นางพิงไปยังประตูเหล็ก แล้วพูดเย้ยหยันออกมา “เรื่องของถุงเงินถือว่าตัดสินแล้ว แต่เรื่องที่เจ้าวิ่งมาทำเป็นนักต้มตุ๋นหน้ารถม้าของข้า พวกเรายังไม่ได้แก้ไขกันเลย”จ้าวลิ่วกระอักเลือดออกมาด้านข้าง แล้วพ่นเลือดในปากออกมาเดิมทีเขาก็เป็นกังวลกับเรื่องที่เจี่ยนอันอันพูดถึงเรื่องครอบครัวของเขาตอนนี้เจี่ยนอันอันยังพูดถึงเรื่องต้มตุ๋นหลอกลวง เขาก็เลยมองเจี่ยนอันอันไม่เข้าตาผู้หญิงบ้านี่ ทำไมถึงได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยวาง“ข้าตอนนี้อยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว เจ้ายังคิดจะทำอะไรอีก อย่างไรเสียต้องการเงินข้าไม่มี หากต้องการชีวิตก็มีเพียงแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น”จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าตนเองยังไงก็หลบหนีไม่พ้น อีกฝ่ายยังยกเรื่องนี้ขึ้นมาไม่ยอมปล่อยเขายอมเป็นเหมือนหมูที่ตายไปแล้วไม่กลัวน้ำเดือดเจี่ยนอันอันลูบคาง แล้วยิ้มเย้ยหยันออกมา“ข้าเองคงไม่ทำอะไรเจ้าหรอก เพียงแต่อยากจะนำเจ้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ย ให้พี่ห้าของเจ้าได้เห็นคุณธรรมของเจ้าตอนนี้”เหมือนดังคำที่ว่าฆ่าใจคน!เจี่ยนอันอันมองออกนานแล้ว จ้าวลิ่วกลัวว่านางจะพูดถึงเรื่องครอบครัวเขามากที่สุดแต่คำของเจี่ยนอันอัน ก็ทำให้จ้าวลิ่วตึ
เขาก้าวไปอย่างรวดเร็ว อย่างจะกระโจนเข้าไปหาเจี่ยนอันอันฉู่จวินสิงรีบขวางเอาไว้ด้านหน้าของเจี่ยนอันอัน จ้องมองไปยังจ้าวลิ่วที่พุ่งเข้ามาด้วยสายตาเย็นชาจ้าวลิ่วตกใจเสียจนทั่วทั้งกายสั่นเทา รีบหยุดฝีเท้าลงทรวงอกของเขาจนกระทั่งตอนนี้ยังคงเจ็บแปลบจนยากจะทนได้ ทว่าไม่อยากจะถูกเตะอีกครั้ง"พี่ห้าของข้าตกลงแล้วเป็นอะไรกันแน่ เจ้ารีบบอกข้ามา!"เขาตอนนี้เหลือเพียงแค่จ้าวอู่ที่เป็นพี่ชายแท้ๆ เพียงคนเดียว ที่สามารถพึ่งพาอาศัยกันได้แค่สองคนทว่าเมื่อสองปีก่อนหน้านั้น จ้าวลิ่วเพื่อที่จะต่อลมหายใจให้กับตระกูลจ้าว จึงตัดสินใจออกมาจากหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างเด็ดเดี่ยวแต่เขากลับละเลยพี่ห้าของเขาหลังจากที่ตัวเองจากมาแล้วเอาไว้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ว่าจะถูกครอบครัวของจางต้ารังแกหรือไม่ตอนนี้มาได้ยินเจี่ยนอันอันบอกว่าจ้าวอู่อีกเพียงนิดก็เกือบจะเสียชีวิตแล้ว เขาก็ยิ่งร้อนรนเสียยิ่งกว่ามดบนกระทะร้อนพี่ห้าของเขาจะต้องไม่เป็นอะไร เขาไม่อยากจะสูญเสียคนในครอบครัวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของเขาไปอีกเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าจ้าวลิ่วเป็นห่วงจ้าวอู่ถึงเพียงนี้ นางจึงเก็บรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าไว้"เจ้าเป็นห่
