่อนไหวมีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังขึ้น ตามมาด้วยประตูบ้านแง้มเปิด ดวงตาคู่หนึ่งมองลอดผ่านรอยแยกออกมาเจ้าของดวงตาผงะเล็กน้อยเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเขาปิดประต
พระชายาเยียนอ๋องท่านนี้ทำให้ศพจำนวนมากขนาดนั้นสลายกลายเป็นน้ำได้อย่างไรกัน?ผงที่นางโปรยเมื่อครู่นี้คืออะไรกัน ดูเหมือนจะทรงพลังมากหรือว่าพระชายาเยียนอ๋องจะเป็นหมอเทวดาชื่อดังแต่เหตุใดเขาจึงไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเมืองหลวงจิงโจวมีหมอเทวดาที่วิชาแพทย์ปราดเปรื่องขนาดนี้ด้วย?เจี่ยนอันอันยืนอยู่ด้านนอก ทว่าภายในใจกลับกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจกับอีกเรื่องตามหลักแล้ว ยาเม็ดเคลื่อนย้ายภายในเสี้ยวพริบตาของนางนั้นเลื่อนระดับแล้วนางกับฉู่จวินสิงควรจะไปปรากฏตัวเบื้องหน้าผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหลายจึงจะถูกทว่าคนที่พวกนางได้พบเป็นคนแรกกลับเป็นหม่าจั๋ว น้องชายของหม่าลู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?หรือว่าระดับที่เพิ่มขึ้นของยาเม็ดจะยังไม่สูงพอ?แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้พบกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกคนของฉู่จวินสิงฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันเอาแต่ก้มหน้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรเขาเอ่ยปากถาม “เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ?”เจี่ยนอันอันค่อยเงยหน้ามองฉู่จวินสิงประเดี๋ยวนี้เอง“ท่านพี่ คนผู้นี้ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของท่านใช่หรือไม่ แต่เหตุใดจึงไม่มีชื่อของเขาอยู่ในรายชื่อที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้?”ฉู่จ
เจี่ยนอันอันส่งยิ้มพลางพยักหน้าให้กับหม่าจั๋ว “สวัสดี ข้ามีนามว่าเจี่ยนอันอัน!”หม่าจั๋วตกใจผงะเมื่อได้ยินชื่อของเจี่ยนอันอันเขาจำได้ว่าฮ่องเต้เคยมีราชโองการมอบบุตรสาวคนรองของเจี่ยนกั๋วกงให้แต่งงานกับท่านอ๋องแต่บุตรสาวคนรองของเจี่ยนกั๋วกงไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรือว่าท่านอ๋องจะแต่งงานกับบุตรสาวจากตระกูลอื่น?นับตั้งแต่ที่หม่าจั๋วหนีจากสนามรบก็ไม่ได้กลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวอีกเขาซ่อนตัวอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด ถูกทหารไล่สังหารอยู่บ่อยครั้งด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้ว่าฉู่จวินสิงแต่งงานกับเจี่ยนอันอัน ทั้งยังถูกยึดทรัพย์และเนรเทศแต่ที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ ฉู่จวินสิงจะพาฮูหยินของตัวเองมาที่ศาลบรรพชนของครอบครัวเขาเขาไม่เห็นว่าหม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายจะติดตามมาด้วยแต่อย่างใด ภายในใจรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีหม่าจั๋วรีบถาม “ท่านอ๋อง ไม่ทราบว่าพี่ชายของข้า หม่าลู่ เป็นอย่างไรบ้าง?”ฉู่จวินสิงกำลังจะตอบว่าเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่าหม่าลู่เป็นอย่างไรแล้วจู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกเรือนหม่าจั๋วรีบเก็บกระบี่จากพื้น มองไปที่ประตูเรือนด้วยความตื่นตัวไม่นานก็มีเสียงคนถีบประตู ตามมาด้ว
จนกระทั่งม้าที่เจี่ยนอันอันขี่อยู่ได้กลิ่นควันของกระดาษเงินกระดาษทองที่กำลังเผา มันอดไม่ได้ที่จะจามออกมาเสียงดังชายหนุ่มพลันคว้ากระบี่ข้างกายขึ้นมาด้วยสีหน้าตื่นตัว หันมองไปยังเบื้องหลังทว่าไม่มีผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว ในศาลบรรพชนแห่งนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีแม้แต่เงาของผู้ใดชายหนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก อย่างน้อยก็ไม่มีทหารที่ถูกส่งมาไล่ล่าทว่าในตอนที่เขาหันหน้ามานั้น เจี่ยนอันอันกลับต้องสะดุ้งในใจเมื่อได้เห็นใบหน้าของเขาครึ่งหนึ่งบนใบหน้าของชายหนุ่ม ผิวหนังส่วนหนึ่งหลอมละลายจนติดกันบางจุดยังมีน้ำหนองไหลออกมา ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งนักเจี่ยนอันอันคิดในใจว่า ชายผู้นี้คงเคยถูกไฟคลอกมาก่อน และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันทวงทีเขาคุกเข่าอยู่ในศาลบรรพชนด้วยใบหน้าเช่นนี้ เกรงว่าหากบิดามารดาในโลงศพของเขาได้เห็นเข้าก็คงจะตกใจจนสะดุ้งลุกขึ้นมาเป็นแน่เมื่อฉู่จวินสิงเห็นใบหน้าของชายผู้นี้ คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่นกว่าเดิมบัดนี้ ฉู่จวินสิงและเจี่ยนอันอันยังคงอยู่ในสภาวะล่องหนทำให้ชายหนุ่มไม่อาจล่วงรู้ถึงการมาของพวกเขา“เหตุใดจึงเป็นเขา?” ฉู่จวินสิงเผลอพึมพำออกมาเจี่ยนอันอันมอง