เจี่ยนอันอันที่เดิมทีนั้นเป็นคนงดงาม มาตอนนี้ที่มองหน้าอกแข็งแกร่งของฉู่จวินสิงจนน้ำลายแทบจะไหลออกมานางยกมือขึ้นจะลูบไล้มันอย่างไม่รู้ตัวฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลั่งไคล้ เขาก็ไม่ได้ส่งเสียงห้ามออกมา ปล่อยให้เจี่ยนอันอันยื่นมือออกมาตามแต่ใจชอบมือสัมผัสถึงความราบรื่นเป็นอย่างมาก ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงไปนางไม่รู้เลยว่าฉู่จวินสิงจะจับจ้องมายังนางโดยไม่เลื่อนสายตาไปไหนเลยเจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่บีบลงไปบนหน้าอกของฉู่จวินสิงสัมผัสนี้ช่างดีเป็นอย่างมาก หน้าอกนั้นแข็งแกร่ง จนนางแทบไม่อยากจะขยับมือเจี่ยนอันอันสูดน้ำลายที่ไหลออกมา ริมใบหูก็ได้ยินเสียงทุ่มลึกน่าฟังของฉู่จวินสิงขึ้นมา“ลูบพอแล้วหรือยัง?”“หา?” เจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น แล้วมองสบเข้าไปในดวงตาของฉู่จวินสิงนางถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่“ลูบพอแล้ว ลูบพอแล้ว” เจี่ยนอันอันพูดขึ้น แล้วรีบดึงมือกลับมาฉู่จวินสิงมองไปยังเจี่ยนอันอันที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอายมุมปากของเขาก็ยกเป็นรอยยิ้มน่ามองขึ้นมาเจี่ยนอันอันรีบหันหลัง จนหัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมานางพูดออก
ในใจสี่เอ๋อร์มองเจี่ยนอันอันเป็นเจ้านายของพวกตนไปนานแล้วฉีเซินหย่วนเห็นอย่างนั้นก็ชมเชยขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าบอกแล้วอย่างไรเล่าว่าอันอันเป็นดาวนำโชคของสกุลฉู่”“อากาศร้อนขนาดนี้ แม่ไก่สองตัวยังร้อนจนได้แต่นอนกกรัง”“ยามนี้พวกมันกลับออกไข่ติดต่อกัน นี่ล้วนเป็นโชคดีที่อันอันนำมาให้ทุกคน”เจี่ยนอันอันยิ้มบางให้ฉีเซินหย่วนแล้วกล่าวกับสี่เอ๋อร์ว่า “สี่เอ๋อร์ เจ้าเอาไข่สองฟองนี้กลับไปไว้ในรังเถอะ”“รอจนฟักออกมาเป็นลูกไก่ ข้าค่อยเอาไก่สองตัวนี้ไปคืนท่านยายหลิน”นางยังไม่ลืมว่าที่บ้านท่านยายหลินมีไก่สำหรับออกไข่แค่สองตัวนี้เท่านั้นเสี่ยวโต้วจื่อที่บ้านนางยังเล็ก ยังจำเป็นต้องกินไข่เพื่อบำรุงร่างกายสี่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็นำไข่กลับไปไว้ในรังแม้นางอยากกินไข่มากแค่ไหน แต่นางก็รู้ดีว่า ไข่สองฟองนี้ได้มาไม่ง่ายเลยเจี่ยนอันอันไปที่ยุ้งฉางแล้วซื้อไข่ไก่มาจากร้านค้าในมิตินางใส่ไข่ไก่ไว้ในถุงผ้า ทำเหมือนว่าซื้อไข่ไก่เหล่านั้นมาจากในอำเภอเห็นว่าเวลาค่อยๆ ผ่านไปทีละน้อย ใกล้จะถึงเวลามื้อเย็นแล้วเจี่ยนอันอันเรียกสี่เอ๋อร์ไปที่ยุ้งฉาง ชี้ไปที่ไข่ไก่ในถุงผ้าพลางว่า “ไข่พวกนี้ข้าซื้อมาจากใน