เพื่อที่จะทรมานจ้าวลิ่วอีก หลังจากที่เจี่ยนอันอันพูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ก็มองไปยังฉู่จวินสิง"สามี พวกเราไปเดินเล่นกันดีกว่า ข้ายังมีของอีกตั้งมากที่อยากจะซื้อ"ฉู่จวินสิงรู้ว่าเจี่ยนอันอันคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ก็เข้ามาจูงมือของเจี่ยนอันอันแล้วเดินออกจากห้องขังไป"ช้าก่อน พวกท่านอย่าเพิ่งไป!"จ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจะออกจากห้องขังไป ก็รีบส่งเสียงร้องตะโกนออกมาเจี่ยนอันอันหยุดฝีเท้าลง หันไปมองจ้าวลิ่วที่อยู่ในห้องขัง"ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากกลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยหรอกหรือ เช่นนั้นก็อยู่ที่นี่คอยไตร่ตรองให้ดีเถิด"เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็ไม่ได้สนใจจ้าวลิ่วอีก เดินก้าวใหญ่ออกจากห้องขังไปจ้าวลิ่วเองก็อยากจะตามออกไป แต่กลับถูกหัวหน้าผู้คุมขังผลักกลับไป"กลับไปอยู่ในนั้นเสีย ท่านใต้เท้ายังไม่ได้ปล่อยเจ้าไป ก็อย่าคิดจะออกไปจากที่นี้แม้แต่ครึ่งก้าว"หัวหน้าผู้คุมขังปิดล็อคประตูเหล็ก แล้วหันหลังจากไปจ้าวลิ่วเป็นกังวลกับความปลอดภัยของจ้าวอู่ เขาตอนนี้เป็นกังวลอย่างมาก เริ่มคิดเสียใจเรื่องที่ปฏิเสธกลับไปยังหมู่บ้านชิงสุ่ยซ้ำไปซ้ำมาเจี่ยนอันอันปล่อยให้ฉู่จวินสิงกุมมือนางตามแ
ทั้งสองคนนั่งลง แล้วสั่งซาลาเปาเนื้อมาสองลูกเจี่ยนอันอันที่อยากกินมานานแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหลายวันมานี้ที่หมู่บ้านชิงสุ่ยมีเรื่องราวมากมายมาพัวพันบวกกับข้าวสารและแป้งที่เอามาจากค่ายเทียนอวิ๋น ก็กินไปจนเกือบหมดแล้วที่บ้านมีคนอยู่จำนวนยมาก แป้งที่เหลืออยู่นั้นก็ไม่เพียงพอที่จะทำซาลาเปาโชคดีที่นางปลูกธัญพืชทั้งห้าขึ้นมาแล้ว วันนี้ยังซื้อเครื่องโม่หินมาบดแป้งอีกรอเมื่อกลับไปแล้ว นางก็จะให้เด็กรับใช้โม่บดแป้งออกมา ทำอาหารของทุกคนให้ดียิ่งขึ้นไม่นานซาลาเปาเนื้อก็ถูกยกขึ้นโต๊ะ เจี่ยนอันอันรีบหยิบซาลาเปาขึ้นมาในขณะที่ยังร้อนอยู่ แล้วยัดเขาปากไปฉู่จวินสิงนั่งลงด้านข้าง แล้วพูดออกมาเสียงเบา “กินช้าๆ หน่อย อย่าให้ลวกเข้า”เสียงของเขาเพิ่งจะหยุดลง ก็พบว่าเจี่ยนอันอันถูกซาลาเปาเนื้อร้อนๆ ลวกจนน้ำตาไหลออกมาเจี่ยนอันอันรีบกลืนซาลาเปาร้อนๆ นั้นลงท้องไป นางอ้าปากกว้าง แล้วใช้มือเป็นพัดลมให้กับตัวเอง“สวรรค์ ซาลาเปานี้ร้อนมากจริงๆ ปากของข้าแทบจะพองออกมาแล้ว”ฉู่จวินสิงส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ได้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา แล้วเช็ดคราบมันตรงมุมปากให้เจี่ยนอันอัน“บอกแล้วว่าให้เจ้ากิน
