เขากำหมัดโค้งคำนับให้เจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “ขอบคุณสำหรับเสื้อผ้าและตั๋วเงินจากทั้งสองท่านมาก”“ข้าจงซิ่นภายหน้าข้าอยากจะติดตามทั้งสองท่าน ขอเพียงทั้งสองท่านรับตาเฒ่าอย่างข้าไว้” ฉู่จวินสิงเห็นถึงทักษะการต่อสู้และพละกำลังของจงซิ่น เขาเองก็เรียนรู้วิชาลูกเตะทลายเมฆามาแล้วเขาอยากจะรับจงซิ่นเข้ามาเป็นลูกน้องของตนมานานแล้ว ต่อไปหากว่าสามารถกลับไปยังเมืองจิงโจวได้จริงๆ ในมือของเขาก็ยังมีนายพลที่มีวรยุทธ์เพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งฉู่จวินสิงตอบรับออกมาโดยเร็ว “ความคิดของผู้เฒ่าจงตรงกับความตั้งใจของข้าพอดี ต่อไปผู้เฒ่าจงก็จะเป็นหนึ่งในลูกน้องของข้าฉู่จวินสิง”จงซิ่นเมื่อได้ยิน ก็รีบคุกเข่าลงต่อหน้าของฉู่จวินสิงทันที“ขอบคุณเยียนอ๋องที่รับจงซิ่นไว้เป็นลูกน้อง”ฉู่จวินสิงประคองจงซิ่นขึ้นมา สายตาเต็มไปด้วยความยินดีเจี่ยนอันอันยิ้มหรี่ตามองไปยังจงหลาน “ปู่ของเจ้ารับปากจะรับเสื้อผ้าเหล่านี้เอาไว้แล้ว รีบนำเข้าไปเปลี่ยนดูในห้องเร็ว”จงหลานเมื่อได้ยินคำนี้แล้ว ก็กอดชุดกระโปรงวิ่งเข้าไปในห้องด้วยความดีใจผ่านไปไม่นานนัก จงหลานก็วิ่งออกมาด้วยความดีใจ“ท่านปู่ ท่านดูว่าข้าดูดีหรือไม่?”จง
ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ เจี่ยนอันอันก็ถูกเซิ่งฟางนำทางไปยังห้องขังจ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกขังอยู่ในห้องขัง เขานั่งอยู่บนเสื่อฟาง ในปากยังคาบฟางเอาไว้สองปีมานี้ เขาถูกขังคุกเพราะว่าทำผิดมาไม่น้อยสำหรับครั้งนี้ที่ถูกคุมขังนั้น เขาก็เคยชินกับมันเสียแล้วอย่างไรเสียอย่างมากก็คุมขังเขาเพียงไม่กี่วัน ให้เขากินอาหารในคุกสองสามวัน แล้วก็ปล่อยเขาออกมาเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า จ้าวลิ่วก็โผล่ออกไปดูด้านนอกห้องขังเห็นเพียงแค่นายอำเภอเซิ่งฟาง เดินเข้ามาหยุดด้านนอกห้องขังเขาให้หัวหน้าห้องคุมขังเปิดประตูออก แล้วเดินเข้าไป“จ้าวลิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าตัวเองทำผิดอะไรไป?” เซิ่งฟางถามออกมาอย่างเย็นชาจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางเข้ามา ก็รีบคายฟางในปากออกมาเขายิ้มแล้วพูดกับเซิ่งฟางขึ้น “ท่านใต้เท้านายอำเภอ ข้ารู้ความผิดแล้ว”“ข้าไม่ควรขโมยเงินของท่านใต้เท้าเจ้าเมือง ขอท่านใต้เท้านายอำเภอได้โปรดปล่อยข้าออกไปด้วยเถิด”เซิ่งฟางส่งเสียงเย็นชาออกมา จ้าวลิ่วกลอกตาไปมา ทำหน้ายิ้มสนุกสนานออกมา“เจ้าเด็กนี่ช่างกล้ามาก กล้ามาทำชั่วต่อหน้าต่อตาของข้า ข้าตัดสินให้เจ้าถูกขังคุกไปตลอด”คำของเซิ่
