ในตอนที่รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านของจ้าวอู่ จ้าวลิ่วก็เห็นพี่ห้าของเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเขากระโดดลงมาจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น“พี่ห้า พี่เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นหรือไม่?”จ้าวลิ่วพูดขึ้น พร้อมเดินก้าวใหญ่ไปยังเบื้องหน้าของจ้าวอู่เขาคว้าไหล่ของจ้าวอู่ จับจ้องขึ้นๆ ลงๆ ไปยังจ้าวอู่เห็นเพียงสีหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายเองก็ซูบเซียวกว่าเมื่อสองปีก่อนนั้นมากในตอนที่จ้าวอู่ได้ยินเสียงของจ้าวลิ่วนั้น หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นขอทานตรงหน้านั้นหรือว่าจะเป็นน้องหกของเขา?“เจ้าคือจ้าวลิ่ว?” จ้าวอู่ประหลาดใจเล็กน้อย และก็มองไปยังจ้าวลิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ จ้าวลิ่วได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของพี่ห้า ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา“พี่ห้า ข้าคือจ้าวลิ่ว ข้ากลับมาดูพี่”จ้าวอู่ในที่สุดก็รู้แล้วว่า ขอทานตรงหน้านั่นเป็นน้องหกของเขาจริงๆเขากอดจ้าวลิ่วเอาไว้แน่น รู้สึกได้ว่าร่างกายของจ้าวลิ่วผอมบาง ในใจของเขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก“เจ้าเด็กบ้านี่ยังไม่ตายอีก สองปีมานี้เจ้าไปที่ไหนมากัน ทำไมข้าถึงได้ตามหาเจ้าไม่พบ?”จ้าวอู่พูดออกมา แล้วทุบไปยังจ้าวลิ่วอย่างแรงสองหมัดจ้าวลิ่วที่เดิมทีร่างกายถู
จ้าวลิ่วให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาก และเดิมทีเขาก็เป็นคนทำผิด ถูกพี่ห้าเขาตีครั้งนี้ ก็ถือว่าเขาสมควรแล้วทว่าเมื่อคิดว่าร่างกายของจ้าวอู่ยังถูกพิษเข้า หากว่าโมโหเขาเข้ามากๆ จนพิษกำเริบแล้วจะทำอย่างไรดี?จ้าวลิ่วรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที ก็มองไปยังจ้าวอู่ด้วยความเป็นกังวล“พี่ห้า พี่ถูกพิษเข้า อย่าได้โมโหจนเกินไป”“ตอนนี้ข้าก็มีพี่ที่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่อยากให้พี่ห้าก็จากข้าไป”จ้าวอู่เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าเจี่ยนอันอันจะบอกเพียงเรื่องที่ร่างกายของเขาถูกพิษให้จ้าวลิ่วฟังแต่กลับไม่ได้บอกเรื่องที่เขารักษาจนหายแล้วออกมาและเพราะเหตุนี้ จ้าวลิ่วถึงได้ยินยอมติดตามพวกเขากลับมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยจ้าวอู่มองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างขอบคุณ ในใจคิดว่าหากเจี่ยนอันอันไม่พูดออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจ้าวลิ่วคงจะไม่ตามพวกเขากลับมาจ้าวอู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เขาตามหาจ้าวลิ่วถึงสองปีก็หาไม่พบแต่พวกเจี่ยนอันอันทั้งสามคนไปในเมืองเพียงแค่รอบหนึ่ง ก็นำจ้าวลิ่วกลับมาได้บุญคุณครั้งนี้ จ้าวอู่จะจดจำไว้ในใจอย่างลึกซึ้งเขาคิดว่าหากภายหน้าครอบครัวเจี่ยนอันอันต้องการ