ผ่านไปไม่นานนัก ก็พบว่าทั้งสองคนกินซาลาเปาทั้งสองเข่งไปจนหมดเจี่ยนอันอันวางเงินลงบนโต๊ะแล้ว ทั้งสองคนถึงได้เดินออกไปพวกเขาขึ้นไปบนรถม้าแล้วมุ่งหน้าไปยังอีกร้านหนึ่งเจี่ยนอันอันซื้อของที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากมาย แล้วยังมีผักและเนื้อสัตว์เป็นจำนวนมากของพวกนี้วางจนเต็มรถม้าทุกครั้งในตอนที่ซื้อของนั้น เจี่ยนอันอันมักจะมอบเงินให้เถ้าแก่เป็นอีกเท่าหนึ่งของราคาฉู่จวินสิงมองเจี่ยนอันอันที่ใช้เงินอย่างใจกว้างเช่นนี้ ก็ไม่ได้คัดค้านใดอย่างไรเสียในห้วงมิติของเจี่ยนอันอัน ก็มีเงินทองและเครื่องประดับอยู่เป็นจำนวนมากค่าใช้จ่ายของในชีวิตประจำวันเหล่านี้ เมื่อเทียบกับเงินทองเครื่องประดับเหล่านั้นแล้ว ก็มีจำนวนที่น้อยมากจนเทียบไม่ได้รอจนเมื่อซื้อของเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันถึงได้พูดถึงเรื่องกลับที่ว่าการอำเภอกันเซิ่งฟางตอนนี้ยังคงตัดสินคดีอยู่ ดูเหมือนว่าคดีนี้จะวุ่นวายมาก เพียงแค่ชั่วครู่ก็ไม่อาจตัดสินเสร็จหลังจากที่ทั้งสองคนไปหาเหยียนเซ่าแล้ว ก็ไปยังห้องขังจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับมาอีกครั้งก็รีบมายังลูกกรงเหล็กอย่างตื่นเต้น“พวกท่านพาข้ากลับไปหมู่บ้านชิงสุ่ยด้วย ข้าอยากจะไ
ในตอนที่รถม้ามาถึงหน้าประตูบ้านของจ้าวอู่ จ้าวลิ่วก็เห็นพี่ห้าของเขากำลังยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านเขากระโดดลงมาจากรถม้าด้วยความตื่นเต้น“พี่ห้า พี่เป็นยังไงบ้าง ร่างกายดีขึ้นหรือไม่?”จ้าวลิ่วพูดขึ้น พร้อมเดินก้าวใหญ่ไปยังเบื้องหน้าของจ้าวอู่เขาคว้าไหล่ของจ้าวอู่ จับจ้องขึ้นๆ ลงๆ ไปยังจ้าวอู่เห็นเพียงสีหน้าของเขาซีดขาว ร่างกายเองก็ซูบเซียวกว่าเมื่อสองปีก่อนนั้นมากในตอนที่จ้าวอู่ได้ยินเสียงของจ้าวลิ่วนั้น หัวใจของเขาก็พองโตขึ้นขอทานตรงหน้านั้นหรือว่าจะเป็นน้องหกของเขา?“เจ้าคือจ้าวลิ่ว?” จ้าวอู่ประหลาดใจเล็กน้อย และก็มองไปยังจ้าวลิ่วอย่างไม่อยากเชื่อ จ้าวลิ่วได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของพี่ห้า ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา“พี่ห้า ข้าคือจ้าวลิ่ว ข้ากลับมาดูพี่”จ้าวอู่ในที่สุดก็รู้แล้วว่า ขอทานตรงหน้านั่นเป็นน้องหกของเขาจริงๆเขากอดจ้าวลิ่วเอาไว้แน่น รู้สึกได้ว่าร่างกายของจ้าวลิ่วผอมบาง ในใจของเขารู้สึกเศร้าเป็นอย่างมาก“เจ้าเด็กบ้านี่ยังไม่ตายอีก สองปีมานี้เจ้าไปที่ไหนมากัน ทำไมข้าถึงได้ตามหาเจ้าไม่พบ?”จ้าวอู่พูดออกมา แล้วทุบไปยังจ้าวลิ่วอย่างแรงสองหมัดจ้าวลิ่วที่เดิมทีร่างกายถู
จ้าวลิ่วให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวมาก และเดิมทีเขาก็เป็นคนทำผิด ถูกพี่ห้าเขาตีครั้งนี้ ก็ถือว่าเขาสมควรแล้วทว่าเมื่อคิดว่าร่างกายของจ้าวอู่ยังถูกพิษเข้า หากว่าโมโหเขาเข้ามากๆ จนพิษกำเริบแล้วจะทำอย่างไรดี?