ผ่านไปไม่นานนัก ก็พบว่าทั้งสองคนกินซาลาเปาทั้งสองเข่งไปจนหมดเจี่ยนอันอันวางเงินลงบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เดินออกไปพวกเขาขึ้นไปบนรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังอีกร้านหนึ่งเจี่ยนอันอันซื้อของที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แล้วยังมีผักและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากของพวกนี้วางจนเต็มรถม้าทุกครั้งในตอนที่ซื้อของนั้น เจี่ยนอันอันมักจะมอบเงินให้เถ้าแก่เป็นอีกเท่าหนึ่งของราคาฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันที่ใช้เงินอย่างใจกว้างเช่นนี้ ก็ไม่ได้คัดค้านใดอย่างไรเสียในห้วงมิติของเจี่ยนอันอัน ก็มีเงินทองและเครื่องประดับอยู่เป็นจำนวนมากค่าใช้จ่ายของในชีวิตประจำวันเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเงินทองเครื่องประดับเหล่านั้นแล้ว ก็มีจำนวนที่น้อยมากจนเทียบไม่ได้รอจนเมื่อซื้อของเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันถึงได้พูดถึงเรื่องกลับที่ว่าการอำเภอกันเซิ่งฟางตอนนี้ยังคงตัดสินคดีอยู่ ดูเหมือนว่าคดีนี้จะวุ่นวายมาก เพียงแค่ชั่วครู่ก็ไม่อาจตัดสินเสร็จหลังจากที่ทั้งสองคนไปหาเหยียนเซ่าแล้ว ก็ไปยังห้องขังจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาอีกครั้งก็รีบมายังลูกกรงเหล็กอย่างตื่นเต้น“พวกท่านพาข้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยด้วย ข้าอยากจะไ
ในตอนที่รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านของจ้าวอู่ จ้าวลิ่วก็เห็นพี่ห้าของเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเขากระโดดลงมาจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น“พี่ห้า พี่เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นหรือไม่?”จ้าวลิ่วพูดขึ้น พร้อมเดินก้าวใหญ่ไปยังเบื้องหน้าของจ้าวอู่เขาคว้าไหล่ของจ้าวอู่ จับจ้องขึ้นๆ ลงๆ ไปยังจ้าวอู่เห็นเพียงสีหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายเองก็ซูบเซียวกว่าเมื่อสองปีก่อนนั้นมากในตอนที่จ้าวอู่ได้ยินเสียงของจ้าวลิ่วนั้น หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นขอทานตรงหน้านั้นหรือว่าจะเป็นน้องหกของเขา?“เจ้าคือจ้าวลิ่ว?” จ้าวอู่ประหลาดใจเล็กน้อย และก็มองไปยังจ้าวลิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ จ้าวลิ่วได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของพี่ห้า ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา“พี่ห้า ข้าคือจ้าวลิ่ว ข้ากลับมาดูพี่”จ้าวอู่ในที่สุดก็รู้แล้วว่า ขอทานตรงหน้านั่นเป็นน้องหกของเขาจริงๆเขากอดจ้าวลิ่วเอาไว้แน่น รู้สึกได้ว่าร่างกายของจ้าวลิ่วผอมบาง ในใจของเขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก“เจ้าเด็กบ้านี่ยังไม่ตายอีก สองปีมานี้เจ้าไปที่ไหนมากัน ทำไมข้าถึงได้ตามหาเจ้าไม่พบ?”จ้าวอู่พูดออกมา แล้วทุบไปยังจ้าวลิ่วอย่างแรงสองหมัดจ้าวลิ่วที่เดิมทีร่างกายถู
จ้าวลิ่วให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาก และเดิมทีเขาก็เป็นคนทำผิด ถูกพี่ห้าเขาตีครั้งนี้ ก็ถือว่าเขาสมควรแล้วทว่าเมื่อคิดว่าร่างกายของจ้าวอู่ยังถูกพิษเข้า หากว่าโมโหเขาเข้ามากๆ จนพิษกำเริบแล้วจะทำอย่างไรดี?