รอจนเมื่อรถม้าจากไปแล้ว ในที่สุดจ้าวลิ่วก็ถามความคิดที่มีในใจออกมา“พี่ห้า ข้าจากไปสองปีมานี้ หมู่บ้านชิงสุ่ยคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”“แล้วยังมีครอบครัวของจางต้าไม่ได้มารังแกท่านใช่หรือไม่?”จ้าวอู่มองไปยังจ้าวลิ่วที่ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก ก็ดึงเขาเข้าไปในเรือน“เจ้าไปอาบน้ำเสียก่อน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ข้าค่อยพูดกับเจ้าถึงเรื่องในหมู่บ้านชิงสุ่ย”จ้าวลิ่วเองก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองก็สกปรก เขาไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วร่างกายก็มีกลิ่นเหม็นลอยออกมาแล้วรอจนเมื่อในที่สุดจ้าวลิ่วก็อาบน้ำเสร็จ หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ถึงได้ออกมายังเบื้องหน้าของจ้าวอู่จ้าวอู่นำเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ครอบครัวของเจี่ยนอันอันมายังหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดเล่าให้จ้าวลิ่วฟังจนกระทั่งในตอนนี้ จ้าวลิ่วถึงได้รู้ว่า ครอบครัวของจางต้าคิดจะทำร้ายทุกคนหมู่บ้านโชคดีที่มีเจี่ยนอันอันคอยช่วยเหลือ จนทุกคนในครอบครัวของจางต้าถูกฆ่าตายตอนนี้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็ไม่มีครอบครัวของจางต้าที่คอยทำร้ายผู้อื่นอยู่อีกแล้วหมู่บ้านชิงสุ่ยเองก็ฟื้นกลับคืนสู่ความสงบสุขเหมือนปีก่อนหน้านั้น
เจี่ยนอันอันที่เดิมทีนั้นเป็นคนงดงาม มาตอนนี้ที่มองหน้าอกแข็งแกร่งของฉู่จวินสิงจนน้ำลายแทบจะไหลออกมานางยกมือขึ้นจะลูบไล้มันอย่างไม่รู้ตัวฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงห้ามออกมา ปล่อยให้เจี่ยนอันอันยื่นมือออกมาตามแต่ใจชอบมือสัมผัสถึงความราบรื่นเป็นอย่างมาก ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปนางไม่รู้เลยว่าฉู่จวินสิงจะจับจ้องมายังนางโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนเลยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่บีบลงไปบนหน้าอกของฉู่จวินสิงสัมผัสนี้ช่างดีเป็นอย่างมาก หน้าอกนั้นแข็งแกร่ง จนนางแทบไม่อยากจะขยับมือเจี่ยนอันอันสูดน้ำลายที่ไหลออกมา ริมใบหูก็ได้ยินเสียงทุ่มลึกน่าฟังของฉู่จวินสิงขึ้นมา“ลูบพอแล้วหรือยัง?”“หา?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น แล้วมองสบเข้าไปในดวงตาของฉู่จวินสิงนางถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ลูบพอแล้ว ลูบพอแล้ว” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วรีบดึงมือกลับมาฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มน่ามองขึ้นมาเจี่ยนอันอันรีบหันหลัง จนหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมานางพูดออก
ในใจสี่เอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันเป็นเจ้านายของพวกตนไปนานแล้วฉีเซินหย่วนเห็นอย่างนั้นก็ชมเชยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าอันอันเป็นดาวนำโชคของสกุลฉู่”“อากาศร้อนขนาดนี้ แม่ไก่สองตัวยังร้อนจนได้แต่นอนกกรัง”“ยามนี้พวกมันกลับออกไข่ติดต่อกัน นี่ล้วนเป็นโชคดีที่อันอันนำมาให้ทุกคน”เจี่ยนอันอันยิ้มบางให้ฉีเซินหย่วนแล้วกล่าวกับสี่เอ๋อร์ว่า “สี่เอ๋อร์ เจ้าเอาไข่สองฟองนี้กลับไปไว้ในรังเถอะ”“รอจนฟักออกมาเป็นลูกไก่ ข้าค่อยเอาไก่สองตัวนี้ไปคืนท่านยายหลิน”นางยังไม่ลืมว่าที่บ้านท่านยายหลินมีไก่สำหรับออกไข่แค่สองตัวนี้เท่านั้นเสี่ยวโต้วจื่อที่บ้านนางยังเล็ก ยังจำเป็นต้องกินไข่เพื่อบำรุงร่างกายสี่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็นำไข่กลับไปไว้ในรังแม้นางอยากกินไข่มากแค่ไหน แต่นางก็รู้ดีว่า ไข่สองฟองนี้ได้มาไม่ง่ายเลยเจี่ยนอันอันไปที่ยุ้งฉางแล้วซื้อไข่ไก่มาจากร้านค้าในมิตินางใส่ไข่ไก่ไว้ในถุงผ้า ทำเหมือนว่าซื้อไข่ไก่เหล่านั้นมาจากในอำเภอเห็นว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้วเจี่ยนอันอันเรียกสี่เอ๋อร์ไปที่ยุ้งฉาง ชี้ไปที่ไข่ไก่ในถุงผ้าพลางว่า “ไข่พวกนี้ข้าซื้อมาจากใน
ในไม่ช้าก็ให้ยาแก้อักเสบกระปุกนั้นเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันเก็บชุดให้สารละลายแล้วดีดนิ้วข้างหูซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ในห้องด้วย“นายน้อยรอง ข้าเพิ่มภาระให้พวกท่านแล้ว”ซ่างตงเยว่เจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งนัก ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ของเจี่ยนอันอัน แต่สองวันนี้นางไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ทั้งยังยึดครองห้องของคนอื่นห้องหนึ่งเอาไว้อีกด้วยยามนี้นางอยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านตัวเองยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเพิ่มภาระให้คนอื่นเช่นนี้ซ่างตงเยว่รู้สึกละอายใจเหลือเกินฉู่จวินสิงไม่ได้มองซ่างตงเยว่ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าเจี่ยนอันอันมาตลอดเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอเพียงเจี่ยนอันอันยินดี ซ่างตงเยว่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้ทั้งนั้นเจี่ยนอันอันเห็นซ่างตงเยว่อายุยังน้อย แต่กลับกังวลเรื่องต่างๆ มากขนาดนี้นางตบมือน้อยของซ่างตงเยว่เบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ตงเยว่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น”“รอจนเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมือง”ซ่างตงเยว่ยังไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ได้ยินเจี่ยนอันอันพูดอย่างนั้น ในที่สุด
เจี่ยนอันอันเห็นท่าทางอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเลของกวนซินจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่?”กวนซินมองฉู่ตั๋วตั่ว เด็กคนนี้ต้องตกระกำลำบากกับนางมาตลอดทาง ทั้งยังถูกแม่นมหลี่ดุด่าว่าเป็นภาระอยู่บ่อยๆไม่เพียงทำงานไม่ได้ แต่ยังมีปากท้องต้องเลี้ยงเพิ่มมาอีกคนตอนนี้เงินที่นางพกมาด้วยใช้ระหว่างทางไปหมดแล้วที่บ้านไม่มีอะไรให้กินอีกแล้วนางสามารถอดทนได้ แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่ได้กินข้าวดีๆ มาหลายวันแล้วนางทนเห็นฉู่ตั๋วตั่วทนหิวต่อไปไม่ได้จริงๆกวนซินลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ข้าอยากขอยืมเสบียงจากพวกเจ้าสักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่?”หลังจากกวนซินเอ่ยวาจานี้ออกมาก็รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมดนางเป็นถึงชายารองของรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาทอย่างล้นหลามจะเคยต้องลดเสียงมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้เสียเมื่อไรแต่ยามนี้วาสนาหมดสิ้น นางจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกวนซินคิดว่าครอบครัวของเยียนอ๋องสามารถอยู่ในสถานที่ทุรกันดารอย่างหมู่บ้านชิงสุ่ยได้นานขนาดนี้ พวกเขาจะต้องพกพาเสบียงมาจากที่บ้านด้วยมากมายเป็นแน่ตอนนี้นางเองก็อับจน