จ้าวลิ่วรีบเงยหน้าขึ้นมาทันที ก็มองไปยังจ้าวอู่ด้วยความเป็นกังวล“พี่ห้า พี่ถูกพิษเข้า อย่าได้โมโหจนเกินไป”“ตอนนี้ข้าก็มีพี่ที่เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าไม่อยากให้พี่ห้าก็จากข้าไป”จ้าวอู่เข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าเจี่ยนอันอันจะบอกเพียงเรื่องที่ร่างกายของเขาถูกพิษให้จ้าวลิ่วฟังแต่กลับไม่ได้บอกเรื่องที่เขารักษาจนหายแล้วออกมาและเพราะเหตุนี้ จ้าวลิ่วถึงได้ยินยอมติดตามพวกเขากลับมายังหมู่บ้านชิงสุ่ยจ้าวอู่มองไปยังเจี่ยนอันอันอย่างขอบคุณ ในใจคิดว่าหากเจี่ยนอันอันไม่พูดออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจ้าวลิ่วคงจะไม่ตามพวกเขากลับมาจ้าวอู่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกมาดี เขาตามหาจ้าวลิ่วถึงสองปีก็หาไม่พบแต่พวกเจี่ยนอันอันทั้งสามคนไปในเมืองเพียงแค่รอบหนึ่ง ก็นำจ้าวลิ่วกลับมาได้บุญคุณครั้งนี้ จ้าวอู่จะจดจำไว้ในใจอย่างลึกซึ้งเขาคิดว่าหากภายหน้าครอบครัวเจี่ยนอันอันต้องการ
รอจนเมื่อรถม้าจากไปแล้ว ในที่สุดจ้าวลิ่วก็ถามความคิดที่มีในใจออกมา“พี่ห้า ข้าจากไปสองปีมานี้ หมู่บ้านชิงสุ่ยคงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่หรือไม่?”“แล้วยังมีครอบครัวของจางต้าไม่ได้มารังแกท่านใช่หรือไม่?”จ้าวอู่มองไปยังจ้าวลิ่วที่ร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรก ก็ดึงเขาเข้าไปในเรือน“เจ้าไปอาบน้ำเสียก่อน หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ข้าค่อยพูดกับเจ้าถึงเรื่องในหมู่บ้านชิงสุ่ย”จ้าวลิ่วเองก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองก็สกปรก เขาไม่ได้อาบน้ำมาหลายวันแล้วร่างกายก็มีกลิ่นเหม็นลอยออกมาแล้วรอจนเมื่อในที่สุดจ้าวลิ่วก็อาบน้ำเสร็จ หลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ถึงได้ออกมายังเบื้องหน้าของจ้าวอู่จ้าวอู่นำเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ที่ครอบครัวของเจี่ยนอันอันมายังหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดเล่าให้จ้าวลิ่วฟังจนกระทั่งในตอนนี้ จ้าวลิ่วถึงได้รู้ว่า ครอบครัวของจางต้าคิดจะทำร้ายทุกคนหมู่บ้านโชคดีที่มีเจี่ยนอันอันคอยช่วยเหลือ จนทุกคนในครอบครัวของจางต้าถูกฆ่าตายตอนนี้ในหมู่บ้านชิงสุ่ย ก็ไม่มีครอบครัวของจางต้าที่คอยทำร้ายผู้อื่นอยู่อีกแล้วหมู่บ้านชิงสุ่ยเองก็ฟื้นกลับคืนสู่ความสงบสุขเหมือนปีก่อนหน้านั้น
เสียงของเจี่ยนอันอันดังขึ้นจากด้านหลัง “บอกให้พวกเขาถอยออกไป หาไม่ข้าจะให้พวกท่านตายทั้งบ้าน!”