จ้าวลิ่วรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที ก็มองไปยังจ้าวอู่ด้วยความเป็นกังวล“พี่ห้า พี่ถูกพิษเข้า อย่าได้โมโหจนเกินไป”“ตอนนี้ข้าก็มีพี่ที่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่อยากให้พี่ห้าก็จากข้าไป”จ้าวอู่เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าเจี่ยนอันอันจะบอกเพียงเรื่องที่ร่างกายของเขาถูกพิษให้จ้าวลิ่วฟังแต่กลับไม่ได้บอกเรื่องที่เขารักษาจนหายแล้วออกมาและเพราะเหตุนี้ จ้าวลิ่วถึงได้ยินยอมติดตามพวกเขากลับมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยจ้าวอู่มองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างขอบคุณ ในใจคิดว่าหากเจี่ยนอันอันไม่พูดออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจ้าวลิ่วคงจะไม่ตามพวกเขากลับมาจ้าวอู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เขาตามหาจ้าวลิ่วถึงสองปีก็หาไม่พบแต่พวกเจี่ยนอันอันทั้งสามคนไปในเมืองเพียงแค่รอบหนึ่ง ก็นำจ้าวลิ่วกลับมาได้บุญคุณครั้งนี้ จ้าวอู่จะจดจำไว้ในใจอย่างลึกซึ้งเขาคิดว่าหากภายหน้าครอบครัวเจี่ยนอันอันต้องการ
รอจนเมื่อรถม้าจากไปแล้ว ในที่สุดจ้าวลิ่วก็ถามความคิดที่มีในใจออกมา“พี่ห้า ข้าจากไปสองปีมานี้ หมู่บ้านชิงสุ่ยคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”“แล้วยังมีครอบครัวของจางต้าไม่ได้มารังแกท่านใช่หรือไม่?”จ้าวอู่มองไปยังจ้าวลิ่วที่ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก ก็ดึงเขาเข้าไปในเรือน“เจ้าไปอาบน้ำเสียก่อน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ข้าค่อยพูดกับเจ้าถึงเรื่องในหมู่บ้านชิงสุ่ย”จ้าวลิ่วเองก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองก็สกปรก เขาไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วร่างกายก็มีกลิ่นเหม็นลอยออกมาแล้วรอจนเมื่อในที่สุดจ้าวลิ่วก็อาบน้ำเสร็จ หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ถึงได้ออกมายังเบื้องหน้าของจ้าวอู่จ้าวอู่นำเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ครอบครัวของเจี่ยนอันอันมายังหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดเล่าให้จ้าวลิ่วฟังจนกระทั่งในตอนนี้ จ้าวลิ่วถึงได้รู้ว่า ครอบครัวของจางต้าคิดจะทำร้ายทุกคนหมู่บ้านโชคดีที่มีเจี่ยนอันอันคอยช่วยเหลือ จนทุกคนในครอบครัวของจางต้าถูกฆ่าตายตอนนี้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็ไม่มีครอบครัวของจางต้าที่คอยทำร้ายผู้อื่นอยู่อีกแล้วหมู่บ้านชิงสุ่ยเองก็ฟื้นกลับคืนสู่ความสงบสุขเหมือนปีก่อนหน้านั้น
เจี่ยนอันอันที่เดิมทีนั้นเป็นคนงดงาม มาตอนนี้ที่มองหน้าอกแข็งแกร่งของฉู่จวินสิงจนน้ำลายแทบจะไหลออกมานางยกมือขึ้นจะลูบไล้มันอย่างไม่รู้ตัวฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงห้ามออกมา ปล่อยให้เจี่ยนอันอันยื่นมือออกมาตามแต่ใจชอบมือสัมผัสถึงความราบรื่นเป็นอย่างมาก ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปนางไม่รู้เลยว่าฉู่จวินสิงจะจับจ้องมายังนางโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนเลยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่บีบลงไปบนหน้าอกของฉู่จวินสิงสัมผัสนี้ช่างดีเป็นอย่างมาก หน้าอกนั้นแข็งแกร่ง จนนางแทบไม่อยากจะขยับมือเจี่ยนอันอันสูดน้ำลายที่ไหลออกมา ริมใบหูก็ได้ยินเสียงทุ่มลึกน่าฟังของฉู่จวินสิงขึ้นมา“ลูบพอแล้วหรือยัง?”“หา?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น แล้วมองสบเข้าไปในดวงตาของฉู่จวินสิงนางถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ลูบพอแล้ว ลูบพอแล้ว” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วรีบดึงมือกลับมาฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มน่ามองขึ้นมาเจี่ยนอันอันรีบหันหลัง จนหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมานางพูดออก
ในใจสี่เอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันเป็นเจ้านายของพวกตนไปนานแล้วฉีเซินหย่วนเห็นอย่างนั้นก็ชมเชยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าอันอันเป็นดาวนำโชคของสกุลฉู่”“อากาศร้อนขนาดนี้ แม่ไก่สองตัวยังร้อนจนได้แต่นอนกกรัง”“ยามนี้พวกมันกลับออกไข่ติดต่อกัน นี่ล้วนเป็นโชคดีที่อันอันนำมาให้ทุกคน”เจี่ยนอันอันยิ้มบางให้ฉีเซินหย่วนแล้วกล่าวกับสี่เอ๋อร์ว่า “สี่เอ๋อร์ เจ้าเอาไข่สองฟองนี้กลับไปไว้ในรังเถอะ”“รอจนฟักออกมาเป็นลูกไก่ ข้าค่อยเอาไก่สองตัวนี้ไปคืนท่านยายหลิน”นางยังไม่ลืมว่าที่บ้านท่านยายหลินมีไก่สำหรับออกไข่แค่สองตัวนี้เท่านั้นเสี่ยวโต้วจื่อที่บ้านนางยังเล็ก ยังจำเป็นต้องกินไข่เพื่อบำรุงร่างกายสี่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็นำไข่กลับไปไว้ในรังแม้นางอยากกินไข่มากแค่ไหน แต่นางก็รู้ดีว่า ไข่สองฟองนี้ได้มาไม่ง่ายเลยเจี่ยนอันอันไปที่ยุ้งฉางแล้วซื้อไข่ไก่มาจากร้านค้าในมิตินางใส่ไข่ไก่ไว้ในถุงผ้า ทำเหมือนว่าซื้อไข่ไก่เหล่านั้นมาจากในอำเภอเห็นว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้วเจี่ยนอันอันเรียกสี่เอ๋อร์ไปที่ยุ้งฉาง ชี้ไปที่ไข่ไก่ในถุงผ้าพลางว่า “ไข่พวกนี้ข้าซื้อมาจากใน
ในไม่ช้าก็ให้ยาแก้อักเสบกระปุกนั้นเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันเก็บชุดให้สารละลายแล้วดีดนิ้วข้างหูซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ในห้องด้วย“นายน้อยรอง ข้าเพิ่มภาระให้พวกท่านแล้ว”ซ่างตงเยว่เจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งนัก ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ของเจี่ยนอันอัน แต่สองวันนี้นางไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ทั้งยังยึดครองห้องของคนอื่นห้องหนึ่งเอาไว้อีกด้วยยามนี้นางอยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านตัวเองยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเพิ่มภาระให้คนอื่นเช่นนี้ซ่างตงเยว่รู้สึกละอายใจเหลือเกินฉู่จวินสิงไม่ได้มองซ่างตงเยว่ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าเจี่ยนอันอันมาตลอดเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอเพียงเจี่ยนอันอันยินดี ซ่างตงเยว่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้ทั้งนั้นเจี่ยนอันอันเห็นซ่างตงเยว่อายุยังน้อย แต่กลับกังวลเรื่องต่างๆ มากขนาดนี้นางตบมือน้อยของซ่างตงเยว่เบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ตงเยว่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น”“รอจนเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมือง”ซ่างตงเยว่ยังไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ได้ยินเจี่ยนอันอันพูดอย่างนั้น ในที่สุด
เจี่ยนอันอันเห็นท่าทางอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเลของกวนซินจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่?”กวนซินมองฉู่ตั๋วตั่ว เด็กคนนี้ต้องตกระกำลำบากกับนางมาตลอดทาง ทั้งยังถูกแม่นมหลี่ดุด่าว่าเป็นภาระอยู่บ่อยๆไม่เพียงทำงานไม่ได้ แต่ยังมีปากท้องต้องเลี้ยงเพิ่มมาอีกคนตอนนี้เงินที่นางพกมาด้วยใช้ระหว่างทางไปหมดแล้วที่บ้านไม่มีอะไรให้กินอีกแล้วนางสามารถอดทนได้ แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่ได้กินข้าวดีๆ มาหลายวันแล้วนางทนเห็นฉู่ตั๋วตั่วทนหิวต่อไปไม่ได้จริงๆกวนซินลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ข้าอยากขอยืมเสบียงจากพวกเจ้าสักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่?”หลังจากกวนซินเอ่ยวาจานี้ออกมาก็รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมดนางเป็นถึงชายารองของรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาทอย่างล้นหลามจะเคยต้องลดเสียงมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้เสียเมื่อไรแต่ยามนี้วาสนาหมดสิ้น นางจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกวนซินคิดว่าครอบครัวของเยียนอ๋องสามารถอยู่ในสถานที่ทุรกันดารอย่างหมู่บ้านชิงสุ่ยได้นานขนาดนี้ พวกเขาจะต้องพกพาเสบียงมาจากที่บ้านด้วยมากมายเป็นแน่ตอนนี้นางเองก็อับจน
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