ในฐานะที่ทั้งสองเป็นอดีตไท่เฟยย่อมเคยไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังรัชทายาทก็เคยพากวนซินไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังเหมือนกันยามนั้นอดีตฮ่องเต้เห็นว่าผู้ที่รัชทายาทพามาด้วยไม่ใช่ชายาเอก แต่เป็นชายารองคนหนึ่งก็ไม่พอพระทัยเป็นอันมากชายาเอกที่เขาประทานสมรสให้เป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้นเนื่องจากสองแคว้นสานสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน รัชทายาทยังไม่เคยเห็นองค์หญิงผู้นั้นมาก่อนย่อมไม่ชอบฝ่ายตรงข้ามหลังจากได้รับพระราชทานสมรส รัชทายาทก็ไม่เคยชายตามองชายาเอกแม้แต่ครั้งเดียวเขาย่อมไม่พาชายาเอกมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพด้วยอยู่แล้วยามนั้น การกระทำของรัชทายาททำให้อดีตฮ่องเต้ทรงกริ้วงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพจึงกลายเป็นหายนะตอนนั้นฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองก็อยู่ในงานจึงพอจะจำกวนซินได้บ้างยามนี้มาเห็นกวนซินสวมชุดผ้าเนื้อหยาบนั่งอยู่ในเรือน คนทั้งสองจึงค่อนข้างไม่แน่ใจพวกนางนึกว่าตนเองจำคนผิด แต่หลังจากพินิจอย่างละเอียด ในที่สุดก็จำได้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามคือชายารองผู้นั้นของรัชทายาทจริงๆฮูหยินใหญ่ถามขึ้นอย่างอดไม่ไหว “เจ้าคือชายารองของรัชทายาท
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค
เจียงหว่านเอ๋อร์ยกมือขึ้น ตบไปยังใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งทว่ามือของนางเพิ่งจะยื่นออกไปได้เพียงแค่กลางอากาศเท่านั้น ก็ถูกเสิ่นจือเจิ้งคว้าเอาไว้แน่น“เจ้าพอได้แล้ว หากว่ายังมาบ้าคลั่งต่อหน้าของข้าอีก ก็เก็บข้าวของแล้วออกไปซะ!”สีหน้าของเสิ่นจือเจิ้งดูเย็น จ้องมองไปยังเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงจนเกือบจะบ้าด้วยความโกรธดวงตาทั้งคู่ของเจียงหว่านเอ๋อร์แดงก่ำ น้ำตาไหลรินออกมาไม่หยุดสีหน้าของนางซีดขาว ความขุ่นเคืองในใจอันหนักหน่วง ทว่ากลับไม่มีที่ให้ระบายออกมาได้เมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเข้ามา เจียงหว่านเอ๋อร์ก็ถือว่าเจี่ยนอันอันเป็นศัตรูนางดึงมือออกจากเสิ่นจือเจิ้ง แล้วเดินมาทางด้านเจี่ยนอันอัน“ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจ้า หากไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเอาดวงวิญญาณของจือเจิ้งออกไป แล้วเขาจะทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไรกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์นำความโกรธทั้งหมด ระบายใส่เจี่ยนอันอันทั้งหมดล้วนแต่เป็นความผิดของเจี่ยนอันอันหากไม่ใช่เจี่ยนอันอันที่คลายคุณไสยร้ายให้เสิ่นจือเจิ้ง เขาก็จะไม่มีทางตื่นขึ้นมาและไม่มีทางที่จะจำนางไม่ได้นางยินยอมให้เสิ่นจือเจิ้งตอนนี้ ยังคงอยู่ในอาการสลบไสลไม่ตื่นขึ้น
“เจ้านำหนังสือหย่านี้ไปให้เจียงหว่านเอ๋อร์ แล้วบอกนางว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาของเราสิ้นสุดแล้ว”“ต่อไปนางจะไปอยู่ที่ใด ก็เป็นอิสระของนาง ข้าไม่สนใจและไม่คิดจะสนใจ”เจี่ยนอันอันมองหนังสือหย่าในมือ ดูท่าแล้วพี่ชายของนางคงตัดสินใจอย่างเด็ดขาดแล้วที่จะหย่าเจียงหว่านเอ๋อร์เจี่ยนอันอันมิได้กล่าวสิ่งใดอีก เมื่อพี่ชายคิดเช่นนี้ นางก็พร้อมเคารพการตัดสินใจนั้นยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้เจียงหว่านเอ๋อร์เป็นฝ่ายผิดก่อน จึงมิอาจโทษพี่ชายได้เจี่ยนอันอันถือหนังสือหย่า เดินออกไป นางเคาะประตูห้องของเจียงหว่านเอ๋อร์ เจียงหว่านเอ๋อร์รีบเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะเดินมาเปิดประตูเมื่อนางเห็นว่าเป็นเจี่ยนอันอัน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความโกรธทันที“เจ้ามาหาข้าด้วยเรื่องอันใด?”เจี่ยนอันอันผลักเจียงหว่านเอ๋อร์ออกไป แล้วก้าวเข้าไปในห้อง“ข้ามิได้เชิญเจ้าเข้ามา เจ้าไม่มีสิทธิ์บุกรุกเข้ามาในห้องของข้าโดยพลการ!”เจียงหว่านเอ๋อร์กล่าว พลางยื่นมือจะดึงตัวเจี่ยนอันอันแต่เจี่ยนอันอันหมุนตัวก้าวหลบอย่างคล่องแคล่วนางยกหนังสือหย่าในมือขึ้นแสดงต่อหน้าเจียงหว่านเอ๋อร์“พี่ชายของข้าได้เขียน
เจียงหว่านเอ๋อร์ไม่กล้าพูดสิ่งใดอีก รีบสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้ววิ่งออกไปเมื่อมาถึงหน้าห้อง นางเห็นเจี่ยนอันอันยืนอยู่ที่ประตูใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์ที่ซีดขาวพลันเปลี่ยนเป็นแดงก่ำบทสนทนาระหว่างนางกับเสิ่นจือเจิ้งเมื่อครู่ เกรงว่าเจี่ยนอันอันจะได้ยินหมดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์ก้มหน้าลง รีบวิ่งกลับไปยังห้องถัดไปแล้วปิดประตูแน่นสนิทนางไม่เข้าใจว่าเรื่องนี้นางผิดที่ตรงไหนกันแน่?นางคือคนที่ผ่านพิธีกราบไหว้ฟ้าดินกับเสิ่นจือเจิ้งมาแล้ว ต่อให้จะทำอะไรกับเขา ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สมควรและถูกต้องทั้งสิ้น แต่เมื่อครู่ ตอนที่นางเห็นเจี่ยนอันอัน นางกลับสังเกตเห็นแววรังเกียจบนใบหน้าของอีกฝ่ายสายตานั้นราวกับมองนางเป็นหญิงชั่วที่ถูกจับได้ว่ากำลังทำเรื่องผิดศีลธรรมอยู่บนเตียงยิ่งเจียงหว่านเอ๋อร์คิด นางก็ยิ่งรู้สึกน้อยใจ นางทำผิดอะไรกันแน่ ถึงต้องถูกปฏิบัติเช่นนี้เหตุใดเสิ่นจือเจิ้งถึงไม่ยอมให้นางแตะต้อง เขาเกลียดนางขนาดนั้นเชียวหรือ?หรือว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ได้มองเจี่ยนอันอันเป็นเพียงน้องสาว แต่ชอบนางในฐานะสตรีคนหนึ่งมีคำกล่าวว่า เมื่อบุรุษเปลี่ยนใจ ย่อมไม่สนใจภรรยาคนแรกของตนอีกต่อไ
“ท่านพี่ หลายวันมานี้ท่านไม่ยอมให้ข้าแตะต้องท่านเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าทุกข์ใจเพียงใด”“วันนี้ข้าจำต้องใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้ วางยาสลบในอาหารของท่าน หวังว่าท่านพี่จะไม่ถือโทษโกรธเคือง”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดพลางเดินมาที่ข้างเตียงอุ่น มือข้างหนึ่งลูบไล้ใบหน้าเรียบเนียนของเสิ่นจือเจิ้งบุรุษที่นางเฝ้าคิดถึงอยากจะใกล้ชิดทั้งวันทั้งคืน บัดนี้กำลังนอนอยู่เบื้องหน้านางใบหน้าของเจียงหว่านเอ๋อร์พลันขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจของนางเต้นแรง ลมหายใจก็เริ่มถี่กระชั้นมือที่หยาบกร้านเล็กน้อย ลูบไล้จากใบหน้าของเสิ่นจือเจิ้งอย่างแผ่วเบา เรื่อยมาจนถึงลำคอมือนั้นไล้ลงต่ำเรื่อยๆ ลงไปที่แผ่นอกของเสิ่นจือเจิ้งเสิ่นจือเจิ้งอดทนต่อสัมผัสของเจียงหว่านเอ๋อร์ เขายังไม่รีบร้อนลืมตา เพียงแต่อยากดูว่าต่อไป เจียงหว่านเอ๋อร์จะทำอะไรอีกเจียงหว่านเอ๋อร์กำลังจะสอดมือเข้าไปในเสื้อของเสิ่นจือเจิ้งแต่ในจังหวะนั้นเอง เสิ่นจือเจิ้งกลับพลิกตัวหันหลังให้นางเจียงหว่านเอ๋อร์ตกใจจนรีบดึงมือกลับ ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงยาสลบที่นางใช้เป็นยาที่นางเก็บเอาไว้ก่อนหน้านี้ นางคิดจะใช้มันจัดการกับท่านย่าเล็กแต่คิดไม้ถึงว่า