เจ้าเมืองข่งรู้ดีว่าสองคนนี้วรยุทธ์ไม่เบา จึงไม่กล้าทำการบุ่มบ่าม ได้แต่รีบโบกมือให้เหล่าทหารจนแม้แต่สะใภ้รองที่อยู่บนเตียง ก็ตกใจกับคำพูดเจี่ยนอันอันเสียจนต้องรีบหยุดร้องไห้โดยพลันรอให้ทหารออกไปหมดแล้ว เจ้าเมืองข่งจึงได้ถามเสียงสั่น “พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”“ที่เรามานี่ ย่อมได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ ให้สืบเรื่องราวการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อน”เจ้าเมืองข่งได้ยินคำพูดของฉู่จวินสิง พลันขมวดคิ้วมุ่น สองตาจ้องเขม็งไปที่เขาเพียงไม่นานเจ้าเมืองข่งก็สังเกตจากบุคลิกและการแต่งกายของฉู่จวินสิง ดูออกว่าอีกฝ่ายเป็นชาวจิงโจวจริงๆแต่จะบอกว่ารับพระบัญชามาจากฮ่องเต้ ก็ออกจะฟังไม่ขึ้นไปเสียหน่อย“พวกเจ้ามีสิ่งใดมายืนยันว่ารับพระบัญชามาสืบสวนข้าจริง?”ซ้ำยังเป็นเรื่องเมื่อสามปีที่แล้วฮ่องเต้ทรงมีราชกิจมากมาย จู่ๆ จะทรงนึกได้อย่างไรว่าต้องสืบสวนเรื่องการสอบจอหงวนเมื่อสามปีก่อนไม่แน่ว่าสองคนนี้ อาจเป็นผู้ใดส่งมาแก้แค้นเขาก็ได้เพราะเขาเคยรับผลประโยชน์จากผู้อื่นมาไม่น้อย อีกทั้งให้ผู้ที่สอบตก
แม้แต่บุตรชายโง่งมของเขาก็ยังไม่กลับบ้านมาแต่เสียงนี้กลับได้ยินแจ่มชัด จนเขามั่นใจว่าในห้องยังมีผู้อื่นอยู่อีกพลันรีบลุกขึ้นยืน มองไปยังห้องว่างเปล่าแล้วตะคอกเสียงดัง “เป็นผู้ใดกัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”ถึงขั้นนี้แลว ทั้งเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิงจึงไม่คิดหลบซ่อนตัวอีกทั้งคู่จึงปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเจ้าเมืองข่งการปรากฏตัวอย่างกะทันหันของคนทั้งคู่ ยิ่งทำให้เจ้าเมืองข่งตกใจเสียจนนั่งทับลงบนร่างสะใภ้รองโดยไม่รู้ตัวส่วนทางสะใภ้รองจู่ๆ ถูกคนมานั่งทับ ก็ทำเอานางเจ็บจนร้องโอย พลันรีบลืมตาขึ้นเจ้าเมืองข่งเพิ่งรู้ตัวว่าตนได้นั่งทับร่างสะใภ้รองอยู่ จึงรีบกระโดดผึงขึ้นมาในบัดดลเขาชี้หน้าเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง พลางกล่าวตวาด “พวกเจ้าเป็นใครกัน ไฉนมาอยู่ในบ้านข้าได้?”เจี่ยนอันอันยิ้มหยันขณะมองหน้าเจ้าเมืองข่ง นางไม่ได้พูดจา แต่ในมือถือเข็มเงินเล่มหนึ่งอยู่นานแล้วนางดีดนิ้วหนึ่งที เข็มเงินรีบพุ่งไปยังเด็กชายที่นอนอยู่บนเตียงเข็มนั้นไปปักที่ศีรษะของเด็กชาย พลันได้ยินเสียงเด็กร้อง “อึ่ก” แล้วกระอักโลหิตสดออกมาคำหนึ่งเจ้าเมืองข่งรีบหันไปดูด้วยความตกใจ จึงเห็นบนศีรษะของหลานตัวน้อย มี
เจ้าเมืองข่งลุกพรวดขึ้น เขารีบประสานมือให้กับบรรดาพ่อค้า “ขออภัยด้วยทุกท่าน ที่บ้านข้ามีธุระ ต้องรีบไปจัดการ”“ขอให้ทุกท่านกลับไปก่อน รอให้ถึงเวลาสอบจอหงวนในอีกหนึ่งปี ข้าจะช่วยให้ลูกๆ ของพวกเจ้าสอบผ่านโดยราบรื่น”เจ้าเมืองข่งว่าจบก็ให้พ่อบ้านส่งแขกส่วนตัวเขารีบเดินไปทางห้องนอนของหลานชายเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากันก่อนจะตามไปทันทีหลังจากที่ทั้งสองคนเดินตามเจ้าเมืองข่งอยู่นานมาก พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องนอนในที่สุดเจ้าเมืองข่งรีบเดินเข้าไป เห็นลูกชายคนรองยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่หน้าเตียงหลานชายวัยหกขวบที่อยู่บนเตียงกำลังกลอกตา