ในไม่ช้าก็ให้ยาแก้อักเสบกระปุกนั้นเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันเก็บชุดให้สารละลายแล้วดีดนิ้วข้างหูซ่างตงเยว่ซ่างตงเยว่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ในห้องด้วย“นายน้อยรอง ข้าเพิ่มภาระให้พวกท่านแล้ว”ซ่างตงเยว่เจียมเนื้อเจียมตัวยิ่งนัก ตอนนี้นางเป็นสาวใช้ของเจี่ยนอันอัน แต่สองวันนี้นางไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ทั้งยังยึดครองห้องของคนอื่นห้องหนึ่งเอาไว้อีกด้วยยามนี้นางอยากกลับไปรักษาตัวที่บ้านตัวเองยิ่งนัก อย่างน้อยก็ไม่ต้องเพิ่มภาระให้คนอื่นเช่นนี้ซ่างตงเยว่รู้สึกละอายใจเหลือเกินฉู่จวินสิงไม่ได้มองซ่างตงเยว่ สายตาของเขาจับจ้องใบหน้าเจี่ยนอันอันมาตลอดเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอเพียงเจี่ยนอันอันยินดี ซ่างตงเยว่อยากอยู่ที่นี่นานเท่าไรก็ได้ทั้งนั้นเจี่ยนอันอันเห็นซ่างตงเยว่อายุยังน้อย แต่กลับกังวลเรื่องต่างๆ มากขนาดนี้นางตบมือน้อยของซ่างตงเยว่เบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยน “ตงเยว่พักรักษาตัวอยู่ที่นี่อย่างวางใจเถอะ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องอื่น”“รอจนเจ้าแข็งแรงดีแล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่นในเมือง”ซ่างตงเยว่ยังไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน ได้ยินเจี่ยนอันอันพูดอย่างนั้น ในที่สุด
เจี่ยนอันอันเห็นท่าทางอยากพูดอะไรแต่ก็ลังเลของกวนซินจึงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าใช่หรือไม่?”กวนซินมองฉู่ตั๋วตั่ว เด็กคนนี้ต้องตกระกำลำบากกับนางมาตลอดทาง ทั้งยังถูกแม่นมหลี่ดุด่าว่าเป็นภาระอยู่บ่อยๆไม่เพียงทำงานไม่ได้ แต่ยังมีปากท้องต้องเลี้ยงเพิ่มมาอีกคนตอนนี้เงินที่นางพกมาด้วยใช้ระหว่างทางไปหมดแล้วที่บ้านไม่มีอะไรให้กินอีกแล้วนางสามารถอดทนได้ แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังเล็ก ไม่ได้กินข้าวดีๆ มาหลายวันแล้วนางทนเห็นฉู่ตั๋วตั่วทนหิวต่อไปไม่ได้จริงๆกวนซินลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็เงยหน้าขึ้นกล่าวว่า “ข้าอยากขอยืมเสบียงจากพวกเจ้าสักเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะได้หรือไม่?”หลังจากกวนซินเอ่ยวาจานี้ออกมาก็รู้สึกว่าใบหน้าเห่อร้อนไปหมดนางเป็นถึงชายารองของรัชทายาท ได้รับความโปรดปรานจากรัชทายาทอย่างล้นหลามจะเคยต้องลดเสียงมาขอร้องคนอื่นเช่นนี้เสียเมื่อไรแต่ยามนี้วาสนาหมดสิ้น นางจำเป็นต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดกวนซินคิดว่าครอบครัวของเยียนอ๋องสามารถอยู่ในสถานที่ทุรกันดารอย่างหมู่บ้านชิงสุ่ยได้นานขนาดนี้ พวกเขาจะต้องพกพาเสบียงมาจากที่บ้านด้วยมากมายเป็นแน่ตอนนี้นางเองก็อับจน
ในฐานะที่ทั้งสองเป็นอดีตไท่เฟยย่อมเคยไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังรัชทายาทก็เคยพากวนซินไปร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพของอดีตฮ่องเต้ในวังเหมือนกันยามนั้นอดีตฮ่องเต้เห็นว่าผู้ที่รัชทายาทพามาด้วยไม่ใช่ชายาเอก แต่เป็นชายารองคนหนึ่งก็ไม่พอพระทัยเป็นอันมากชายาเอกที่เขาประทานสมรสให้เป็นถึงองค์หญิงต่างแคว้นเนื่องจากสองแคว้นสานสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน รัชทายาทยังไม่เคยเห็นองค์หญิงผู้นั้นมาก่อนย่อมไม่ชอบฝ่ายตรงข้ามหลังจากได้รับพระราชทานสมรส รัชทายาทก็ไม่เคยชายตามองชายาเอกแม้แต่ครั้งเดียวเขาย่อมไม่พาชายาเอกมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพด้วยอยู่แล้วยามนั้น การกระทำของรัชทายาททำให้อดีตฮ่องเต้ทรงกริ้วงานเลี้ยงฉลองวันพระราชสมภพจึงกลายเป็นหายนะตอนนั้นฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองก็อยู่ในงานจึงพอจะจำกวนซินได้บ้างยามนี้มาเห็นกวนซินสวมชุดผ้าเนื้อหยาบนั่งอยู่ในเรือน คนทั้งสองจึงค่อนข้างไม่แน่ใจพวกนางนึกว่าตนเองจำคนผิด แต่หลังจากพินิจอย่างละเอียด ในที่สุดก็จำได้แล้ว ฝ่ายตรงข้ามคือชายารองผู้นั้นของรัชทายาทจริงๆฮูหยินใหญ่ถามขึ้นอย่างอดไม่ไหว “เจ้าคือชายารองของรัชทายาท
กวนซินถูกแม่นมหลี่ด่าฉอดๆ ใบหน้านางเผยความหวาดกลัวออกมาแม่นมหลี่เดิมเป็นแม่นมข้างกายฉู่ชางเหยียน ทึกทักเอาเองว่าตนเองมีฐานะสูงส่งกว่ากวนซินนางถูกส่งมาจับตามองกวนซิน ตลอดทางได้รับความลำบากมาไม่น้อย ย่อมไม่มีสีหน้าดีๆ ให้กวนซินอยู่แล้วระหว่างทางที่ถูกเนรเทศ นางดุด่ากวนซินไม่น้อยฉู่ตั๋วตั่วเห็นว่าผู้มาเป็นแม่นมหลี่ นางก็หลบเข้าไปในอ้อมกอดของกวนซินด้วยความตกใจ“ท่านแม่ ข้ากลัว”กวนซินกอดฉู่ตั๋วตั่วแน่น ปลอบโยนเสียงเบา “ตั๋วตั่วไม่ต้องกลัว มีแม่อยู่ทั้งคน”ชิวเหลียนถูกแม่นมหลี่ผลักโดยไม่ทันตั้วตัว โทสะก็พลันปะทุขึ้นในใจ“ท่านเป็นใครกัน ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าบ้านก็กล้าบุกรุกเข้ามารบกวนพวกเรากินข้าวแบบนี้”แม่นมหลี่ได้ยินเสียงตำหนิของชิวเหลียนก็หันขวับกลับมา ตวัดฝ่ามือใส่ชิวเหลียนชิวเหลียนรีบถอยหลังหนึ่งก้าวจึงหลบฝ่ามือนั้นไปได้แม่นมหลี่เห็นว่าสาวใช้คนหนึ่งยังกล้าหลบ ใบหน้านางก็แสดงความดุร้ายถมึงทึงออกมา“นางสาวใช้ชั้นต่ำ ตรงนี้ไม่มีที่ให้เจ้ามาสอดปากหรอกนะ!”นางว่าพลางก้าวเข้ามาหนึ่งก้าว ยังคิดจะตบชิวเหลียนอีกครั้งเวลานั้นเอง เจี่ยนอันอันไปถึงด้านหลังแม่นมหลี่อย่างรวดเร็
ฉู่ตั๋วตั่วมีสีหน้าหวาดกลัว นางไม่อยากกลับไป เพราะทันทีที่กลับไป นางจะถูกแม่นมหลี่ทุบตีอย่างเลี่ยงไม่ได้เดิมทีฉู่จื่อซีก็ต้องการที่จะปกป้องฉู่ตั๋วตั่วอยู่แล้ว เขาดึงมือของฉู่ตั๋วตั่วมากุมเมื่อเห็นภาพนี้“เจ้าอย่ากลับไป ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”ถ้อยคำของฉู่จื่อซีลอยเข้าสู่โสตประสาทของฉู่ตั๋วตั่วนางมองฉู่จื่อซีด้วยความขลาดกลัวและจะชักมือกลับฉู่จื่อซียังเด็ก ไม่มีทางสู้แม่นมหลี่ได้แต่ฉู่ตั๋วตั่วยังไม่ทันจะได้ชักมือกลับก็ได้ยินฉู่จื่อซีเอ่ยว่า “เถี่ยต้าน เจ้ามัวแต่แอบดูอะไรอยู่ตรงนั้น รีบกัดนางสิ!”สิ้นเสียงของฉู่จื่อซี เถี่ยต้านที่แอบมองเหตุการณ์อยู่ในยุ้งฉางก็กระโจนออกมาทันทีมันวิ่งไปที่ขาของแม่นมหลี่อย่างรวดเร็ว ทำการร้อง “จี๊ดๆ” เสียงดังแล้วมีหนูอีกสองตัววิ่งเข้ามาโดยพลันหนูสามตัวรุมกัดขาของแม่นมหลี่แม่นมหลี่กลัวหนูที่สุดแล้ว นางเห็นหนูสามตัววิ่งเข้ามากัดตัวเองก็ร้องด้วยความตกใจและรีบยกเท้าหนี“ผู้ใดก็ได้ช่วยด้วย มีหนู มีหนู!”พวกเตียวเฉียงไม่ได้ยินเสียงร้องของแม่นมหลี่แต่อย่างใดเถี่ยต้านกัดแรงกว่าเพื่อน มันกัดไปที่ข้อเท้าของแม่นมหลี่เถี่ยต้านออกแรงฉีกกระชาก กัดเอาเนื
เดิมทีแม่นมหลี่ก็มีบาดแผลอยู่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายดีตอนนี้ต้องมามีบาดแผลใหม่เพิ่มจากของเดิม เรื่องนี้ทำให้นางเคียดแค้นต่อกวนซินมากขึ้นหากไม่ใช่เพราะกวนซินไปกินข้าวที่บ้านของฉู่จวินสิง นางก็คงไม่โดนหนูกัดนางสาปแช่งในใจ ตัวนางรู้ดีว่าก้าวล่วงครอบครัวของฉู่จวินสิงไม่ได้ แต่กับกวนซิวแล้วนางไม่กลัวสักหน่อยเพียงแค่กวนซินกลับมา นางก็มีสารพัดวิธีสำหรับจัดการสองแม่ลูกคู่นี้เกรงว่าถึงเวลานั้น นางไม่ต้องลงมือ พวกบุรุษในบ้านก็สามารถทำให้กวนซินกับฉู่ตั๋วตั่วอยู่ในสภาพสะบักสะบอมเจี่ยนอันอันพบว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่ตัวเองไม่ต้องลงมือนางหันศีรษะด้วยรอยยิ้ม เห็นว่ากวนซินกำลังมีสีหน้ากลัดกลุ้ม“เป็นอะไรไป เจ้ากลัวยายแก่นั่นมากหรือ?”แม้เจี่ยนอันอันจะรู้ว่าป้ายคำสั่งในมือยายแก่เป็นของที่ได้มาจากฉู่ชางเหยียนแต่ที่นี่ไม่ใช่เมืองจิงโจว ไม่มีผู้ใดที่นี่รู้จักป้ายคำสั่งนั่นที่นางคิดไม่ถึงก็คือ กวนซินจะหวาดกลัวยายแก่มากถึงขนาดนี้กวนซินก้มหน้ามองฉู่ตั๋วตั่วที่อยู่ด้านข้างนางไม่ได้กลัวแม่นมหลี่ แต่นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วจะถูกแม่นมหลี่ทุบตีนอกจากนี้ที่นั่นยังม
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน
เมื่อมีชาวบ้านผ่านมาที่นี่แล้วเห็นลูกปลาในสระน้ำเข้าเขาก็ส่งเสียงด้วยความประหลาดใจทันทีว่า “แม่นางเจี่ยน เจ้าเป็นคนนำลูกปลาพวกนี้มาปล่อยไว้ในนี้หรือ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าพร้อมยิ้มบาง ชาวบ้านผู้นั้นเรียกคนอื่นๆ มาด้วยความดีใจทุกคนล้วนรู้สึกซาบซึ้งในความเอาใจใส่ของเจี่ยนอันอัน แบบนี้ต่อไปพวกเขาก็จะสามารถกินเนื้อปลาสดใหม่ได้แล้วชาวบ้านจำนวนมากล้วนรู้สึกยินดีเพราะเรื่องนี้ แต่มีชาวบ้านคนหนึ่งที่นิ่วหน้าคิ้วขมวดเขาอดพูดขึ้นไม่ได้ว่า “สระน้ำนี่ก็ดีอยู่หรอก แต่อากาศค่อยๆ เย็นลงแล้ว กลัวจริงๆ ว่าเมื่อถึงฤดูหนาว สระน้ำนี่ก็จะจับตัวเป็นน้ำแข็ง”“พอถึงยามนั้น อย่าว่าแต่พวกเราจะไม่ได้กินเนื้อปลา เกรงว่าแม้แต่พืชผักก็คงปลูกไม่ได้เหมือนกัน”วาจาประโยคเดียวของชาวบ้านทำให้คนอื่นๆ กลัดกลุ้มตามไปด้วยหลายวันมานี้อากาศค่อยๆ เย็นลง พวกเขาล้วนแต่เพิ่งปลูกผักทั้งยังได้รับเงินสามสิบตำลึงมาแล้วหากถึงฤดูหนาวจริงๆ พวกเขาก็ไม่สามารถปลูกผักพวกนี้ได้อีกแล้วเมื่อถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะได้กลับไปมีชีวิตที่ยากลำบากเหมือนที่ผ่านมาอีกครั้งพวกเขาเกี่ยวข้าวไว้มากแล้ว แต่ผักพวกนี้ควรทำอย่างไรดีเล่า?หาก
เซียงเสวี่ยเห็นลูกเป็ดและลูกไก่ตัวน้อยที่อยู่ในกรง นางดีใจจนรีบมารับไป“ฮูหยินน้อยรอง อีกหน่อยเมื่อเลี้ยงเป็ดและไก่เหล่านี้จนโต พวกเราก็จะมีเนื้อเป็ดเนื้อไก่กินแล้ว”เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย พลางมองไปยังเสิ่นจือเจิ้ง“พี่ใหญ่ เป็ดไก่เหล่านี้เพียงพอให้พวกท่านกินหลายวันสินะ”เสิ่นจือเจิ้งยิ้มตอบ “เด็กโง่ พี่ใหญ่กลับไม่คิดเช่นนั้น”เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วเล็กน้อย “ความหมายของท่านคือ?”เสิ่นจือเจิ้งบอกเล่าความคิดของตนให้ฟังเขาตั้งใจว่าจะเลี้ยงเป็ดไก่เหล่านี้ให้โต พร้อมทำการเพาะพันธุ์ต่อจากนั้นก็ทยอยนำเป็ดไก่ไปขาย เชื่อว่าน่าจะได้เงินเป็นจำนวนมากเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่ต้องอยู่อย่างยากจนข้นแค้นดั่งเช่นทุกวันนี้อีกเจี่ยนอันอันเห็นว่าวิธีนี้พอใช้ได้ ปกติพี่ใหญ่มองการณ์ไกลมากกว่านางอยู่แล้ว“ถ้าเช่นนั้นก็แล้วแต่ท่าน”เจี่ยนอันอันกล่าวจบ จึงคิดจากไปนางยังคิดจะไปดูแอ่งน้ำเสียหน่อย เผื่อจะปล่อยพันธุ์ปลาลงไปในน้ำบ้างเผื่อวันหน้าปลาโตขึ้น ชาวหมู่บ้านชิงสุ่ยก็จะมีเนื้อปลากินอีกขณะที่เจี่ยนอันอันเตรียมตัวจะออกไป กลับถูกเสิ่นจือเจิ้งเรียกตัวไว้“เมื่อคืนที่บ้านเจ้าได้เกิดเรื่อ