จ้าวลิ่วถูกคำพูดของเจี่ยนอันอันทำเสียโมโหจนทั่วทั้งกายสั่นเทา เขาจ้องมองเจี่ยนอันอันด้วยความโกรธจนแทบอยากจะกัดนางเสียให้ตาย เจี่ยนอันอันยังคงพูดจาเหน็บแนมออกมา “หากว่าเจ้าเป็นเพียงขอทานดีๆ ก็แล้วไป แต่ยังจะไปขโมยถุงเงินของท่านเจ้าเมืองอีก” “ขโมยถุงเงินเสร็จเจ้าก็รีบไปขายของที่ขโมยมาเสีย เจ้ายังไม่กลัวตายกล้าวิ่งมารีดไถเงินจากพวกข้าอีก” “หากว่าพี่ห้าของเจ้ารู้ว่าเจ้าทำเรื่องเช่นนี้ คิดว่าคงจะถูกเจ้าทำให้โมโหเข้าเป็นแน่”ประโยคสุดท้ายนั้นของเจี่ยนอันอัน ทำจนเขาลุกขึ้นร้องตะโกนออกมาด้วยความกรุ่นโกรธ “นังผู้หญิงบ้า ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” จ้าวลิ่วพูดออกมา พร้อมจะกระโจนเข้าไปยังเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันไม่ได้ขยับเขยื้อน ทว่าจ้าวลิ่วกลับถูกเตะออกไป จนกระแทกเข้ากับผนังแล้วร่วงลงพื้นฉู่จวินสิงเก็บเท้ากลับมา แล้วมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยสายตาเย็นชา จ้าวลิ่วในตอนนี้ถูกเตะจนกระอักเลือดออกมา เขานอนหอบหายใจแรงอยู่บนพื้น ตรงหน้าอกเจ็บแปลบขึ้นมาลูกเตะครั้งนี้เตะไปไม่เบา จ้าวลิ่วกุมหน้าอกเอาไว้ ปากก็ส่งเสียงร้องครวญครางออกมากล้าลงมือกับเจี่ยนอันอัน ฉู่จวินสิงย่อมไม่ออมมือให้จ้าวลิ่ว แล
เซิ่งฟางหยิบถุงเงินออกมาจากอ้อมแขน แล้วส่งไปเบื้องหน้าของเจ้าเมืองตาน“นี่เป็นของที่ค้นมาจากตัวเขา ท่านลองดูว่าเป็นถุงเงินของท่านหรือไม่”เจ้าเมืองตานมองเพียงแค่ชั่วแวบก็จดจำได้ นั่นเป็นถุงเงินของตนเองเขารีบโค้งคำนับให้กับเซิ่งฟาง “เป็นถุงเงินของข้าจริงๆ ขอบคุณท่านนายอำเภอเซิ่งเป็นอย่างมาก”เจ้าเมืองตานเพิ่งจะรับถุงเงินกลับมา กลับพบว่าบนนั้นมีคราบเลือดเปื้อนอยู่เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังเซิ่งฟางด้วยความสงสัย “นายอำเภอเซิ่ง ทำไมบนนี้ถึงได้มีคราบเลือดเปื้อนอยู่ได้?”เซิ่งฟางถึงได้เพิ่งสังเกตเห็น ตนเองเมื่อวานนี้หลังจากที่ค้นถุงเงินมาจากกายของจ้าวลิ่ว ก็ยัดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อเขาติดตามพวกฉู่จวินสิงมายังที่ว่าการมณฑลจงโจว แล้วก็ลืมเรื่องนี้ไปจนหมดคราบเลือดนี้เป็นเพราะเปื้อนจากการที่เขาสังหารทหารเหล่านั้นของที่ว่าการมณฑลจงโจวเซิ่งฟางเหลือบมองไปยังฉู่จวินสิง ไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องลอบสังหารผู้ว่ามณฑลจงโจวออกไปดีหรือไม่ฉู่จวินสิงส่ายหัวออกมาเบาๆ บอกเขาว่าอย่าพูดออกมาเซิ่งฟางรีบหาข้ออ้าง “คราบเลือดนี้เป็นจ้าวลิ่วที่เพิ่งกระอักออกมา จนเปื้อนไปบนถุงเงิน”เจ้าเมืองตานเหลือบมองจ้าวล
นางพิงไปยังประตูเหล็ก แล้วพูดเย้ยหยันออกมา “เรื่องของถุงเงินถือว่าตัดสินแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าวิ่งมาทำเป็นนักต้มตุ๋นหน้ารถม้าของข้า พวกเรายังไม่ได้แก้ไขกันเลย”จ้าวลิ่วกระอักเลือดออกมาด้านข้าง แล้วพ่นเลือดในปากออกมาเดิมทีเขาก็เป็นกังวลกับเรื่องที่เจี่ยนอันอันพูดถึงเรื่องครอบครัวของเขาตอนนี้เจี่ยนอันอันยังพูดถึงเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวง เขาก็เลยมองเจี่ยนอันอันไม่เข้าตาผู้หญิงบ้านี่ ทำไมถึงได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยวาง“ข้าตอนนี้อยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก อย่างไรเสียต้องการเงินข้าไม่มี