ปากพ่นฟองขาวฟอด ร่างกายชักเกร็งส่วนลูกสะใภ้รองของเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้นลูกชายคนรองยืนซื่ออยู่หน้าเตียงไม่ต่างจากท่อนไม้ แน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน“ปัดโธ่ เจ้าลูกโง่ เจ้ามาทำอะไรที่นี่”เจ้าเมืองข่งตบเข่าฉาดด้วยความร้อนอกร้อนใจเมื่อเห็นลูกชายคนรองเขาสั่งให้บ่าวรับใช้เขามาลากนายน้อยรองออกไปทันทีในตอนนี้เอง จู่ๆ คุณชายรองก็ปรบมือร้องอย่างมีความสุข“สนุกมาก คนหนึ่งแกล้งชัก ส่วนอีกคนจะแกล้งตาย ข้าเองก็อยากเล่นกับพวกเจ้าด้วย”คุณชายรองว่าจบก็ไปนอนทับ
บัดนี้ลูกของพวกเขาต่างสอบได้ตำแหน่งซิ่วไฉขอเพียงต่อไปมอบสมบัติให้เจ้าเมืองข่งมากขึ้น วันหน้าก็จะสอบได้ตำแหน่งที่ดียิ่งกว่านี้เจี่ยนอันอันมองเห็นว่าเจ้าเมืองข่งมีใบหน้าเหลี่ยม ความละโมบแผ่ออกมาทางดวงตาเรียวเล็กเป็นระยะๆนางลอบถากถางในใจว่า “หน้าตาของเจ้าเมืองผู้นี้สะท้อนให้เห็นถึงตัวจริงๆ”พ่อค้าคนหนึ่งพูดว่า “ใต้เท้าข่ง ไม่ทราบว่าหลานชายของท่านป่วยเป็นอะไรกันแน่หรือ?”เจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งในตำแหน่งประธานเขาส่งสัญญาณให้ทุกคนนั่งลงได้ มีสาวใช้ยกน้ำชาเข้ามาให้ทุกคน“เดิมทีแล้วหลานชายของข้าก็ร่าเริงแจ่มใสดี แต่ไม่รู้ว่าป่วยเป็นอะไร ช่วงนี้ล้มป่วยอยู่ตลอด ตอนนี้แค่จะพูดยังยากเลย”เจ้าเมืองข่งขมวดคิ้วแน่นด้วยความกลัดกลุ้มเมื่อพูดถึงตรงนี้“ไม่มีหมอที่จะรักษาได้หรือ?” พ่อค้าอีกคนเอ่ยถามเจ้าเมืองข่งถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้ง เขาส่ายหน้าว่า “ข้าตามหมอมาทั่วเมืองหลี่จงแล้ว แต่ไม่มีคนใดที่จะรักษาได้”พ่อค้าที่นำผนึกหัวใจพระพุทธมาให้ฟังถึงตรงนี้ก็หยิบมันออกมาจากอกเสื้อทันทีผนึกหัวใจพระพุทธถูกแสงส่องกระทบเป็นสีรุ้งระยิบระยับเขาลุกขึ้นประสานมือพูดกับเจ้าเ
ทั้งสองคนลงจากหลังม้า นำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ใหญ่ แต่ในจังหวะที่กำลังจะไปจวนเป่าเซวียน พวกเขาก็เห็นรถม้าหลายคันทยอยกันมาหยุดจอดหน้าจวนเป่าเซวียนผู้คนที่ลงมาจากรถม้าล้วนแล้วแต่แต่งกายด้วยอาภรณ์หรูหราดูจากการแต่งกายของพวกเขาแล้วน่าจะไม่ใช้ข้าราชการ ดูคล้ายพ่อค้ามากกว่าไม่รู้เหมือนกันว่าที่จวนเจ้าเมืองกำลังมีงานอะไร ถึงได้มีคนมาเยอะขนาดนี้คนเหล่านั้นเดินไปที่ประตูแล้วนำเทียบเชิญออกมาจากอกเสื้อพ่อบ้านยิ้มกว้างทันทีที่เห็นเทียบเชิญเขาประสานมือพูดว่า “รีบเชิญด้านใน ใต้เท้ารออยู่นานแล้ว”พ่อค้าเหล่านั้นประสานมือตอบก่อนจะสืบเท้าเข้าไปดูเหมือนว่า หากพวกเจี่ยนอันอันจะเข้าไปในจวนเป่าเซวียนก็จำเป็นต้องมีเทียบเชิญเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน ทั้งสองท่องในใจทันทีว่าล่องหนครานี้ก็จะไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นหรือมองเห็นพวกเขาแล้ว เลือนหายไปในอากาศภายในเสี้ยวพริบตาทั้งสองเดินวางมาดกรีดกรายเข้าไปต่อหน้าต่อตาพ่อบ้านจังหวะที่ทั้งสองคนเดินผ่านพ่อบ้าน พ่อบ้านก็ได้กลิ่นหอมของอะไรบางอย่างนั่นเป็นกลิ่นที่มีเพียงสตรีเท่านั้นที่จะแผ่ออกมาได้เขามองรอบทิศ นอกจากพ่อค้าไม่กี่คนที่เพิ่งเข้าไปแ
“พวกข้ากินมาแล้ว เจ้าเฝ้าศพต่อเถิด”เจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มให้หม่าจั๋วหม่าจั๋วขานรับแล้วนั่งคุกเข่าอีกครั้งเจี่ยนอันอันนำอาหารที่พกมาด้วยออกมาจากห้วงมิติเคราะห์ดีที่อาหารพวกนี้ถูกเก็บไว้ในห้วงมิติ ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียเมื่อครู่นี้นางได้ยืมใช้ห้องครัวของบ้านพ่อแม่หม่าจั๋วในการอุ่นอาหารนางกับฉู่จวินสิงทำความเคารพให้ร่างทั้งสองที่อยู่ในโลงศพ “รบกวนแล้ว”จากนั้นนั่งลงข้างหม่าจั๋วฉู่จวินสิงพูดกับหม่าจั๋ว “เจ้ากินข้าวก่อน ประเดี๋ยวข้ามีเรื่องจะคุยด้วย”หม่าจั๋วมองอาหารเบื้องหน้าด้วยสีหน้างุนงง คิดในใจว่าอาหารพวกนี้มาจากที่ใด?เขาไม่เห็นว่าเจี่ยนอันอันจะถือกล่องอาหารมาด้วยแต่อย่างใด ทว่าอาหารพวกนี้กลับโผล่ออกมาจากอากาศฉู่จวินสิงเห็นหม่าจั๋วมองอาหารบนพื้นด้วยความงุนงงก็แต่งเรื่องโกหกว่าบอกว่าเขามอบถุงเฉียนคุนที่สามารถเก็บทุกอย่างให้เจี่ยนอันอัน และอาหารพวกนี้ก็ถูกเก็บในถุงเฉียนคุนหม่าจั๋วเข้าใจโดยพลัน คิดในใจว่ามิน่าเล่า ท่านอ๋องกับพระชายาถึงได้บอกว่ากินอาหารมาแล้วเขาไม่ได้ปฏิเสธอีกต่อไป หยิบชามกับตะเกียบขึ้นมาทานอาหารเขาทานอาหารเสร็จอย่างรวดเร็ว เจี่ยนอันอันเก็บกล่อง
เจี่ยนอันอันเห็นฉู่จวินสิงขมวดคิ้วแน่นก็รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรเจี่ยนอันอันถาม “บุตรชายของท่านถูกเจ้าหน้าที่คนใดทำร้าย?”หวังโหย่วเหอตอบโดยพลัน “บุตรชายของข้าถูกเจ้าหน้าที่เมืองหลี่จงทำร้าย ที่นั่นเป็นสถานที่จัดสอบจอหงวน”“เจ้าหน้าที่ที่นั่นไม่ฟังคำอธิบายของบุตรชายข้า ยืนกรานว่าเขาเป็นผู้ที่มาแอบอ้างคนอื่น”หวังโหย่วเหอกัดฟันพูดต่อเมื่อเล่าถึงตรงนี้ “ข้าได้ยินบุตรชายเล่าว่า ผู้ที่มาแทนที่เขาวางตัวเย่อหยิ่งอวดดีมาก ซ้ำยังบอกว่าบิดาของตนของเจ้าหน้าที่ทางการของที่ใดสักที่”“เจ้าหน้าที่ทางการพวกนั้นไม่กล้าทำอะไรเขา ทำยังลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่งต่อเรื่องที่เขาโกงการสอบ”หวังโหย่วเหอเล่าถึงตรงนี้ก็โกรธจนตัวสั่นเทิ้มเขาโกรธที่ตัวเองไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการ ทำให้บุตรชายต้องมีจุดจบที่น่าเวทนาเช่นนี้ เจี่ยนอันอันไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนจะพูดกับหวังโหย่วเหอ “ท่านกลับบ้านไปก่อน ขอเวลาพวกข้าคิดหาวิธีรับมือสักพัก”หวังโหย่วเหอเช็ดน้ำตาบนใบหน้า เขาโค้งคำนับให้ทั้งสองก่อนจะหันตัวเดินจากไปฉู่จวินสิงปิดประตูลงแล้วกลับไปนั่งที่เก้าอี้หินเขากำหมัดแน่น ไอเย็นแผ่ซ่านออกมารอบกายเป้าหมายของก