หากต้องการชีวิตก็มีเพียงแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น”จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าตนเองยังไงก็หลบหนีไม่พ้น อีกฝ่ายยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยเขายอมเป็นเหมือนหมูที่ตายไปแล้วไม่กลัวน้ำเดือดเจี่ยนอันอันลูบคาง แล้วยิ้มเย้ยหยันออกมา“ข้าเองคงไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแต่อยากจะนำเจ้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ย ให้พี่ห้าของเจ้าได้เห็นคุณธรรมของเจ้าตอนนี้”เหมือนดังคำที่ว่าฆ่าใจคน!เจี่ยนอันอันมองออกนานแล้ว จ้าวลิ่วกลัวว่านางจะพูดถึงเรื่องครอบครัวเขามากที่สุดแต่คำของเจี่ยนอันอัน ก็ทำให้จ้าวลิ่วตึ
เขาก้าวไปอย่างรวดเร็ว อย่างจะกระโจนเข้าไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงรีบขวางเอาไว้ด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน จ้องมองไปยังจ้าวลิ่วที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาจ้าวลิ่วตกใจเสียจนทั่วทั้งกายสั่นเทา รีบหยุดฝีเท้าลงทรวงอกของเขาจนกระทั่งตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบจนยากจะทนได้ ทว่าไม่อยากจะถูกเตะอีกครั้ง"พี่ห้าของข้าตกลงแล้วเป็นอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกข้ามา!"เขาตอนนี้เหลือเพียงแค่จ้าวอู่ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ที่สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้แค่สองคนทว่าเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น จ้าวลิ่วเพื่อที่จะต่อลมหายใจให้กับตระกูลจ้าว จึงตัดสินใจออกมาจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวแต่เขากลับละเลยพี่ห้าของเขาหลังจากที่ตัวเองจากมาแล้วเอาไว้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ว่าจะถูกครอบครัวของจางต้ารังแกหรือไม่ตอนนี้มาได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจ้าวอู่อีกเพียงนิดก็เกือบจะเสียชีวิตแล้ว เขาก็ยิ่งร้อนรนเสียยิ่งกว่ามดบนกระทะร้อนพี่ห้าของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาไม่อยากจะสูญเสียคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปอีกเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าจ้าวลิ่วเป็นห่วงจ้าวอู่ถึงเพียงนี้ นางจึงเก็บรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าไว้"เจ้าเป็นห่
เพื่อที่จะทรมานจ้าวลิ่วอีก หลังจากที่เจี่ยนอันอันพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็มองไปยังฉู่จวินสิง"สามี พวกเราไปเดินเล่นกันดีกว่า ข้ายังมีของอีกตั้งมากที่อยากจะซื้อ"ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็เข้ามาจูงมือของเจี่ยนอันอันแล้วเดินออกจากห้องขังไป"ช้าก่อน พวกท่านอย่าเพิ่งไป!"จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจะออกจากห้องขังไป ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนออกมาเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลง หันไปมองจ้าวลิ่วที่อยู่ในห้องขัง"ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยหรอกหรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่คอยไตร่ตรองให้ดีเถิด"เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจจ้าวลิ่วอีก เดินก้าวใหญ่ออกจากห้องขังไปจ้าวลิ่วเองก็อยากจะตามออกไป แต่กลับถูกหัวหน้าผู้คุมขังผลักกลับไป"กลับไปอยู่ในนั้นเสีย ท่านใต้เท้ายังไม่ได้ปล่อยเจ้าไป ก็อย่าคิดจะออกไปจากที่นี้แม้แต่ครึ่งก้าว"หัวหน้าผู้คุมขังปิดล็อคประตูเหล็ก แล้วหันหลังจากไปจ้าวลิ่วเป็นกังวลกับความปลอดภัยของจ้าวอู่ เขาตอนนี้เป็นกังวลอย่างมาก เริ่มคิดเสียใจเรื่องที่ปฏิเสธกลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยซ้ำไปซ้ำมาเจี่ยนอันอันปล่อยให้ฉู่จวินสิงกุมมือนางตามแ
ทั้งสองคนนั่งลง แล้วสั่งซาลาเปาเนื้อมาสองลูกเจี่ยนอันอันที่อยากกินมานานแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลายวันมานี้ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีเรื่องราวมากมายมาพัวพันบวกกับข้าวสารและแป้งที่เอามาจากค่ายเทียนอวิ๋น ก็กินไปจนเกือบหมดแล้วที่บ้านมีคนอยู่จำนวนยมาก แป้งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะทำซาลาเปาโชคดีที่นางปลูกธัญพืชทั้งห้าขึ้นมาแล้ว วันนี้ยังซื้อเครื่องโม่หินมาบดแป้งอีกรอเมื่อกลับไปแล้ว นางก็จะให้เด็กรับใช้โม่บดแป้งออกมา ทำอาหารของทุกคนให้ดียิ่งขึ้นไม่นานซาลาเปาเนื้อก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ เจี่ยนอันอันรีบหยิบซาลาเปาขึ้นมาในขณะที่ยังร้อนอยู่ แล้วยัดเขาปากไปฉู่จวินสิงนั่งลงด้านข้าง แล้วพูดออกมาเสียงเบา “กินช้าๆ หน่อย อย่าให้ลวกเข้า”เสียงของเขาเพิ่งจะหยุดลง ก็พบว่าเจี่ยนอันอันถูกซาลาเปาเนื้อร้อนๆ ลวกจนน้ำตาไหลออกมาเจี่ยนอันอันรีบกลืนซาลาเปาร้อนๆ นั้นลงท้องไป นางอ้าปากกว้าง แล้วใช้มือเป็นพัดลมให้กับตัวเอง“สวรรค์ ซาลาเปานี้ร้อนมากจริงๆ ปากของข้าแทบจะพองออกมาแล้ว”ฉู่จวินสิงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดคราบมันตรงมุมปากให้เจี่ยนอันอัน“บอกแล้วว่าให้เจ้ากิน
เขามองไปยังเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พูดพึมพำออกมา “พี่ใหญ่ ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าทำไมท่านถึงได้หย่ากับพี่สะใภ้ใหญ่?”ต่อให้พี่ใหญ่จะจำพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้ ก็ไม่ควรจะทำเช่นนี้เสิ่นจือเจิ้งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องเก่าอีก เขาทำหน้าเย็นชาแล้วพูดออกมา “หากว่าเจ้าไม่มีเรื่องอื่นให้พูดแล้ว ก็ออกไปเสียเถอะ”เสิ่นจืออวี้กัดฟัน สายตาที่มองไปยังเจี่ยนอันอันมีความโกรธเกลียดมากขึ้นเขารู้มาจากปากของเจียงหว่านเอ๋อร์ ว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเจี่ยนอันอันที่ทำขึ้นตั้งแต่ที่เจี่ยนอันอันปรากฏตัวออกมา ก็ทำให้พี่ใหญ่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้ถึงแม้ว่าเขาจะซาบซึ้งในบุญคุณที่เจี่ยนอันอันช่วยชีวิตเอาไว้ ทว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็ทำให้เขามีความไม่พอใจเจี่ยนอันอันมากขึ้นเจี่ยนอันอันมองความโกรธเกลียดในดวงตาของเสิ่นจืออวี้ออก นางพูดออกมาด้วยใบหน้าเย้ยหยัน “ทุกวันนี้ช่วยชีวิตคนยังมาถูกขุ่นเคืองเข้า ช่างเป็นเหมือนหมาป่าตาขาวเสียจริง”เสิ่นจืออวี้รู้ว่าไม่สมเหตุสมผล เขาไม่ควรจะขุ่นเคืองเจี่ยนอันอันทว่าเรื่องนี้เขาคิดไม่ออกจริงๆ ทำไมเสิ่นจือเจิ้งต้องเขียนหนังสือหย่านั่นด้วยเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งไม่ย
เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วนำจานส่งไปเบื้องหน้าของกวนซิน “คุณหนูกวนรีบชิมเข้า แมลงนี้หลังจากที่ทอดไปแล้วหอมอร่อยมาก” กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าซีดขาว นางหลับตาลงโบกมือติดต่อกัน“เจ้ารีบเอามันออกไปเถอะ ของเช่นนี้จะไปกินได้อย่างไรกัน น่ากลัวจนเกินไปแล้ว”เจี่ยนอันอันนำจานจานหนึ่งวางลงบนโต๊ะ แล้วส่งสัญญาณให้ชิวเหลียนรับไปชิมชิวเหลียนเองก็ตกใจไม่น้อย นางส่ายหัวอย่างแรง ไม่ว่าจะพูดอย่างไรก็ไม่กล้าแตะตั๊กแตนในจานและก็เป็นในตอนนี้ ฉู่ตั๋วตั่วก็วิ่งเข้ามานางดมกลิ่นหอมจึงตามมานางมองเห็นสิ่งของที่อยู่ในจาน ก็ยื่นมือออกไปหยิบขึ้นมาหนึ่งตัวใส่เข้าไปในปากกวนซินไม่ทันได้ห้ามเอาไว้ ก็เห็นฉู่ตั๋วตั่วเริ่มเคี้ยวขึ้นมา“ตั๋วตั่ว รีบคายออกมา เจ้ากินไม่ได้”กวนซินตกใจเสียจนสีหน้าไม่น่ามอง นางกลัวว่าฉู่ตั๋วตั่วกินแมลงไปแล้วจะปวดท้องขึ้นมา“ท่านแม่ แมลงนี้อร่อยมาก ข้าไม่เคยกินแมลงที่อร่อยมากถึงขนาดนี้”หลังจากที่กวนซินได้ยินแล้ว ก็ตกใจเสียจนหลับตาลงชิวเหลียนเมื่อเห็นว่าฉู่ตั๋วตั่วกินอร่อยถึงเพียงนั้น นางเองก็อดไม่ได้ที่จะหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้นใส่เข้าไปในปากไม่นานนักชิวเหลียนก็รู้ว่า ตนเองเมื่อคร
เนื้อสัมผัสที่กรุบกรอบ บวกกับกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ ทันใดนั้นก็เติมเต็มอยู่ในปากทันทีฉู่จวินสิงลืมตาขึ้น ดวงตาเป็นประกายแสงวาบขึ้นมาเมื่อครู่นี้ที่กินตั๊กแตนทอดไป ก็ทำให้ความกลัวแมลงของฉู่จวินสิง ลดน้อยลงมากคนอื่นๆ ล้วนแต่จ้องมองไปยังฉู่จวินสิงโดยไม่เลื่อนสายตาไปที่ใด ใบหน้าของแต่ละคน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความกังวลฉู่จวินสิงกลืนตั๊กแตนในปากลงไป แล้วเริ่มยื่นมือออกไปหยิบอีกตัวหนึ่งใส่ปากฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นฉู่จวินสิงเริ่มหยิบตั๊กแตนมากิน นางก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้เรื่องที่ฉู่จวินสิงกลัวแมลงนั้น ขึ้นชื่อไปทั่วทั้งครอบครัว แล้วมาตอนนี้เขาจะหยิบมากินเองได้อย่างไรเจี่ยนอันอันยิ้มยิงฟันพลางพูด “เป็นอย่างไรบ้าง อร่อยหรือไม่?”ฉู่จวินสิงพยักหน้า “รสชาติไม่เลวเลย”คนอื่นๆ เมื่อได้ยินคำของฉู่จวินสิง ต่างก็อดที่จะเผยยิ้มออกมาไม่ได้พวกเขาเป็นครั้งแรกที่เห็นว่าตั๊กแตนสามารถนำมาทอดกินได้เจี่ยนอันอันที่อดทนไม่ไหวนานแล้ว ก็หยิบตั๊กแตนที่ทอดจนเสร็จแล้วขึ้นมา ใส่ปากแล้วเริ่มเคี้ยวเสียงกรุบกรอบ ลอยดังเข้าหูของทุกคนพวกเขาเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนกินอย่างเอร็ดอร่อย ต่างก็คิดอยากจะหยิบ
ชาวบ้านหยิบถุงตั๊กแตน มายังเบื้องหน้าของเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง“แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนเหล่านี้จะจัดการอย่างไรดี?” อวี๋ว่านพูดออกมาก่อนเมื่อเห็นตั๊กแตนที่มีชีวิตอยู่ในถุงตาข่าย มุมปากของเจี่ยนอันอันก็ยกยิ้มขึ้นนางแทบทนรอไม่ไหวที่จะกินตั๊กแตนทอดแล้วนางพูดกับทุกคน “ที่เรือนของพวกเจ้าใครที่มีหม้อใหญ่บ้าง เอาไปที่ประตูเรือนข้าให้หมด”ถึงแม้ว่าชาวบ้านจะไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันจะเอาหม้อไปทำอะไร แต่พวกเขาต่างก็ให้ความร่วมมือมีชาวบ้านหลายคนที่ลุกขึ้นยืน เพื่อแสดงว่าเรือนของตนนั้นมีหม้อค่อนข้างใหญ่แม้แต่จ้าวอู่กับจ้าวลิ่วเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกันพวกเขานำถุงตาข่ายมอบให้ชาวบ้านคนอื่นๆ แล้วรีบวิ่งไปทางเรือนของตนเอง เจี่ยนอันอันเมื่อหาแม่ไก่สองตัวนั้นของท่านยายหลินพบ ก็อุ้มพวกมันเอาไว้ “พวกเรากลับกันเถอะ รออีกเดี๋ยวข้าจะเชิญพวกเจ้ามากินตั๊กแตนทอดกัน” หญิงชาวบ้านหลายคนเองก็พากันอุ้มไก่ของตัวเองกลับไป เมื่อได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจะกินตั๊กแตนทอด พวกนางก็อดจะยกยิ้มขึ้นมาไม่ได้ระหว่างทางกลับไป อวี๋ว่านอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “แม่นางเจี่ยน ตั๊กแตนพวกนี้กินได้อย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอัน
ฉู่จวินสิงใช้วิชาตัวเบา บวกกับความหวาดกลัวตั๊กแตนในใจ ไม่รู้ว่ามีความเร็วมากกว่าเจี่ยนอันอันถึงกี่เท่าตัวเจี่ยนอันอันกลับมาถึงเรือน ก็วิ่งไปหาแม่ไก่ที่บ้านท่านยายหลินให้มาสองตัวนางไปหาฉู่จื่อซี ให้เขาคิดหาวิธีเรียกนกให้บินไปยังที่ดินให้มากขึ้นฉู่จื่อซีรีบรับปาก ก้าวขาสั้นๆ วิ่งออกจากสวนไปเมื่อครู่ได้ยินเสียงของชาวบ้านร้องตะโกน คนในเรือนล้วนแต่ได้ยินหมดแล้วฟางอิ๋งตามไปอย่างไม่วางใจฉู่จื่อซีมาใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วคุยกับรังนกที่อยู่บนต้นไม้ไม่นานนักก็มีนกหลายสิบตัว บินมุ่งหน้าไปยังที่ดินเจี่ยนอันอันกอดแม่ไก่เอาไว้ในอ้อมแขน ถูกฉู่จวินสิงกอดเอวอุ้มขึ้นไว้อีกครั้งเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าฉู่จวินสิงยังจะไปด้วย จึงเสนอแนะให้เขารออยู่ที่เรือนทว่าฉู่จวินสิงไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ยอมจากเจี่ยนอันอันไปแม้ครึ่งก้าวเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างไม่วางใจ “ท่านจะต้องเอาชนะความกลัวตั๊กแตนในใจให้ได้”ฉู่จวินสิงกัดฟัน เมื่อเทียบกับความหวาดกลัวแมลงแล้ว เขาเป็นกังวลความปลอดภัยของเจี่ยนอันอันมากยิ่งกว่าเขาไม่อยากจะให้เจี่ยนอันอันถูกกู้มั่วหลีจับตัวไปอีกครั้งในตอนนี้ด้วยความเร็วของฉู่จ
เจี่ยนอันอันลอบพูดในใจว่าไม่ดีแล้ว เกรงว่าที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยจะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆเหล่าชาวบ้านที่เดินออกมาจากเรือน เมื่อเห็นว่าบนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยตั๊กแตน ในใจของทุกคนต่างก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา“แล้วนี่จะทำอย่างไรกันดี ที่ดินของข้าไม่ง่ายเลยถึงจะมีผลผลิตขึ้นมา คราวนี้จะต้องถูกแมลงกินจนหมดแน่”“บ้านข้าเองผลผลิตเพิ่งจะถือว่าดีกว่าเล็กน้อย ดันเกิดเรื่องตั๊กแตนระบาดขึ้นมาได้”“แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรดี พระเจ้ากำลังจะทำลายหมู่บ้านชิงสุ่ยของพวกเราอย่างนั้นหรือ!”ทุกคนต่างก็วิ่งไปยังทิศทางของที่ดิน แม้แต่อวี๋ว่านและคนอื่นๆ ที่กำลังสร้างเรือนอยู่ ต่างก็วางงานในมือลงพวกเขาจะมีใจคิดทำงานได้อย่างไรกันอาหารในที่ดินของตนหากว่าถูกตั๊กแตนกินจนหมด ต่อไปภายหน้าพวกเขาจะไม่มีอาหารให้กินแล้วขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังจะไปยังที่ดิน กลับพบว่าฉู่ตั๋วตั่ววิ่งเข้ามา“ท่านน้า พิษที่ท่านสอนมา ข้าเชี่ยวชาญจนหมดแล้ว”“ทว่าข้าไม่มีขวดเล็กๆ ที่จะใส่ยาพิษ ท่านสามารถให้ขวดเล็กๆ ข้าสักสองสามขวดหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่คิดเลยว่า ฉู่ตั๋วตั่วจะเชี่ยวชาญในเรื่องพิษได้เร็วถึงเพียงนี้นางหยิบขวดเล็กๆ ส
เมื่อเห็นว่าเสิ่นจือเจิ้งหลับตาลง ไม่ยินยอมแม้แต่จะมองมายังเขาเสิ่นจืออวี้เองก็ไม่กล้าจะพูดอะไรออกมา หันหลังแล้วตามออกไปเจียงหว่านเอ๋อร์ในใจของเขา เป็นคนที่ดีมาโดยตลอดหลายปีมานี้ เจียงหว่านเอ๋อร์ดูแลเขาเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเสิ่นจืออวี้วิ่งออกไป แล้วขวางทางเจียงหว่านเอ๋อร์เอาไว้“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะไปที่ไหนกัน? พี่ใหญ่ของข้าเพียงแค่หุนหันไปชั่วคราวเท่านั้น ถึงได้ทำเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นนี้ออกมา”“หนังสือหย่านี้ท่านเก็บเอาไว้ก่อน ไม่แน่ว่าต่อไปในอนาคต พี่ใหญ่ของข้าก็อาจจะนึกถึงที่ท่านทำดีกับเขาก็เป็นได้”“เขาจะต้องกลับไปอยู่ข้างกายท่านอีกครั้ง”เจียงหว่านเอ๋อร์เหลือบมองไปยังหนังสือหย่า ในใจอดที่จะคิดเย้ยหยันไม่ได้คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนเลวเหมือนกัน ยังวิ่งมาแสร้งทำดีกับนางเพื่ออะไรกันเจียงหว่านเอ๋อร์รับหนังสือหย่ามา แล้วยัดเข้าไปในเสื้อนางสะกดข่มความโกรธในใจเอาไว้ ใบหน้ายังคงทำทีเป็นอ่อนแอเช่นนี้“ข้าอยากจะดูว่าเรือนสร้างไปถึงไหนแล้ว ข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ไปข้างคืนอยู่ข้างนอก”เสิ่นจืออวี้เกาศีรษะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดีเรือนทั้งสองหลังนั้นสร้างเสร็จไปแล้วหนึ่งหลัง ทว
เจี่ยนอันอันเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไรออกมา นางอยากจะลองดู ว่าท้ายที่สุดแล้วเจียงหว่านเอ๋อร์จะเล่นลูกไม้อะไรเจียงหว่านเอ๋อร์เมื่อเห็นว่าแผนการนี้ของตน ดูจะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรทุกคนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครก่นด่าเจี่ยนอันอันตามที่นางคิดเจียงหว่านเอ๋อร์กัดฟัน ในใจลอบคิดเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะว่าเจี่ยนอันอัน นางอาศัยที่ตนเองมีรูปลักษณ์ที่งดงาม จึงได้มาหลอกลวงใจของเสิ่นจือเจิ้งนางไม่สามารถจากไปเช่นนี้ได้ มิฉะนั้นแล้วก็จะสมดั่งความตั้งใจของเจี่ยนอันอันนางจะต้องอยู่ต่อ ต่อให้จะไม่อาจอยู่ด้วยกันกับเสิ่นจือเจิ้งได้ ก็ต้องหาวิธีการอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยต่อเมื่อคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของเจียงหว่านเอ๋อร์ก็แดงก่ำขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่ร่วงหล่นลงมา“แม่นางเจี่ยน ข้าขอร้องท่าน โปรดมอบที่อยู่ให้ข้าได้อาศัยอยู่”“ข้าไม่มีที่ให้อยู่ไม่เป็นไร ทว่าข้าไม่อยากให้คังเอ๋อร์ต้องลำบาก”“เขายังเล็กถึงเพียงนี้ ก็ถูกเนรเทศมาด้วยกันกับพวกเราจนถึงสถานที่แบบนี้”“ตอนนี้ข้าหย่ากับเสิ่นจือเจิ้งแล้ว แต่ว่าคังเอ๋อร์เป็นผู้บริสุทธิ์”เจียงหว่านเอ๋อร์ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียใจ น้ำตาไหลลงมาไม่หยุดเสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไ
เสิ่นจืออวี้คิดอยากจะเกลี้ยกล่อม แต่กลับพบว่าเจียงหว่านเอ๋อร์หยิบพู่กันขึ้นมานางสูดลมหายใจลึก กัดปากพูดออกมา “ดี ในเมื่อท่านต้องการจะหย่ามาก เช่นนั้นข้าก็จะยอมรับมัน!”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วเขียนชื่อของตัวเองลงไปบนหนังสือหย่าทว่านางไม่มีตราประทับสีแดง จึงกัดริมฝีปาก แล้วหยดเลือดสีแดงลงมาประทับรอยนิ้วมือของตนเองเมื่อทำทุกอย่างนี้เสร็จ นางก็โยนหนังสือหย่าลงบนพื้น“คังเอ๋อร์ พวกเราไปกัน”เจียงหว่านเอ๋อร์พูดขึ้น แล้วก็จะดึงมือของเสิ่นคัง“ข้าไม่ไป ข้าอยากให้ท่านพ่อและท่านแม่อยู่ด้วยกัน” ไม่ว่าจะพูดอะไรออกมาเสิ่นคังก็ไม่ยอมไปกับเจียงหว่านเอ๋อร์ใบหน้าเล็กๆ ของเขา ถูกน้ำมูกและน้ำตาไหลนองจนเลอะใบหน้าไปหมด“พี่ใหญ่ ต่อให้พี่สะใภ้ใหญ่ของข้าจะทำอะไรผิดไป ก็คงไม่ถึงขั้นหย่ากัน พวกท่านลองคุยกันเสียหน่อยไม่ได้หรือ?”เสิ่นจืออวี้ทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว เขาหยิบหนังสือหย่าบนพื้นขึ้นมา แล้วต้องการจะฉีกออกเสิ่นจือเจิ้งจ้องมองไปยังเสิ่นจืออวี้ “หากว่าเจ้ากล้าฉีกมันออก ข้าเองก็จะไม่ถือว่าเจ้าเป็นน้องชายอีกต่อไป”เสิ่นจืออวี้หยุดการกระทำในมือลง สีหน้าดูไม่น่ามองอย่างประหลาดเขาเพียงแค