สีหน้าของฉู่จวินสิงยังคงเย็นชา ไม่ได้ลดความระแวดระวังลงเพราะอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านที่นี่แต่อย่างใด“เจ้ามีธุระอะไรกับข้า?”บุรุษผู้นี้เห็นว่าฉู่จวินสิงคือเยียนอ๋องจริงๆ ก็ทิ้งตัวคุกเข่ากับพื้นโดยพลันเขาชูกระดาษในมือขึ้นเหนือศีรษะ ปากร้องว่า “ขอให้เยียนอ๋องช่วยล้างแค้นให้กับลูกชายข้าด้วยเถิด!”บุรุษผู้นี้พูดจบแล้วมีน้ำตาสองสายไหลออกมาฉู่จวินกับและเจี่ยนอันอันต่างก็ตกใจกับการกระทำของบุรุษผู้นี้ นี่เขากำลังทำอะไร?ฉู่จวินสิงรับกระดาษมากางออก ในนั้นเขียนไว้ว่า‘บุตรของข้าหวังหวยซู เดิมแล้วสอบได้ตำแหน่งจอหงวน แต่กลับถูกสวมรอยหลังจากที่หวังหวยซูทราบเรื่องก็ได้ไปต่อว่าคนที่สวมรอยทว่ากลับถูกเจ้าหน้าที่ทางการมองว่าเขาอยากได้ตำแหน่งจ้วงหยวนมากจนมาแอบอ้างตำแหน่งของคนอื่นหวังหวยซูถูกเจ้าหน้าที่ทางการทำร้ายบาดเจ็บสาหัสสุดท้ายก็สอบไม่ผ่าน หลังจากที่ถูกคนในหมู่บ้านพาตัวกลับมาก็เศร้าหมองทุกข์ระทมเขารับความจริงเรื่องนี้ไม่ไหว กระโดดน้ำจบชีวิตในท้ายที่สุดขอให้ใต้เท้าช่วยคืนความเป็นธรรม กลับคำพิพากษา จับกุมคนร้าย คืนเกียรติยศให้กับหวังหวยซู’บริเวณท้ายกระดาษมีชื่อกับรอยประทับฝ่ามือของชา
เพื่อความปลอดภัยของแคว้นไท่ยวนแล้ว ท่านอ๋องฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตสังหารศัตรูในสนามรบแต่แล้วเมื่อกลับถึงเมืองหลวงจิงโจวกลับถูกยึดทรัพย์และเนรเทศตอนนี้หม่าลู่ผู้เป็นพี่ชายของเขาก็กำลังถูกทหารไล่สังหาร นี่ยิ่งทำให้หม่าจั๋วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถูกความโกรธแค้น อยากจะสังหารฮ่องเต้สุนัขให้รู้แล้วรู้รอดบัดนี้เขาเหลือหม่าลู่เป็นครอบครัวเพียงคนเดียว มันทำให้เขาอยากรีบตามหาหม่าลู่ให้พบอยากตามเยียนอ๋องกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวเมื่อคิดถึงตรงนี้ หม่าจั๋วก็พูดว่า “เยียนอ๋อง ไม่ว่าตอนนี้ท่านจะมีสถานะอะไร ท่านก็เป็นเยียนอ๋องสำหรับข้าเสมอ”“ถัดจากนี้พวกเราจะทำอย่างไร จะกลับไปที่เมืองหลวงจิงโจวหรือไม่?”ฉู่จวินสิงไตร่ตรองก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้ยังกลับไปไม่ได้ ข้าจำเป็นต้องรวบรวมกำลังให้พร้อมก่อนจึงจะกลับไปได้”“เรื่องนี้ต้องค่อยๆ ปรึกษากันให้ดีก่อน สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือตามหาพี่ชายของเจ้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ให้เจอ”หม่าจั๋วถอนหายใจ ท่ามกลางฝูงชนมากมายขนาดนี้ เขาจะไปตามหาพี่ชายกับคนอื่นที่เหลือจากที่ใด“ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่กับพวกเฉินเช่อหนีไปอยู่ที่ใด”หม่าจั๋วพูดจบก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกคร